สวัสดีครับ จขกท.มีเรื่องกังวลใจเกี่ยวกับการสอบเข้ามหาลัยในคณะที่ชอบเลยอยากจะมาปรึกษาและขอคำแนะนำจากเพื่อนๆ พี่ๆในpantip
ก่อนอื่นขอเล่าประวัติของจขกท.คร่าวๆก่อนนะครับ จขกท.เดิมเป็นเด็ก61เกิดปี43 ในปี61ได้แอดติดคณะนึงในมหาลัยนึง(เป็นคณะที่อยากเรียนเป็นอันดับ3ในตอนนั้น)แต่ด้วยความที่จขกท.อยากเรียนอีกคณะนึงในกสพท.มากกว่า ก็ตั้งใจว่าจะไปสอบใหม่ในปีหน้า ก็ได้บอกพ่อกับแม่ไปว่าปีหน้าจะไปสอบใหม่ พ่อแม่ก็โอเคไม่ว่าอะไร พอถึงเวลาสอบจริงในตอนนั้นจขกท.รู้สึกว่าเรียนที่นี่ก็ดี อาจารย์ดี สอนดี ดูแลดี เพื่อนดี รุ่นพี่ดี สภาพแวดล้อมโอเค ประกอบกับจขกท.ไม่ค่อยได้อ่านหนังสือจึงลังเลแล้วตัดสินใจไม่ไปสอบ พ่อกับแม่ก็ไม่ว่าอะไร
พอขึ้นปี2เทอม1 ความอยากเรียนอีกคณะยังมีอยู่+กับปีนี้ได้เจอกับวิชาที่ลงลึกและเกี่ยวกับคณะที่ตนเองเรียนอยู่มากขึ้น(ปี1 จะออกแนวเรียนปรับพื้นฐาน มีหลายวิชาที่เรียนเหมือนคณะอื่น)ก็เกิดความคิดขึ้นมาว่า ถ้าอนาคตเราทำงาน เราต้องเจอกับสภาพแวดล้อมแบบนี้ไปตลอดเราจะโอเคจริงมั้ย และดูเหมือนว่าคณะที่เรียนอยู่จะหางานยากระดับนึง จึงอยากซิ่วอีกครั้ง ตอนนั้นมีความคิดในหัวว่า เราเกิดปี43 จำได้ว่ารุ่นเราตอนปี61ส่วนใหญ่เกิด42ทั้งนั้นมี43บ้างนิดนึง ก็เลยคิดว่าถ้าเราซิ่วในปีนี้ถึงจะอยู่ปี2ก็จริงแต่ด้วยอายุก็ยังได้อยู่ ยังไม่ถือว่ามากไป ก็เลยตัดสินใจอยู่นานพอสมควรว่าจะซิ่วจริงๆมั้ย เพราะจะซิ่วรอบนี้ก็ต้องลาออกจากมหาลัยเดิมก่อน(กสพท.คนที่อยู่ปี2ขึ้นไปสมัครสอบไม่ได้) สุดท้ายก็ตัดสินใจซิ่วและโทรไปบอกพ่อแม่ บอกพวกท่านไปว่า เรียนแล้วรู้สึกมันไม่ใช่ รู้สึกว่าอนาคตจะหางานยาก พ่อแม่ก็คิด ปรึกษากันอยู่พักนึง แล้วก็ตัดสินใจให้ผมซิ่ว ผมก็ได้ไปทำเรื่องลาออกจากมหาลัยซึ่งตอนนั้นกำลังจะสอบfinalเทอม1พอดี
