ปรึกษาทนายต้องคุบสติตัวเองแค่ไหนไม่ให้โมโห จะผ่านเรื่องนี้ไปยังไงหนี้สิน

อัพเดทตอนนี้ได้ทางออกแล้ว มีทนายที่คนรู้จักแนะนำมา เขาให้คำปรึกษาที่ดี
ตอนนี้สบายใจขึ้นมากแล้วค่ะ และหวังว่าทุกอย่างจะผ่านไปด้วยดี
และขอบคุณมีทนายหรือผู้หวังดีบางท่านทักมาหลังไมค์ จะเข้ามาให้คำปรึกษา ขอบคุณค่ะ แต่ตอนนี้โอเคแล้ว
ถ้าพาดพิงหรือทำให้กระทบอาชีพทนายท่านอื่นต้องขออภัย เพราะเรื่องราวที่เกิดขึ้นเป็นประเด็นเฉพาะบุคคลทุกอาชีพก็จะมีคนประเภทนี้ที่ไม่ถูกใจเรา
แต่ยังไงก็จะมีคนที่ดีอยู่เสมอ ขอบคุณสมาชิกบางท่านที่ให้ข้อเสนอแนะที่เป็นประโยชน์

เรื่องมีอยู่ว่า คือป้าของเรา
เขาเอาบ้านและที่ดินไปจดจำนองเป็นหนี้ธนาคารจนถึงขั้นที่เรื่องถึงกรมบังคับคดีแล้ว ตอนนี้ป้าเราก็เป็นผู้ป่วยเพราะเป็นความดันบวกกับเส้นเลือดในสมองแตกด้วยซึ่งตอนนี้ก็เกือบจะเป็นบุคคลไร้ความสามารถแล้วเพราะแค่กินข้าวเดินเองได้ก็ถือว่าบุญแล้ว ยังพอเดินได้
แกไม่ได้มีรายได้อะไรและคงไม่มีความสามารถในการชำระหนี้
เราก็เลยจะเข้ามาผ่อนชำระหนี้ตัวนี้แทนป้าเพื่อที่แกจะยังสามารถอาศัยอยู่ในบ้านหลังนี้และตกลงกับป้าจะทำสัญญาว่าถ้าผ่อนชำระเสร็จก็คือจะโอนบ้านให้เรา
เราก็เลยอยากจะหาทนายสักคนมาปรึกษาทำคดีนี้ ซึ่งเราก็ไม่รู้รายละเอียดว่ามันทำได้มากน้อยแค่ไหนเพราะเราอยากจะขอผ่อนชำระกับทางธนาคารได้ไหม เพราะนี่เกือบ 300,000 บาทที่เขายื่นมาให้ชำระภายในสิ้นเดือนมีนาคม 63 เราคงหาให้ไม่ได้เป็นเงินก้อนขนาดนั้นแต่เราคือสามารถแบ่งชำระงวดแรกสามารถตัดได้ที่หนึ่งแสนและขอแบ่งชำระงวดอื่นๆต่อไป
เผื่อมีข้อกฎหมายไหนที่เรายังไม่รู้ว่ามันสามารถไกล่เกลี่ยกันได้ 
เลยจะลองปรึกษาทนายดู
ซึ่งเราหาเบอร์ทนายในอินเตอร์เน็ต
เราก็ทักไปในแอดมินไลน์ก่อนแต่แอดมินบอกให้โทรไปหาทนายโดยตรง แต่ตอนนั้นก็ 18:00 นแล้ว
เราก็สองจิตสองใจอยู่ว่าจะโทรวันนี้หรือว่ารอพรุ่งนี้เช้านี้แล้วก็คิดว่า admin ให้เบอร์มาตอนนี้ก็คงจะสามารถโทรได้เลยลองโทรไป
ประโยคสนทนาแรกเราก็บอกสวัสดีค่ะคุณทนาย
ทนายก็บอกสวัสดีครับ
เราเลยพูดตามมารยาทว่าสะดวกคุยไหมคะพอดีจะปรึกษาคดี เพราะตอนนั้นมันก็เวลา 18 น.++แล้ว
แต่ทนายกับสวนมาทันควันว่ามีอะไรคุยมาเลยครับถ้าผมรับสายก็ถือว่าว่างถ้าไม่รับก็คงไม่ว่างมีอะไรพูดมาเลยพูดด้วยน้ำเสียงห้วนๆ
ตอนนั้นเราก็พยายามกดอารมณ์สุดขีด
เพราะการพูดแบบนี้ก็กวนอารมณ์พอสมควรไม่ได้พูดแบบทีเล่นทีจริงที่แบบพูดแล้วหัวเราะถ้าเป็นลักษณะนั้นเราก็ยังพอเข้าใจว่าทนายเป็นคนขี้เล่นแต่นี้พูดแบบเสียงจริงจังมากและดูโมโห
แต่ก็ไม่เป็นไรเราก็พยายามจะสอบถามเรื่องที่สงสัย
อธิบายแค่ว่าคดีจำนองที่ดอนและบ้านเรื่องมันถึงกรมบังคับแล้ว เราสามารถไปขอไกล่เกลี่ยเพื่อผ่อนชำระได้ไหม ทนายสวนมาทันควันว่าอันนี้ผมไม่รู้ไม่ทราบครับต้องไปถามกับเจ้าหนี้หรือธนาคารโดยตรงผมไม่สามารถตอบได้ (คือฉันจะรู้ไหมคือฉันอยากได้คนกลางคือถึงมาปรึกษาทนายเพื่อจะให้คนที่รู้กฎหมายเข้ามาช่วยไกล่เกลี่ยหรือให้คำปรึกษาคดีแบบนี้ ฉันก็ไม่รู้เกี่ยวกับกฎหมายไงว่ามันควรจะเป็นแบบไหนฉันผิดเองแหละ😭)
จากที่ได้ยินน้ำเสียงและคำพูดแต่ละคำของทนายเราเลยจุกไม่มีอะไรจะถามต่อ
เพราะคิดว่าแค่ปรึกษากันไม่กี่ประโยคเขายังมีน้ำเสียงและท่าทีไม่เป็นมิตรขนาดนี้คงจะช่วยเหลืออะไรฉันไม่ได้มั่ง คงจะคนลนละสปีชีกัน
ใช้เวลาคุยกับทนายโดยรวมไม่ถึง 2 นาทีทางโทรศัพท์ 
จากประโยคสุดท้ายที่ทนายพูดบอกให้เราไปปรึกษาธนาคารเองเราเลยบอกว่าโอเคค่ะขอบคุณค่ะ
เขาเลยพูดกลับมาว่ามีคำถามแค่นี้ใช่ไหมครับ
ฉันก็เลยตอบไปว่าค่ะแล้วก็ตัดสายเลย
ฉันก็มานั่งอยู่ 5 นาทีเพื่อระงับสติอารมณ์แล้วก็นึกขึ้นได้ว่าอารมณ์ขุ่นคิดโมโหของฉันคงจะไม่หายเลยขอมาระบายในกระทู้พันทิปสักหน่อย555+
ตอนนี้ก็เย็นลงแล้ว
เลยอยากขอแชร์ประสบการณ์เพื่อนๆว่าคดีแบบนี้เราไม่ควรปรึกษาทนายหรือว่าเขาไม่ใช้ทนายกันหรอหรือว่ายังไงคะ
หรือว่าเราถามอะไรผิดหรืออะไรยังไงเรางงค่ะ 

