เที่ยวอ่างขางเมื่อ(เกือบ) 50 ปีที่แล้วกัน อีพี.2
ตอนต่อจาก "เที่ยวอ่างขางเมื่อ(เกือบ) 50 ปีที่แล้วกัน" >>>
https://ppantip.com/topic/39671978
แผนที่เส้นทางการเดินขึ้นดอยอ่างขางครั้งนั้น... จากตัว อ.ฝาง - บ้านสวนชา - บ้านขอบด้ง - บ้านคุ้ม(สถานีเกษตรหลวงอ่างขาง) - บ้านหลวง
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ ...ขอแก้ไขวันที่ในรูปสีบริเวณบ้านคุ้ม(หน้าทางเข้าสถานีฯ เป็นวันที่ 2 ก.พ.63 (พิมพ์ผิดแล้วมันแก้ไขยุ่งยาก ทำใหม่ก็ช้าอีก)
....ผมขึ้นอ่างขางสุดท้ายนี้ 2 ครั้ง ติด ๆ กัน เมื่อวันที่ 24 ม.ค. 63 และ 2 ก.พ. 63 เพื่อหาจุดหรือมุมให้ใกล้เคียงในรูปขาวดำ เพื่อมาเล่าเรื่องให้ใกล้เคียงที่สุด......เดนขึ้นเขาไปคนเดียว เหนื่อยและลืมเอาน้ำดื่มไป แทบแย่ ที่พักทุกแห่งที่จะต้องเดินผ่านก็ปิดร้าง...โทรม....ปรื้อออออ...น่ากลัวอะ....เกือบแต๋วววววววววววววววแตกกกกกกกกกกก
ขอเล่าที่ตั้งสถานีฯตอนนั้นเท่าที่นึกได้จากรูป........
ตามรูปบริเวณสถานีฯที่มีอาคารที่พักและทำการฯ ในตอนนั้น มีเพียงในสามเหลี่ยมที่แสดงไว้เท่านั้นเอง ซึ่งปัจจุบันให้คนที่บ้านคุ้มดู บอกตรงกันว่าตรงนี้ อันเป็นที่ตั้งของ "อ่างขาง เนเจอร์ รีสอร์ท" และด้านล่างภายนอกเป็นบ้านคุ้มที่ร้างไม่มีคนอยู่ แต่มีจีนฮ่อ(ยูนาน)มาเปิดร้านขายของอยู่ 1-2 ร้านเท่านั้น
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ไม่ได้ถามว่าทำไมถึงร้าง หรือถามแล้วลืม...น่าจะเป็นบ้านของมูเซอแดง(ชนเผ่าหนึ่งของมูเซอ เหมือนม้ง มีม้งขาวกับม้งลาย แต่ม้งแดงไม่ใช่นะ เป็นม้งที่จับอาวุธต่อสู้กับทางการในช่วงเวลาหนึ่ง)..
...บางแห่งบอกว่าบ้านคุ้ม...เป็น บ.จีนยูนาน น่าจะไม่ใช่ เพราะลักษณะบ้านไม่เหมือนกัน มูเซอจะยกพื้น ส่วนจีนจะสร้างติดดินและมีดินพอกฝาไม้ไผ่อีกที
ในรูป 1. โรงเลี้ยงแกะ
2. ออฟฟิต
3. บ้านรับรอง
4. ร้านขายของ
..............โรงเลี้ยงแกะ อยู่หน้าประตูทางเข้าเลย มีแกะ 1 ฝูง เกือบ 100 ตัว ช่วงเช้า จนท.จะนำออกไป เย็นกลับเข้ามานอน มีม้าอีกราว 10 ตัว ไม่ใช่แบบตัวเล็กๆ ของชาวเขา ตัวใหญ่โตมาก(ถ้าจำไม่ผิด..... นำเข้ามาจากออสเตรเลีย ทั้งแกะด้วย)
สนง.ออฟฟิต (ไม่แน่ใจเป็นโรงอาหารด้วยมั้ย เพราะมีห้องให้เราเข้าไปนั่งกินทุกครั้ง)
บ้านรับรอง มีอยู่ 3-4 หลัง(ผมน่าจะนอนหลังกลาง) สร้างด้วยหญ้าคาเป็นรูปสามเหลี่ยม ไม่มีหน้าต่าง พื้นบ้านก็ปูด้วยหญ้าคาเช่นกัน
................ร้านค้า ขายของ ไม่ได้ขายคนสถานีฯเป็นหลัก เพราะตอนนั้นมีจนท.เพียงสิบกว่าคน จะนำบุหรี่ซองกับมวนยาสูบ(คล้ายๆ ขี้โยเรา แต่ห่อด้วยใบไม้สีเขียว)ของพม่ามาขายฝั่งไทย เพราะราคาถูก ......ส่วนสินค้าไทยที่เค้าบอกว่าขายดี พม่าชอบมากๆ คือ รองเท้าแตะ... 555 ...............มีเหล้าขาว(ข้าวโพด)ทำเองขาย ผมกับเพื่อนทดลองแล้ว กรื้บเดียวหายหนาวจริง แต่เกือบเดินกลับที่พักไม่ถูก......แม้จะไม่ไกลกัน.....เอิ้อกๆๆๆ อ้วกนะ...
