สวัสดีค่ะ เราเคยมาตั้งกระทู้ถามเพื่อนๆเรื่องการขาย E-Book ก่อนหน้านี้ก็ศึกษามาเยอะพอสมควร แต่กระทู้เก่าๆเข้าไปคุยก็คงไม่มีใครคุยด้วยแล้ว 55
จุดเริ่มต้นในการลงขาย E-Book มาจากนิยายใน Dek-D เดี๋ยวจะเล่าให้ฟัง ขอย้อนไปไกลๆก่อน
เราชอบอ่านหนังสือ ชอบแบบหลงใหล คลั่งไคล้ 555 ชอบมาตั้งแต่เด็กแล้วค่ะ ชั้นหนังสือเต็มจนล้น ไม่ได้มีเงินเยอะนะคะ เก็บเล็กผสมน้อยเอา พอเข้ามหาวิทยาลัยก็ยืมห้องสมุดอ่าน จนเพื่อนรู้กันว่าเลิกเรียนเราต้องแวะไปห้องสมุด ไปคืนหนังสือแล้วยืมเล่มใหม่ต่อ ปิดเทอมก็ยังต้องนั่งรถเมล์มายืมหนังสือห้องสมุดอ่ะ แน่นอนว่าไม่ใช่หนังสือเรียน 555 พอทำงานก็ยืมห้องสมุดที่ทำงาน เคยติดอันดับคนที่ยืมหนังสือจากห้องสมุดมากที่สุดด้วยนะ ตลกมาก ปีนั้นยืมไป 200 กว่าเล่ม
จนวันหนึ่งเราก็ได้มารู้จักกับ E-Book ไม่นานมานี้เองค่ะ E-Book เล่มแรกที่ซื้อคือบุพเพสันนิวาส ก็ตอนที่ละครออกอากาศนั่นแหละ อินมาก ต้องหานิยายมาอ่าน ช่วงนั้นไม่ได้ออกไปไหนเลยลองกด E-Book มาอ่านดู เฮ้ย มันโอเค แค่สแกนนิ้วก็เสียตังได้แล้ว 555 แล้วหนังสือก็จะเด้งมาอยู่ที่ชั้นวาง เปิดอ่านได้เลย ขยายขนาดตัวอักษรได้ เปลี่ยนสีพื้นหลังได้ สบายตากว่าที่คิด อ่านในที่มืดได้ อ่านบนรถได้(อันนี้ไม่ดี อย่าเอาอย่างนะคะ 😅) ไม่ต้องพกหนังสือหนักๆอีกต่อไป แต่เราก็ยังแอบชอบการได้สัมผัสหนังสือจริงๆมากกว่านิดนึง แต่เพื่อความสะดวกตามที่ว่ามาแล้วก็ถือว่าโอเค
ตัวอย่างชั้นหนังสือ ซื้อของคนไหนบ่อยๆก็ตั้งอัลบั้มแยกเลยค่ะ 55
เราก็เริ่มเก็บนิยายที่ชอบก่อน ลามมาถึงนิยายใหม่ๆ ในแอพ meb เรามีหนังสือเยอะมาก จนไม่กล้าคำนวณราคา 😂คือมันไม่ได้จ่ายเงินจริงๆไง แต่บิลบัตรเครดิตก็มาอยู่ดี เรามีลิมิตให้ตัวเองว่าเดือนนึงซื้อ E-Book ได้ไม่เกินเท่านี้นะถ้ามีเรื่องที่อยากได้แต่หมดงบแล้วก็โหลดแซมเปิ้ลมาอ่านก่อน ไว้กดตอนต้นเดือน อือ ลิมิตมันก็จะเกือบๆเต็มตั้งแต่ต้นเดือนนั่นแหละค่ะ 55 เรื่องที่อยากได้ก็กดมาไว้ใน Wish list ก่อน สะดวกมาก แบ่งเป็นหมวดหมู่ได้อีกด้วย เหมือนการจัดชั้นหนังสือเลย
Wish List
