สวัสดีทุกท่านด้วยนะครับ ผมมาเล่าจากประสบการณ์ล่วน ๆ นะครับอาจมีบางอย่างที่พูดไม่ได้ ผมก็ขออภัยครับ
โดยทุนประกายเพชรนี้เป็นที่เรียกได้ว่าสูงสุดของมหาวิทยาลัยเลยก็ว่าได้ เพราะนอกจากที่ได้จะได้เรียนฟรีแล้วยังมีเงินสนับสนุนการเรียนเดือนละ 6,500 บาทอีกด้วย แต่ว่าก็ไม่ใช่ว่าใครก็ได้ที่จะได้รับทุนนี้ โดยส่วนตัวผมได้ยื่น
คณะดิจิทัลมีเดียและศิลปะภาพยนตร์ สาขาวิชาสื่อดิจิทัล ตัวผมเองเป็นคนที่เกรดไม่ได้สูงเลยเมื่อเทียบกับคนที่สัมภาษณ์ด้วยกัน ผมเกรดเฉลี่ย 3.65 แต่ผมเอาผลงานเข้าสู้ ผมเป็นคนที่ประกวดภาพยนตร์สั้นมาโดยตลอดและก็ได้รางวัลระดับประเทศหลายตัว และไปถึงนานาชาติ 1 ครั้งครับ
***
คำเตือนในแต่ละปีอาจมีการเปลี่ยนแปลงกรุณาหาข้อมูลด้วยตนเองอีกทีหนึ่ง***
การที่เราจะยืนทุนประกายเพชรได้นั้นจะมีคุณสมบัติดังนี้นะครับ
1.
ต้องมีเกรดไม่ตำกว่า 3.50 (แนะนำให้ทำเกรดไว้สูง ๆ แต่ถ้าไม่ถึงควรมีผลงานที่ไปถึงระดับชาติหรือนานาชาติยิ่งดี)
2. มีสัญชาติไทย
3. ต้องจบ ม.6 (กำลังเรียนอยู่ ม.6 ยื่นได้หรือจบไปแล้วก็ยื่นได้)
ถ้าหากคุณสมบัติครบก็สามารถสมัครได้เลย
การสมัครสิ่งที่ต้องเตรียม
1. สำเนาระเบียนแสดงผลการเรียนระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย (รบ.1)
2. แฟ้มสะสมผลงาน (Portfolio อันนี้ไม่จำกัดหน้าทำมาเลยใส่ผลงานเราให้เต็มที่)
3. หนังสือรับรองความประพฤติและหนังสือรับรองผลการเรียนคะแนนเฉลี่ยสะสม
4. สำเนาบัตรประจำตัวประชาชน
5. สำเนาหลักฐานการเปลี่ยนชื่อ/นามสกุล (กรณีที่มีการเปลี่ยนแปลง)
เมื่อเตรียมทุกพร้อมแล้วก็ส่งเอกสารไปที่
ฝ่ายรับสมัครนักศึกษา มหาวิทยาลัยกรุงเทพ จะส่งด้วยเองที่มหาวิทยาลัยหรือส่งไปรษณีย์ก็ได้สำหรับคนอยู่ต่างจังหวัด
หลังเราส่งเอกสารแล้วทางมหาวิทยาลัยจะให้หมายเลข
ผู้สมัครทุน มาเป็นหมายเลขเจ็ดตัวไว้สำหรับการเช็คว่าเรามีสิทธิ์สอบสัมภาษณ์หรือเปล่าเมื่อเราได้หมายเลขนั้นแล้ว ก็ให้รอจนกว่าจะถึงวันที่ประกาศผู้มีสิทธิ์สอบสัมภาษณ์ซึ่งเวลาประกาศโดยประมาณ 10.00 น.
