คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 4
ถ้าจะทำมันก้ไม่ยาก แต่เชื่อว่า คุณ พ่อ คุณ แม่ คงทำไม่ได้ เพราะทำได้ คงทำไปแล้วตั้งแต่แรกอ่านะ
วิธีการคือ
1. ใส่ใจลูกก่อน เป็นอันดับแรก อาจจะมีคนเถียงว่า ก้ใส่ใจนะ แต่ลูกเป็นเอง นั่นไม่จริง ครับ
เมื่อใส่ใจจริง ตอบได้ไม๊ว่า เริ่มเป็นตั้งแต่ ตอนไหน หรือเราสังเกตเห็น ตอนที่ เป็นไปแล้ว
เหมือนกับ คนเราที่ไม่เคยใส่ใจร่างกาย ทั้งๆที่ก็บอกว่า ก็กินดี ออกกำลังกายปกติ แต่ไม่สังเกตตัวเองเลย
รู้ตัวอีกที แอดมิด ที่โรงบาลเรียบร้อยยยยยย
คำว่าใส่ใจที่ผมพูด ก็ไม่ใช่การจ้องจับผิด แบบนั้นก็แสดงว่า ลูกเรามีพฤติกรรมกรรมไปแล้วอีกนั่นแหละ
แต่เป็นการมั่นสังเกต คอยถามไถ่ และ รู้นิสัยลูกอยู่เสมอ เมื่อมีอะไรเปลี่ยนไป เราต้องบอกได้ชัดเจนว่า อะไรที่เปลี่ยน เพราะอะไร
เช่นการขโมยตังค์นี้ จะต้องมีพฤติกรรมก่อนหน้า อาจจะเป็นการคบเพื่อน เลิกแบบเกมส์ หรือ คลิป ในมือถือ หรืออื่นๆ
เมื่อเราขาดการใส่ใจ ปล่อยไป เพียงมองว่า ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร เราก็จะไปเจออีกทีคือ ลุกขโมยตังค์แล้ว ซึ่งมันก็ยากที่จะแก้ไข
ยกตัวอย่างเจ้าตัวอยู่บ้าน ผมจะได้เจอลุกเพียงแค่ 2 เดือนต่อครั้ง ครั้งละ 2-3 วัน ดังนั้นทุกครั้งก่อนกลับบ้านผมจะคิดแล้วคิดอีกว่าจะหาอะไรไปส่งเสริมกิจกรรม พ่อลูกกันบ้าง ทุกครั้งที่เจอ จะชั่งน้ำหนัก วัดส่วนสูง หาวิธีสร้างความอบอุ่นกับลูกเสมอ เพื่อไม่ให้เขามองว่าขาดพ่อไป
มีช่วง 3 ขวบ มีนิสัย คือ ชอบทิ้งของลงพื้น ผมมองแล้วจึงบอกว่า ถ้าทิ้งอีกจะงดขนม แน่นอนร้องให้แง ครับ 5555
แต่ผมก็นิ่งปล่อยให้ร้อง แต่จะคอยๆมอง หากจะทิ้งอีกก็จะส่งสัญญานเตือน เขามอง แล้วก็จะเดินไปทิ้งถังขยะ แรกๆก็มีบอกให้ยายเอาไปทิ้งให้หน่อย พอวันต่อมาก็เริ่มชิน สุดท้ายก็ไม่ทิ้งลงพื้นอีก เล่นของเล่นก้เก็บเรียบร้อย
2. ให้ความรักที่ถุกวิธี
นอกจากความใส่ใจแล้ว ความรักของ พ่อ แม่ ก็สำคัญ ผมเจอหลายเคสที่ พ่อแม่ อ้างว่าไม่มีเวลาให้ลูก แต่ก็เห็นนั่งส่องเฟสชาวบ้านไปวันๆ
ส่วนลูกก็ให้เล่นมือถือ ดูทีวี เล่นกับเพื่อนไป ไม่ทราบว่า จขกท. เป็นด้วยหรือปล่าว
