. เสียงของพม่าในบริษัท ที่ดีใจยิ้มแย้มกันใหญ่ ภายหลังจากได้รับใบอนุญาตทำงานต่อในประเทศไทยอีก 2 ปี ทำเอาคนที่เหนื่อยเตรียมเอกสารอย่างเราก็พลอยดีใจไปด้วย ที่งานสำเร็จแถมรู้สึกว่างานที่ทำมีความหมายต่อพวกเขาอย่างมาก
.
.
. แต่กว่าที่จะยิ้มกันออกได้อย่างวันนี้ เบื้องหลังการจัดเตรียมเอกสารก็เหนื่อยหนักเอาเรื่อง เราจำเป็นต้องขอเอกสาร จากทั้งผู้บริหาร เอกสารบริษัท เอกสารส่วนตัวของพม่า รวมๆเอกสารที่จัดเตรียม แทบไม่ต่างอะไรกับการทำทีสิสสมัยเรียนมหาวิทยาลัย (ทำเอานึกถึงความหลัง)
.
.
. เราใช้เวลาเกือบทั้งอาทิตย์ ในการเตรียมเอกสารจนเรียบร้อย ก็มาถึงวันเข้าศูนย์ One stop service ที่รวมเอา กรมจัดหางาน ตม. กรมการปกครอง มารวมไว้ด้วยกัน เพื่ออำนวยความสะดวกแก่นายจ้าง และตัวแรงงานเอง.
.
.
. เราเดินทางไปถึงในช่วง 10 โมงเช้า พร้อมเอกสารกองเบ้อเร้อ ที่ผ่านการเตรียมมาอย่างดี พร้อมให้ จนท.ตรวจ การให้ จนท.ตรวจเอกสาร คงไม่ต่างอะไรกับการส่งเล่มทีสิส ให้อาจารย์ตรวจ แล้วการส่งตรวจครั้งแรกก็มักจะจบลงด้วยการ แก้ แก้ แก้ อย่างแน่นอน คำว่าแก้เป็นอะไรที่ผมกลัวมาก แต่ก็หนีมันไม่พ้น ผมมีเวลาก่อนถึงคิวนัดหมาย 3 ชั่วโมง กับการแก้ไขเอกสาร เกือบร้อยแผ่นใหม่ทั้งหมด และเมื่อโต๊ะไม่มี พื้นทางเดินดูเป็นเหมือนโต๊ะทำงานที่ดีที่สุด (ไม่รู้ตอนนี้ติดไวรัสมาบ้างรึเปล่า)
.
.
.
. การทำงานบนเงื่อนไขเวลาเป็นอะไรที่สนุกตอนเล่าเรื่อง แต่โคตรเครียดตอนทำจริง ผมไล่แก้เอกสารที่ผิดทีละคน จนครบทั้งหมด 13 คน
ถึงเวลาส่งงาน !!!!! ผมยื่นเอกสารให้ ตม. ตรวจในด่านแรก เรียกได้ว่าโคตรทุลักทุเล เพราะพม่าก็สื่อสารไม่ได้ เราต้องคอยวิ่งสื่อสารกับตม.ทีละคน วิ่งขึ้นลงชั้น 1 ชั้น 2 กับพี่อีกคนที่มาด้วยเพื่อซีล็อคเอกสาร คิดในใจว่า กลับบ้านไปเตรียมเอกสารแล้วมาใหม่ท่าจะง่ายกว่า แต่อีกใจก็ไม่อยากเสียดายเวลาที่มา จังหวะนั้นคือท้อ แทบจะไม่อยากทำต่อ
.
.