อาหาร............พี่ที่สถานีฯทำให้กินตลอด
.....มีครั้งหนึ่ง เข้าไปนั่งทานอยู่ สังเกตุ...เห็นมีตุ๊กตาหมีวางนั่งบนตู้มองมาทางเรา...พี่ ๆ เค้าบอกว่า พึ่งยิงได้มาเลยเอามาสต๊าฟใส่ม๊อสไว้ข้างใน(เพราะ จนท.ตอนนั้น จบจาก มก.และแม้โจ้ ทั้งหมด คงสต๊าฟสัตว์ได้) อยากกินมั้ย.????... ตอบว่า"ไม่ครับ" (ที่บ้านสอนให้กินแต่หมู เป็ด ไก่ วัวที่มีขายในตลาดปกติเท่านั้น) .............พี่เค้าบอกว่า "ทานไปแล้วงัย"........!!!!!!!!!......5555 .........ซุบร้อน ๆ ที่กำลังทานอยู่เป็น "ซุบหมีคับท่านผู้ชม" จริงป่าวไม่รู้ หรือพี่เค้าอำเรา ....จำรสชาดไม่ได้ด้วย.....(ที่มาเล่าคงไม่ผิด พรบ.สัตว์สงวนฯนะคับ...กม.น่าจะออกหลังจากนี้)
อีกครั้ง อจ.ดร.จาก มก.(ผมจำชื่อไม่ได้)ที่ จนท.ไปรับขึ้นมา ท่านไปสั่งให้ที่ร้านขายของ(จีนฮ่อ)ทำ "ขนมดอกฝิ่น" มาทานกัน คล้าย ๆ ขนม "กุ้ยซ่ายทอด" เพียงเป็นใส้หวาน ทำจากถั่วบด ใส่เมล็ดฝิ่นแทนงา(เมล็ดฝิ่น น่าจะไม่มีผลร้ายมากนัก ที่ร้ายสุด อยู่ที่ยางที่กรีดจากกะเปาะนั่นแหละ...เอ๊ะๆจิงมั้ย.....ผมแอบคิดในใจตอนหลัง....อ้าวจะให้เค้าเลิกปลูกฝิ่น...แล้วเค้าจะเอาที่ไหนมาทำขนมให้ทานกันละ...ล้อเล่นนะคับ ดร.)
...........บ้านคุ้ม (ร้าง)..............
น่าจะเป็นบ้านของมูเซอแดง(ชนเผ่าหนึ่งของมูเซอ/ต่างกันที่สีชุดบางส่วน เหมือนม้ง มีม้งขาวกับม้งลาย แต่ม้งแดงไม่ใช่นะ เป็นม้งที่จับอาวุธต่อสู้กับทางการในช่วงเวลาหนึ่ง)..
