ขณะนี้สถานการณ์ไวรัส Covid-19 ในประเทศไทยกำลังจะเข้าสู่ระยะที่รุนแรงขึ้น หลายคนฟังข่าวแล้วเริ่มมีอาการ panic วิตกกังวลไปหมด ครับก็ต้องยอมรับว่าควรกังวลจริงๆในเวลาแบบนี้ เนื่องจากการระบาดเป็นไปอย่างรวดเร็วและคาดการณ์ว่าน่าจะรุนแรงมากขึ้น การป้องกันตนเองและกันการแพร่ระบาดสู่ผู้อื่นน่าจะเป็นหนทางที่ดีที่สุดในการต่อสู้กับวิกฤตการนี้ ผมขอให้กำลังใจต่อบุคลากรสาธารณสุขทุกท่านที่ร่วมใจทำงานอย่างเต็มที่ในสภาพที่ถูกกดดันจากหลายส่วน จนทำให้ประเทศไทยเป็นประเทศที่มีการระบาดช้ากว่าประเทศอื่นๆ(แม้จะมีคนตั้งคำถามก็ตาม) ไหนๆเราก็จะต้องสู้กับเจ้าไวรัส covid-19 กันไปอีกหลายเดือน มาลองทำความเข้าวิธีการรักษาไวรัสของแพทย์กันดีกว่าว่าคุณหมอเขาทำกันอย่างไรครับ
ไวรัสฆ่าคนได้อย่างไร
ไวรัส (virus) มีขนาดเล็กมาก ซึ่ง 1 ไวรัสที่ใหญ่ที่สุดมีความยาวเพียง 450 นาโนเมตรเท่านั้น ไม่จัดเป็นสิ่งมีชีวิตเพราะมันไม่สามารถสืบพันธุ์หรือเพิ่มจำนวนด้วยตัวเอง โครงสร้างของไวรัสจะเป็นแบบที่ง่ายๆคือประกอบไปด้วย ปลอกหุ้มที่มีส่วนเกาะติดอยู่ภายนอกและมีรหัสพันธุกรรม DAN หรือ RNA อยู่ภายใน กลไกการดำรงอยู่ของไวรัส มันจะใช้การมันต้องถ่ายทอดรหัสพันธุกรรมของมันเข้าไปในเซลล์ของผู้ติดเชื้อ โดยเมื่อเราได้รับเขื้อไวรัสเข้าไป (หลังจากผ่านด่านระบบป้องกันของเรามาแล้ว) เจ้าไวรัสจะให้ส่วนที่อยู่ภายนอกเกาะติดกับเซลล์ของผู้ติดเชื้อซึ่งจะขึ้นอยู่กับว่าไวรัสชนิดไหนจะชอบไปติดเชื้อที่อวัยวะส่วนใด จากนั้นมันจะส่งรหัสพันธุกรรมของมันเข้าไปผสมกับรหัสพันธุกรรมในเซลล์ของผู้ติดเชื้อ ซึ่งจะทำให้เซลล์นั้นเป็นแหล่งบ่มเพาะให้เกิดไวรัสตัวนั้นและจะแพร่กระจายไปเซลล์อื่นต่อไป (คล้ายกับปรสิตหรือพยาธิแต่ซับซ้อนกว่าคือไวรัสมันไปสิงร่างเหยื่อเหมือนซอมบี้เลย) อย่างไรก็ตามสิ่งมีชีวิตก็มีระบบภูมิต้านทานที่จะกำจัดไวรัสออกไปซึ่งจะเป็นอาวุธพิเศษที่มีชื่อว่า อินเตอร์เฟอรอน (interferon) โดยร่างกายจะเรียนรู้และสังเคราะห์อินเตอร์เฟอรอนแล้วส่งให้เซลล์ที่ยังปกติให้เปลี่ยนแปลงระบบป้องกันไม่ให้ไวรัสไม่สามารถแพร่กระจายมาได้ แล้วรอเวลาให้เซลล์ที่ติดเชื้อเกิดกระบวนการสลายตัว (apoptosis) ไปเอง หากผู้ติดเชื้อสามารถผ่านระยะนี้ไปได้ (ส่วนใหญ่ใช้เวลา 1-2 