มาตอนนี้ วันนี้ หลังจากสอบgat-pat สอบกสพท.ไปแล้ว ก็รู้เลยว่าน่าจะไม่ได้คณะที่ตัวเองหวัง เพราะไม่ค่อยทวนหนังสือ(ได้อ่านชีวะ เคมี สังคม จบหมดทุกบทแล้ว แต่ไม่ได้ทวนเลยหรือทำแบบฝึกหัดเลย) เหลืออีก1สนามสอบคือวิชาสามัญที่จะสอบเสาร์-อาทิตย์ที่จะถึงนี้ ด้วยความรู้ที่มีอยู่ติดตัวในตอนนี้ค่อนข้างมั่นใจว่าน่าจะไม่ติด ตอนนี้ก็คิดไว้ว่าปีหน้าจะตั้งใจใหม่และไปสอบใหม่ จะไปสอบแบบลับๆไม่บอกพ่อแม่ ระหว่างนี้ก็เรียนปี1ไปด้วย ถ้าติดก็ค่อยบอกพ่อกับแม่ อยากขอคำปรึกษาว่าจขกท.ยังสมควรทำแบบนี้รึป่าว ระยะเวลา3ปีช้าไปมั้ยสำหรับกสพท. จขกท.เป็นเด็ก61ถ้าปีหน้าติดก็จะกลายเป็นเด็ก64 เพื่อนๆที่จบม.6พร้อมกัน ก็จะขึ้นปี4 ส่วนจขกท.ก็พึ่งขึ้นปี1
ปล.ขอเล่าข้อมูลเพิ่มเติมเผื่อว่าจะมีประโยชน์ต่อการแสดงความเห็นของเพื่อนๆพี่ๆ พ่อแม่ของจขกท.เป็นพนักงานบริษัทธรรมดาทั่วๆไปอายุค่อนข้างมาก อีกประมาณ6-7ปี ตามอายุก็น่าจะเกษียณแล้ว(จขกท.เป็นลูกคนเดียว แต่มีจขกท.ช้า)เงินเดือนที่ได้ก็เป็นเงินเดือนขั้นต่ำในตอนนี้เลยคือวันละ300บาท+โอทีนิดหน่อย แต่เดือนนึง คนนึงได้ไม่เกิน 15,000 จากการที่เคยเรียนมหาลัยและอยู่หอมาแล้ว พบว่าถ้าไม่กู้เรียน ก็ไม่ค่อยมีปัญหาอะไร ไม่ได้ไปกู้ยืมเงินกับใครเพิ่ม แต่พ่อกับแม่ก็จะไม่มีเงินเก็บเลย แต่ถ้ากู้เรียนไปด้วยก็จะมีเงินเก็บประมาณปีละ40,000กว่าบาท แล้วก็จขกท.ไม่ได้เรียน รด จึงทำให้ปีต่อไปต้องเรียนไปซิ่วไป(เพื่อที่จะทำเรื่องผ่อนผันทหาร ไม่งั้นก็ต้องไปเป็นทหารก่อน2ปีแล้วค่อยมาเรียนต่อ) ในตอนนี้จขกท.มีความรู้สึกว่า พ่อกับแม่เราเดิมทีไม่ได้รวย ออกจะยากจนด้วยซ้ำจึงอยากเรียนคณะดีๆ ที่ดูมีอนาคต พอเรียนจบจะได้ทำงานเลี้ยงดูพ่อแม่ได้ ทำให้พ่อกับแม่สบาย ออกตัวก่อนว่าไม่ได้หมายความว่าที่จขกท.อยากเรียนคณะใน กสพท.เพราะโลภ หวังรวย หรือไม่ได้มีใจรักในด้านนี้อะไรขนาดนั้นนะ จริงๆแล้วจขกท.ก็ได้ไปศึกษาคณะที่ตัวเองอยากเรียนในกสพท.มาพอสมควร ไปดูมาว่าตลอดระยะเวลา6ปี แต่ละปีเรียนวิชาอะไรบ้าง จบไปทำงานอะไรได้บ้าง +กับความชอบของจขกท.ที่อยากทำงานในโรงพยาบาล(จขกท.ชอบดูซีรีย์ที่เกี่ยวกับแพทย์มาก จขกท.