หลังจากที่ The Mummy เวอร์ชั่นล่าสุด ที่เสมือนเป็นจุดเริ่มต้นของ The Dark Universe เจ๊งไม่เป็นท่า โครงการนี้ก็ถูกพับไปพร้อมกับดาราดังมากมายที่ถูกวางตัวไว้ให้มารับบทเหล่า Monsters เวอร์ชั่นใหม่ ก็ต้องเป็นอันแยกทางกันไป ซึ่งก็เป็นที่น่าเสียดายกับดาราหลายๆ คน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง คนที่จะรับบทเป็น The Invisible Man ในเวอร์ชั่น The Dark Universe ที่ตกลงกันว่า Johnny Depp จะมาเล่นให้ แต่พอเรื่องแรกในจักรวาลเจ๊งไม่เป็นท่า ก็เลยอดดูกันไป
จนเมื่อ Blumhouse Productions ได้รับช่วงต่อจับ The Invisible Man มาทำใหม่เป็นเรื่องแรก มันก็เกิดเป็นความท้าทายขึ้น โดยเฉพาะการทำใหม่ครั้งนี้ ทุนสร้างแค่ 9 ล้านเหรียญสหรัฐ เท่านั้น ซึ่งถือว่าต่ำมาก บวกกับดาราที่ไม่ใช่ดาราแม่เหล็กเลยสักคน ซึ่งดาราตัวหลักอย่าง Elisabeth Moss ถึงจะมีรางวัลติดตัวมาบ้าง แต่ก็ไม่ได้ถือว่าดึงดูดเท่ากับการที่คนดูอยากเข้าไปเห็น The Invisible Man เวอร์ชั่นใหม่ครั้งนี้ว่าจะมีดีแค่ไหนกันเชียว
เรื่องราวเล่าถึง Cicilia ภรรยาสาวของ Adrian ดร. นักทัศนศาสตร์ ที่มีนิสัยชอบควมคุมคนรอบตัว เมื่อไม่ได้ดังใจก็จะทำร้ายร่างกาย Cicilia จนเธอทนไม่ได้ต้องหนีออกมา เมื่อ Cicilia หนีออกมาได้ ก็มีข่าวว่า Adrian ฆ่าตัวตายประชดรัก และมอบมรดกให้กับภรรยาของเขา แต่เหตุการณ์แปลกๆ ก็เกิดขึ้นเมื่อ Cicilia รู้สึกว่า Adrian ยังตามหลอกหลอนเธออยู่ และพยายามจะทำร้ายเธอและคนรอบข้างอย่างโหดเหี้ยม แต่ทุกคนกลับไม่เชื่อเธอเพราะทุกคนคิดว่าเธอเสียสติ คนตายไปแล้วจะมาทำร้ายเธอได้อย่างไร
หนังเดินเรื่องได้ดูลึกลับน่าติดตามตั้งแต่ต้นเรื่อง เนื้อเรื่องหลอกคนดูอยู่แทบจะทุกวินาทีของหนัง เนื้อเรื่องพลิกไปพลิกมาหลายตลบจนยากจะคาดเดา แต่อาจจะมีแค่ช่วงท้ายที่พอจะเดาได้บ้าง แต่ก็ไม่ถึงกับตกม้าตายอะไร ผู้กำกับเลือกที่จะใช้มุมกล้องแช่นิ่งๆ หลายฉากมากเพื่อให้คนดูสงสัยและตั้งคำถามว่า ตรงที่กล้องมันแช่อยู่ มีคนมนุษย์ล่องหนยืนอยู่จริงๆ หรือไม่ หรือมนุษย์ล่องหนจะโผล่มาทางตรงไหนกันแน่ แล้วก็ใช้จังหวะหลอกให้คนดูสะดุ้งได้เรื่อยๆ ตลอดทั้งเรื่อง
ต้องบอกว่า Elisabeth Moss ในบท Cicilia คือทุกอย่างของเรื่องนี้จริงๆ ถึงแม้จะไม่ใช่ดาราดังอะไรมากมาย แต่การแสดงของเธอทั้งในฉากที่ต้องเล่นกับความว่างเปล่าตรงหน้า ฉากที่ต้องเจอกับมนุษย์ล่องหน หรือฉากที่ต้องเล่นกับตัวละครอื่นๆ ดูแล้วทึ่งกับความสามารถของดาราสาวคนนี้มากๆ เรียกว่าแบกหนังทั้งเรื่องไว้ได้อย่างสบายๆ ส่วนนักแสดงอีกคนที่ถือว่าเป็นตัวหลักของเรื่องอย่าง Oliver Jackson-Cohen ที่รับบท Adrian คนนี้แทบจะไม่เห็นตัวของเค้าเลย แต่ในตอนท้ายซีนที่ต้องแสดงความโรคจิตออกมาก็ทำได้อย่างยอดเยี่ยม ส่วนนักแสดงคนอื่นก็ถือว่าเป็นน้ำจิ้มของเรื่องที่ทำให้แซ่บขึ้นไปอีก