มาวันหนึ่ง เรารู้สึกว่ามีเรื่องที่อยากเล่าให้คนอื่นฟังเหมือนกันนะ ประสบการณ์ชีวิตในวัยเรียน สมัยเรียนมหา'ลัยมันสนุกมากจริงๆ ประสบการณ์ความรักแม้สุดท้ายมันไม่ได้สมหวังเหมือนในนิยายแต่ก็เป็นความทรงจำที่ดี
เราเริ่มเขียนลง Dek-D เป็นรายตอน แรกๆก็ไม่มีคนอ่านหรอกค่ะ 55 พอเริ่มมีคอมเมนต์ เริ่มมีฟีดแบก คนก็เข้ามาอ่านเยอะขึ้นเรื่อยๆ มีเสียงเรียกร้องให้ทำเป็น E-Book ตอนนั้นบอกตามตรงว่าไม่มีความคิดนี้ในหัวเลย คิดว่าลงจนจบเรื่องแล้วทิ้งไว้สักพักอาจจะติดเหรียญเป็นรายตอนเอา
แล้วก็เอาไปลงใน Fictionlog ด้วย ฟีดแบกในนั้นก็ดีเหมือนกัน เริ่มมีขาประจำมาพูดคุยกันทุกวันเวลาลงนิยาย สนุกดีเหมือนมีเพื่อนร่วมเดินทางไปกับเราในทุกๆตอนที่เขียนนิยาย
ใน fictionlog เราติดเหรียญหลังจากลงนิยายจนจบได้สักอาทิตย์นึงค่ะ แต่ต้องได้ครบ 500 ถึงจะถอนได้
จนเขียนจบไป 3 เรื่อง มีคนเรียกร้องเยอะมากว่าให้ทำ E-Book เราก็เริ่มศึกษา หากระทู้เก่าๆอ่าน หาวิธีทำหน้าปก ไปเจอแอพทำรูปก็เลยลองทำ วิธีลงขาย E-Book ก็ไม่ยากเลย แค่มีไฟล์ภาพปก กับไฟล์ไมโครซอฟต์เวิร์ด สมัครขายกับทาง meb ไม่กี่วันก็ผ่านแล้ว เราก็ลองเลย ลงขายครั้งแรก 3 เล่มรวด
ลงขายครั้งแรกวันที่ 28 มกรา ที่ผ่านมา จบเดือน มียอดดาวน์โหลด 11 ยอด ตอนแรกไม่รู้เลยว่าต้องเข้าไปดูตรงไหนยังไงบ้าง ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าขายได้ นึกว่าเวลาขายได้เล่มนึงจะมีอีเมลมาบอก เหมือนเราขายขนมใน shopee พอมีคำสั่งซื้อก็จะมีเมลเด้งมา เราก็นึกว่าขายไม่ได้ ปลอบใจตัวเองว่าการเริ่มต้นมันก็ยากแบบนี้แหละเนอะ
ก็หาข้อมูลเพิ่มค่ะ เลยรู้ว่ายอดโหลดต้องเข้าไปดูตรงไหน ไปเจอเซลรีพอร์ต พบว่าเดือนที่ผ่านมาเราได้เงิน 600 กว่าบาท ไม่รวมยอดที่มีคนซื้อผ่าน apple ดีใจมาก 555 แต่ๆยังไม่ได้เงินนะคะ เพราะเซตไว้ว่ายอดเกิน 1,000 บาททาง meb ถึงจะโอนเงินมา พอรู้ว่ามันขายได้นะ เราก็เริ่มเขียนเรื่องใหม่เลย