ยังได้หาข้อมูลและได้อ่านกระทู้เกี่ยวกับแพทย์ เภสัช สัตวแพทย์มาเยอะพอสมควร คือในตอนนี้เวลาพิมพ์คำว่า คณะ.... ตามด้วยคำว่า pantip ผลการค้นหาที่ออกม าหน้า1-2ล้วนเป็นกระทู้ที่จขกท.เคยอ่านแล้วทั้งนั้น ทำให้จขกท.เข้าใจระบบการทำงานของอาชีพพวกนี้ในระดับนึง)และจขกท.ก็ชอบเกี่ยวกับวิทยาศาสตร์ด้วย พอลองเอาเหตุผลเหล่านี้มารวมกันก็เลยตัดสินใจได้ว่าคณะนี้แหละเหมาะกับเราที่สุด ถ้าถามว่ามั่นใจแค่ไหนว่าจะติด จขกท.ก็บอกตามตรงว่าค่อนข้างมั่นใจประมาณ90%เลยว่าจะติด(ถ้าอ่านหนังสือและทบทวนอะนะ ถ้าทำได้) แต่ก็นั่นแหละ ด้วยอะไรหลายๆอย่าง ซิ่วอยู่บ้านก็ไม่ได้เพราะติดทหาร ถ้าเราจะซิ่วปีที่3จริงๆในตอนที่เราอยู่ปี1เพื่อนรุ่นเดียวกับเราก็จะขึ้นปี4 แล้วจะบอกกับพ่อแม่ว่ายังไงอีก(แต่คิดว่าถ้าติดได้ แค่บอกพวกท่านด้วยเหตุผลดีๆพวกท่านก็ให้เรียนอยู่แล้ว เพราะพวกท่านดูโอเคกับคณะนี้มากๆ แต่อาจจะมีบ่นนิดหน่อยเพราะซิ่วหลายรอบ) เพื่อนๆพี่ๆ คิดยังไงกันครับ ยิ่งคนที่มีลูก ถ้าลูกท่านมีความคิดแบบนี้จะรู้สึกยังไง
ถ้าซิ่วกสพท.ต่อปีที่3 ถือว่าช้าไปมั้ย ควรทำรึป่าว มีความเห็นยังไงกัน?
ก่อนอื่นขอเล่าประวัติของจขกท.คร่าวๆก่อนนะครับ จขกท.เดิมเป็นเด็ก61เกิดปี43 ในปี61ได้แอดติดคณะนึงในมหาลัยนึง(เป็นคณะที่อยากเรียนเป็นอันดับ3ในตอนนั้น)แต่ด้วยความที่จขกท.อยากเรียนอีกคณะนึงในกสพท.มากกว่า ก็ตั้งใจว่าจะไปสอบใหม่ในปีหน้า ก็ได้บอกพ่อกับแม่ไปว่าปีหน้าจะไปสอบใหม่ พ่อแม่ก็โอเคไม่ว่าอะไร พอถึงเวลาสอบจริงในตอนนั้นจขกท.รู้สึกว่าเรียนที่นี่ก็ดี อาจารย์ดี สอนดี ดูแลดี เพื่อนดี รุ่นพี่ดี สภาพแวดล้อมโอเค ประกอบกับจขกท.ไม่ค่อยได้อ่านหนังสือจึงลังเลแล้วตัดสินใจไม่ไปสอบ พ่อกับแม่ก็ไม่ว่าอะไร