สัปดาห์) เราก็จะค่อยๆดีขึ้นจนหายเป็นปกติเพราะเซลล์ที่ติดเชื้อตายสลายตัวไปหมดแล้ว แต่ถ้าไวรัสที่ติดมีความรุนแรงในการขยายตัวสูงหรือผู้ติดเชื้อมีภูมิต้านทานที่ไม่ดีจากสาเหตุต่างๆ ก็มีโอกาสที่จะทำให้การดำเนินโรคเป็นไปอย่างรวดเร็วจนอวัยวะหลายส่วนล้มเหลว เราก็จะตายไปพร้อมกับไวรัสครับ (แต่เราก็อาจแพร่กระจายเชื้อไปให้คนอื่นแล้วด้วย บรือส์) ซึ่งโชคดีที่ไวรัสส่วนใหญ่มักไม่รุนแรงและอาการจะหายไปได้เองเช่นไวรัสโรคหวัดที่เราเป็นกัน แต่ในอดีตก็มีไวรัสหลายชนิดที่มีความรุนแรงจนทำให้เกิดการระบาดมีผู้เสียชีวิตหลายล้านทั่วโลกกว่าจะหยุดระบาดเช่นไข้หวัดใหญ่ หรือไวรัสบางชนิดก็ปรับตัวไม่ยอมตายแพร่กระจายไปเรื่อยๆจนกว่าเราจะตายเช่น HIV เป็นต้น
ลักษณะเฉพาะของ Covid-19 (ขอบคุณข้อมูลจาก https://www.hfocus.org/content/2020/02/18552)
- มีรายงานผู้ป่วยรายแรกตั้งแต่วันที่ 1 ธันวาคม 2019 แต่ก็ยังไม่มีความกังวลนัก จนกระทั่งเริ่มมีการรายงานจากหน่วยงานสาธารณสุขของเมือง Wuhan ประเทศจีน ตั้งแต่วันที่ 12 ธันวาคม 2019 ว่ามีผู้ป่วยที่เป็นปอดบวมจากการติดเชื้อไวรัส ถึง 27 ราย โดยมีคนอาการหนักถึง 7 ราย โดยผู้ป่วยส่วนใหญ่มีประวัติไปสัมผัสกับสัตว์ป่าต่าง ๆ ในตลาดขายส่งอาหารทะเลในเมือง Wuhan ซึ่งมีการขายสัตว์นานาชนิด รวมทั้งสัตว์ปีก งู ค้างคาว จนตอนนี้แพร่กระจายไปทั่วโลกแล้ว
- เป็นไวรัสตัวที่ 7 ของตระกูลโคโรน่าไวรัส และสามารถติดเชื้อสู่คนได้เฉกเช่นเดียวกับไวรัสพี่ ๆ ของตระกูลนี้ เช่น เมอร์ส (MERS) และซาร์ส (SARS) ที่เคยระบาดในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา จากการศึกษาสายพันธุกรรมของไวรัสนี้ พบว่าคล้ายคลึงกับไวรัสซาร์สถึง 70%
- การคาดประมาณจากสถานการณ์การระบาดของไวรัสนี้ในช่วงที่ผ่านมา พบว่าคนติดเชื้อคนนึงจะสามารถแพร่ไปให้คนอื่นได้ราว 2-6 คน และจากสถานการณ์ที่ผ่านมา พบว่าจำนวนคนติดเชื้อโดยรวมเพิ่มขึ้นถึง 2 เท่าทุกสัปดาห์
- ลักษณะการแพร่เชื้อไวรัสนี้ เหมือนกับไวรัสอื่น ๆ ที่ก่อให้เกิดโรคทางเดินหายใจ เช่น ไข้หวัด ไข้หวัดใหญ่ ฯลฯ นั่นคือ ผ่านการไอ จาม มีฝอยละอองของน้ำมูกหรือเสมหะที่มีไวรัสอยู่ รวมถึงการที่ไวรัสปนเปื้อนกับมือและสิ่งต่าง ๆ ที่ใช้ในชีวิตประจำวัน