...บางแห่งบอกว่าบ้านคุ้ม...เป็น บ.จีนยูนาน ช่วงหลังอาจจะใช่ แต่ตอนนั้นน่าจะไม่ใช่ เพราะลักษณะบ้านไม่เหมือนกัน มูเซอจะยกพื้น ส่วนจีนจะสร้างติดดินและมีดินพอกฝาไม้ไผ่อีกที กันอากาศถ่ายเท(กันหนาว)
..............สวนหิน..........บนยอดเขาด้านหลังบ้านคุ้ม.....ที่ขึ้นไปถ่ายรูปมุมสูงของสถานีฯ
....สวนหินบางจุด...ช่วงเดินขึ้นถ่ายรูปมุมสูง บนเขาหลังบ้านคุ้ม 2 ก.พ. 63
.........พิมพ์ด้วย.....คิดด้วย.....คงจะนานไป.....ค้างไม่ยอมส่งกะทู้...เหนื่อยใจกว่าเดินเขาอีก...ว่ามั้ย
พี่ ๆ เค้าแนะนำให้ไปเที่ยวบ้านจีนฮ่อ.....ว่าไม่ไกล.............เส้นทางระหว่างเดินไป..............
.............สิ่งที่หลายคนอยากถาม.............
.............ไร่ฝิ่น.............ระหว่างทางที่ผ่าน ผ่านการเก็บแล้ว เหลือแห้งตาย............
..................มาต่อกัน...........
............เอารูปช่วงผมขึ้นอ่างขางครั้งที่ 2 ราวปี 2520-21(ไม่ได้บึนทึกไว้ เดาจากทรงผมตนเอง) มีทางขึ้นแล้ว เป็นลูกรัง ผมไปกับรถแลนด์โลเวอร์รุ่นเก่าของป่าไม้(ช่วงนั้น กรมอุทยานฯยังเป็นหน่วยงานหนึ่งของกรมป่าไม้) ไปนอนที่สถานีวิจัยต้นน้ำแม่เผอะ(โครงการหลวงพัฒนาต้นน้ำแม่เผอะ) ที่สถานีเกษตรฯอ่างขางได้ผลไม้ดอกแล้ว และเริ่มทดลองปลูกหาสายพันธ์สตรอเบอรรี่ที่เหมาะสม(ช่วงปี 2516 ที่ผมไปครั้งแรกนั้นยังไม่มีอะไรเลย พึ่งเริ่มไถปรับหน้าดินได้บางส่วนเท่านั้นเอง) และยังมีดอกฝิ่นให้ได้เห็น (จำได้ที่บ้านม้งดอยปุยยังมีปลูกเป็นสวนเล็กๆ ด้านหน้าทางเข้าให้ นทท.ได้ถ่ายรูป น่าจะหายไปช่วงมี กม.ยาเสพติดฯแล้ว)
............ดูรูปกัน.............
ดอกฝิ่นสีขาวหยัก
............ ดอกฝิ่นสีชมพู
............เมื่อกลีบดอกร่วงหมดเหลือกะเปาะ จะใช้มีดมากรีดเป็นเส้นตรงบนลงล่าง รอบๆ ปล่อยให้น้ำยางไหลมารวมกันตรงโคนที่กรีด ขนาดเท่าหัวไม้ขีด แล้วเก็บมารวมกัน......
บริเวณสถานีฯ เริ่มมีไม้ดอกแล้ว
ดอกไม้และสตรอเบอรรี่ที่เริ่มทดลองปลูกหาสายพันธ์ที่เหมาะสม
................สถานีวิจัยต้นน้ำแม่เผอะ
เส้นทางขึ้นอ่างขางช่วงแรก ๆ เป็นทางลูกรัง
..................มาต่อ................เดินไปบ้านจีนฮ่อกัน............
............เห็นแล้ว
..............บ้านหลวง บ้านจีนฮ่อ................
.......................จะเห็นว่าบ้านจีนฮ่อนั้น สร้างติดดินแล้วมีดินเหนียวพอกทับไม้ไผ่กันอาการถ่ายเท (กันหนาวได้)
................ที่ผมขึ้นไป 2 ครั้งติดๆ กันหลังสุด พยามไปตามหาคนในรูปที่บ้านหลวง ช่วงนี้น่าจะอายุ 50-60 ปี แต่ไม่พบ เนื่องจากทางชันหาที่จอดรถยากและบ้านอยู่ห่างกัน เค้าดูรูปแล้วจำไม่ได้จะขอชื่อแซ่เท่านั้น ซึ่งผมไม่มี ..........หากใครที่มีญาติอยู่บ้านหลวงมาอ่านกะทู้นี้ ขอความกรุณาช่วยตามหาให้ผมด้วยแล้วแจ้งมานะครับ...จะขอบคุณมาก .............ส่วนที่เห็นแขวนอยู่ น่าจะเป็นใบฝิ่นตากแห้ง....ไม่รู้ไว้ทำอะไร...
