Onward (Dan Scanlon)
9/10
....
"โอ๊ย...หนังสนุกมาก น่ารักมาก ...พิกซาร์ ไม่ทำให้ผิดหวังจริงๆ"
จะว่าไป Onward คือหนังที่มาแบบผิดจังหวะและถูกจังหวะ มากๆ ....ที่ว่ามาผิดจังหวะ คือหนังมาในช่วงจังหวะของผู้คนที่ตื่นกลัวโรค Covid 19 จนไม่กล้าออกไปไหนมาไหน แม้แต่เข้าโรงหนัง ก็ซบเซาลงมากๆ ..แถมหนังยังตัดสินใจไปต่อ ไม่เลื่อนฉายเหมือนเรื่องอื่นๆ จนแอบเสียดายว่า ถ้ามาฉายในช่วงเวลาปกติ หนังน่าจะไปได้ดีกว่านี้มาก ...ส่วนที่ว่ามาถูกจังหวะ คือในช่วงที่คนอยู่ในภาวะตึงเครียดแบบนี้ ...การได้ดู Onward ในโรงภาพยนตร์ (ผมยังเป็นคนหนึ่งที่ยังดูหนังในโรงอยู่นะ แต่ก็ป้องกันตัวเองระดับหนึ่ง) คือยาวิเศษที่จะฟื้นฟูจิตใจ ได้หัวเราะดังลั่นๆ ได้ยิ้ม ได้มีความสุข ได้เบิกบาน ได้น้ำตาซึม ...คือมันดีงามมากๆ มันช่วยให้จิตใจเราที่ห่อเหี่ยว ฟูขึ้นอย่างมาก และหนังยังให้พลังบวก ให้พลังใจที่ดีต่อการมีชีวิตอยู่ในโลกใบนี้ได้อย่างสวยงาม ยอดเยี่ยมมากๆ
Onward ว่าด้วยเรื่องราวของดินแดนแห่งเวทมนตร์ ที่รวมเอาบรรดาสัตว์ในนิยาย สัตว์ในโลกเวทมนตร์อยู่ในดินแดนแห่งนี้ ทั้งพวก เอลฟ์ เซนทอร์ (ครึ่งคนครึ่งม้า) มังกร ...ต่อมาเมือเมืองเริ่มเปลี่ยน ความเจริญต่างๆ เข้ามา เทคโนโลยี วิทยาการสมัยใหม่เข้ามา ทำให้ผู้คนลืมเรื่องราวแห่งเวทมนตร์ การใช้เวทมนตร์เสกให้ไฟติด ก็แทนด้วยไฟฟ้า ...การจุดไฟ ก็แทนด้วยเตาแก็สหรือเตาไฟฟ้า การเดินทางด้วยเวทมนต์ ก็แทนด้วยรถยนต์ จนทำให้การใช้เวทมนตร์เสื่อมลง ...ก่อนที่หนังจะโฟกัสในโลกปัจจุบัน ว่าด้วยสองพี่น้องเผ่าพันธุ์เอลฟ์ ...เอียน (ให้เสียงโดย ทอม ฮอลแลนด์) และ บาร์นีย์ พี่ชาย (ให้เสียงโดย คริส แพตต์) ...ทั้งเอียนและบาร์นีย์ สูญเสียพ่อไปตั้งแต่ยังเด็ก ...เอียน มีนิสัยหนิมๆ ขี้อาย ไม่มั่นใจในตัวเอง ขี้กลัว ไม่กล้าที่จะทำอะไร ยึดติดในคอมฟอร์ตโซน ด้วยความกลัว ..ในขณะที่บาร์นีย์ พี่ชาย นิสัยแทบตรงกันข้าม ห่าม ห้าว ซ่าส์ บ้า ลุย ทำอะไรเหมือนคนไร้สติ จนทำให้ใครๆหลายคนขยาดไม่กล้าคบ (แม้แต่น้องตัวเองยังขยาด) ...ในวันเกิดของเอียน ก็ได้รับของขวัญวันเกิดจากพ่อที่ทิ้งไว้ให้ เป็นไม้เท้าที่จะเปิดโลกแห่งเวทมนตร์ โดยสามารถทำให้พ่อกลับมามีชีวิตอยู่กับลูกๆ ได้หนึ่งวันเต็มๆ ....แต่ด้วยความป่วนของบาร์นีย์ ทำให้เสกให้พ่อกลับมาได้แค่ครึ่งตัว นั่นไปที่มาของการออกผจญภัยของสองพี่น้องที่ต่างกันสุดขั้ว เพื่อตามหาหินวิเศษ ที่จะทำให้ร่างอีกครึ่งหนึ่งของพ่อกลับมาอย่างสมบูรณ์แบบ ด้วยเงื่อนไขเรื่องของเวลาที่ค่อยๆ หมดไป