- คนที่ติดเชื้อไวรัสนี้ ส่วนใหญ่มีอาการไม่รุนแรง มีเพียงประมาณ 15% ที่มีอาการรุนแรง และมีอัตราการเสียชีวิตประมาณ 2%
วิธีรักษา Covid-19 ของแพทย์
1.ยาต้านไวรัส : เสียใจด้วยครับเพราะ Covid-19 ยังไม่มียาเฉพาะ
ที่ผ่านมาวงการแพทย์มีการวิจัยและสังเคราะห์ยาต้านไวรัสกันอย่างกว้างขวาง โดยมุ่งเน้นที่ยับยั้งในกระบวนการต่างๆของไวรัสเพื่อไม่ให้เชื้อกระจายตัวไปได้ แต่โชคร้ายที่มีไวรัสไม่กี่ชนิดเท่านั้นที่จะมียาเฉพาะและมีประสิทธิภาพในการหยุดยั้งการกระจาย เนื่องจากความแสบของไวรัสคือมันจะแลกเปลี่ยนสารพันธุกรรมกับเซลล์ผู้ติดเชื้อ ทำให้มันสามารถปรับเปลียนพันธุกรรมได้ไม่มีที่สิ้นสุด ทำยาตัวนี้ได้ มันก็เปลี่ยนแปลงตัวเองให้ทนต่อยาและแพร่กระจายต่อไปได้ ในกรณีของ Covid-19 ก็เข่นกัน แม้นมันจะเป็นที่น้องในตระกูล Corona virus เช่นเดียวกับโรค SARS (Sever Acute Respiratory Syndrome) หรือ MERS (Middle East Respiratory Syndrome) ที่มียาต้านไวรัสที่มีประสิทธิภาพ แต่จากหลักฐานงานวิจัยในปัจจุบัน (27 ก.พ.63) ยังไม่สามารถสรุปว่ามียาต้านไวรัสตัวใดที่มีประสิทธิภาพมากพอที่จะใช้รักษา Covid-19 ได้ครับ แต่ยังมีแสงสว่างในปลายอุโมงค์เล็กๆว่าในบางประเทศมีรายงานการใช้ยาเช่น Favipiravir, Remdesivir หรือ Oseltamivir ในผู้ป่วย แล้วมีอาการดีขึ้น อย่างไรก็ตามต้องรอหลักฐานเชิงประจักษ์ที่มากกว่านี้จึงจะสรุปได้ครับ
2.การป้องกันและเฝ้าระวังภาวะแทรกซ้อน : เป็นการรักษาหลักของแพทย์ในขณะนี้
วิธีการรักษาในส่วนนี้ แพทย์อาจให้สารน้ำเพื่อป้องกันการขาดน้ำและสูญเสียเกลือแร่ เจาะเลือดและเผ้าระวังการทำงานของอวัยวะส่วนอื่นไม่ให้เกิดความผิดปกติ อย่างที่เรียนในตอนต้นว่าการรักษาไวรัสส่วนใหญ่ต้องรอจนกว่าไวรัสจะสลายตัวไปพร้อมกับเซลล์ที่ติดเชื้อ หากผุ้ป่วยเกิดภาวะแทรกซ้อนเช่น ติดเชื้อแบคทีเรียเพิ่มเติม หรือ มีอวัยวะส่วนอื่นล้มเหลว เราก็มีโอกาสที่จะตายก่อนไวรัสครับ
3.การเพิ่มภูมิต้านทาน : เป็นส่วนเสริมที่ดีมากต่อการรักษา Covid-19
หากผู้ป่วยมีภูมิต้านทานที่ดี ก็จะมีโอกาสที่จะต่อสู้กับเชื้อไวรัสได้มากขึ้น โอกาสเกิดภาวะแทรกซ้อนก็จะน้อยลง จากสถิติ ผุ้เสียชีวิตใหญ่มักเป็นผู้ที่มีภูมิต้านทานอ่อนแอ เช่น ผู้สูงอายุ (เอ๊ะ เราก็แก่นี่หว่า55) , โรคประจำตัวหลายอย่าง , พักผ่านไม่พอ หรือ ได้รับยากดภูมิคุ้มกัน ดังนั้น การดูแลสุขภาพเบื้องต้นเช่น การพักผ่อนที่เพียงพอ การออกกำลังกาย ทานอาหารที่มีประโยชน์จะช่วยให้เรามีภูมิต้านทานที่ดีครับ