วันสัมภาษณ์
เมื่อเราเห็นชื่อของเราว่ามีสิทธิ์สอบสัมภาษณ์แล้ว ระบบก็จะแจ้งเวลาสัมภาษณ์ เวลาสัมภาษณ์โดยประมาณก็ 10 นาที วันที่ผมสัมภาษณ์ 18 กุมภาพันธ์ ซึ่งทางมหาวิทยาลัยประผู้มีสิทธิ์สัมภาษณ์สอบ 14 กุมภาพันธ์ หมายความว่าสำหรับคนที่อยู่ต่างจังหวัดแบบผมควรเตรียมพร้อมสำหรับการเดินทางล่วงหน้าด้วยนะครับ และเมื่อถึงวันสัมภาษณ์ผมแนะนำให้เตรียมผลงานของเราไปนำเสนอเพื่อด้วยนะครับ โดยอาจารย์ที่จะมาสัมภาษ์เรานั้นเป็นอาจารย์ในคณะที่เราสมัครอาจารย์ในคณะที่เราลงไว้ทุกคนมาสัมภาษณ์เราคนเดียวเลย สภาพภายในห้องสัมภาษณ์จะเป็นห้องประชุมโดยมีโต๊ะอาจารย์อยู่เรียงยาวกับเก้าอี้หนึ่งตัวไว้ให้เรานั่ง เรียกได้ว่ากดดันสุด ๆ ครับ อาจารย์น่าจะ 10 กว่าคนสัมภาษณ์เราคนเดียว ในวันสัมภาษณ์มีทุกคณะคนสัมภาษณ์น่าจะเกือบ 40 คน
คำถามตอนสัมภาษณ์ (เท่าที่นึกออกนะครับ)
-.เชิญคุณแนะตัวเองครับ
-.คุณคิดว่าสาขานี้เรียนอะไร?
-.คิดว่า VFX ต่างจาก Animation ยังไง?
-.คิดว่าตัวเองหลังจาก 4 ปีนี้จะทำอะไร?
-.ถ้าให้เลือกเรียนระหว่าง VFX กับ Animation จะเลือกเรียนอะไร?
-.คุณได้ยืนมหาวิทยาลัยอื่นไหม?
-.คุณทำหน้าที่อะไรในกองถ่าย (พูดถึงภาพยนตร์สั้นที่เราทำ)
-.แล้วเพื่อนคนอื่น ๆ หล่ะไม่มาเรียนที่นี้หรอ (ถามเชิงขำ ๆ ให้เราผ่อนคลาย)
-.ถ้าหากไม่ได้ที่นี้แล้วจะทำยังไงต่อ
คำถามน่าจะมีมากกว่านี้นะครับแต่จำไม่ได้
ซึ่งแต่ละคณะก็จะให้อาจารย์ของคณะนั้นเป็นคนสัมภาษณ์ สิ่งสำคัญสำหรับการสัมภาษณ์คือความมั่นใจ และอาจจะมีคำถามเหนือเมฆบางอย่างก็อย่าตื่นตูมนะครับ สิ่งสำคัญมากกว่าเกรดคือผลงานของเราเพราะอย่างของผมประกวดภาพยนตร์สั้นมามากมายได้รางวัลพระราชทาน ทั้งชนะบาง ที่สองที่สามบ้าง แล้วก็ไปนานาชาติครั้งหนึ่ง สำหรับผมคิดว่าเกรดสำคัญแต่สิ่งที่สำคัญกว่าคือผลงานครับ (ในความคิดผม)
ก็อยากจะแนะนำน้อง ๆ ทุกคนพยามให้เต็มนะครับสำหรับใครที่อยากเรียนที่มหาวิทยาลัยกรุงเทพ ก็ไม่ได้มีแค่ทุนประกายเพชรอย่างเดียวมีอีกหลากหลายทุนลองศึกษาดูนะครับ สำหรับใครที่อยากเห็น Portfolio ของผมกดด้านล่างเลยครับ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ตัวอย่าง Portfolio ไม่ใช่ตัวเต็มนะครับ ส่วนของหนังสั้นไม่สามารถเผยแพร่ได้ครับเนื่องจากติดลิขสิทธิ์กับกองประกวดหลายกองอยู่เลยตัดปัญหาออกไปด้วยการไม่ให้ดูเลยดีกว่า
