ผมเป็นโรคนี้มานานครับ (Panic) ทนมานาน หลายปี เพราะคิดว่านั่งสมาธิแล้ว หายแน่ๆ เดี๋ยวก็ดีขึ้น จนมาวันนี้ผมไม่ไหวกับอาการที่เกิดขึ้น จนแฟนผมให้ลองปรึกษาหมอดูมั้ยครับ เพราะเคยดูรายการที่ป๋าเต็ด สัมภาษณ์ โอ๊ต ปราโมทย์ ทำไมอาการมันคล้ายๆกัน และบวกกับที่ทำงานตอนนี้เครียดมาก ผมทำมาจะเข้าปีที่5แล้ว ไม่รับคนเพิ่ม ทั้งที่คนออก งานเลยโหลดมาที่แผนกเรา กดดัน จนทนไม่ไหว ช่วงหลังๆเอางานกลับมาทำที่บ้าน แล้วคิดงานไม่ออก สติแตก ทำอะไรจับต้นชนปลายไม่ถูก ซึ่งพยายามรวบรวมสติให้มาโฟกัส เหมือนยิ่งวิ่งเข้าไปหามันมากกว่า อาการต่างๆก็เริ่มออกได้ชัด เวลาจะนอน เหมือนหัวใจมันสั่น พอใกล้เคลิ้มจะหลับ แล้วเหมือนมันดิ่ง เหมือนร่างกายจะตาย เราเลยสะดุ้ง เฮือกขึ้นมา เป็นแบบนี้ จนบางวันนอนไม่ได้ ปาเข้าไปตี2ตี3แล้วต้องตื่น6โมง สะสมเข้าทุกวัน ผมเองเป็นคนชอบดื่มเบียร์ ดื่มเกือบทุกวัน เข้าใจว่าดื่มแล้วหลับง่าย ซึ่งมันก็ไม่จริง ยังมีอาการแบบนี้อยู่ อีกอาการที่เกิดขึ้นคืออาการกลัวและกังวลเมื่อเจอคนหมู่มากๆแล้วต้องไปไหนคนเดียว รวมทั้งพรีเซ้นงาน จะกังวล มือเย็น หายใจไม่ทั่วท้อง สมองเริ่มซับซนกับสิ่งที่จะเริ่มพูด จนเราหงุดหงิดตัวเอง สรุป คุยกะทางที่บ้าน ว่าขอลาออกจากงาน แพลนไว้ว่าจะกลับบ้านนอกสักพัก เพื่อจะพักและรักษาตัว แล้วค่อยหางานใหม่
การเข้ารับการรักษา
ผมเข้าไปปรึกษาหมอที่โรงบาลที่ผมมีประกันสังคมอยู่ ก็เล่าเหตุการณ์และอาการให้หมอฟัง จากนั้นหมอได้ทำการตรวจคลื่นหัวใจ และX-ray ปอด
พบว่าปกติครับ ซึ่งผมก็ใจชื้น กังวลว่าจะเป็นโรคหัวใจเพิ่ม หมอที่โรงบาลที่ผมมีประสังคมได้เขียนใบส่งตัวไปที่รพ.ศรีธัญญา
ไม่คิดไม่ฝันว่า ตัวเองจะต้องมาเข้ารพ.จิตเวช จริงๆ
พอคัดกรองเสร็จก็ได้คุยกับนักสังคมสังเคราะห์
เค้าให้คำปรึกษาได้ดีครับ ทั้งเรื่องการอยู่ในสังคม และพฤติกรรมในการใช้ชีวิตของเรา ตอนนี้สารเคมีในสมองตอนนี้ไม่สมดุลนะ เพราะคุณเองไม่ออกกำลังกาย ทานอาหารพวกผักผลไม้ก็ไม่ได้ทานสักเท่าไหร่ มันไม่สามารถถูกขับออกมาได้ มันเลยสะสม และ เช้าๆก่อนจะไปทำงาน ควรให้กำลังใจตัวเองว่า ขอให้เราได้พบเจอแต่สิ่งดี ทั้งร่างกายและจิตใจ คนที่เห็นแก่ตัวน้อยๆ มักจะถูกรังแกจากคนที่เห็นแก่ตัวมากมันคือปกติในสังคมตอนนี้ที่เราต้องพบเจอ แล้วเราควรหาทางเอาสารเคมีตัวนั้นออกจากร่างกาย ผมเป็นคนนั่งสมาธิครับ เค้าบอกไม่แนะนำให้นั่งสมาธิ เพราะจิตใจจะจมอยู่กับความคิด ให้แนะนำเป็นเดินจงกลมแทน เพื่อให้สารพวกนี้ขับออกทางเหงื่อ และฝึกวิธีการหายใจ เมื่อเรารู้สึกตื่นกลัว
ก่อนจะคัดแยกให้ผมเข้าไปพบจิตแพทย์
เข้าพบจิตแพทย์
แพทย์วินิจฉัยว่าผมเป็น โรค Panic Disoder ครับ ให้ยามาทาน3ตัว แล้วก็ต้องกินไปตลอด6 เดือน ถือจะหาย ถ้าขาดยา จะกลับมาเป็นเหมือนเดิมและต้องใช้ยาแรงกว่าเดิม
ความคาดหวังของผมตอนนี้ ผมเองก็อยากให้หายจะได้ทำอะไรได้ตามเป้าหมายของตัวเองที่ตั้งไว้ ทุกวันนี้ยอมรับว่าชีวิตพังมาก เพราะทนมานาน ผมเองก็พยายามเต็มที่แล้ว แต่ด้วยความกลัวที่เกิดขึ้นในใจแบบไม่มีสาเหตุ
ตอนนี้มีใครที่เป็นโรคนี้อยู่บ้างครับ หรือหายขาดแล้ว หรือใกล้หายแล้วบ้างครับ ?? ดีขึ้นหรือไม่ครับ ใข้ชีวิตในสังคมได้ดีกว่าเดิมหรือป่าว กล้าแสดงออกมากขึ้นหรือไม่ กล้าที่จะลงมือทำอะไรได้ตามเป้าหมายหรือไม่ ขอบคุณครับ
แชร์ประสบการร์ โรคPanic Disoder ใครเคยหายขาดแล้วชีวิตดีขึ้นจริงมั้ย?