4.ฟ้าทะลายโจร : ฆ่า Covid-19 ไม่ได้ แต่ทานเสริมได้
ฟ้าทะลายโจรมีสารแอนโดรกราโฟไลด์ (Andrographolide) ซึ่งในจีนเคยมีการรักษาโรคSARS มาแล้ว แต่จากหลักฐานในปัจจุบันยังไม่มีการชี้ชัดว่าแอนโดรการโฟไลด์จะควบคุม Covid-19 ได้ แต่หากจะทานเพื่อเสริมภูมิ ความเห็นผมคิดว่าคงทานได้แต่ใช้ในปริมาณที่เหมาะสมนะครับ
5.การป้องกันการแพร่กระจายเชื้อ : เป็นวิธีที่ดีที่สุดในขณะนี้
การจะทำให้สถานการณ์ระบาดดีขึ้นจะต้องควบคุมไม่ให้เชื้อกระจายไปได้ก่อนด้วยมาตรการสอบสวนโรคและเฝ้าระวังที่เข้มข้น จากนั้นรอเวลาให้ไวรัสค่อยสลายตัวไปจากภูมิต้านทานของผู้ป่วย (หรือตายไปพร้อมกับผู้ป่วย) ดังนั้นในส่วนภาคประชาขน การดูแลสุขอนามัยพื้นฐาน กินร้อน ช้อนกลาง ล้างมือ ใส่หน้ากากหากไปสถานที่เสี่ยง พักผ่อนเพียงพอ ออกกำลังกาย รับประทานอาหารที่สะอาด หากเป็นไปได้ช่วงนี้งดเดินทางไปต่างประเทศหรือเข้าที่ชุมชมแออัด และหากเพิ่มกลับมาจากต่างประเทศหรือสัมผัสกับผู้ติดเชื้อแล้วเกิดมีไข้ ไอ อย่าปกปิดข้อมูลเพื่อให้ทางสาธารณสุขเข้าสอบสวนโรคเพื่อตัวท่านเองและผู้อื่น
ปล.จากในข่าวนี่หากท่านสส.ผู้ทรงเกียรติที่เพิ่งกลับจากญี่ปุ่นแล้วเข้าสภาเลย(แม้จะบอกว่าตรวจแล้วแต่ไม่ยอมกักตัว)เกิดเป็น Covid-19แล้วแพร่ให้นายกรัฐมนตรีหรือรมว.สาธารณสุข คงหัวเราะไม่ได้รำไห้ไม่ออกกันเลยทีเดียว
COVID-19 ติดแล้วรักษาอย่างไร
ไวรัสฆ่าคนได้อย่างไร
ไวรัส (virus) มีขนาดเล็กมาก ซึ่ง 1 ไวรัสที่ใหญ่ที่สุดมีความยาวเพียง 450 นาโนเมตรเท่านั้น ไม่จัดเป็นสิ่งมีชีวิตเพราะมันไม่สามารถสืบพันธุ์หรือเพิ่มจำนวนด้วยตัวเอง โครงสร้างของไวรัสจะเป็นแบบที่ง่ายๆคือประกอบไปด้วย ปลอกหุ้มที่มีส่วนเกาะติดอยู่ภายนอกและมีรหัสพันธุกรรม DAN หรือ RNA อยู่ภายใน กลไกการดำรงอยู่ของไวรัส มันจะใช้การมันต้องถ่ายทอดรหัสพันธุกรรมของมันเข้าไปในเซลล์ของผู้ติดเชื้อ โดยเมื่อเราได้รับเขื้อไวรัสเข้าไป (หลังจากผ่านด่านระบบป้องกันของเรามาแล้ว) เจ้าไวรัสจะให้ส่วนที่อยู่ภายนอกเกาะติดกับเซลล์ของผู้ติดเชื้อซึ่งจะขึ้นอยู่กับว่าไวรัสชนิดไหนจะชอบไปติดเชื้อที่อวัยวะส่วนใด