https://drive.google.com/file/d/1Q8qtxWPT2ET1eRPnwXHJelHC3Odirukc/view?usp=sharing
ถ้าใครมีคำถามอะไรก็สามารถถามได้เลยนะครับผมจะหาเวลามาตอบ
***ย้ำอีกครั้งในแต่ละปีอาจมีการเปลี่ยนแปลงกรุณาหาข้อมูลด้วยตนเองอีกทีหนึ่ง***
เล่าประสบการณ์การสัมภาษณ์ทุนประกายเพชร 2563
โดยทุนประกายเพชรนี้เป็นที่เรียกได้ว่าสูงสุดของมหาวิทยาลัยเลยก็ว่าได้ เพราะนอกจากที่ได้จะได้เรียนฟรีแล้วยังมีเงินสนับสนุนการเรียนเดือนละ 6,500 บาทอีกด้วย แต่ว่าก็ไม่ใช่ว่าใครก็ได้ที่จะได้รับทุนนี้ โดยส่วนตัวผมได้ยื่น คณะดิจิทัลมีเดียและศิลปะภาพยนตร์ สาขาวิชาสื่อดิจิทัล ตัวผมเองเป็นคนที่เกรดไม่ได้สูงเลยเมื่อเทียบกับคนที่สัมภาษณ์ด้วยกัน ผมเกรดเฉลี่ย 3.65 แต่ผมเอาผลงานเข้าสู้ ผมเป็นคนที่ประกวดภาพยนตร์สั้นมาโดยตลอดและก็ได้รางวัลระดับประเทศหลายตัว และไปถึงนานาชาติ 1 ครั้งครับ
***คำเตือนในแต่ละปีอาจมีการเปลี่ยนแปลงกรุณาหาข้อมูลด้วยตนเองอีกทีหนึ่ง***
การที่เราจะยืนทุนประกายเพชรได้นั้นจะมีคุณสมบัติดังนี้นะครับ
1. ต้องมีเกรดไม่ตำกว่า 3.50 (แนะนำให้ทำเกรดไว้สูง ๆ แต่ถ้าไม่ถึงควรมีผลงานที่ไปถึงระดับชาติหรือนานาชาติยิ่งดี)
2. มีสัญชาติไทย
3. ต้องจบ ม.6 (กำลังเรียนอยู่ ม.6 ยื่นได้หรือจบไปแล้วก็ยื่นได้)
ถ้าหากคุณสมบัติครบก็สามารถสมัครได้เลย
การสมัครสิ่งที่ต้องเตรียม
1. สำเนาระเบียนแสดงผลการเรียนระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย (รบ.1)
2. แฟ้มสะสมผลงาน (Portfolio อันนี้ไม่จำกัดหน้าทำมาเลยใส่ผลงานเราให้เต็มที่)
3. หนังสือรับรองความประพฤติและหนังสือรับรองผลการเรียนคะแนนเฉลี่ยสะสม
4. สำเนาบัตรประจำตัวประชาชน
5. สำเนาหลักฐานการเปลี่ยนชื่อ/นามสกุล (กรณีที่มีการเปลี่ยนแปลง)
เมื่อเตรียมทุกพร้อมแล้วก็ส่งเอกสารไปที่ ฝ่ายรับสมัครนักศึกษา มหาวิทยาลัยกรุงเทพ จะส่งด้วยเองที่มหาวิทยาลัยหรือส่งไปรษณีย์ก็ได้สำหรับคนอยู่ต่างจังหวัด
หลังเราส่งเอกสารแล้วทางมหาวิทยาลัยจะให้หมายเลข ผู้สมัครทุน มาเป็นหมายเลขเจ็ดตัวไว้สำหรับการเช็คว่าเรามีสิทธิ์สอบสัมภาษณ์หรือเปล่าเมื่อเราได้หมายเลขนั้นแล้ว ก็ให้รอจนกว่าจะถึงวันที่ประกาศผู้มีสิทธิ์สอบสัมภาษณ์ซึ่งเวลาประกาศโดยประมาณ 10.00 น.