การเข้ารับการรักษา
ผมเข้าไปปรึกษาหมอที่โรงบาลที่ผมมีประกันสังคมอยู่ ก็เล่าเหตุการณ์และอาการให้หมอฟัง จากนั้นหมอได้ทำการตรวจคลื่นหัวใจ และX-ray ปอด
พบว่าปกติครับ ซึ่งผมก็ใจชื้น กังวลว่าจะเป็นโรคหัวใจเพิ่ม หมอที่โรงบาลที่ผมมีประสังคมได้เขียนใบส่งตัวไปที่รพ.ศรีธัญญา
ไม่คิดไม่ฝันว่า ตัวเองจะต้องมาเข้ารพ.จิตเวช จริงๆ
พอคัดกรองเสร็จก็ได้คุยกับนักสังคมสังเคราะห์
เค้าให้คำปรึกษาได้ดีครับ ทั้งเรื่องการอยู่ในสังคม และพฤติกรรมในการใช้ชีวิตของเรา ตอนนี้สารเคมีในสมองตอนนี้ไม่สมดุลนะ เพราะคุณเองไม่ออกกำลังกาย ทานอาหารพวกผักผลไม้ก็ไม่ได้ทานสักเท่าไหร่ มันไม่สามารถถูกขับออกมาได้ มันเลยสะสม และ เช้าๆก่อนจะไปทำงาน ควรให้กำลังใจตัวเองว่า ขอให้เราได้พบเจอแต่สิ่งดี ทั้งร่างกายและจิตใจ คนที่เห็นแก่ตัวน้อยๆ มักจะถูกรังแกจากคนที่เห็นแก่ตัวมากมันคือปกติในสังคมตอนนี้ที่เราต้องพบเจอ แล้วเราควรหาทางเอาสารเคมีตัวนั้นออกจากร่างกาย ผมเป็นคนนั่งสมาธิครับ เค้าบอกไม่แนะนำให้นั่งสมาธิ เพราะจิตใจจะจมอยู่กับความคิด ให้แนะนำเป็นเดินจงกลมแทน เพื่อให้สารพวกนี้ขับออกทางเหงื่อ และฝึกวิธีการหายใจ เมื่อเรารู้สึกตื่นกลัว
ก่อนจะคัดแยกให้ผมเข้าไปพบจิตแพทย์
เข้าพบจิตแพทย์
แพทย์วินิจฉัยว่าผมเป็น โรค Panic Disoder ครับ ให้ยามาทาน3ตัว แล้วก็ต้องกินไปตลอด6 เดือน ถือจะหาย ถ้าขาดยา จะกลับมาเป็นเหมือนเดิมและต้องใช้ยาแรงกว่าเดิม
ความคาดหวังของผมตอนนี้ ผมเองก็อยากให้หายจะได้ทำอะไรได้ตามเป้าหมายของตัวเองที่ตั้งไว้ ทุกวันนี้ยอมรับว่าชีวิตพังมาก เพราะทนมานาน ผมเองก็พยายามเต็มที่แล้ว แต่ด้วยความกลัวที่เกิดขึ้นในใจแบบไม่มีสาเหตุ
ตอนนี้มีใครที่เป็นโรคนี้อยู่บ้างครับ หรือหายขาดแล้ว หรือใกล้หายแล้วบ้างครับ ?? ดีขึ้นหรือไม่ครับ ใข้ชีวิตในสังคมได้ดีกว่าเดิมหรือป่าว กล้าแสดงออกมากขึ้นหรือไม่ กล้าที่จะลงมือทำอะไรได้ตามเป้าหมายหรือไม่ ขอบคุณครับ