จากนั้นมันจะส่งรหัสพันธุกรรมของมันเข้าไปผสมกับรหัสพันธุกรรมในเซลล์ของผู้ติดเชื้อ ซึ่งจะทำให้เซลล์นั้นเป็นแหล่งบ่มเพาะให้เกิดไวรัสตัวนั้นและจะแพร่กระจายไปเซลล์อื่นต่อไป (คล้ายกับปรสิตหรือพยาธิแต่ซับซ้อนกว่าคือไวรัสมันไปสิงร่างเหยื่อเหมือนซอมบี้เลย) อย่างไรก็ตามสิ่งมีชีวิตก็มีระบบภูมิต้านทานที่จะกำจัดไวรัสออกไปซึ่งจะเป็นอาวุธพิเศษที่มีชื่อว่า อินเตอร์เฟอรอน (interferon) โดยร่างกายจะเรียนรู้และสังเคราะห์อินเตอร์เฟอรอนแล้วส่งให้เซลล์ที่ยังปกติให้เปลี่ยนแปลงระบบป้องกันไม่ให้ไวรัสไม่สามารถแพร่กระจายมาได้ แล้วรอเวลาให้เซลล์ที่ติดเชื้อเกิดกระบวนการสลายตัว (apoptosis) ไปเอง หากผู้ติดเชื้อสามารถผ่านระยะนี้ไปได้ (ส่วนใหญ่ใช้เวลา 1-2 สัปดาห์) เราก็จะค่อยๆดีขึ้นจนหายเป็นปกติเพราะเซลล์ที่ติดเชื้อตายสลายตัวไปหมดแล้ว แต่ถ้าไวรัสที่ติดมีความรุนแรงในการขยายตัวสูงหรือผู้ติดเชื้อมีภูมิต้านทานที่ไม่ดีจากสาเหตุต่างๆ ก็มีโอกาสที่จะทำให้การดำเนินโรคเป็นไปอย่างรวดเร็วจนอวัยวะหลายส่วนล้มเหลว เราก็จะตายไปพร้อมกับไวรัสครับ (แต่เราก็อาจแพร่กระจายเชื้อไปให้คนอื่นแล้วด้วย บรือส์) ซึ่งโชคดีที่ไวรัสส่วนใหญ่มักไม่รุนแรงและอาการจะหายไปได้เองเช่นไวรัสโรคหวัดที่เราเป็นกัน แต่ในอดีตก็มีไวรัสหลายชนิดที่มีความรุนแรงจนทำให้เกิดการระบาดมีผู้เสียชีวิตหลายล้านทั่วโลกกว่าจะหยุดระบาดเช่นไข้หวัดใหญ่ หรือไวรัสบางชนิดก็ปรับตัวไม่ยอมตายแพร่กระจายไปเรื่อยๆจนกว่าเราจะตายเช่น HIV เป็นต้น
ลักษณะเฉพาะของ Covid-19 (ขอบคุณข้อมูลจาก https://www.hfocus.org/content/2020/02/18552)
- มีรายงานผู้ป่วยรายแรกตั้งแต่วันที่ 1 ธันวาคม 2019 แต่ก็ยังไม่มีความกังวลนัก จนกระทั่งเริ่มมีการรายงานจากหน่วยงานสาธารณสุขของเมือง Wuhan ประเทศจีน ตั้งแต่วันที่ 12 ธันวาคม 2019 ว่ามีผู้ป่วยที่เป็นปอดบวมจากการติดเชื้อไวรัส ถึง 27 ราย โดยมีคนอาการหนักถึง 7 ราย โดยผู้ป่วยส่วนใหญ่มีประวัติไปสัมผัสกับสัตว์ป่าต่าง ๆ ในตลาดขายส่งอาหารทะเลในเมือง Wuhan ซึ่งมีการขายสัตว์นานาชนิด รวมทั้งสัตว์ปีก งู ค้างคาว จนตอนนี้แพร่กระจายไปทั่วโลกแล้ว