พอขึ้นปี2เทอม1 ความอยากเรียนอีกคณะยังมีอยู่+กับปีนี้ได้เจอกับวิชาที่ลงลึกและเกี่ยวกับคณะที่ตนเองเรียนอยู่มากขึ้น(ปี1 จะออกแนวเรียนปรับพื้นฐาน มีหลายวิชาที่เรียนเหมือนคณะอื่น)ก็เกิดความคิดขึ้นมาว่า ถ้าอนาคตเราทำงาน เราต้องเจอกับสภาพแวดล้อมแบบนี้ไปตลอดเราจะโอเคจริงมั้ย และดูเหมือนว่าคณะที่เรียนอยู่จะหางานยากระดับนึง จึงอยากซิ่วอีกครั้ง ตอนนั้นมีความคิดในหัวว่า เราเกิดปี43 จำได้ว่ารุ่นเราตอนปี61ส่วนใหญ่เกิด42ทั้งนั้นมี43บ้างนิดนึง ก็เลยคิดว่าถ้าเราซิ่วในปีนี้ถึงจะอยู่ปี2ก็จริงแต่ด้วยอายุก็ยังได้อยู่ ยังไม่ถือว่ามากไป ก็เลยตัดสินใจอยู่นานพอสมควรว่าจะซิ่วจริงๆมั้ย เพราะจะซิ่วรอบนี้ก็ต้องลาออกจากมหาลัยเดิมก่อน(กสพท.คนที่อยู่ปี2ขึ้นไปสมัครสอบไม่ได้) สุดท้ายก็ตัดสินใจซิ่วและโทรไปบอกพ่อแม่ บอกพวกท่านไปว่า เรียนแล้วรู้สึกมันไม่ใช่ รู้สึกว่าอนาคตจะหางานยาก พ่อแม่ก็คิด ปรึกษากันอยู่พักนึง แล้วก็ตัดสินใจให้ผมซิ่ว ผมก็ได้ไปทำเรื่องลาออกจากมหาลัยซึ่งตอนนั้นกำลังจะสอบfinalเทอม1พอดี
มาตอนนี้ วันนี้ หลังจากสอบgat-pat สอบกสพท.ไปแล้ว ก็รู้เลยว่าน่าจะไม่ได้คณะที่ตัวเองหวัง เพราะไม่ค่อยทวนหนังสือ(ได้อ่านชีวะ เคมี สังคม จบหมดทุกบทแล้ว แต่ไม่ได้ทวนเลยหรือทำแบบฝึกหัดเลย) เหลืออีก1สนามสอบคือวิชาสามัญที่จะสอบเสาร์-อาทิตย์ที่จะถึงนี้ ด้วยความรู้ที่มีอยู่ติดตัวในตอนนี้ค่อนข้างมั่นใจว่าน่าจะไม่ติด ตอนนี้ก็คิดไว้ว่าปีหน้าจะตั้งใจใหม่และไปสอบใหม่ จะไปสอบแบบลับๆไม่บอกพ่อแม่ ระหว่างนี้ก็เรียนปี1ไปด้วย ถ้าติดก็ค่อยบอกพ่อกับแม่ อยากขอคำปรึกษาว่าจขกท.ยังสมควรทำแบบนี้รึป่าว ระยะเวลา3ปีช้าไปมั้ยสำหรับกสพท. จขกท.เป็นเด็ก61ถ้าปีหน้าติดก็จะกลายเป็นเด็ก64 เพื่อนๆที่จบม.6พร้อมกัน ก็จะขึ้นปี4 ส่วนจขกท.ก็พึ่งขึ้นปี1
ปล.ขอเล่าข้อมูลเพิ่มเติมเผื่อว่าจะมีประโยชน์ต่อการแสดงความเห็นของเพื่อนๆพี่ๆ พ่อแม่ของจขกท.เป็นพนักงานบริษัทธรรมดาทั่วๆไปอายุค่อนข้างมาก อีกประมาณ6-7ปี ตามอายุก็น่าจะเกษียณแล้ว(จขกท.เป็นลูกคนเดียว แต่มีจขกท.ช้า)เงินเดือนที่ได้ก็เป็นเงินเดือนขั้นต่ำในตอนนี้เลยคือวันละ300บาท+โอทีนิดหน่อย แต่เดือนนึง คนนึงได้ไม่เกิน 15,000 จากการที่เคยเรียนมหาลัยและอยู่หอมาแล้ว พบว่าถ้าไม่กู้เรียน ก็ไม่ค่อยมีปัญหาอะไร ไม่ได้ไปกู้ยืมเงินกับใครเพิ่ม แต่พ่อกับแม่ก็จะไม่มีเงินเก็บเลย แต่ถ้ากู้เรียนไปด้วยก็จะมีเงินเก็บประมาณปีละ40,000กว่าบาท แล้วก็จขกท.