เติมน้ำมันตอนหมดถังส่งผลเสียต่อรถอย่างไร? เอาความรู้มาฝากกันคับ
ปั๊มติ๊ก มีหน้าที่อะไร?
: ปั๊มติ๊ก มีหน้าที่ ดูดน้ำมันจากตัวถังไปยังเครื่องยนต์ ซึ่งสาเหตุที่ทำให้ปั๊มติ๊กเสื่อมนั้นเกิดจากระดับน้ำมันเชื้อเพลิงน้อยจนเกินไป จะทำให้ปั๊มติ๊กทำงานหนักและระบายความร้อนไม่ดี จนส่งผลให้มอเตอร์ฟังและได้รับความเสียหายได้ และอีกอย่างหนึ่งนั้นก็คือ ถ้าหากเราเติมน้ำมันที่ไม่ได้คุณภาพก็อาจจะทำให้ปั๊มติ๊กเสื่อมสภาพ
น้ำมันที่ไหลผ่านปั๊มติ๊กช่วยให้ปั๊มติ๊กไม่ร้อนและมีการหล่อลื่น เมื่อน้ำมันในถังเหลือน้อยปั๊มติ๊กก็ยิ่งต้องทำงานหนักขึ้นในการสูบน้ำมันที่อยู่ระดับต่ำลงไป ประกอบกับไม่มีน้ำมันมาห่อหุ้มเพื่อระบายความร้อนและหล่อลื่นปั๊มติ๊ก ทั้งสองเหตุผลนี้คือสาเหตุที่ทำให้ปั๊มติ๊กเริ่มเสื่อมสภาพ
ถ้าจำเป็นต้องจอดรถทิ้งไว้นานๆ ควรถ่ายน้ำมันเก่าออกให้หมดแล้วใส่น้ำมันใหม่ไปแทนที่ เพราะปัจจุบันผู้ใช้รถนิยมเติมน้ำมันแก๊สโซฮอลซี่งมีส่วนผสมของเอทานอล โดยน้ำมันที่ผสมเอทานอลมักจะชอบดูดความชื้น และเมื่อจอดรถไว้นานๆโดยไม่ได้ขับ น้ำมันกับน้ำจะแยกชั้นกันในถังน้ำมัน (เอทนานอลก็จะแยกชั้นกับน้ำมันด้วย) และปั๊มติ๊กที่จุ่มอยู่ในถังน้ำมันจึงมีโอกาสเกิดสนิมกับส่วนที่เป็นโลหะของปั๊มได้ แม้ถังน้ำมันของรถบางยี่ห้อจะไม่ใช่โลหะ แต่น้ำในถังน้ำมันก็ยังก่อให้เกิดสนิมกัดกินตัวปั๊มติ๊กและก้านลูกลอยได้
น้ำมันสกปรกทำให้ปั๊มติ๊กเสียได้ เพราะสิ่งปนเปื้อนที่มีขนาดใหญ่กว่า 70 ไมครอน จะไม่สามารถผ่านกรองเบนซินได้ แต่สิ่งปนเปื้อนที่มีขนาดเล็กกว่า (30-40 ไมครอน) จะผ่านไปได้และเข้าไปสร้างความเสียหายให้กับแปรงถ่านของปั๊มติ๊กทำให้สึก เมื่อสึกมากๆเข้าปั๊มติ๊กก็จะมีความต้องการกระแสไฟฟ้ามากขึ้นทั้งๆที่ยังสูบน้ำมันที่ความดันเท่าเดิม ส่งผลให้ขั้วข้อต่อไฟฟ้าของปั๊มติ๊กไหม้ ดังนั้นก่อนเปลี่ยนปั๊มติ๊กตัวใหม่ อย่าลืมเช็คข้อต่อด้วยว่ามีรอยไหม้หรือไม่ ถ้าขั้วข้อต่อไหม้และไม่ได้เปลี่ยนใหม่ ถึงเปลี่ยนปั๊มติ๊กตัวใหม่ก็จะเสียอีก
สาเหตุหลักที่สามารถทำให้ ปั๊มติ๊กเสื่อมได้ มีดังต่อไปนี้
:การปล่อยน้ำมันเชื้อเพลิงในถังเหลือน้อย (ไฟเตือนน้ำมันโชว์) อยู่เป็นประจำ เพราะเวลาที่ไฟเตือนระดับน้ำมันโชว์นั้น มันแปลว่าน้ำมันในถังเชื้อเพลิงของรถคุณมีน้อย น้ำมันที่ไหลผ่านปั๊มติ๊กช่วยให้ ปั๊มติ๊ก ไม่ร้อนและมีการหล่อลื่น และเมื่อน้ำมันในถังเหลือน้อย ปั๊มติ๊ก ก็ยิ่งต้องทำงานหนักขึ้นในการสูบน้ำมันที่อยู่ระดับต่ำลงไป ประกอบกับไม่มีน้ำมันมาห่อหุ้มเพื่อระบายความร้อนและหล่อลื่น ปั๊มติ๊ก มันก็ทำงานอยู่ตลอดเวลาที่เครื่องติด มันก็ดูดน้ำมันบ้าง อากาศบ้าง แถมน้ำมันที่อยู่รอบตัวมันก็น้อยการระบายความร้อนจากตัวมอเตอร์ที่ทำงานตลอดก็ระบายไม่ได้ สุดท้ายก็มอเตอร์พัง