- เป็นไวรัสตัวที่ 7 ของตระกูลโคโรน่าไวรัส และสามารถติดเชื้อสู่คนได้เฉกเช่นเดียวกับไวรัสพี่ ๆ ของตระกูลนี้ เช่น เมอร์ส (MERS) และซาร์ส (SARS) ที่เคยระบาดในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา จากการศึกษาสายพันธุกรรมของไวรัสนี้ พบว่าคล้ายคลึงกับไวรัสซาร์สถึง 70%
- การคาดประมาณจากสถานการณ์การระบาดของไวรัสนี้ในช่วงที่ผ่านมา พบว่าคนติดเชื้อคนนึงจะสามารถแพร่ไปให้คนอื่นได้ราว 2-6 คน และจากสถานการณ์ที่ผ่านมา พบว่าจำนวนคนติดเชื้อโดยรวมเพิ่มขึ้นถึง 2 เท่าทุกสัปดาห์
- ลักษณะการแพร่เชื้อไวรัสนี้ เหมือนกับไวรัสอื่น ๆ ที่ก่อให้เกิดโรคทางเดินหายใจ เช่น ไข้หวัด ไข้หวัดใหญ่ ฯลฯ นั่นคือ ผ่านการไอ จาม มีฝอยละอองของน้ำมูกหรือเสมหะที่มีไวรัสอยู่ รวมถึงการที่ไวรัสปนเปื้อนกับมือและสิ่งต่าง ๆ ที่ใช้ในชีวิตประจำวัน
- คนที่ติดเชื้อไวรัสนี้ ส่วนใหญ่มีอาการไม่รุนแรง มีเพียงประมาณ 15% ที่มีอาการรุนแรง และมีอัตราการเสียชีวิตประมาณ 2%
วิธีรักษา Covid-19 ของแพทย์
1.ยาต้านไวรัส : เสียใจด้วยครับเพราะ Covid-19 ยังไม่มียาเฉพาะ
ที่ผ่านมาวงการแพทย์มีการวิจัยและสังเคราะห์ยาต้านไวรัสกันอย่างกว้างขวาง โดยมุ่งเน้นที่ยับยั้งในกระบวนการต่างๆของไวรัสเพื่อไม่ให้เชื้อกระจายตัวไปได้ แต่โชคร้ายที่มีไวรัสไม่กี่ชนิดเท่านั้นที่จะมียาเฉพาะและมีประสิทธิภาพในการหยุดยั้งการกระจาย เนื่องจากความแสบของไวรัสคือมันจะแลกเปลี่ยนสารพันธุกรรมกับเซลล์ผู้ติดเชื้อ ทำให้มันสามารถปรับเปลียนพันธุกรรมได้ไม่มีที่สิ้นสุด ทำยาตัวนี้ได้ มันก็เปลี่ยนแปลงตัวเองให้ทนต่อยาและแพร่กระจายต่อไปได้ ในกรณีของ Covid-19 ก็เข่นกัน แม้นมันจะเป็นที่น้องในตระกูล Corona virus เช่นเดียวกับโรค SARS (Sever Acute Respiratory Syndrome) หรือ MERS (Middle East Respiratory Syndrome) ที่มียาต้านไวรัสที่มีประสิทธิภาพ แต่จากหลักฐานงานวิจัยในปัจจุบัน (27 ก.พ.63) ยังไม่สามารถสรุปว่ามียาต้านไวรัสตัวใดที่มีประสิทธิภาพมากพอที่จะใช้รักษา Covid-19 ได้ครับ แต่ยังมีแสงสว่างในปลายอุโมงค์เล็กๆว่าในบางประเทศมีรายงานการใช้ยาเช่น Favipiravir, Remdesivir หรือ Oseltamivir ในผู้ป่วย แล้วมีอาการดีขึ้น อย่างไรก็ตามต้องรอหลักฐานเชิงประจักษ์ที่มากกว่านี้จึงจะสรุปได้ครับ
2.การป้องกันและเฝ้าระวังภาวะแทรกซ้อน : เป็นการรักษาหลักของแพทย์ในขณะนี้