ความรักที่ให้ ควรสื่อให้เห็นชัดหน่อย ซึ่งก็มีวิธีเยอะมาก เช่น เช้าๆ กอดกัน ก่อนนอนกอดกัน พุดคุยกันในเรื่องดีๆ ทำกิจกรรมดีๆ ส่งเสริมความ เป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน แล้วก็มีอีกโข ที่จะฝอย ซึ่งผมเชื่อว่า พ่อ แม่ หลายคนไม่ทำเหมือนแต่ก่อนกันแล้ว
ยกตัวอย่างเจ้าตัวอยู่บ้าน จริงๆแล้ว เด็กเขาไม่รู้หรอกครับว่า รักไม่ไม่รัก ถ้าเราไม่สื่อสาร ของผมไปถึงก็จะกอด หอม กัดหูกัดพุง กัดแขนไปเรื่อย เขาก็จะจั๊กจี้ขำ คิกคัก แล้วก็เริ่มด้วยการถามไถ่ เช้านี้ แปลงฟันยัง เมื่อคืนน้ำอุ่นไม๊ เรื่องน้ำอุ่น ช่วง 2 ขวบกว่า ไอหนัก เข้าโรงบาล น้ำมูกออกหู
ด้วยความเป็นพ่อ มันสื่อถึงกันจริงๆ(ลูกผมหน้าตาเหมือนผมมาก จนทุกคนที่บ้านบอกว่า พ่อลูก จะไม่ได้อยู่ด้วยกัน ซึ่งก็จริง ครับ)
ผมได้บอกให้ยาย เอาน้ำอุ่นให้กิน ทุกวัน เช้า ก่อนนอน หลังๆมา ก็ไม่ค่อยเป็นหวัดอีกเลย ความรักที่มี คือ ความรักที่แม้ไม่ได้อยู่ใกล้ ผมก็รู้ได้ถีงลูกว่าเขาเป็นยังไง แค่ฟังเสียงแค่นั้น
3. ส่งเสริม ในสิ่งที่ถูกต้อง
หาก พ่อแม่ มีการใส่ใจ และ ให้ความรักอย่างถูกวิธีกับลูก แล้ว คำว่าถูกวิธี คือส่งเสริมลูกเพื่ออนาคต
ผมจะแบ่งการพัฒนาการออกเป็น
-ร่างกาย
-สื่อสาร
-สติปัญหา
ผมมีโครงการที่จะไม่ส่งลูกเรียนพิเศษ ถึงแม้ เข้า เตรียมอนุบาล และ เข้าอนุบาล แล้ว ทางโรงเรียนจะสอนไม่เต็มที่ผมก็ไม่ซีเรียส
ผมวางแผนโดย
ฝึกลูกให้จับดินสอสี ตั้งแต่ 2 ขวบ 3 ขวบ ก็เริ่มขีดได้ก็หา รูปไปให้วาด(ไปเรื่อย) ชี้อักษร ท่อง ก ไก่ ABC ไปเรื่อย
4 ขวบ เริ่ม เขียนตัวอักษร เริ่ม นับเลข
5 ขวบ เริ่ม บวกเลขง่าย
6 ขวบ เริ่ม +-เลข และ ตอนนี้หัด +- เลข 5-6 หลักได้สบาย และ เริ่ม คูณอย่างง่าย อ่านคำง่ายๆ
7 ขวบแล้ว ผมลองเอา หนังสือ มานี มานะ ไปให้อ่านตอนนี้ก็อ่านได้คล่องแล้วครับ ส่วน บวก ลบ คูณ ได้แล้ว กลับไปคราวนี้จะสอนให้หาร ครับ
นอกจากนี้ ยังบัดกรีไฟ ต่อไฟ วงจรง่ายๆ ได้แล้ว
ผมก็จะหาอะไรไปทำด้วยกัน เพื่อ พัฒนาลูก เรื่องมือถือนี่ เล่นน้อยมาก ส่วนใหญ่ก็ให้เสาร์อาทิตย์ หรือวันหยุด พยายาม หากิจกรรมอย่างอื่นมาให้ทำ เพื่อไม่ให้ว่างจนเกินไป