แม้ว่าเรื่องราวการออกเดินทางของทั้งคู่ เพื่อตามหาหินวิเศษ จะออกแนวสูตรสำเร็จเหมือนหนังฮอลลีวู้ดทั่วไป ตัวละครต่างกัน ต้องออกเดินทางร่วมกันแบบแนว Road Movie ได้เจอเหตุการณ์ต่างๆ มีการฟันฝ่า การเอาตัวรอด การอจญถัย ก่อนจบด้วยการเรียนรู้ซึ่งกันและกัน ...ด้วยแนวทางหนังที่คนดูพอจะเดาออกถึงบทสรุป แต่เรื่องราวระหว่างทางของหนังต่างหาก ที่ผู้กำกับแดน สแกนลอน ทำได้อย่างสนุกมาก มีเสน่ห์ มีสีสัน ด้วยมุกตลก แก๊กต่างๆ ทั้งการเสียดสีโลกยุคใหม่ การนำคาแรกเตอร์ตัวละครมาเล่นได้อย่างลงตัว ทำให้ Onward คืองานอีกชิ้นของพิกซาร์ ที่ดูสนุกมาก สารภาพเลยว่าหัวเราะดังลั่นมากในโรงหนัง ...เราได้ปลดปล่อยตัวเองจากความเครียดได้เยอะมาก เมื่อดูหนังเรื่องนี้ ...ขณะเดียวกัน ในช่วงบทสรุป ก็ยังได้ข้อคิดดีๆ ในเรื่องของการใช้ชีวิต ...ผมมองว่าทุกช่วงเวลาของชีวิตมีความหมาย เราควรใช้ชีวิตให้คุ้มค่า เราควรเดินหน้า ไปต่อ อย่ากลัว จงเชื่อมั่น จงมั่นใจ และออกไปทำในสิ่งที่อยากทำจริงๆ (อย่ามัวทำแค่ใน To Do List ในเศษกระดาษว่าจะทำอะไร)
ข้อคิดนี้เอง ในสถานการณ์ Covid 19 ที่หลายคนกลัว ไม่กล้าไปไหน ...แต่จริงๆ แล้ว เราควรเรียนรู้ที่จะอยู่กับความกลัวนั้นอย่างมีสติ (สติ สำหรับผมสำคัญมาก) ควรกลั่นกรองในการรับสื่อต่างๆ (ข่าวลือ เฟคนิวส์แต่ละวันเยอะมากๆ ส่วนใหญ่ข่าวปลอมทั้งนั้น) เรียนรู้ เข้าใจโรคว่ามันติดกันได้ยังไง และป้องกัน ไม่ประมาท ...ที่สำคัญ สำหรับผม การเลือกอยู่กับความกลัว ในคอมฟอร์ทโซน ไม่ได้ช่วยใหอะไรดีขึ้น (ยกเว้นพวกต้องกักตัวนะ) สำหรับคนปกติ การออกไปใช้ชีวิตอย่างมีสติและรู้จักการป้องกันต่างหาก การเดินไปข้างหน้าต่างหาก นั่นแหละดีที่สุด (สำหรับผมนะ) ...เหมือนอย่างตัวละครเอียนในหนัง ...การกล้าออกไปทำอะไรใหม่ๆ ออกจากความกลัว ความไม่มั่นใจ ทำให้เอียนได้เรียนรู้ ได้เปิดตัวเอง เปิดโลกใหม่ๆ เปิดการใช้ชีวิตได้อย่างคุ้มค่ามากๆ
สำหรับผม Onward คือหนังที่คุ้มค่ามาก (คุ้มพอที่จะออกจากบ้านไปตีตั๋วดูหนังในสถานการณ์ Covid19) ... ถ้าคุณจะกล้าออกมา แล้วเข้าโรงหนังเพื่อรับชม มันไม่ได้แค่สนุกมาก มันไม่ได้แค่ทำให้เรายิ้ม มีความสุข หัวเราะ ร้องไห้ แต่มันทำให้ได้ย้อนกลับมามองตัวเองว่า
"เราใช้ชีวิตของเรานั้นได้อย่างคุ้มค่า และมีคุณค่าพอหรือยัง"
เหมือนชื่อของหนัง Onward ที่หมายถึงการก้าวเดินต่อไปข้างหน้าของชีวิตของเราอย่างมั่นคง
Facebook :
https://www.facebook.com/eattravelmoviecritic/
[CR] รีวิว : "Onward" หนังน่ารักมาก สนุกมาก คุ้มค่ากับการฝ่าไวรัสไปดูในโรงภาพยนตร์
9/10
....
