เที่ยว Peru แแบเห็น แก่ กิน (อยู่สบาย) part 4

วันที่หก มาชู
 
วันนี้ต้องตื่นเช้า เนื่องจากเราจองรถไฟ Bingham ไว้ตอน 8 โมงครึ่ง ต้องไปขึ้นที่ Poroy station ที่อยู่ห่างจากตัวเมืองไปครึ่งช.ม. เราตั้งใจไปถึงเร็วเป็นพิเศษ เพราะมี Show กับ Welcome champagne รออยู่ ดังนั้นมื้อเช้าวันนี้กินเร็วมากเพราะมีของดีรออยู่
 
ไปรอรถไฟถึงประมาณ 8โมง ก็มีชาวเผ่าอินคาแต่งตัวพื้นเมืองออกมาร้องกึ่งสวด มารู้ทีหลังว่าเป็นการให้พร (ขอให้ไม่เดินตกเขา)ระหว่างนั้นก็มี Champagne free flow ออกมาเสริฟ นับเป็นจุดเริ่มต้นของ 4 ช.ม.ของการกินเหล้าแบบไม่จำกัด สวรรค์ของลุงขี้เมาจากบ้านดงเชียงใหม่
 
ขออนุญาตอธิบายรถไฟ Belmond นิดหน่อย Belmond ก็คือ Orient Express นั่นเอง ปัจจุบัน ก็โดน LVMH ซื้อไปแล้วด้วย ที่นอกจากทำโรงแรมหรูแล้วยังมีบริการรถไฟหรู ที่อังกฤษ ไอแลนด์ สกอตแลนด์ เวนิส เอเชียตะวันตกเฉียงใต้ รวมถึง Peru ที่ก็มีหลายเส้นทางอยู่รวมถึงเส้นทาง Cusco ไป Machu Pichu ด้วย หลักหลักการบริการให้นึกถึงเครื่องบิน First Class แต่ไปอยู่ในรถไฟ การจองนี่ค่อนข้างยากเพราะเต็มเร็วมาก เราจองโรงแรมที่จะไปพักที่มาชูก่อน แล้วค่อยจองรถขบวนนี้ สุดท้ายค่อยจองตั๋วเครื่องบิน อ้อเราเอากระเป๋าใบเล็กใส่ของสําหรับนอน 1 คืน ส่วนใบใหญ่ฝากไว้ที่โรงแรม เนื่องจากรถไฟ Belmond ส่ง email มาบอกตั้งแต่ 1 เดือนก่อนมาแล้วว่า ไม่ควรเอากระเป๋าใหญ่มา ขอบคุณครับ Belmond
 
กลับมาที่ขบวนรถไฟเรา หลังจากที่เคลื่อนตัวออกจากสถานีก็มี waitress มารับ order Welcome drink รวมถึงอาหาร เสร็จแล้วเรารีบไปจองที่ที่ตู้เสบียง ที่มี่แต่เหล้าและดนตรี อันนี้อยู่ท้ายขบวน เราใช้เวลาอยู่ในนี้พอสมควร ก่อนกลับมาขบวนรถ เพื่อทานอาหาร สองข้างทางสวยมากทำให้คิดถึงรถไฟใน Swiss มื้อกลางวันนี้เสริฟ์เป็น Peruvian Wonton with ham and cheese มาพร้อมกับ Montes Classic Chardonnay
 
ใช้เวลาเดินทางทั้งหมด 3 ช.ม. ครึ่ง ก็ถึงสถานีปลายทาง จากสถานีไปมาชูไปได้วิธีเดียวคือนั่งรถบัส ปกติค่ารถค่อนข้างแพง ($50ต่อเที่ยว) แต่พอดีเราจองโรงแรมข้างบนนั้น Belmond Sanctuary Lodge ซึ่งเป็นโรงแรมเดียวที่อยู่บนทางขึ้น Machu Pichu เราเลยไม่ต้องเสียเงิน แล้วมีพนักงานยกกระเป๋าไปส่งถึงห้อง จากสถานีเดินออกไปนั่งรถบัส เหมือนจตุจักรเลย มีขายของล่อนักท่องเที่ยวทั่วไป
 