เพราะเรามั่นใจว่าตนเองพูดน้ำเสียงและมีหางเสียงทุกการพูด
ไม่น่าจะทำให้ใครโมโหหรือรู้สึกไม่ดีกับการสนทนาของเราในครั้งนี้เลย

เราก็แค่คนที่ไม่มีความรู้กฎหมายอะไรมากเราอยากจะผ่านเรื่องนี้ไป อีกอย่างบ้านหลังนี้ตาเราอาศัยอยู่แกคงอยู่วาระสุดท้ายไม่นานแล้วแต่เดือนหน้าธนาคารเขาจะไล่ออกจากบ้านที่แกอาศัยอยู่มาตั้งแต่เรายังไม่เกิดมั้งแกก็ทรุดลงไปเยอะ แต่เราไม่ได้อาศัยอยู่ที่นั้นนะเราอยู่กรุงเทพ มันก็ไม่ใช้ปัญหาเราโดยตรงแต่ถ้าปล่อยธนาคารยึดไปเลยก็น่าเสียดาย เราคิดว่าเราสามารถผ่อนชำระหนี้นี่ได้จนหมดแหล่ะถ้าเป็นผ่อนชำระ เราควรยังไงมีทางออกอะไรช่วยแนะนำหน่อยค่ะ

ขอบคุณล่วงหน้า
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่