!!!ป๋าดัน !!! จนผ่าน
. เรียกว่าถ้ากราบตีน ตม. ได้ ผมกราบไปแล้ว ไหว้วอนจน ตม. ให้ผ่านทั้งหมด 13 คน ไปสู่ขั้นตอนรับบัตรคิวเพื่อตีวีซ่า …แต่……… ทำไมปริ้นเอกสารใบรับรองบริษัท เล็กขนาดนี้ ผมอ่านไม่ออก ผมไม่ให้ผ่านนะ……...จังหวะนั้นที่เจ้าหน้าที่พูดขึ้นมา หัวผมร้อนยิ่งกว่าเตารีด แมร่งเอ้ย กูเตรียมเอกสารมาตั้งนาน คุณจะไม่ให้ผ่านเพราะแค่เอกสารตัวเล็กนี่นะ คุณไม่รู้จักการรักโลก งดการใช้กระดาษบ้างกันรึไงฟะ !!!!! ผมไม่ยอมบอกให้ จนท.ไปถาม ผู้มีอำนาจมา เพราะไงผมก็ไม่กลับบ้าน (มาถึงขนาดนี้ ผมไม่ยอมถอยหลังเพราะเรื่องแค่นี้หรอก)
.
.
. จนท.เดินหน้ากวนๆไปถามหัวหน้า พร้อมเดินกลับมาหน้าง๊อยๆ เพราะหัวหน้าให้เอกสารผมผ่าน หลังจากนั้น จนท.ท่านนี้ ก็ดูพูดจาไพเราะผิดหู ผิดตา อาจคงเพราะเสียหน้าจากกรณีที่ผ่านมา
.
.
. มองดูเวลา สามโมงกว่า เป็นเวลาเกือบ 6 ชั่วโมง ที่ผมแทบไม่ได้หยุดหายใจ แต่ก็ยังพักไม่ได้ เพราะศูนย์ใกล้ปิดแล้ว กลุ่มเราแทบเป็นกลุ่มท้ายๆของวัน ถึงแม้การตรวจเอกสารจะผ่านแล้ว แต่เราก็อยากให้ทุกอย่างจบลงที่วันนี้ทั้งหมด
.
.
. แล้วพม่าผมก็น่ารักซะจริงๆ ปล่อยให้คนอื่นแซงคิวกันสนุกเลย จนบางคนตกลงไปอยู่คนท้ายๆของขบวนวันนี้ จนผมต้องประกบ ทุกคนอย่างใกล้ชิด
คนแล้วคนเล่าผ่านไป จนเหลือเราเป็นกลุ่มท้ายๆ ถึงขั้นตอนนี้ผมก็ค่อยยังชั่ว มีเวลาไปกินข้าว เข้าห้องน้ำบ้าง จนเวลาล่วงเลยมาถึง ห้าโมงกว่าๆ พม่าของเราบางคนเริ่มได้บัตรอนุญาตทำงานมาแล้ว ไอคนที่ได้ก่อน ก็ยิ้มดีใจ ร่าเริง ส่วนไอคนที่ยังไม่ได้ก็นั่งง๊อย คอตก ลุ้นกันต่อไป จนท้ายสุด สุดท้าย ก็ได้ใบอนุญาตทำงานกันมาถ้วนหน้า เป็นอันว่า ผมก็ทำงานสำเร็จไปอีก 1 ชิ้น พม่าอีก 13 ชีวิต ก็ได้โอกาสทำงาน เก็บออมเงินไปอีก 2 ปี
Happy Ending
งานนี้เป็นงานที่เหนื่อยเอาเรื่องเหมือนกัน โดยเฉพาะเวลาเจรจาต่อรอง กับ จนท.ของรัฐ เพราะเขาก็ต้องทำงานบนหลักการของเขา เราก็ต้องทำทุกอย่างเพื่อประสิทธิภาพของเรา จึงเป็นเรื่องท้าทายที่คนทำงานอย่างเรา เพราะบางอย่างดันทุลังไปก็เสียเวลา หัวร้อนเปล่าๆ แต่บางอย่างก็จำเป็นต้องยืนหยัดในหลักการของเรา หากเรามองว่ามันคือสิ่งที่ถูกต้อง
รวย รวย รวย เมื่อฉันพาพม่าไปต่อใบอนุญาตทำงาน
. เสียงของพม่าในบริษัท ที่ดีใจยิ้มแย้มกันใหญ่ ภายหลังจากได้รับใบอนุญาตทำงานต่อในประเทศไทยอีก 2 ปี ทำเอาคนที่เหนื่อยเตรียมเอกสารอย่างเราก็พลอยดีใจไปด้วย ที่งานสำเร็จแถมรู้สึกว่างานที่ทำมีความหมายต่อพวกเขาอย่างมาก
.