วิธีการรักษาในส่วนนี้ แพทย์อาจให้สารน้ำเพื่อป้องกันการขาดน้ำและสูญเสียเกลือแร่ เจาะเลือดและเผ้าระวังการทำงานของอวัยวะส่วนอื่นไม่ให้เกิดความผิดปกติ อย่างที่เรียนในตอนต้นว่าการรักษาไวรัสส่วนใหญ่ต้องรอจนกว่าไวรัสจะสลายตัวไปพร้อมกับเซลล์ที่ติดเชื้อ หากผุ้ป่วยเกิดภาวะแทรกซ้อนเช่น ติดเชื้อแบคทีเรียเพิ่มเติม หรือ มีอวัยวะส่วนอื่นล้มเหลว เราก็มีโอกาสที่จะตายก่อนไวรัสครับ
3.การเพิ่มภูมิต้านทาน : เป็นส่วนเสริมที่ดีมากต่อการรักษา Covid-19
หากผู้ป่วยมีภูมิต้านทานที่ดี ก็จะมีโอกาสที่จะต่อสู้กับเชื้อไวรัสได้มากขึ้น โอกาสเกิดภาวะแทรกซ้อนก็จะน้อยลง จากสถิติ ผุ้เสียชีวิตใหญ่มักเป็นผู้ที่มีภูมิต้านทานอ่อนแอ เช่น ผู้สูงอายุ (เอ๊ะ เราก็แก่นี่หว่า55) , โรคประจำตัวหลายอย่าง , พักผ่านไม่พอ หรือ ได้รับยากดภูมิคุ้มกัน ดังนั้น การดูแลสุขภาพเบื้องต้นเช่น การพักผ่อนที่เพียงพอ การออกกำลังกาย ทานอาหารที่มีประโยชน์จะช่วยให้เรามีภูมิต้านทานที่ดีครับ
4.ฟ้าทะลายโจร : ฆ่า Covid-19 ไม่ได้ แต่ทานเสริมได้
ฟ้าทะลายโจรมีสารแอนโดรกราโฟไลด์ (Andrographolide) ซึ่งในจีนเคยมีการรักษาโรคSARS มาแล้ว แต่จากหลักฐานในปัจจุบันยังไม่มีการชี้ชัดว่าแอนโดรการโฟไลด์จะควบคุม Covid-19 ได้ แต่หากจะทานเพื่อเสริมภูมิ ความเห็นผมคิดว่าคงทานได้แต่ใช้ในปริมาณที่เหมาะสมนะครับ
5.การป้องกันการแพร่กระจายเชื้อ : เป็นวิธีที่ดีที่สุดในขณะนี้
การจะทำให้สถานการณ์ระบาดดีขึ้นจะต้องควบคุมไม่ให้เชื้อกระจายไปได้ก่อนด้วยมาตรการสอบสวนโรคและเฝ้าระวังที่เข้มข้น จากนั้นรอเวลาให้ไวรัสค่อยสลายตัวไปจากภูมิต้านทานของผู้ป่วย (หรือตายไปพร้อมกับผู้ป่วย) ดังนั้นในส่วนภาคประชาขน การดูแลสุขอนามัยพื้นฐาน กินร้อน ช้อนกลาง ล้างมือ ใส่หน้ากากหากไปสถานที่เสี่ยง พักผ่อนเพียงพอ ออกกำลังกาย รับประทานอาหารที่สะอาด หากเป็นไปได้ช่วงนี้งดเดินทางไปต่างประเทศหรือเข้าที่ชุมชมแออัด และหากเพิ่มกลับมาจากต่างประเทศหรือสัมผัสกับผู้ติดเชื้อแล้วเกิดมีไข้ ไอ อย่าปกปิดข้อมูลเพื่อให้ทางสาธารณสุขเข้าสอบสวนโรคเพื่อตัวท่านเองและผู้อื่น
ปล.จากในข่าวนี่หากท่านสส.ผู้ทรงเกียรติที่เพิ่งกลับจากญี่ปุ่นแล้วเข้าสภาเลย(แม้จะบอกว่าตรวจแล้วแต่ไม่ยอมกักตัว)เกิดเป็น Covid-19แล้วแพร่ให้นายกรัฐมนตรีหรือรมว.สาธารณสุข คงหัวเราะไม่ได้รำไห้ไม่ออกกันเลยทีเดียว