เรื่องที่ 4 เราเขียนจนจบเล่ม แล้วทยอยลงใน Dek-D กับ Fictionlog ลงได้ 15 ตอน เราก็เอาลงขายใน meb แจ้งในเว็บที่เราลงรายตอนว่ามี E-Book แล้วนะ ใครไม่อยากรอวันละตอนสามารถไปซื้อ E-Book อ่านได้เลย แต่ในนี้ก็จะลงจนจบเหมือนเดิม คนที่ซื้อ E-Book ไปจะได้อะไร? รออ่านฟรีไม่ดีกว่าเหรอ ใน E-Book จะมีตอนพิเศษค่ะ แล้วก็จะได้อ่านก่อนใคร ไม่ต้องรออ่านทีละตอนๆ
วันแรกที่ลงมียอดโหลดวันเดียว 48 โหลด เราไม่ได้ทำโปรโมชั่นอะไรนะคะ ทุกยอดเป็น Paid dowload count คือยอดโหลดที่คนจ่ายเงินซื้อ วันนั้นเซอร์ไพรส์มาก ดีใจมาก ก็ลุ้นยอดไปทุกวัน
มีการเอานิยายไปแปะตามห้องที่เขาขายนิยายออนไลน์กันบ้าง แต่เราไม่แชร์มาหน้าเฟซบุคส่วนตัวนะคะ เขินอ่ะ 555 มันค่อนข้างจะเป็นนิยายรักหวานแหวว แล้วเฟซบุคส่วนตัวมีทั้งเพื่อนสมัยมหา’ลัยที่เรายืมมาเป็นตัวละครในนิยายที่แบบว่าถ้าอ่านปุ๊บคงจะรู้ปั๊บว่าเป็นมัน มีอาจารย์ที่เคารพนับถือ เจ้านายที่บริษัทเก่า เมียเจ้านายก็เป็นเฟรนด์กันไปอีกคือปกติเราอัธยาศัยค่อนข้างดี 555 เจ้านายที่ทำงานปัจจุบันก็แอดมา เพื่อนเยอะมาก ถ้ารู้ว่าเราแต่งนิยายขายนี่ก็จะเขินมุดดินหนีเลยค่ะ ไม่ไหวๆ
พอมาถึงสิ้นเดือน ทาง meb จะสรุปยอดเงินทุกวันที่ 5
เราก็เข้าไปดูเซลรีพอร์ต น้ำตาจะไหล มียอดหกหมื่นกว่าบาท อันนี้ยังไม่รวมยอดจากการที่มีคนซื้อผ่าน apple นะคะยอดจาก apple จะถูกส่งมาในเดือนถัดไป คำนวณคร่าวๆแล้วก็จะมียอดอีกประมาณเกือบๆ 30,000 แน่ะ โดนภาษีแหงมๆ 😌 ปกติจะได้คืนทุกปีเพราะเงินเดือนน้อย 55
เราทำงานประจำนะคะ สายงานไม่ได้เกี่ยวอะไรเลยกับวงการหนังสือ เป็นแค่คนที่ชอบอ่านหนังสือมากๆเท่านั้นเอง
เอาเวลาที่ไหนไปเขียน?
พิมพ์ในโทรศัพท์นี่และค่ะ ในโน้ต แล้วส่งอีเมลไป ก็อปปี้ลงเวิร์ดแล้วค่อยจัดหน้า พิมพ์ตอนนั่งรถไปทำงาน นั่งไป-กลับ แล้วก็หลังจากลูกหลับ ก็ประมาณ 3 ทุ่มเป็นต้นไป จนกว่าจะง่วง ส่วนใหญ่ก็ 4-5 ทุ่มก็หลับแล้ว
มาเล่าประสบการณ์ให้ฟัง เผื่อมีใครสนใจจะหารายได้พิเศษบ้าง เอาเรื่องที่ตัวเองถนัดมาเขียน พอเราเขียนเองสนุกเอง คนอ่านก็คงจะสนุกด้วย(มั้ง) 555
ตอนนี้ก็เพิ่งเริ่มทำเพจ เผื่อมีนักอ่านอยากมาคุยกัน ทวงงาน 😂 แล้วก็เผื่อทำโปรโมชั่น แจกกิฟโค้ดบ้าง
อยากแชร์ประสบการณ์ ใครเคยขาย E-Book ก็มาคุยกับเค้าได้น้า ไม่รู้ว่าวงการนี้เขาไปเม้ามอยกันที่ไหน นี่อยากตามไป คุยเก่งงง 555