จุดอ่อนของหนังจุดเดียวที่ผมเจอคือ การที่หนังไม่ได้ให้ Background เกี่ยวกับตัวละครเลยแม้แต่น้อย มันเลยอาจจะทำให้คนดูเกิดข้อสงสัยตั้งแต่ต้น จนถึงแม้หนังจะจบแล้วก็ยังสงสัยอยู่ เพียงแต่จุดด้อยเล็กๆ นี้ไม่อาจทำอะไรจุดแข็งอันกล้าแกร่งของหนังที่ทำมาได้ดีตลอดทั้งเรื่อง เรื่องของ sound ประกอบถึงแม้หนังจะไม่ได้ใช้เสียงเยอะแยะมากมาย ออกจะเงียบด้วยซ้ำ แต่พอจังหวะที่หนังต้องใช้เสียงและเพลงประกอบ หนังกลับใช้มันสร้างอารมณ์ร่วมได้อย่างยอดเยี่ยม
ก็ต้องบอกว่า The Invisible Man หลายเป็นหนังทุนต่ำที่สร้าง “Surprise” ให้คนดูได้อย่างน่าทึ่ง กลายเป็นว่า Blumhouse Productions ผู้ซึ่งไปรับช่วงต่อ The Dark Universe น่าจะมีแรงสร้างเรื่องอื่นออกมาอีกแน่ๆ เพราะเรื่องนี้คาดว่าจะกวาดรายได้และคำชมมากมายอย่างแน่นอน ก็ถือว่าหนังใช้คำว่า “Surprise” ได้ทั้งในเรื่องและนอกเรื่องได้เต็มปากจริงๆ
ฝากเพจหนังเล็กๆ ด้วยนะครับ >>>
https://www.facebook.com/DooNangGunMai/
[CR] [#Review] The Invisible Man มนุษย์ล่องหน - หนังสุดหลอนที่โคตร “Surprise” ที่จุดประกายความหวังให้แก่ The Dark Universe
หลังจากที่ The Mummy เวอร์ชั่นล่าสุด ที่เสมือนเป็นจุดเริ่มต้นของ The Dark Universe เจ๊งไม่เป็นท่า โครงการนี้ก็ถูกพับไปพร้อมกับดาราดังมากมายที่ถูกวางตัวไว้ให้มารับบทเหล่า Monsters เวอร์ชั่นใหม่ ก็ต้องเป็นอันแยกทางกันไป ซึ่งก็เป็นที่น่าเสียดายกับดาราหลายๆ คน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง คนที่จะรับบทเป็น The Invisible Man ในเวอร์ชั่น The Dark Universe ที่ตกลงกันว่า Johnny Depp จะมาเล่นให้ แต่พอเรื่องแรกในจักรวาลเจ๊งไม่เป็นท่า ก็เลยอดดูกันไป
จนเมื่อ Blumhouse Productions ได้รับช่วงต่อจับ The Invisible Man มาทำใหม่เป็นเรื่องแรก มันก็เกิดเป็นความท้าทายขึ้น โดยเฉพาะการทำใหม่ครั้งนี้ ทุนสร้างแค่ 9 ล้านเหรียญสหรัฐ เท่านั้น ซึ่งถือว่าต่ำมาก บวกกับดาราที่ไม่ใช่ดาราแม่เหล็กเลยสักคน ซึ่งดาราตัวหลักอย่าง Elisabeth Moss ถึงจะมีรางวัลติดตัวมาบ้าง แต่ก็ไม่ได้ถือว่าดึงดูดเท่ากับการที่คนดูอยากเข้าไปเห็น The Invisible Man เวอร์ชั่นใหม่ครั้งนี้ว่าจะมีดีแค่ไหนกันเชียว