"โอ๊ย...หนังสนุกมาก น่ารักมาก ...พิกซาร์ ไม่ทำให้ผิดหวังจริงๆ"
จะว่าไป Onward คือหนังที่มาแบบผิดจังหวะและถูกจังหวะ มากๆ ....ที่ว่ามาผิดจังหวะ คือหนังมาในช่วงจังหวะของผู้คนที่ตื่นกลัวโรค Covid 19 จนไม่กล้าออกไปไหนมาไหน แม้แต่เข้าโรงหนัง ก็ซบเซาลงมากๆ ..แถมหนังยังตัดสินใจไปต่อ ไม่เลื่อนฉายเหมือนเรื่องอื่นๆ จนแอบเสียดายว่า ถ้ามาฉายในช่วงเวลาปกติ หนังน่าจะไปได้ดีกว่านี้มาก ...ส่วนที่ว่ามาถูกจังหวะ คือในช่วงที่คนอยู่ในภาวะตึงเครียดแบบนี้ ...การได้ดู Onward ในโรงภาพยนตร์ (ผมยังเป็นคนหนึ่งที่ยังดูหนังในโรงอยู่นะ แต่ก็ป้องกันตัวเองระดับหนึ่ง) คือยาวิเศษที่จะฟื้นฟูจิตใจ ได้หัวเราะดังลั่นๆ ได้ยิ้ม ได้มีความสุข ได้เบิกบาน ได้น้ำตาซึม ...คือมันดีงามมากๆ มันช่วยให้จิตใจเราที่ห่อเหี่ยว ฟูขึ้นอย่างมาก และหนังยังให้พลังบวก ให้พลังใจที่ดีต่อการมีชีวิตอยู่ในโลกใบนี้ได้อย่างสวยงาม ยอดเยี่ยมมากๆ
Onward ว่าด้วยเรื่องราวของดินแดนแห่งเวทมนตร์ ที่รวมเอาบรรดาสัตว์ในนิยาย สัตว์ในโลกเวทมนตร์อยู่ในดินแดนแห่งนี้ ทั้งพวก เอลฟ์ เซนทอร์ (ครึ่งคนครึ่งม้า) มังกร ...ต่อมาเมือเมืองเริ่มเปลี่ยน ความเจริญต่างๆ เข้ามา เทคโนโลยี วิทยาการสมัยใหม่เข้ามา ทำให้ผู้คนลืมเรื่องราวแห่งเวทมนตร์ การใช้เวทมนตร์เสกให้ไฟติด ก็แทนด้วยไฟฟ้า ...การจุดไฟ ก็แทนด้วยเตาแก็สหรือเตาไฟฟ้า การเดินทางด้วยเวทมนต์ ก็แทนด้วยรถยนต์ จนทำให้การใช้เวทมนตร์เสื่อมลง ...ก่อนที่หนังจะโฟกัสในโลกปัจจุบัน ว่าด้วยสองพี่น้องเผ่าพันธุ์เอลฟ์ ...เอียน (ให้เสียงโดย ทอม ฮอลแลนด์) และ บาร์นีย์ พี่ชาย (ให้เสียงโดย คริส แพตต์) ...ทั้งเอียนและบาร์นีย์ สูญเสียพ่อไปตั้งแต่ยังเด็ก ...เอียน มีนิสัยหนิมๆ ขี้อาย ไม่มั่นใจในตัวเอง ขี้กลัว ไม่กล้าที่จะทำอะไร ยึดติดในคอมฟอร์ตโซน ด้วยความกลัว ..ในขณะที่บาร์นีย์ พี่ชาย นิสัยแทบตรงกันข้าม ห่าม ห้าว ซ่าส์ บ้า ลุย ทำอะไรเหมือนคนไร้สติ จนทำให้ใครๆหลายคนขยาดไม่กล้าคบ (แม้แต่น้องตัวเองยังขยาด) ...ในวันเกิดของเอียน ก็ได้รับของขวัญวันเกิดจากพ่อที่ทิ้งไว้ให้ เป็นไม้เท้าที่จะเปิดโลกแห่งเวทมนตร์ โดยสามารถทำให้พ่อกลับมามีชีวิตอยู่กับลูกๆ ได้หนึ่งวันเต็มๆ ....แต่ด้วยความป่วนของบาร์นีย์ ทำให้เสกให้พ่อกลับมาได้แค่ครึ่งตัว นั่นไปที่มาของการออกผจญภัยของสองพี่น้องที่ต่างกันสุดขั้ว เพื่อตามหาหินวิเศษ ที่จะทำให้ร่างอีกครึ่งหนึ่งของพ่อกลับมาอย่างสมบูรณ์แบบ ด้วยเงื่อนไขเรื่องของเวลาที่ค่อยๆ หมดไป