อีกอย่างที่เห็นผลคือ การต่อรอง ผมใช้วิธีต่อรอง ซึ่งได้ผลดีมาก
เช่น ถ้าทำการบ้าน 3 หน้า ให้ดูทีวี 30 นาที หรือ วันหยุดก็ดูมือถือ 15 นาที ต่อ 3 หน้า อยากดูอีกก็ทำอีก
แรกๆก็บ่น เพราะว่า การบ้านยาก พอทำได้ อย่าง เอาเลขไปให้บวก แรกๆก็อิดออด พอทำได้ก็บอกง่าย
จากเคยทำ3หน้า 15 นาที หน้าละ 5-8 ข้อ ก็เร็วขึ้น เป็น 10 นาที 5 นาที พอเราเห้นว่าลุกคล่องแล้ว ก็เอา 3 หลัก ให้ทำ ก็สังเกตุเหมือนเดิม และทำแบบนั้นอีก
จนทุกวันนี้ 4-5 หน่วย ถ้า หน้าละ 6 ข้อ จะทำได้ไม่เกิน 5 นาที ครับ
ข้อดีของการใส่ใจลูกคือ เราจะรู้เลยว่า ลูกเราทำได้แค่ไหน ไหวแค่ไหน เราจะได้ทำโจทย์ที่ไม่ยาก และ ไม่ง่ายจนเกินไป
ขั้นตอนคือ
1. เรียนรู้ คือแรกๆอาจจะสอนให้เขาเข้าใจก่อน แล้วสังเกตว่าเขาทำนานแค่ไหน
2. ฝึกจนคล่อง ค่อยๆเช็คว่าลดเวลาในการทำลงแค่ไหน
3. สร้างความเคยชิน อย่าให้ขาด
อย่าให้ลูกเครียดจนเกินไปนะครับ
พยายามให้เขามองว่ามันง่าย
แล้วก็เสริมไปในกิจกรรมอื่นๆไปด้วย เช่น เวลาเราเดินซื้อของใน 7-11 ก็แค่ให้ลูกคิดราคาง่ายๆ ซัก 2-3 อย่างดู
หรือหลุดไปทำกิจกรรมอื่นไปเลย เช่น เช้าๆเขาจะชอบให้พาเดินทางไกล วันๆ ก็จะเดินที 3-4 กิโล บางวันออกไป8 โมง เที่ยงๆเลยกว่าจะเข้ามากินข้าว บางทีก็ไปพจญภัยกัน สร้างความสัมพันได้อีก ซึ่งถ้าผมอยู่กับลูก จะไม่จับ มือถือเลยซักครั้ง เพื่อเป็นตัวอย่างให้เขา
ถ้าจะค้นอะไรก็ดูในคอม ฝึกให้เขาพิมพ์ด้วย เช่น จะทำแกงอ่อมเครื่องในหมู ก็ค้นวิธีทำ แล้วก็มากางเต้นทำกัน 2 คน
จะทำน้ำพุก็ค้น แล้วก็มานั่งทำกัน หรือ ต่อวงจรอะไรง่ายๆ ให้เขาดู เก็บข้อมูล เราก็จะมาถามทีหลัง(หลอกว่า ก็พ่อไม่ได้ดูด้วยนี่นา 555)
ดูว่าเขาตอบได้มากน้อย แค่ไหน
แค่นี้ก็พัฒนาไปได้เยอะแล้วครับ
พอพูดถึงลูกก็ฝอยซะยาว 5555
ต้องขอโทษท่านที่เข้ามาอ่านผมฝอยด้วยนะครับ
มันสนุกครับที่ได้อยู่กับเขา
วิธีการคือ
1. ใส่ใจลูกก่อน เป็นอันดับแรก อาจจะมีคนเถียงว่า ก้ใส่ใจนะ แต่ลูกเป็นเอง นั่นไม่จริง ครับ
เมื่อใส่ใจจริง ตอบได้ไม๊ว่า เริ่มเป็นตั้งแต่ ตอนไหน หรือเราสังเกตเห็น ตอนที่ เป็นไปแล้ว