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้- ช่วงก่อนไปพี่ ๆ ที่สถานีฯบอกให้ไปถามหาคนรู้จักว่าเป็นสาวลำพูนมาได้สามีที่นี่ ....แต่ผมกับเพื่อนไม่กล้าถามหา.....แต่มีบ้านหนึ่งชวนกินข้าว
เที่ยง........ปรากฎว่าเป็นคนที่ให้มาหานั่นเอง...... มีเนื้อเก้งตากแห้งรมควันแขวนไว้เต็มเพดาน...อะร่อยนะคับ...ฮะๆๆๆๆ....
- บ้านน้อง ญ.ในรูปชวนทานขนมถั่วลันเตาร้อน ๆ ทานหมดเค้าถามอร่อยมั้ย ตอบ"อร่อยคับ" "เอาอีกมั้ย" "ไม่คับ...ขอบคุณ" มันร้อน จืด เลี่ยน
นะคับ ....ความจริงเค้าเอาไว้ทำเส้นก๋วยเตี๋ยว(เส้นใหญ่) โดยตักเอาร้อน ๆ ราดบานกาบกล้วย พอเย็นลงแกะเป็นแผ่นมาซ้อน ๆ กันและใช้มีดตัด
เป็นเส้น ๆ ตามยาว ขะยี้ออกจะได้เส้นใหญ
......ช่วงเดินกลับยาว...จากบ้านคุ้มถึงฝาง..ต่อรถกลับ ชม.
[CR] เที่ยวอ่างขางเมื่อ(เกือบ) 50 ปีที่แล้วกัน.... อีพี.2
ตอนต่อจาก "เที่ยวอ่างขางเมื่อ(เกือบ) 50 ปีที่แล้วกัน" >>> https://ppantip.com/topic/39671978
แผนที่เส้นทางการเดินขึ้นดอยอ่างขางครั้งนั้น... จากตัว อ.ฝาง - บ้านสวนชา - บ้านขอบด้ง - บ้านคุ้ม(สถานีเกษตรหลวงอ่างขาง) - บ้านหลวง
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ขอเล่าที่ตั้งสถานีฯตอนนั้นเท่าที่นึกได้จากรูป........
ตามรูปบริเวณสถานีฯที่มีอาคารที่พักและทำการฯ ในตอนนั้น มีเพียงในสามเหลี่ยมที่แสดงไว้เท่านั้นเอง ซึ่งปัจจุบันให้คนที่บ้านคุ้มดู บอกตรงกันว่าตรงนี้ อันเป็นที่ตั้งของ "อ่างขาง เนเจอร์ รีสอร์ท" และด้านล่างภายนอกเป็นบ้านคุ้มที่ร้างไม่มีคนอยู่ แต่มีจีนฮ่อ(ยูนาน)มาเปิดร้านขายของอยู่ 1-2 ร้านเท่านั้น
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ในรูป 1. โรงเลี้ยงแกะ
2. ออฟฟิต
3. บ้านรับรอง
4. ร้านขายของ
..............โรงเลี้ยงแกะ อยู่หน้าประตูทางเข้าเลย มีแกะ 1 ฝูง เกือบ 100 ตัว ช่วงเช้า จนท.จะนำออกไป เย็นกลับเข้ามานอน มีม้าอีกราว 10 ตัว ไม่ใช่แบบตัวเล็กๆ ของชาวเขา ตัวใหญ่โตมาก(ถ้าจำไม่ผิด..... นำเข้ามาจากออสเตรเลีย ทั้งแกะด้วย)
สนง.ออฟฟิต (ไม่แน่ใจเป็นโรงอาหารด้วยมั้ย เพราะมีห้องให้เราเข้าไปนั่งกินทุกครั้ง)
บ้านรับรอง มีอยู่ 3-4 หลัง(ผมน่าจะนอนหลังกลาง) สร้างด้วยหญ้าคาเป็นรูปสามเหลี่ยม ไม่มีหน้าต่าง พื้นบ้านก็ปูด้วยหญ้าคาเช่นกัน
................ร้านค้า ขายของ ไม่ได้ขายคนสถานีฯเป็นหลัก เพราะตอนนั้นมีจนท.เพียงสิบกว่าคน จะนำบุหรี่ซองกับมวนยาสูบ(คล้ายๆ ขี้โยเรา แต่ห่อด้วยใบไม้สีเขียว)ของพม่ามาขายฝั่งไทย เพราะราคาถูก ......ส่วนสินค้าไทยที่เค้าบอกว่าขายดี พม่าชอบมากๆ คือ รองเท้าแตะ... 555 ...............มีเหล้าขาว(ข้าวโพด)ทำเองขาย ผมกับเพื่อนทดลองแล้ว กรื้บเดียวหายหนาวจริง แต่เกือบเดินกลับที่พักไม่ถูก......แม้จะไม่ไกลกัน.....เอิ้อกๆๆๆ อ้วกนะ...