แชร์ประสบการณ์ ลงขาย E-Book ใน meb เดือนแรกได้มา 60,000 กว่าๆ
จุดเริ่มต้นในการลงขาย E-Book มาจากนิยายใน Dek-D เดี๋ยวจะเล่าให้ฟัง ขอย้อนไปไกลๆก่อน
เราชอบอ่านหนังสือ ชอบแบบหลงใหล คลั่งไคล้ 555 ชอบมาตั้งแต่เด็กแล้วค่ะ ชั้นหนังสือเต็มจนล้น ไม่ได้มีเงินเยอะนะคะ เก็บเล็กผสมน้อยเอา พอเข้ามหาวิทยาลัยก็ยืมห้องสมุดอ่าน จนเพื่อนรู้กันว่าเลิกเรียนเราต้องแวะไปห้องสมุด ไปคืนหนังสือแล้วยืมเล่มใหม่ต่อ ปิดเทอมก็ยังต้องนั่งรถเมล์มายืมหนังสือห้องสมุดอ่ะ แน่นอนว่าไม่ใช่หนังสือเรียน 555 พอทำงานก็ยืมห้องสมุดที่ทำงาน เคยติดอันดับคนที่ยืมหนังสือจากห้องสมุดมากที่สุดด้วยนะ ตลกมาก ปีนั้นยืมไป 200 กว่าเล่ม
จนวันหนึ่งเราก็ได้มารู้จักกับ E-Book ไม่นานมานี้เองค่ะ E-Book เล่มแรกที่ซื้อคือบุพเพสันนิวาส ก็ตอนที่ละครออกอากาศนั่นแหละ อินมาก ต้องหานิยายมาอ่าน ช่วงนั้นไม่ได้ออกไปไหนเลยลองกด E-Book มาอ่านดู เฮ้ย มันโอเค แค่สแกนนิ้วก็เสียตังได้แล้ว 555 แล้วหนังสือก็จะเด้งมาอยู่ที่ชั้นวาง เปิดอ่านได้เลย ขยายขนาดตัวอักษรได้ เปลี่ยนสีพื้นหลังได้ สบายตากว่าที่คิด อ่านในที่มืดได้ อ่านบนรถได้(อันนี้ไม่ดี อย่าเอาอย่างนะคะ 😅) ไม่ต้องพกหนังสือหนักๆอีกต่อไป แต่เราก็ยังแอบชอบการได้สัมผัสหนังสือจริงๆมากกว่านิดนึง แต่เพื่อความสะดวกตามที่ว่ามาแล้วก็ถือว่าโอเค
ตัวอย่างชั้นหนังสือ ซื้อของคนไหนบ่อยๆก็ตั้งอัลบั้มแยกเลยค่ะ 55
เราก็เริ่มเก็บนิยายที่ชอบก่อน ลามมาถึงนิยายใหม่ๆ ในแอพ meb เรามีหนังสือเยอะมาก จนไม่กล้าคำนวณราคา 😂คือมันไม่ได้จ่ายเงินจริงๆไง แต่บิลบัตรเครดิตก็มาอยู่ดี เรามีลิมิตให้ตัวเองว่าเดือนนึงซื้อ E-Book ได้ไม่เกินเท่านี้นะถ้ามีเรื่องที่อยากได้แต่หมดงบแล้วก็โหลดแซมเปิ้ลมาอ่านก่อน ไว้กดตอนต้นเดือน อือ ลิมิตมันก็จะเกือบๆเต็มตั้งแต่ต้นเดือนนั่นแหละค่ะ 55 เรื่องที่อยากได้ก็กดมาไว้ใน Wish list ก่อน สะดวกมาก แบ่งเป็นหมวดหมู่ได้อีกด้วย เหมือนการจัดชั้นหนังสือเลย
Wish List