เหมือนกับ คนเราที่ไม่เคยใส่ใจร่างกาย ทั้งๆที่ก็บอกว่า ก็กินดี ออกกำลังกายปกติ แต่ไม่สังเกตตัวเองเลย
รู้ตัวอีกที แอดมิด ที่โรงบาลเรียบร้อยยยยยย
คำว่าใส่ใจที่ผมพูด ก็ไม่ใช่การจ้องจับผิด แบบนั้นก็แสดงว่า ลูกเรามีพฤติกรรมกรรมไปแล้วอีกนั่นแหละ
แต่เป็นการมั่นสังเกต คอยถามไถ่ และ รู้นิสัยลูกอยู่เสมอ เมื่อมีอะไรเปลี่ยนไป เราต้องบอกได้ชัดเจนว่า อะไรที่เปลี่ยน เพราะอะไร
เช่นการขโมยตังค์นี้ จะต้องมีพฤติกรรมก่อนหน้า อาจจะเป็นการคบเพื่อน เลิกแบบเกมส์ หรือ คลิป ในมือถือ หรืออื่นๆ
เมื่อเราขาดการใส่ใจ ปล่อยไป เพียงมองว่า ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร เราก็จะไปเจออีกทีคือ ลุกขโมยตังค์แล้ว ซึ่งมันก็ยากที่จะแก้ไข
ยกตัวอย่างเจ้าตัวอยู่บ้าน ผมจะได้เจอลุกเพียงแค่ 2 เดือนต่อครั้ง ครั้งละ 2-3 วัน ดังนั้นทุกครั้งก่อนกลับบ้านผมจะคิดแล้วคิดอีกว่าจะหาอะไรไปส่งเสริมกิจกรรม พ่อลูกกันบ้าง ทุกครั้งที่เจอ จะชั่งน้ำหนัก วัดส่วนสูง หาวิธีสร้างความอบอุ่นกับลูกเสมอ เพื่อไม่ให้เขามองว่าขาดพ่อไป
มีช่วง 3 ขวบ มีนิสัย คือ ชอบทิ้งของลงพื้น ผมมองแล้วจึงบอกว่า ถ้าทิ้งอีกจะงดขนม แน่นอนร้องให้แง ครับ 5555
แต่ผมก็นิ่งปล่อยให้ร้อง แต่จะคอยๆมอง หากจะทิ้งอีกก็จะส่งสัญญานเตือน เขามอง แล้วก็จะเดินไปทิ้งถังขยะ แรกๆก็มีบอกให้ยายเอาไปทิ้งให้หน่อย พอวันต่อมาก็เริ่มชิน สุดท้ายก็ไม่ทิ้งลงพื้นอีก เล่นของเล่นก้เก็บเรียบร้อย
2. ให้ความรักที่ถุกวิธี
นอกจากความใส่ใจแล้ว ความรักของ พ่อ แม่ ก็สำคัญ ผมเจอหลายเคสที่ พ่อแม่ อ้างว่าไม่มีเวลาให้ลูก แต่ก็เห็นนั่งส่องเฟสชาวบ้านไปวันๆ
ส่วนลูกก็ให้เล่นมือถือ ดูทีวี เล่นกับเพื่อนไป ไม่ทราบว่า จขกท. เป็นด้วยหรือปล่าว
ความรักที่ให้ ควรสื่อให้เห็นชัดหน่อย ซึ่งก็มีวิธีเยอะมาก เช่น เช้าๆ กอดกัน ก่อนนอนกอดกัน พุดคุยกันในเรื่องดีๆ ทำกิจกรรมดีๆ ส่งเสริมความ เป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน แล้วก็มีอีกโข ที่จะฝอย ซึ่งผมเชื่อว่า พ่อ แม่ หลายคนไม่ทำเหมือนแต่ก่อนกันแล้ว