อาหาร............พี่ที่สถานีฯทำให้กินตลอด
.....มีครั้งหนึ่ง เข้าไปนั่งทานอยู่ สังเกตุ...เห็นมีตุ๊กตาหมีวางนั่งบนตู้มองมาทางเรา...พี่ ๆ เค้าบอกว่า พึ่งยิงได้มาเลยเอามาสต๊าฟใส่ม๊อสไว้ข้างใน(เพราะ จนท.ตอนนั้น จบจาก มก.และแม้โจ้ ทั้งหมด คงสต๊าฟสัตว์ได้) อยากกินมั้ย.????... ตอบว่า"ไม่ครับ" (ที่บ้านสอนให้กินแต่หมู เป็ด ไก่ วัวที่มีขายในตลาดปกติเท่านั้น) .............พี่เค้าบอกว่า "ทานไปแล้วงัย"........!!!!!!!!!......5555 .........ซุบร้อน ๆ ที่กำลังทานอยู่เป็น "ซุบหมีคับท่านผู้ชม" จริงป่าวไม่รู้ หรือพี่เค้าอำเรา ....จำรสชาดไม่ได้ด้วย.....(ที่มาเล่าคงไม่ผิด พรบ.สัตว์สงวนฯนะคับ...กม.น่าจะออกหลังจากนี้)
อีกครั้ง อจ.ดร.จาก มก.(ผมจำชื่อไม่ได้)ที่ จนท.ไปรับขึ้นมา ท่านไปสั่งให้ที่ร้านขายของ(จีนฮ่อ)ทำ "ขนมดอกฝิ่น" มาทานกัน คล้าย ๆ ขนม "กุ้ยซ่ายทอด" เพียงเป็นใส้หวาน ทำจากถั่วบด ใส่เมล็ดฝิ่นแทนงา(เมล็ดฝิ่น น่าจะไม่มีผลร้ายมากนัก ที่ร้ายสุด อยู่ที่ยางที่กรีดจากกะเปาะนั่นแหละ...เอ๊ะๆจิงมั้ย.....ผมแอบคิดในใจตอนหลัง....อ้าวจะให้เค้าเลิกปลูกฝิ่น...แล้วเค้าจะเอาที่ไหนมาทำขนมให้ทานกันละ...ล้อเล่นนะคับ ดร.)
...........บ้านคุ้ม (ร้าง)..............
น่าจะเป็นบ้านของมูเซอแดง(ชนเผ่าหนึ่งของมูเซอ/ต่างกันที่สีชุดบางส่วน เหมือนม้ง มีม้งขาวกับม้งลาย แต่ม้งแดงไม่ใช่นะ เป็นม้งที่จับอาวุธต่อสู้กับทางการในช่วงเวลาหนึ่ง)..
...บางแห่งบอกว่าบ้านคุ้ม...เป็น บ.จีนยูนาน ช่วงหลังอาจจะใช่ แต่ตอนนั้นน่าจะไม่ใช่ เพราะลักษณะบ้านไม่เหมือนกัน มูเซอจะยกพื้น ส่วนจีนจะสร้างติดดินและมีดินพอกฝาไม้ไผ่อีกที กันอากาศถ่ายเท(กันหนาว)
..............สวนหิน..........บนยอดเขาด้านหลังบ้านคุ้ม.....ที่ขึ้นไปถ่ายรูปมุมสูงของสถานีฯ
....สวนหินบางจุด...ช่วงเดินขึ้นถ่ายรูปมุมสูง บนเขาหลังบ้านคุ้ม 2 ก.พ. 63
.........พิมพ์ด้วย.....คิดด้วย.....คงจะนานไป.....ค้างไม่ยอมส่งกะทู้...เหนื่อยใจกว่าเดินเขาอีก...ว่ามั้ย
พี่ ๆ เค้าแนะนำให้ไปเที่ยวบ้านจีนฮ่อ.....ว่าไม่ไกล.............เส้นทางระหว่างเดินไป..............