เรื่องราวเล่าถึง Cicilia ภรรยาสาวของ Adrian ดร. นักทัศนศาสตร์ ที่มีนิสัยชอบควมคุมคนรอบตัว เมื่อไม่ได้ดังใจก็จะทำร้ายร่างกาย Cicilia จนเธอทนไม่ได้ต้องหนีออกมา เมื่อ Cicilia หนีออกมาได้ ก็มีข่าวว่า Adrian ฆ่าตัวตายประชดรัก และมอบมรดกให้กับภรรยาของเขา แต่เหตุการณ์แปลกๆ ก็เกิดขึ้นเมื่อ Cicilia รู้สึกว่า Adrian ยังตามหลอกหลอนเธออยู่ และพยายามจะทำร้ายเธอและคนรอบข้างอย่างโหดเหี้ยม แต่ทุกคนกลับไม่เชื่อเธอเพราะทุกคนคิดว่าเธอเสียสติ คนตายไปแล้วจะมาทำร้ายเธอได้อย่างไร
หนังเดินเรื่องได้ดูลึกลับน่าติดตามตั้งแต่ต้นเรื่อง เนื้อเรื่องหลอกคนดูอยู่แทบจะทุกวินาทีของหนัง เนื้อเรื่องพลิกไปพลิกมาหลายตลบจนยากจะคาดเดา แต่อาจจะมีแค่ช่วงท้ายที่พอจะเดาได้บ้าง แต่ก็ไม่ถึงกับตกม้าตายอะไร ผู้กำกับเลือกที่จะใช้มุมกล้องแช่นิ่งๆ หลายฉากมากเพื่อให้คนดูสงสัยและตั้งคำถามว่า ตรงที่กล้องมันแช่อยู่ มีคนมนุษย์ล่องหนยืนอยู่จริงๆ หรือไม่ หรือมนุษย์ล่องหนจะโผล่มาทางตรงไหนกันแน่ แล้วก็ใช้จังหวะหลอกให้คนดูสะดุ้งได้เรื่อยๆ ตลอดทั้งเรื่อง
ต้องบอกว่า Elisabeth Moss ในบท Cicilia คือทุกอย่างของเรื่องนี้จริงๆ ถึงแม้จะไม่ใช่ดาราดังอะไรมากมาย แต่การแสดงของเธอทั้งในฉากที่ต้องเล่นกับความว่างเปล่าตรงหน้า ฉากที่ต้องเจอกับมนุษย์ล่องหน หรือฉากที่ต้องเล่นกับตัวละครอื่นๆ ดูแล้วทึ่งกับความสามารถของดาราสาวคนนี้มากๆ เรียกว่าแบกหนังทั้งเรื่องไว้ได้อย่างสบายๆ ส่วนนักแสดงอีกคนที่ถือว่าเป็นตัวหลักของเรื่องอย่าง Oliver Jackson-Cohen ที่รับบท Adrian คนนี้แทบจะไม่เห็นตัวของเค้าเลย แต่ในตอนท้ายซีนที่ต้องแสดงความโรคจิตออกมาก็ทำได้อย่างยอดเยี่ยม ส่วนนักแสดงคนอื่นก็ถือว่าเป็นน้ำจิ้มของเรื่องที่ทำให้แซ่บขึ้นไปอีก
จุดอ่อนของหนังจุดเดียวที่ผมเจอคือ การที่หนังไม่ได้ให้ Background เกี่ยวกับตัวละครเลยแม้แต่น้อย มันเลยอาจจะทำให้คนดูเกิดข้อสงสัยตั้งแต่ต้น จนถึงแม้หนังจะจบแล้วก็ยังสงสัยอยู่ เพียงแต่จุดด้อยเล็กๆ นี้ไม่อาจทำอะไรจุดแข็งอันกล้าแกร่งของหนังที่ทำมาได้ดีตลอดทั้งเรื่อง เรื่องของ sound ประกอบถึงแม้หนังจะไม่ได้ใช้เสียงเยอะแยะมากมาย ออกจะเงียบด้วยซ้ำ แต่พอจังหวะที่หนังต้องใช้เสียงและเพลงประกอบ หนังกลับใช้มันสร้างอารมณ์ร่วมได้อย่างยอดเยี่ยม
ก็ต้องบอกว่า The Invisible Man หลายเป็นหนังทุนต่ำที่สร้าง “Surprise” ให้คนดูได้อย่างน่าทึ่ง กลายเป็นว่า Blumhouse Productions ผู้ซึ่งไปรับช่วงต่อ The Dark Universe น่าจะมีแรงสร้างเรื่องอื่นออกมาอีกแน่ๆ เพราะเรื่องนี้คาดว่าจะกวาดรายได้และคำชมมากมายอย่างแน่นอน ก็ถือว่าหนังใช้คำว่า “Surprise” ได้ทั้งในเรื่องและนอกเรื่องได้เต็มปากจริงๆ
ฝากเพจหนังเล็กๆ ด้วยนะครับ >>> https://www.facebook.com/DooNangGunMai/
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้