.
. แต่กว่าที่จะยิ้มกันออกได้อย่างวันนี้ เบื้องหลังการจัดเตรียมเอกสารก็เหนื่อยหนักเอาเรื่อง เราจำเป็นต้องขอเอกสาร จากทั้งผู้บริหาร เอกสารบริษัท เอกสารส่วนตัวของพม่า รวมๆเอกสารที่จัดเตรียม แทบไม่ต่างอะไรกับการทำทีสิสสมัยเรียนมหาวิทยาลัย (ทำเอานึกถึงความหลัง)
.
.
. เราใช้เวลาเกือบทั้งอาทิตย์ ในการเตรียมเอกสารจนเรียบร้อย ก็มาถึงวันเข้าศูนย์ One stop service ที่รวมเอา กรมจัดหางาน ตม. กรมการปกครอง มารวมไว้ด้วยกัน เพื่ออำนวยความสะดวกแก่นายจ้าง และตัวแรงงานเอง.
.
.
. เราเดินทางไปถึงในช่วง 10 โมงเช้า พร้อมเอกสารกองเบ้อเร้อ ที่ผ่านการเตรียมมาอย่างดี พร้อมให้ จนท.ตรวจ การให้ จนท.ตรวจเอกสาร คงไม่ต่างอะไรกับการส่งเล่มทีสิส ให้อาจารย์ตรวจ แล้วการส่งตรวจครั้งแรกก็มักจะจบลงด้วยการ แก้ แก้ แก้ อย่างแน่นอน คำว่าแก้เป็นอะไรที่ผมกลัวมาก แต่ก็หนีมันไม่พ้น ผมมีเวลาก่อนถึงคิวนัดหมาย 3 ชั่วโมง กับการแก้ไขเอกสาร เกือบร้อยแผ่นใหม่ทั้งหมด และเมื่อโต๊ะไม่มี พื้นทางเดินดูเป็นเหมือนโต๊ะทำงานที่ดีที่สุด (ไม่รู้ตอนนี้ติดไวรัสมาบ้างรึเปล่า)
.
.
.
. การทำงานบนเงื่อนไขเวลาเป็นอะไรที่สนุกตอนเล่าเรื่อง แต่โคตรเครียดตอนทำจริง ผมไล่แก้เอกสารที่ผิดทีละคน จนครบทั้งหมด 13 คน
ถึงเวลาส่งงาน !!!!! ผมยื่นเอกสารให้ ตม. ตรวจในด่านแรก เรียกได้ว่าโคตรทุลักทุเล เพราะพม่าก็สื่อสารไม่ได้ เราต้องคอยวิ่งสื่อสารกับตม.ทีละคน วิ่งขึ้นลงชั้น 1 ชั้น 2 กับพี่อีกคนที่มาด้วยเพื่อซีล็อคเอกสาร คิดในใจว่า กลับบ้านไปเตรียมเอกสารแล้วมาใหม่ท่าจะง่ายกว่า แต่อีกใจก็ไม่อยากเสียดายเวลาที่มา จังหวะนั้นคือท้อ แทบจะไม่อยากทำต่อ
.
.