ยกตัวอย่างเจ้าตัวอยู่บ้าน จริงๆแล้ว เด็กเขาไม่รู้หรอกครับว่า รักไม่ไม่รัก ถ้าเราไม่สื่อสาร ของผมไปถึงก็จะกอด หอม กัดหูกัดพุง กัดแขนไปเรื่อย เขาก็จะจั๊กจี้ขำ คิกคัก แล้วก็เริ่มด้วยการถามไถ่ เช้านี้ แปลงฟันยัง เมื่อคืนน้ำอุ่นไม๊ เรื่องน้ำอุ่น ช่วง 2 ขวบกว่า ไอหนัก เข้าโรงบาล น้ำมูกออกหู
ด้วยความเป็นพ่อ มันสื่อถึงกันจริงๆ(ลูกผมหน้าตาเหมือนผมมาก จนทุกคนที่บ้านบอกว่า พ่อลูก จะไม่ได้อยู่ด้วยกัน ซึ่งก็จริง ครับ)
ผมได้บอกให้ยาย เอาน้ำอุ่นให้กิน ทุกวัน เช้า ก่อนนอน หลังๆมา ก็ไม่ค่อยเป็นหวัดอีกเลย ความรักที่มี คือ ความรักที่แม้ไม่ได้อยู่ใกล้ ผมก็รู้ได้ถีงลูกว่าเขาเป็นยังไง แค่ฟังเสียงแค่นั้น
3. ส่งเสริม ในสิ่งที่ถูกต้อง
หาก พ่อแม่ มีการใส่ใจ และ ให้ความรักอย่างถูกวิธีกับลูก แล้ว คำว่าถูกวิธี คือส่งเสริมลูกเพื่ออนาคต
ผมจะแบ่งการพัฒนาการออกเป็น
-ร่างกาย
-สื่อสาร
-สติปัญหา
ผมมีโครงการที่จะไม่ส่งลูกเรียนพิเศษ ถึงแม้ เข้า เตรียมอนุบาล และ เข้าอนุบาล แล้ว ทางโรงเรียนจะสอนไม่เต็มที่ผมก็ไม่ซีเรียส
ผมวางแผนโดย
ฝึกลูกให้จับดินสอสี ตั้งแต่ 2 ขวบ 3 ขวบ ก็เริ่มขีดได้ก็หา รูปไปให้วาด(ไปเรื่อย) ชี้อักษร ท่อง ก ไก่ ABC ไปเรื่อย
4 ขวบ เริ่ม เขียนตัวอักษร เริ่ม นับเลข
5 ขวบ เริ่ม บวกเลขง่าย
6 ขวบ เริ่ม +-เลข และ ตอนนี้หัด +- เลข 5-6 หลักได้สบาย และ เริ่ม คูณอย่างง่าย อ่านคำง่ายๆ
7 ขวบแล้ว ผมลองเอา หนังสือ มานี มานะ ไปให้อ่านตอนนี้ก็อ่านได้คล่องแล้วครับ ส่วน บวก ลบ คูณ ได้แล้ว กลับไปคราวนี้จะสอนให้หาร ครับ
นอกจากนี้ ยังบัดกรีไฟ ต่อไฟ วงจรง่ายๆ ได้แล้ว
ผมก็จะหาอะไรไปทำด้วยกัน เพื่อ พัฒนาลูก เรื่องมือถือนี่ เล่นน้อยมาก ส่วนใหญ่ก็ให้เสาร์อาทิตย์ หรือวันหยุด พยายาม หากิจกรรมอย่างอื่นมาให้ทำ เพื่อไม่ให้ว่างจนเกินไป
อีกอย่างที่เห็นผลคือ การต่อรอง ผมใช้วิธีต่อรอง ซึ่งได้ผลดีมาก
เช่น ถ้าทำการบ้าน 3 หน้า ให้ดูทีวี 30 นาที หรือ วันหยุดก็ดูมือถือ 15 นาที ต่อ 3 หน้า อยากดูอีกก็ทำอีก
แรกๆก็บ่น เพราะว่า การบ้านยาก พอทำได้ อย่าง เอาเลขไปให้บวก แรกๆก็อิดออด พอทำได้ก็บอกง่าย
จากเคยทำ3หน้า 15 นาที หน้าละ 5-8 ข้อ ก็เร็วขึ้น เป็น 10 นาที 5 นาที พอเราเห้นว่าลุกคล่องแล้ว ก็เอา 3 หลัก ให้ทำ ก็สังเกตุเหมือนเดิม และทำแบบนั้นอีก