หรืออีกประการที่ทำให้ ปั๊มติ๊ก พังได้ก็คือ น้ำมันเชื้อเพลิง หากน้ำมันเชื้อเพลิงที่เติมเข้าไปไม่ได้คุณภาพ มีความสกปรกมากส่วนใหญ่มาจากสถานนีน้ำมันที่ไม่ได้คุณภาพ (ปั๊มหลอด) หรือการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงที่ไม่เหมาะสมและตัวรถไม่รองรับ เช่น รถยนต์สามารถรองรับน้ำมันเบนซิน แก๊สโซฮอล91 แต่อยากประหยัดใส่ E85 เข้าไป ก็ส่งผลให้เกิดปัญหา ปั๊มติ๊ก ไม่ทำงานได้เช่นกัน
6 อาการ บ่งบอก “ปั๊มติ๊ก” เริ่มเสื่อม
เครื่องสะดุดที่ความเร็ว(คงที่) เนื่องจากปั๊มติ๊กเริ่มเสื่อมสภาพแรงดันจึงขาดช่วงหรือทำให้สร้างแรงดันไม่ถึงค่าที่เหมาะสมได้ในบางครั้ง
สตาร์ทแล้วเครื่องสะดุด/กระตุก เนื่องจากปั๊มติ๊กไม่สามารถส่งน้ำมันที่มีแรงดันที่เหมาะสมตามความต้องการของระบบได้เพียงพอในการผสมกับอากาศเพื่อเกิดการเผาไหม้ส่งผลให้เกิดการสะดุด/กระตุกระหว่างการติดเครื่อง
เครื่องไม่มีกำลังหรือกระตุกเมื่อขับรถขึ้นทางชันหรือใช้ลากจูง เพราะปั๊มติ๊กเริ่มเสื่อมสภาพ สภาวะปกติจึงสามารถสูบน้ำมันจ่ายให้ระบบด้วยแรงดันปกติได้ แต่เมื่อระบบต้องการน้ำมันมากขึ้น/แรงดันมากขึ้น ปั๊มติ๊กจะไม่สามารถ support ความต้องการที่เพิ่มขึ้นของระบบได้
เครื่องวูบเมื่อวี่งด้วยความเร็วคงที่ สาเหตุของอาการนี้มาจาก(ความต้านทาน)มอเตอร์ในปั๊มติ๊กเสื่อมสภาพ ปั๊มจึงไม่สามารถรักษาแรงดันให้เสถียรตามค่าปกติ (คนส่วนใหญ่มักเข้าใจว่าอาการนี้เกิดจากกรองน้ำมันเบนซินเสื่อมสภาพ)
รถสตาร์ทไม่ติด ถ้าเจ้าของรถเพิกเฉยอาการที่เป็นสัญญาณเตือนข้างต้น สุดท้ายก็จะมาจบที่อาการนี้ นั่นคือปั๊มติ๊กเสียหรือไม่ทำงานแล้ว เมื่อสตาร์ทยังได้ยินเสียงไดสตาร์ทและเครื่องยนต์ทำงานแต่ไม่มีน้ำมันฉีดเข้าระบบ ตรวจสอบระบบน้ำมันเชื้อเพลิงได้ที่ฟิวส์ว่าขาดหรือไม่ ถ้าฟิวส์ไม่ขาด ตรวจสอบแรงดันของระบบ ถ้าไม่มีแรงดันแสดงว่าปั๊มติ๊กไม่ทำงาน
สำหรับรถติดแก๊ส ถ้าสตาร์ทด้วยน้ำมันไม่ติด แต่สตาร์ทด้วยแก๊สติด แสดงว่าปั๊มติ๊กมีปัญหาแน่นอน
การดูแลรักษาให้ “ปั๊มติ๊ก” ใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ควรเติมน้ำมันที่สะอาด/มีคุณภาพ เพราะจะไม่มีสิ่งแปลกปลอมไปอุดตันหรือสร้างความเสียหายที่ตัวปั๊มติ๊ก
