โนอาห์ 63 บทส่งท้าย

กระทู้สนทนา
“ซีล พาฉันกลับไปเดี๋ยวนี้!” นพรัตน์ออกคำสั่งหุ่นยนต์รูปแมวน้ำ
 
            “ไม่ทันแล้วครับนพ และนัทตั้งวงจรไม่ให้รับคำสั่งจากคุณด้วย” เจ้าหุ่นแมวน้ำตอบ
 
            ก่อนนพรัตน์จะตั้งป้อมทะเลาะกับหุ่นยนต์ เสียงเพลงก็ดังขึ้นจากทุกอณูอากาศ คุณพี่ชายจำได้แน่ๆว่าเป็นเสียงของคุณน้องชาย มันก้องกังวานและอ่อนโยนชวนให้น้ำตาไหล แม้ณัฐกานต์จะเป็นพวกร้องเพลงผิดคีย์ก็ตาม
 
            ในฉับพลันนั้นนาโนบอทนับแสนล้านก็รับคำสั่งจากผู้พลีชีพ ท้องฟ้าที่มืดมนถูกไล่ไปแล้วทดแทนด้วยก้อนเมฆปุยสีแปลกตา พายุหรือแผ่นดินไหวทั่วดวงดาวหยุดลงราวปิดสวิตซ์ แต่พื้นที่นพรัตน์กับโรสเหยียบอยู่ยังลั่นเหมือนมันกำลังเคลื่อนที่อยู่ฉะนั้น
 
            “ผมเคลื่อนทวีปนี้ให้ไปติดกับทวีปใหญ่แล้วครับ พี่จะได้ไม่ต้องขับรถข้ามทะเลอีก” หุ่นยนต์แมวน้ำพูดแต่เสียงที่ออกมามันเป็นของณัฐกานต์ชัดๆ
 
            “แกยังอยู่หรอนัท!” พี่ชายอุทาน
 
            “ผมยังอยู่สิพี่นพ ถ้าดูจากเคสของแม่แล้วคงอยู่ได้สักพันปีกระมัง นี่ผมแค่ยืมปากเจ้าซีลพูดนะ” ซีลที่ถูกสิงสู่โดยณัฐกานต์พูดอย่างร่าเริง “ขับรถไปหาพ่อที่วงแหวนดีกว่า เดี๋ยวผมจะเล่าอะไรให้ฟัง”
 
            นพรัตน์เห็นว่าน้องตนกลายเป็นหนึ่งเดียวกับดาวดวงนี้ไปแล้ว แม้จะไปเอาตัวกลับมาคงไม่สามารถฟื้นเป็นเหมือนเดิมได้อีก จำใจขึ้นรถบ้านไปนั่งเบาะคนขับ น้ำตามันริกๆจะไหลรินแต่เขายังหยุดมันได้อยู่
 
            “เรื่องมันเริ่มตั้งแต่เจนจิราทิ้งพี่นพไป ไม่ใช่พี่คนเดียวหรอกที่ปวดหัว ผมคิดว่าเธอจะอยู่เคียงข้างคอยเป็นกำลังใจให้พี่นพ เป็นของขวัญจากน้องชายที่ไม่ค่อยน่ารักคนนี้ แต่มันผิดไปหมด เธอทิ้งพี่ไปอย่างไม่ใยดี ปล่อยให้พี่จมอยู่ในกองสุรามากมายนั่น
 
            “ผมจึงตามหาเธอเพื่อฟังเรื่องราวทั้งหมด พ่อของเธอป่วยหนัก เจ้าหนุ่มที่แย่งเธอไปจากพี่สัญญาว่าจะช่วยค่ารักษาแต่เธอต้องแต่งงานกับเขา มันเหมือนกรรมตามสนองเธออย่างเจ็บปวดที่สุด การผ่าตัดไม่สำเร็จ พ่อของเธอตาย แถมเธอยังต้องแต่งงานกับคนที่ไม่ได้รักอีก เธอมีสภาพเหมือนกับพี่นพ เมามายไม่ยอมรับความจริง
 