จนทุกวันนี้ 4-5 หน่วย ถ้า หน้าละ 6 ข้อ จะทำได้ไม่เกิน 5 นาที ครับ
ข้อดีของการใส่ใจลูกคือ เราจะรู้เลยว่า ลูกเราทำได้แค่ไหน ไหวแค่ไหน เราจะได้ทำโจทย์ที่ไม่ยาก และ ไม่ง่ายจนเกินไป
ขั้นตอนคือ
1. เรียนรู้ คือแรกๆอาจจะสอนให้เขาเข้าใจก่อน แล้วสังเกตว่าเขาทำนานแค่ไหน
2. ฝึกจนคล่อง ค่อยๆเช็คว่าลดเวลาในการทำลงแค่ไหน
3. สร้างความเคยชิน อย่าให้ขาด
อย่าให้ลูกเครียดจนเกินไปนะครับ
พยายามให้เขามองว่ามันง่าย
แล้วก็เสริมไปในกิจกรรมอื่นๆไปด้วย เช่น เวลาเราเดินซื้อของใน 7-11 ก็แค่ให้ลูกคิดราคาง่ายๆ ซัก 2-3 อย่างดู
หรือหลุดไปทำกิจกรรมอื่นไปเลย เช่น เช้าๆเขาจะชอบให้พาเดินทางไกล วันๆ ก็จะเดินที 3-4 กิโล บางวันออกไป8 โมง เที่ยงๆเลยกว่าจะเข้ามากินข้าว บางทีก็ไปพจญภัยกัน สร้างความสัมพันได้อีก ซึ่งถ้าผมอยู่กับลูก จะไม่จับ มือถือเลยซักครั้ง เพื่อเป็นตัวอย่างให้เขา
ถ้าจะค้นอะไรก็ดูในคอม ฝึกให้เขาพิมพ์ด้วย เช่น จะทำแกงอ่อมเครื่องในหมู ก็ค้นวิธีทำ แล้วก็มากางเต้นทำกัน 2 คน
จะทำน้ำพุก็ค้น แล้วก็มานั่งทำกัน หรือ ต่อวงจรอะไรง่ายๆ ให้เขาดู เก็บข้อมูล เราก็จะมาถามทีหลัง(หลอกว่า ก็พ่อไม่ได้ดูด้วยนี่นา 555)
ดูว่าเขาตอบได้มากน้อย แค่ไหน
แค่นี้ก็พัฒนาไปได้เยอะแล้วครับ
พอพูดถึงลูกก็ฝอยซะยาว 5555
ต้องขอโทษท่านที่เข้ามาอ่านผมฝอยด้วยนะครับ
มันสนุกครับที่ได้อยู่กับเขา
แสดงความคิดเห็น
ลูกวัย 8 ขวบชอบขโมยเงินและขโมยของบำบัดหรือแก้ยังไงได้บ้างคะ?
เคยขโมยเงินแม่ตั้งแต่ 20 บาท ไปจนถึง 500
และไปขโมยเงินเพื่อนของแม่เอง 2000
ขโมยของรถจากเพื่อนที่โรงเรียนโดนคุณครูจับได้ก็ยังขโมยอยู่
ขโมยโทรศัพท์ของเพื่อนด้วย
เหตุผลที่ทำก็เพราะว่าแค่อยากมีอยากได้เฉยๆค่ะ
ของเล่นของกินอะไรที่เขาอยากได้แม่ก็ซื้อให้ ไม่ใช่ว่าไม่ซื้อนะคะ
สั่งงดเล่นโทรศัพท์ก็แล้ว
แม่พูดดีๆก็แล้ว
ตีก็แล้ว
ขู่ว่าจะส่งตำรวจแล้วก็ไปถึงหน้าโรงพักก็ทำมาแล้ว
ช่วยหาทางออกให้หน่อยค่ะ
ไม่รู้จะต้องทำยังไงแล้วค่ะ
ให้แก้แบบไหนกรือติดต่อจิตแพทย์คนไหนหรือให้ไปบำบัดที่หน่วยงานไหนก็ได้ค่ะ
แม่อยากรีบแก้ไขก่อนที่จะแก้ไขไม่ทันค่ะ