ควรเติมน้ำมันให้มากกว่าระดับ ¼ ของถังอยู่เสมอ เพื่อเป็นการหล่อลื่นและระบายความร้อนให้กับปั๊มติ๊กและปั๊มติ๊กจะไม่ต้องทำงานสูบน้ำมันในระดับที่ต่ำจนเกินไป
ถ้าต้องจอดรถทิ้งไว้นานๆ ควรถ่ายน้ำมันเก่าที่ค้างออกแล้วเติมน้ำมันใหม่เข้าไป
สำหรับรถติดแก๊ส ควรเปลี่ยนมาใช้น้ำมันบ้าง เนื่องจากกรองเบนซินตันหรือเสีย ก็จะมีอาการคล้ายๆปั๊มติ๊กเสีย คือสตาร์ทไม่ติดบ้าง หรือสตาร์ทติดแต่กระตุก ดังนั้นถ้าพบว่ากรองเบนซินตันหรือเสียควรรีบเปลี่ยน
เพียงเท่านี้ก็ช่วยทำให้การใช้ประโยชน์จาก ปั๊มติ๊ก มีประสิทธิภาพมากขึ้น แต่อย่าลืมว่าหากเจอปัญหาที่ไม่อยากแก้ไขได้ด้วยตัวเอง แนะนำให้ท่านรีบนำรถยนต์คู่ใจไปปรึกษาศูนย์หรือเข้าอู่เพื่อขอคำแนะนำป้องกันความอันตรายที่อาจเกิดขึ้นได้ในอนาคต
เช็คราคาปั๊มติ๊ก คลิ๊ก :
https://www.milework.com/electric-and-lighting/fuel-pump/?utm_source=Pantip&utm_medium=pumptick&utm_campaign=ok
ติดตามพวกเราทาง Facebook :
https://www.facebook.com/Milework
อ่านบทความต่อได้ที่ :
https://www.milework.com/blog?utm_source=Pantip&utm_medium=pumptick&utm_campaign=ok
เติมน้ำมันตอนหมดถังส่งผลเสียต่อรถอย่างไร? เอาความรู้มาฝากกันคับ
ปั๊มติ๊ก มีหน้าที่อะไร?
: ปั๊มติ๊ก มีหน้าที่ ดูดน้ำมันจากตัวถังไปยังเครื่องยนต์ ซึ่งสาเหตุที่ทำให้ปั๊มติ๊กเสื่อมนั้นเกิดจากระดับน้ำมันเชื้อเพลิงน้อยจนเกินไป จะทำให้ปั๊มติ๊กทำงานหนักและระบายความร้อนไม่ดี จนส่งผลให้มอเตอร์ฟังและได้รับความเสียหายได้ และอีกอย่างหนึ่งนั้นก็คือ ถ้าหากเราเติมน้ำมันที่ไม่ได้คุณภาพก็อาจจะทำให้ปั๊มติ๊กเสื่อมสภาพ
น้ำมันที่ไหลผ่านปั๊มติ๊กช่วยให้ปั๊มติ๊กไม่ร้อนและมีการหล่อลื่น เมื่อน้ำมันในถังเหลือน้อยปั๊มติ๊กก็ยิ่งต้องทำงานหนักขึ้นในการสูบน้ำมันที่อยู่ระดับต่ำลงไป ประกอบกับไม่มีน้ำมันมาห่อหุ้มเพื่อระบายความร้อนและหล่อลื่นปั๊มติ๊ก ทั้งสองเหตุผลนี้คือสาเหตุที่ทำให้ปั๊มติ๊กเริ่มเสื่อมสภาพ
ถ้าจำเป็นต้องจอดรถทิ้งไว้นานๆ ควรถ่ายน้ำมันเก่าออกให้หมดแล้วใส่น้ำมันใหม่ไปแทนที่ เพราะปัจจุบันผู้ใช้รถนิยมเติมน้ำมันแก๊สโซฮอลซี่งมีส่วนผสมของเอทานอล โดยน้ำมันที่ผสมเอทานอลมักจะชอบดูดความชื้น และเมื่อจอดรถไว้นานๆโดยไม่ได้ขับ น้ำมันกับน้ำจะแยกชั้นกันในถังน้ำมัน (เอทนานอลก็จะแยกชั้นกับน้ำมันด้วย) และปั๊มติ๊กที่จุ่มอยู่ในถังน้ำมันจึงมีโอกาสเกิดสนิมกับส่วนที่เป็นโลหะของปั๊มได้ แม้ถังน้ำมันของรถบางยี่ห้อจะไม่ใช่โลหะ แต่น้ำในถังน้ำมันก็ยังก่อให้เกิดสนิมกัดกินตัวปั๊มติ๊กและก้านลูกลอยได้