            “เพื่อดึงสติเธอกลับมาผมจึงไปล้มงานแต่งระหว่างเจนจิรากับเขาคนนั้น และพูดกรอกหูเธอซ้ำแล้วซ้ำเล่าว่าพี่นพรักเธอมากเพียงไร พยายามดึงเธอกลับมาเพื่อจะดึงพี่นพกลับมาอีกต่อหนึ่ง มันได้ผล เธอเลิกเหล้าและยอมรับความจริงว่ารักพี่นพมากเพียงไร
 
            “พอดีกับมีอุกกาบาตตกหลังบ้านเรา พี่นพได้รับการเยียวยาโดยความอยากรู้อยากเห็น ความพยายามกลับมาของเธอจึงเป็นหมัน”
 
            “ไม่หรอกนัท ถึงจะไม่มีอะไรหล่นมาหลังบ้านพี่ก็ไม่สนเธออีกแล้ว แกคิดจริงๆหรอว่าพี่จะทนอยู่กับคนที่ทอดทิ้งพี่ไปครั้งหนึ่งได้น่ะ” นพรัตน์แอบเช็ดน้ำตา
 
            “ผมแค่อยากทำอะไรให้พี่บ้าง พี่ทำเพื่อผมตลอด เป็นเหมือนพ่อคนที่สอง ไม่ว่าอะไรก็ยอมให้ผมหมดทุกอย่าง” ณัฐกานต์ในร่างหุ่นแมวน้ำพูด
 
            “แต่มันหนักไปจริงๆนะน้องชาย ไปล้มงานแต่ง ชักจูงเขาสารพัดสารเพเพื่อพี่คนเดียว ปากกานั่นก็ฝีมือแกด้วยสินะ”
 
            “พี่จำเครื่องวิเคราะห์มวลสารเครื่องแรกในชีวิตของเราสองคนได้หรือเปล่า พี่เก็บเงินซื้อแทบตายสุดท้ายก็ยอมให้ผมเป็นเจ้าของ” 
 
            “ตอนนั้นพี่ไม่จำเป็นต้องใช้นี่หว่า แกต่างหากที่จำเป็นต้องใช้”
 
            “ตอนที่สัญญาณของยานโนอาห์ 63 ดับวูบไปผมร้องไห้แทบคลั่ง พี่ปลอบผมสารพัด เล่าเรื่องพระเจ้าในศาสนาของพี่ให้ฟัง บอกว่าพ่อกับแม่ไปอยู่กับพระเจ้าแล้ว ไม่มีอะไรต้องกังวลแล้ว บ้าจังที่ผมเชื่อ เพราะพ่อกับแม่นับถือพุทธ ให้ตายยังไงก็ไม่อยู่กับพระเจ้าของคริสต์ได้หรอก”
 
            “ความเมตตาของพระบิดาท่านยิ่งใหญ่มากนะนัท พี่เชื่อว่าท่านไม่เกี่ยงหรอกว่าศาสนาไหนน่ะ”
 
            “เอาเป็นว่าผมชิงตัดหน้าพี่ได้สำเร็จเรื่องหนึ่งล่ะ เพราะถ้าพี่รู้ว่าต้องมีเสามนุษย์ยับยั้งภัยพิบัติบนดาวนี้พี่ต้องยอมสละชีวิตแน่ๆ”
 
            “ใครว่า พี่จะให้โรสหาตัวแทนจากบนดาวนี้ต่างหาก” นพรัตน์แถ เป็นอย่างที่น้องชายของเขาพูด ยิ่งคนพลีชีพก่อนหน้านี้เป็นแม่ เขายิ่งต้องเป็นคนรับไม้ต่อ
 
            “พี่ไม่ต้องห่วง ผมสบายมากและอยู่ในทุกสิ่งทุกอย่างบนดาวดวงนี้ เสียดายที่ขับรถไม่ได้อีก” หุ่นยนต์แมวน้ำที่ถูกสิงร่างเดินเตาะแตะไปหาโรสที่กำลังทำน้ำปั่นโดยไม่สนใจสองพี่น้องเลย “โรส ผมฝากพี่ผมด้วยได้ไหม”
 