.............สิ่งที่หลายคนอยากถาม.............
.............ไร่ฝิ่น.............ระหว่างทางที่ผ่าน ผ่านการเก็บแล้ว เหลือแห้งตาย............
..................มาต่อกัน...........
............เอารูปช่วงผมขึ้นอ่างขางครั้งที่ 2 ราวปี 2520-21(ไม่ได้บึนทึกไว้ เดาจากทรงผมตนเอง) มีทางขึ้นแล้ว เป็นลูกรัง ผมไปกับรถแลนด์โลเวอร์รุ่นเก่าของป่าไม้(ช่วงนั้น กรมอุทยานฯยังเป็นหน่วยงานหนึ่งของกรมป่าไม้) ไปนอนที่สถานีวิจัยต้นน้ำแม่เผอะ(โครงการหลวงพัฒนาต้นน้ำแม่เผอะ) ที่สถานีเกษตรฯอ่างขางได้ผลไม้ดอกแล้ว และเริ่มทดลองปลูกหาสายพันธ์สตรอเบอรรี่ที่เหมาะสม(ช่วงปี 2516 ที่ผมไปครั้งแรกนั้นยังไม่มีอะไรเลย พึ่งเริ่มไถปรับหน้าดินได้บางส่วนเท่านั้นเอง) และยังมีดอกฝิ่นให้ได้เห็น (จำได้ที่บ้านม้งดอยปุยยังมีปลูกเป็นสวนเล็กๆ ด้านหน้าทางเข้าให้ นทท.ได้ถ่ายรูป น่าจะหายไปช่วงมี กม.ยาเสพติดฯแล้ว)
............ดูรูปกัน.............
ดอกฝิ่นสีขาวหยัก
............ ดอกฝิ่นสีชมพู
............เมื่อกลีบดอกร่วงหมดเหลือกะเปาะ จะใช้มีดมากรีดเป็นเส้นตรงบนลงล่าง รอบๆ ปล่อยให้น้ำยางไหลมารวมกันตรงโคนที่กรีด ขนาดเท่าหัวไม้ขีด แล้วเก็บมารวมกัน......
บริเวณสถานีฯ เริ่มมีไม้ดอกแล้ว
ดอกไม้และสตรอเบอรรี่ที่เริ่มทดลองปลูกหาสายพันธ์ที่เหมาะสม
................สถานีวิจัยต้นน้ำแม่เผอะ
เส้นทางขึ้นอ่างขางช่วงแรก ๆ เป็นทางลูกรัง
..................มาต่อ................เดินไปบ้านจีนฮ่อกัน............
............เห็นแล้ว
..............บ้านหลวง บ้านจีนฮ่อ................
.......................จะเห็นว่าบ้านจีนฮ่อนั้น สร้างติดดินแล้วมีดินเหนียวพอกทับไม้ไผ่กันอาการถ่ายเท (กันหนาวได้)
................ที่ผมขึ้นไป 2 ครั้งติดๆ กันหลังสุด พยามไปตามหาคนในรูปที่บ้านหลวง ช่วงนี้น่าจะอายุ 50-60 ปี แต่ไม่พบ เนื่องจากทางชันหาที่จอดรถยากและบ้านอยู่ห่างกัน เค้าดูรูปแล้วจำไม่ได้จะขอชื่อแซ่เท่านั้น ซึ่งผมไม่มี ..........หากใครที่มีญาติอยู่บ้านหลวงมาอ่านกะทู้นี้ ขอความกรุณาช่วยตามหาให้ผมด้วยแล้วแจ้งมานะครับ...จะขอบคุณมาก .............ส่วนที่เห็นแขวนอยู่ น่าจะเป็นใบฝิ่นตากแห้ง....ไม่รู้ไว้ทำอะไร...
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
......ช่วงเดินกลับยาว...จากบ้านคุ้มถึงฝาง..ต่อรถกลับ ชม.
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้