มาวันหนึ่ง เรารู้สึกว่ามีเรื่องที่อยากเล่าให้คนอื่นฟังเหมือนกันนะ ประสบการณ์ชีวิตในวัยเรียน สมัยเรียนมหา'ลัยมันสนุกมากจริงๆ ประสบการณ์ความรักแม้สุดท้ายมันไม่ได้สมหวังเหมือนในนิยายแต่ก็เป็นความทรงจำที่ดี
เราเริ่มเขียนลง Dek-D เป็นรายตอน แรกๆก็ไม่มีคนอ่านหรอกค่ะ 55 พอเริ่มมีคอมเมนต์ เริ่มมีฟีดแบก คนก็เข้ามาอ่านเยอะขึ้นเรื่อยๆ มีเสียงเรียกร้องให้ทำเป็น E-Book ตอนนั้นบอกตามตรงว่าไม่มีความคิดนี้ในหัวเลย คิดว่าลงจนจบเรื่องแล้วทิ้งไว้สักพักอาจจะติดเหรียญเป็นรายตอนเอา
แล้วก็เอาไปลงใน Fictionlog ด้วย ฟีดแบกในนั้นก็ดีเหมือนกัน เริ่มมีขาประจำมาพูดคุยกันทุกวันเวลาลงนิยาย สนุกดีเหมือนมีเพื่อนร่วมเดินทางไปกับเราในทุกๆตอนที่เขียนนิยาย
ใน fictionlog เราติดเหรียญหลังจากลงนิยายจนจบได้สักอาทิตย์นึงค่ะ แต่ต้องได้ครบ 500 ถึงจะถอนได้
จนเขียนจบไป 3 เรื่อง มีคนเรียกร้องเยอะมากว่าให้ทำ E-Book เราก็เริ่มศึกษา หากระทู้เก่าๆอ่าน หาวิธีทำหน้าปก ไปเจอแอพทำรูปก็เลยลองทำ วิธีลงขาย E-Book ก็ไม่ยากเลย แค่มีไฟล์ภาพปก กับไฟล์ไมโครซอฟต์เวิร์ด สมัครขายกับทาง meb ไม่กี่วันก็ผ่านแล้ว เราก็ลองเลย ลงขายครั้งแรก 3 เล่มรวด
ลงขายครั้งแรกวันที่ 28 มกรา ที่ผ่านมา จบเดือน มียอดดาวน์โหลด 11 ยอด ตอนแรกไม่รู้เลยว่าต้องเข้าไปดูตรงไหนยังไงบ้าง ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าขายได้ นึกว่าเวลาขายได้เล่มนึงจะมีอีเมลมาบอก เหมือนเราขายขนมใน shopee พอมีคำสั่งซื้อก็จะมีเมลเด้งมา เราก็นึกว่าขายไม่ได้ ปลอบใจตัวเองว่าการเริ่มต้นมันก็ยากแบบนี้แหละเนอะ
ก็หาข้อมูลเพิ่มค่ะ เลยรู้ว่ายอดโหลดต้องเข้าไปดูตรงไหน ไปเจอเซลรีพอร์ต พบว่าเดือนที่ผ่านมาเราได้เงิน 600 กว่าบาท ไม่รวมยอดที่มีคนซื้อผ่าน apple ดีใจมาก 555 แต่ๆยังไม่ได้เงินนะคะ เพราะเซตไว้ว่ายอดเกิน 1,000 บาททาง meb ถึงจะโอนเงินมา พอรู้ว่ามันขายได้นะ เราก็เริ่มเขียนเรื่องใหม่เลย
เรื่องที่ 4 เราเขียนจนจบเล่ม แล้วทยอยลงใน Dek-D กับ Fictionlog ลงได้ 15 ตอน เราก็เอาลงขายใน meb แจ้งในเว็บที่เราลงรายตอนว่ามี E-Book แล้วนะ ใครไม่อยากรอวันละตอนสามารถไปซื้อ E-Book อ่านได้เลย แต่ในนี้ก็จะลงจนจบเหมือนเดิม คนที่ซื้อ E-Book ไปจะได้อะไร? รออ่านฟรีไม่ดีกว่าเหรอ ใน E-Book จะมีตอนพิเศษค่ะ แล้วก็จะได้อ่านก่อนใคร ไม่ต้องรออ่านทีละตอนๆ