!!!ป๋าดัน !!! จนผ่าน
. เรียกว่าถ้ากราบตีน ตม. ได้ ผมกราบไปแล้ว ไหว้วอนจน ตม. ให้ผ่านทั้งหมด 13 คน ไปสู่ขั้นตอนรับบัตรคิวเพื่อตีวีซ่า …แต่……… ทำไมปริ้นเอกสารใบรับรองบริษัท เล็กขนาดนี้ ผมอ่านไม่ออก ผมไม่ให้ผ่านนะ……...จังหวะนั้นที่เจ้าหน้าที่พูดขึ้นมา หัวผมร้อนยิ่งกว่าเตารีด แมร่งเอ้ย กูเตรียมเอกสารมาตั้งนาน คุณจะไม่ให้ผ่านเพราะแค่เอกสารตัวเล็กนี่นะ คุณไม่รู้จักการรักโลก งดการใช้กระดาษบ้างกันรึไงฟะ !!!!! ผมไม่ยอมบอกให้ จนท.ไปถาม ผู้มีอำนาจมา เพราะไงผมก็ไม่กลับบ้าน (มาถึงขนาดนี้ ผมไม่ยอมถอยหลังเพราะเรื่องแค่นี้หรอก)
.
.
. จนท.เดินหน้ากวนๆไปถามหัวหน้า พร้อมเดินกลับมาหน้าง๊อยๆ เพราะหัวหน้าให้เอกสารผมผ่าน หลังจากนั้น จนท.ท่านนี้ ก็ดูพูดจาไพเราะผิดหู ผิดตา อาจคงเพราะเสียหน้าจากกรณีที่ผ่านมา
.
.
. มองดูเวลา สามโมงกว่า เป็นเวลาเกือบ 6 ชั่วโมง ที่ผมแทบไม่ได้หยุดหายใจ แต่ก็ยังพักไม่ได้ เพราะศูนย์ใกล้ปิดแล้ว กลุ่มเราแทบเป็นกลุ่มท้ายๆของวัน ถึงแม้การตรวจเอกสารจะผ่านแล้ว แต่เราก็อยากให้ทุกอย่างจบลงที่วันนี้ทั้งหมด
.
.
. แล้วพม่าผมก็น่ารักซะจริงๆ ปล่อยให้คนอื่นแซงคิวกันสนุกเลย จนบางคนตกลงไปอยู่คนท้ายๆของขบวนวันนี้ จนผมต้องประกบ ทุกคนอย่างใกล้ชิด
คนแล้วคนเล่าผ่านไป จนเหลือเราเป็นกลุ่มท้ายๆ ถึงขั้นตอนนี้ผมก็ค่อยยังชั่ว มีเวลาไปกินข้าว เข้าห้องน้ำบ้าง จนเวลาล่วงเลยมาถึง ห้าโมงกว่าๆ พม่าของเราบางคนเริ่มได้บัตรอนุญาตทำงานมาแล้ว ไอคนที่ได้ก่อน ก็ยิ้มดีใจ ร่าเริง ส่วนไอคนที่ยังไม่ได้ก็นั่งง๊อย คอตก ลุ้นกันต่อไป จนท้ายสุด สุดท้าย ก็ได้ใบอนุญาตทำงานกันมาถ้วนหน้า เป็นอันว่า ผมก็ทำงานสำเร็จไปอีก 1 ชิ้น พม่าอีก 13 ชีวิต ก็ได้โอกาสทำงาน เก็บออมเงินไปอีก 2 ปี
Happy Ending
งานนี้เป็นงานที่เหนื่อยเอาเรื่องเหมือนกัน โดยเฉพาะเวลาเจรจาต่อรอง กับ จนท.ของรัฐ เพราะเขาก็ต้องทำงานบนหลักการของเขา เราก็ต้องทำทุกอย่างเพื่อประสิทธิภาพของเรา จึงเป็นเรื่องท้าทายที่คนทำงานอย่างเรา เพราะบางอย่างดันทุลังไปก็เสียเวลา หัวร้อนเปล่าๆ แต่บางอย่างก็จำเป็นต้องยืนหยัดในหลักการของเรา หากเรามองว่ามันคือสิ่งที่ถูกต้อง