น้ำมันสกปรกทำให้ปั๊มติ๊กเสียได้ เพราะสิ่งปนเปื้อนที่มีขนาดใหญ่กว่า 70 ไมครอน จะไม่สามารถผ่านกรองเบนซินได้ แต่สิ่งปนเปื้อนที่มีขนาดเล็กกว่า (30-40 ไมครอน) จะผ่านไปได้และเข้าไปสร้างความเสียหายให้กับแปรงถ่านของปั๊มติ๊กทำให้สึก เมื่อสึกมากๆเข้าปั๊มติ๊กก็จะมีความต้องการกระแสไฟฟ้ามากขึ้นทั้งๆที่ยังสูบน้ำมันที่ความดันเท่าเดิม ส่งผลให้ขั้วข้อต่อไฟฟ้าของปั๊มติ๊กไหม้ ดังนั้นก่อนเปลี่ยนปั๊มติ๊กตัวใหม่ อย่าลืมเช็คข้อต่อด้วยว่ามีรอยไหม้หรือไม่ ถ้าขั้วข้อต่อไหม้และไม่ได้เปลี่ยนใหม่ ถึงเปลี่ยนปั๊มติ๊กตัวใหม่ก็จะเสียอีก
สาเหตุหลักที่สามารถทำให้ ปั๊มติ๊กเสื่อมได้ มีดังต่อไปนี้
:การปล่อยน้ำมันเชื้อเพลิงในถังเหลือน้อย (ไฟเตือนน้ำมันโชว์) อยู่เป็นประจำ เพราะเวลาที่ไฟเตือนระดับน้ำมันโชว์นั้น มันแปลว่าน้ำมันในถังเชื้อเพลิงของรถคุณมีน้อย น้ำมันที่ไหลผ่านปั๊มติ๊กช่วยให้ ปั๊มติ๊ก ไม่ร้อนและมีการหล่อลื่น และเมื่อน้ำมันในถังเหลือน้อย ปั๊มติ๊ก ก็ยิ่งต้องทำงานหนักขึ้นในการสูบน้ำมันที่อยู่ระดับต่ำลงไป ประกอบกับไม่มีน้ำมันมาห่อหุ้มเพื่อระบายความร้อนและหล่อลื่น ปั๊มติ๊ก มันก็ทำงานอยู่ตลอดเวลาที่เครื่องติด มันก็ดูดน้ำมันบ้าง อากาศบ้าง แถมน้ำมันที่อยู่รอบตัวมันก็น้อยการระบายความร้อนจากตัวมอเตอร์ที่ทำงานตลอดก็ระบายไม่ได้ สุดท้ายก็มอเตอร์พัง
หรืออีกประการที่ทำให้ ปั๊มติ๊ก พังได้ก็คือ น้ำมันเชื้อเพลิง หากน้ำมันเชื้อเพลิงที่เติมเข้าไปไม่ได้คุณภาพ มีความสกปรกมากส่วนใหญ่มาจากสถานนีน้ำมันที่ไม่ได้คุณภาพ (ปั๊มหลอด) หรือการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงที่ไม่เหมาะสมและตัวรถไม่รองรับ เช่น รถยนต์สามารถรองรับน้ำมันเบนซิน แก๊สโซฮอล91 แต่อยากประหยัดใส่ E85 เข้าไป ก็ส่งผลให้เกิดปัญหา ปั๊มติ๊ก ไม่ทำงานได้เช่นกัน
6 อาการ บ่งบอก “ปั๊มติ๊ก” เริ่มเสื่อม
เครื่องสะดุดที่ความเร็ว(คงที่) เนื่องจากปั๊มติ๊กเริ่มเสื่อมสภาพแรงดันจึงขาดช่วงหรือทำให้สร้างแรงดันไม่ถึงค่าที่เหมาะสมได้ในบางครั้ง
สตาร์ทแล้วเครื่องสะดุด/กระตุก เนื่องจากปั๊มติ๊กไม่สามารถส่งน้ำมันที่มีแรงดันที่เหมาะสมตามความต้องการของระบบได้เพียงพอในการผสมกับอากาศเพื่อเกิดการเผาไหม้ส่งผลให้เกิดการสะดุด/กระตุกระหว่างการติดเครื่อง