วันสัมภาษณ์
เมื่อเราเห็นชื่อของเราว่ามีสิทธิ์สอบสัมภาษณ์แล้ว ระบบก็จะแจ้งเวลาสัมภาษณ์ เวลาสัมภาษณ์โดยประมาณก็ 10 นาที วันที่ผมสัมภาษณ์ 18 กุมภาพันธ์ ซึ่งทางมหาวิทยาลัยประผู้มีสิทธิ์สัมภาษณ์สอบ 14 กุมภาพันธ์ หมายความว่าสำหรับคนที่อยู่ต่างจังหวัดแบบผมควรเตรียมพร้อมสำหรับการเดินทางล่วงหน้าด้วยนะครับ และเมื่อถึงวันสัมภาษณ์ผมแนะนำให้เตรียมผลงานของเราไปนำเสนอเพื่อด้วยนะครับ โดยอาจารย์ที่จะมาสัมภาษ์เรานั้นเป็นอาจารย์ในคณะที่เราสมัครอาจารย์ในคณะที่เราลงไว้ทุกคนมาสัมภาษณ์เราคนเดียวเลย สภาพภายในห้องสัมภาษณ์จะเป็นห้องประชุมโดยมีโต๊ะอาจารย์อยู่เรียงยาวกับเก้าอี้หนึ่งตัวไว้ให้เรานั่ง เรียกได้ว่ากดดันสุด ๆ ครับ อาจารย์น่าจะ 10 กว่าคนสัมภาษณ์เราคนเดียว ในวันสัมภาษณ์มีทุกคณะคนสัมภาษณ์น่าจะเกือบ 40 คน
คำถามตอนสัมภาษณ์ (เท่าที่นึกออกนะครับ)
-.เชิญคุณแนะตัวเองครับ
-.คุณคิดว่าสาขานี้เรียนอะไร?
-.คิดว่า VFX ต่างจาก Animation ยังไง?
-.คิดว่าตัวเองหลังจาก 4 ปีนี้จะทำอะไร?
-.ถ้าให้เลือกเรียนระหว่าง VFX กับ Animation จะเลือกเรียนอะไร?
-.คุณได้ยืนมหาวิทยาลัยอื่นไหม?
-.คุณทำหน้าที่อะไรในกองถ่าย (พูดถึงภาพยนตร์สั้นที่เราทำ)
-.แล้วเพื่อนคนอื่น ๆ หล่ะไม่มาเรียนที่นี้หรอ (ถามเชิงขำ ๆ ให้เราผ่อนคลาย)
-.ถ้าหากไม่ได้ที่นี้แล้วจะทำยังไงต่อ
คำถามน่าจะมีมากกว่านี้นะครับแต่จำไม่ได้
ซึ่งแต่ละคณะก็จะให้อาจารย์ของคณะนั้นเป็นคนสัมภาษณ์ สิ่งสำคัญสำหรับการสัมภาษณ์คือความมั่นใจ และอาจจะมีคำถามเหนือเมฆบางอย่างก็อย่าตื่นตูมนะครับ สิ่งสำคัญมากกว่าเกรดคือผลงานของเราเพราะอย่างของผมประกวดภาพยนตร์สั้นมามากมายได้รางวัลพระราชทาน ทั้งชนะบาง ที่สองที่สามบ้าง แล้วก็ไปนานาชาติครั้งหนึ่ง สำหรับผมคิดว่าเกรดสำคัญแต่สิ่งที่สำคัญกว่าคือผลงานครับ (ในความคิดผม)
ก็อยากจะแนะนำน้อง ๆ ทุกคนพยามให้เต็มนะครับสำหรับใครที่อยากเรียนที่มหาวิทยาลัยกรุงเทพ ก็ไม่ได้มีแค่ทุนประกายเพชรอย่างเดียวมีอีกหลากหลายทุนลองศึกษาดูนะครับ สำหรับใครที่อยากเห็น Portfolio ของผมกดด้านล่างเลยครับ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ถ้าใครมีคำถามอะไรก็สามารถถามได้เลยนะครับผมจะหาเวลามาตอบ
***ย้ำอีกครั้งในแต่ละปีอาจมีการเปลี่ยนแปลงกรุณาหาข้อมูลด้วยตนเองอีกทีหนึ่ง***