วันแรกที่ลงมียอดโหลดวันเดียว 48 โหลด เราไม่ได้ทำโปรโมชั่นอะไรนะคะ ทุกยอดเป็น Paid dowload count คือยอดโหลดที่คนจ่ายเงินซื้อ วันนั้นเซอร์ไพรส์มาก ดีใจมาก ก็ลุ้นยอดไปทุกวัน
มีการเอานิยายไปแปะตามห้องที่เขาขายนิยายออนไลน์กันบ้าง แต่เราไม่แชร์มาหน้าเฟซบุคส่วนตัวนะคะ เขินอ่ะ 555 มันค่อนข้างจะเป็นนิยายรักหวานแหวว แล้วเฟซบุคส่วนตัวมีทั้งเพื่อนสมัยมหา’ลัยที่เรายืมมาเป็นตัวละครในนิยายที่แบบว่าถ้าอ่านปุ๊บคงจะรู้ปั๊บว่าเป็นมัน มีอาจารย์ที่เคารพนับถือ เจ้านายที่บริษัทเก่า เมียเจ้านายก็เป็นเฟรนด์กันไปอีกคือปกติเราอัธยาศัยค่อนข้างดี 555 เจ้านายที่ทำงานปัจจุบันก็แอดมา เพื่อนเยอะมาก ถ้ารู้ว่าเราแต่งนิยายขายนี่ก็จะเขินมุดดินหนีเลยค่ะ ไม่ไหวๆ
พอมาถึงสิ้นเดือน ทาง meb จะสรุปยอดเงินทุกวันที่ 5
เราก็เข้าไปดูเซลรีพอร์ต น้ำตาจะไหล มียอดหกหมื่นกว่าบาท อันนี้ยังไม่รวมยอดจากการที่มีคนซื้อผ่าน apple นะคะยอดจาก apple จะถูกส่งมาในเดือนถัดไป คำนวณคร่าวๆแล้วก็จะมียอดอีกประมาณเกือบๆ 30,000 แน่ะ โดนภาษีแหงมๆ 😌 ปกติจะได้คืนทุกปีเพราะเงินเดือนน้อย 55
เราทำงานประจำนะคะ สายงานไม่ได้เกี่ยวอะไรเลยกับวงการหนังสือ เป็นแค่คนที่ชอบอ่านหนังสือมากๆเท่านั้นเอง
เอาเวลาที่ไหนไปเขียน?
พิมพ์ในโทรศัพท์นี่และค่ะ ในโน้ต แล้วส่งอีเมลไป ก็อปปี้ลงเวิร์ดแล้วค่อยจัดหน้า พิมพ์ตอนนั่งรถไปทำงาน นั่งไป-กลับ แล้วก็หลังจากลูกหลับ ก็ประมาณ 3 ทุ่มเป็นต้นไป จนกว่าจะง่วง ส่วนใหญ่ก็ 4-5 ทุ่มก็หลับแล้ว
มาเล่าประสบการณ์ให้ฟัง เผื่อมีใครสนใจจะหารายได้พิเศษบ้าง เอาเรื่องที่ตัวเองถนัดมาเขียน พอเราเขียนเองสนุกเอง คนอ่านก็คงจะสนุกด้วย(มั้ง) 555
ตอนนี้ก็เพิ่งเริ่มทำเพจ เผื่อมีนักอ่านอยากมาคุยกัน ทวงงาน 😂 แล้วก็เผื่อทำโปรโมชั่น แจกกิฟโค้ดบ้าง
อยากแชร์ประสบการณ์ ใครเคยขาย E-Book ก็มาคุยกับเค้าได้น้า ไม่รู้ว่าวงการนี้เขาไปเม้ามอยกันที่ไหน นี่อยากตามไป คุยเก่งงง 555