ไม่ได้เรียน รด จึงทำให้ปีต่อไปต้องเรียนไปซิ่วไป(เพื่อที่จะทำเรื่องผ่อนผันทหาร ไม่งั้นก็ต้องไปเป็นทหารก่อน2ปีแล้วค่อยมาเรียนต่อ) ในตอนนี้จขกท.มีความรู้สึกว่า พ่อกับแม่เราเดิมทีไม่ได้รวย ออกจะยากจนด้วยซ้ำจึงอยากเรียนคณะดีๆ ที่ดูมีอนาคต พอเรียนจบจะได้ทำงานเลี้ยงดูพ่อแม่ได้ ทำให้พ่อกับแม่สบาย ออกตัวก่อนว่าไม่ได้หมายความว่าที่จขกท.อยากเรียนคณะใน กสพท.เพราะโลภ หวังรวย หรือไม่ได้มีใจรักในด้านนี้อะไรขนาดนั้นนะ จริงๆแล้วจขกท.ก็ได้ไปศึกษาคณะที่ตัวเองอยากเรียนในกสพท.มาพอสมควร ไปดูมาว่าตลอดระยะเวลา6ปี แต่ละปีเรียนวิชาอะไรบ้าง จบไปทำงานอะไรได้บ้าง +กับความชอบของจขกท.ที่อยากทำงานในโรงพยาบาล(จขกท.ชอบดูซีรีย์ที่เกี่ยวกับแพทย์มาก จขกท.ยังได้หาข้อมูลและได้อ่านกระทู้เกี่ยวกับแพทย์ เภสัช สัตวแพทย์มาเยอะพอสมควร คือในตอนนี้เวลาพิมพ์คำว่า คณะ.... ตามด้วยคำว่า pantip ผลการค้นหาที่ออกม าหน้า1-2ล้วนเป็นกระทู้ที่จขกท.เคยอ่านแล้วทั้งนั้น ทำให้จขกท.เข้าใจระบบการทำงานของอาชีพพวกนี้ในระดับนึง)และจขกท.ก็ชอบเกี่ยวกับวิทยาศาสตร์ด้วย พอลองเอาเหตุผลเหล่านี้มารวมกันก็เลยตัดสินใจได้ว่าคณะนี้แหละเหมาะกับเราที่สุด ถ้าถามว่ามั่นใจแค่ไหนว่าจะติด จขกท.ก็บอกตามตรงว่าค่อนข้างมั่นใจประมาณ90%เลยว่าจะติด(ถ้าอ่านหนังสือและทบทวนอะนะ ถ้าทำได้) แต่ก็นั่นแหละ ด้วยอะไรหลายๆอย่าง ซิ่วอยู่บ้านก็ไม่ได้เพราะติดทหาร ถ้าเราจะซิ่วปีที่3จริงๆในตอนที่เราอยู่ปี1เพื่อนรุ่นเดียวกับเราก็จะขึ้นปี4 แล้วจะบอกกับพ่อแม่ว่ายังไงอีก(แต่คิดว่าถ้าติดได้ แค่บอกพวกท่านด้วยเหตุผลดีๆพวกท่านก็ให้เรียนอยู่แล้ว เพราะพวกท่านดูโอเคกับคณะนี้มากๆ แต่อาจจะมีบ่นนิดหน่อยเพราะซิ่วหลายรอบ) เพื่อนๆพี่ๆ คิดยังไงกันครับ ยิ่งคนที่มีลูก ถ้าลูกท่านมีความคิดแบบนี้จะรู้สึกยังไง