โรงแรม Belmond นี่เป็นโรงแรมเดียวบนดอย เลยราคาค่อนข้างสูง (มากกกก ลุงขายองุ่นส่งโครงการหลวงทั้งปีน่าจะพักได้หนึ่งคืน)เพิ่งเข้าใจหลักเศรฐศาสตร์วันนี้เอง
 
ห้องเราเป็นห้อง Suite ตั้งอยู่ฝั่งที่หันหน้าไปมาชูพอดี ภายในห้องมี Rum และ Pisco คอยต้อนรับอยู่ แต่เรากินไม่ได้มากเพราะห้องมากับอาหารและเครื่องดื่มแบบไม่อั้น
 
รถบัสจากสถานีรถไฟใช้เวลานานพอสมควรกว่าจะถึงโรงแรม เพราะทางคดเคี้ยวมาก บางช่วงหักสอก สวยกันไม่ได้ ต้องถอยยาว พอถึงเรารีบเช็คอินแล้วออกมาเดินกับไกด์และคณะของ Belmond ที่ส่วนใหญ่มารถไฟเที่ยวเช้าแล้วมาเดินทัวร์มาชู 2-3 ช.ม.ลงมานั่งจิบชาแล้วกลับ Cusco ตอนเย็น
 
ทัวร์ Citadel Machu Pichu นี่แค่เดินรอบรอบไม่ได้ข็นไปถึงยอด แค่นี้ก็ใช้เวลาหลายชั่วโมงแล้ว เพราะบริเวณกว้างมาก ไม่รู้รอดพ้นสายตานักล่าอาณานิคมจากสเปนไปได้อย่างไร บ้างก็ว่าเป็นมนต์ขลังชาวอินคา เลยเลิดลอดมาจนถึงนาย Hiram Bingham ชาวอเมริกัน มาค้นพบในปีค.ศ. 1911 รู้สึกขนลุกตลอดทางที่เดินอยู่ในนั้น มีสถานที่สำคัญๆ ที่แสดงให้เห็นถึงความเป็นอยู่ ถ่ายรูปแทบจะไม่ทัน
 
เดินจนเหนื่อยก็กลับโรงแรมที่อยู่ตรงประตูเข้ามาชู ได้เวลา Happy Hour พอดี วันนี้กินไวน์ดีกว่า เข้ากับบรรยากาศ ที่ Peru นี้ ถึงไม่ดังเรื่องไวน์ แต่ก็สามารถหาไวน์ดีดีจาก Argentina และ Chile ได้ตามโรงแรมและร้านอาหารทั่วไป
 
จากนั้นไปเดินเล่นชมภายในโรงแรม ที่บรรยากาศคล้ายเขาใหญ่เหมือนกัน อย่างที่บอก โรงแรมนี้ถึงไม่หรูหราสมราคา แต่เป็นโรงแรมเดียวบนนี้ และมีร้านอาหารเดียวข้างบนดอยอีกต่างหาก ยังไงก็ต้องง้อเค้านะ ห้องพักเราเป็น suite ที่ห้องนั่งเล่นกับห้องนอนแยกกัน
 
มื้อเย็นเป็นดินเนอร์ที่รวมมากับห้องพัก แบบเราที่จะสั่งอะไรก็ได้จากเมนู เครื่องดื่มไม่อั้น ก็เลยทําwine tasting ซะเลย อาหารอร่อยเราสั่งทั้งเนื้อทั้งปลามาลอง ตบท้ายด้วยไอติม หลังอาหารฝนเริ่มเทลงมาแล้วตกตลอดทั้งคืน เลยต้องลุ้นว่าพรุ่งนี้จะเป็นยังไง
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่