แม้ว่าเรื่องราวการออกเดินทางของทั้งคู่ เพื่อตามหาหินวิเศษ จะออกแนวสูตรสำเร็จเหมือนหนังฮอลลีวู้ดทั่วไป ตัวละครต่างกัน ต้องออกเดินทางร่วมกันแบบแนว Road Movie ได้เจอเหตุการณ์ต่างๆ มีการฟันฝ่า การเอาตัวรอด การอจญถัย ก่อนจบด้วยการเรียนรู้ซึ่งกันและกัน ...ด้วยแนวทางหนังที่คนดูพอจะเดาออกถึงบทสรุป แต่เรื่องราวระหว่างทางของหนังต่างหาก ที่ผู้กำกับแดน สแกนลอน ทำได้อย่างสนุกมาก มีเสน่ห์ มีสีสัน ด้วยมุกตลก แก๊กต่างๆ ทั้งการเสียดสีโลกยุคใหม่ การนำคาแรกเตอร์ตัวละครมาเล่นได้อย่างลงตัว ทำให้ Onward คืองานอีกชิ้นของพิกซาร์ ที่ดูสนุกมาก สารภาพเลยว่าหัวเราะดังลั่นมากในโรงหนัง ...เราได้ปลดปล่อยตัวเองจากความเครียดได้เยอะมาก เมื่อดูหนังเรื่องนี้ ...ขณะเดียวกัน ในช่วงบทสรุป ก็ยังได้ข้อคิดดีๆ ในเรื่องของการใช้ชีวิต ...ผมมองว่าทุกช่วงเวลาของชีวิตมีความหมาย เราควรใช้ชีวิตให้คุ้มค่า เราควรเดินหน้า ไปต่อ อย่ากลัว จงเชื่อมั่น จงมั่นใจ และออกไปทำในสิ่งที่อยากทำจริงๆ (อย่ามัวทำแค่ใน To Do List ในเศษกระดาษว่าจะทำอะไร)
ข้อคิดนี้เอง ในสถานการณ์ Covid 19 ที่หลายคนกลัว ไม่กล้าไปไหน ...แต่จริงๆ แล้ว เราควรเรียนรู้ที่จะอยู่กับความกลัวนั้นอย่างมีสติ (สติ สำหรับผมสำคัญมาก) ควรกลั่นกรองในการรับสื่อต่างๆ (ข่าวลือ เฟคนิวส์แต่ละวันเยอะมากๆ ส่วนใหญ่ข่าวปลอมทั้งนั้น) เรียนรู้ เข้าใจโรคว่ามันติดกันได้ยังไง และป้องกัน ไม่ประมาท ...ที่สำคัญ สำหรับผม การเลือกอยู่กับความกลัว ในคอมฟอร์ทโซน ไม่ได้ช่วยใหอะไรดีขึ้น (ยกเว้นพวกต้องกักตัวนะ) สำหรับคนปกติ การออกไปใช้ชีวิตอย่างมีสติและรู้จักการป้องกันต่างหาก การเดินไปข้างหน้าต่างหาก นั่นแหละดีที่สุด (สำหรับผมนะ) ...เหมือนอย่างตัวละครเอียนในหนัง ...การกล้าออกไปทำอะไรใหม่ๆ ออกจากความกลัว ความไม่มั่นใจ ทำให้เอียนได้เรียนรู้ ได้เปิดตัวเอง เปิดโลกใหม่ๆ เปิดการใช้ชีวิตได้อย่างคุ้มค่ามากๆ
สำหรับผม Onward คือหนังที่คุ้มค่ามาก (คุ้มพอที่จะออกจากบ้านไปตีตั๋วดูหนังในสถานการณ์ Covid19) ... ถ้าคุณจะกล้าออกมา แล้วเข้าโรงหนังเพื่อรับชม มันไม่ได้แค่สนุกมาก มันไม่ได้แค่ทำให้เรายิ้ม มีความสุข หัวเราะ ร้องไห้ แต่มันทำให้ได้ย้อนกลับมามองตัวเองว่า
"เราใช้ชีวิตของเรานั้นได้อย่างคุ้มค่า และมีคุณค่าพอหรือยัง"
เหมือนชื่อของหนัง Onward ที่หมายถึงการก้าวเดินต่อไปข้างหน้าของชีวิตของเราอย่างมั่นคง
Facebook : https://www.facebook.com/eattravelmoviecritic/
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้