            โรสที่กำลังชิมน้ำมาลอนอยู่ก้มหน้ามองเจ้าหุ่นแมวน้ำ
 
            “ถึงจะเล็กน้อยแต่ผมสัมผัสได้ว่าพี่ชอบคุณนะโรส ไม่ว่าคุณกับพี่ผมจะคบกันได้จริงๆหรือเปล่าผมไม่รู้ แต่อยากฝากไว้เท่านั้น”
 
            “ที่คุยกันล่าสุดใช่ไหมนัท” นพรัตน์ขยี้หัวที่น้องชายเอาเหามาโยนให้ “พี่บอกว่าชื่นชมที่เขาเอาตัวเข้าแลกเพื่อช่วยบ้านเกิด ไม่ได้บอกว่าชอบอะไรเลย”
 
            “แต่มันจะพัฒนาเป็นความชอบในสักวัน ผมเชื่อนะ” ณัฐกานต์พูดพลางหัวเราะคิกคัก “อีกเรื่องหนึ่งพี่นพ อุกกาบาตที่มาตกหลังบ้านเราเป็นการส่งสารของเหล่านักวิทยาศาสตร์จากดาวดวงนี้ พวกเขาเชื่อว่ามันจะไปถึงดาวโลกในสักวัน แล้วก็ถึงจริงๆ” หุ่นแมวน้ำพูดอย่างร่าเริง...
 
            ในที่สุดรถก็แล่นมาถึงจุดเริ่มต้น นพรัตน์ก้มหน้ามองแผ่นโลหะที่มาให้กรอกรหัสผ่าน
 
            “ชื่อคนในครอบครัวเราครับพี่นพ พี่คงรู้อยู่แล้วกระมัง”
 
            “ใช่ วัลลภนพรัตน์ณัฐกานต์คารม่า” นพรัตน์เปิดฝาครอบแล้วกดแป้นภาษาไทยอย่างเนือยๆที่ต้องอดหลับอดนอนขับรถ
 
            แผ่นโลหะค่อยๆเปิดออกให้เห็นบันไดลงไปใต้ดิน นพรัตน์และโรสเดินลงไป โคมไฟพลังงานนิวเคลียร์ที่ฝังอยู่บนผนังช่วยไม่ให้เดินสะดุด จนลงมาลึกสุดเป็นห้องโถง กลางห้องมีแคปซูลสีเงินเก่าคร่า ภายในเต็มไปด้วยเกล็ดน้ำแข็งกับร่างที่ขาดวิ่ง
 
            แค่มองนพรัตน์ก็รู้แล้วว่าแท่นรักษาถูกเชื่อมติดกับเครื่องคงสภาพร่างกาย เขาจะต้องใช้เส้นผมของตนเพื่อยืนยันลักษณะทางพันธุกรรมของคนป่วยภายในเครื่องจึงทำการรักษาได้
 
            พอได้เส้นผมของนพรัตน์แคปซูลก็เรืองแสงสีเขียวออกมา แสงนั้นคือนาโนแมชชีนสำหรับการรักษา เพราะร่างกายของวัลลพเสียหายหลายจุดจึงต้องการตัวอย่างดีเอ็นเอที่ใกล้เคียงกันเพื่อสร้างอวัยวะใหม่ ในที่นี้คือเส้นผมของนพรัตน์
 
            ไม่กี่นาทีการรักษาก็เสร็จสิ้น แคปซูลเปิดออก ร่างชายวัยกลางคนก้าวออกมาอย่างทุลักทุเลเพราะไม่ได้เดินมาเป็นพันปีแล้ว นพรัตน์เข้าไปช่วยพยุง โรสส่งเสื้อผ้าของนพรัตน์ที่เตรียมไว้ให้เปลี่ยนกับของเดิม
 
            “สวัสดีครับพ่อ” นพรัตน์สวัสดีพ่อของตนที่ไม่เจอกันเป็นสิบปี...
 
จบ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่