เครื่องไม่มีกำลังหรือกระตุกเมื่อขับรถขึ้นทางชันหรือใช้ลากจูง เพราะปั๊มติ๊กเริ่มเสื่อมสภาพ สภาวะปกติจึงสามารถสูบน้ำมันจ่ายให้ระบบด้วยแรงดันปกติได้ แต่เมื่อระบบต้องการน้ำมันมากขึ้น/แรงดันมากขึ้น ปั๊มติ๊กจะไม่สามารถ support ความต้องการที่เพิ่มขึ้นของระบบได้
เครื่องวูบเมื่อวี่งด้วยความเร็วคงที่ สาเหตุของอาการนี้มาจาก(ความต้านทาน)มอเตอร์ในปั๊มติ๊กเสื่อมสภาพ ปั๊มจึงไม่สามารถรักษาแรงดันให้เสถียรตามค่าปกติ (คนส่วนใหญ่มักเข้าใจว่าอาการนี้เกิดจากกรองน้ำมันเบนซินเสื่อมสภาพ)
รถสตาร์ทไม่ติด ถ้าเจ้าของรถเพิกเฉยอาการที่เป็นสัญญาณเตือนข้างต้น สุดท้ายก็จะมาจบที่อาการนี้ นั่นคือปั๊มติ๊กเสียหรือไม่ทำงานแล้ว เมื่อสตาร์ทยังได้ยินเสียงไดสตาร์ทและเครื่องยนต์ทำงานแต่ไม่มีน้ำมันฉีดเข้าระบบ ตรวจสอบระบบน้ำมันเชื้อเพลิงได้ที่ฟิวส์ว่าขาดหรือไม่ ถ้าฟิวส์ไม่ขาด ตรวจสอบแรงดันของระบบ ถ้าไม่มีแรงดันแสดงว่าปั๊มติ๊กไม่ทำงาน
สำหรับรถติดแก๊ส ถ้าสตาร์ทด้วยน้ำมันไม่ติด แต่สตาร์ทด้วยแก๊สติด แสดงว่าปั๊มติ๊กมีปัญหาแน่นอน
การดูแลรักษาให้ “ปั๊มติ๊ก” ใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ควรเติมน้ำมันที่สะอาด/มีคุณภาพ เพราะจะไม่มีสิ่งแปลกปลอมไปอุดตันหรือสร้างความเสียหายที่ตัวปั๊มติ๊ก
ควรเติมน้ำมันให้มากกว่าระดับ ¼ ของถังอยู่เสมอ เพื่อเป็นการหล่อลื่นและระบายความร้อนให้กับปั๊มติ๊กและปั๊มติ๊กจะไม่ต้องทำงานสูบน้ำมันในระดับที่ต่ำจนเกินไป
ถ้าต้องจอดรถทิ้งไว้นานๆ ควรถ่ายน้ำมันเก่าที่ค้างออกแล้วเติมน้ำมันใหม่เข้าไป
สำหรับรถติดแก๊ส ควรเปลี่ยนมาใช้น้ำมันบ้าง เนื่องจากกรองเบนซินตันหรือเสีย ก็จะมีอาการคล้ายๆปั๊มติ๊กเสีย คือสตาร์ทไม่ติดบ้าง หรือสตาร์ทติดแต่กระตุก ดังนั้นถ้าพบว่ากรองเบนซินตันหรือเสียควรรีบเปลี่ยน
เพียงเท่านี้ก็ช่วยทำให้การใช้ประโยชน์จาก ปั๊มติ๊ก มีประสิทธิภาพมากขึ้น แต่อย่าลืมว่าหากเจอปัญหาที่ไม่อยากแก้ไขได้ด้วยตัวเอง แนะนำให้ท่านรีบนำรถยนต์คู่ใจไปปรึกษาศูนย์หรือเข้าอู่เพื่อขอคำแนะนำป้องกันความอันตรายที่อาจเกิดขึ้นได้ในอนาคต
เช็คราคาปั๊มติ๊ก คลิ๊ก : https://www.milework.com/electric-and-lighting/fuel-pump/?utm_source=Pantip&utm_medium=pumptick&utm_campaign=ok
ติดตามพวกเราทาง Facebook : https://www.facebook.com/Milework
อ่านบทความต่อได้ที่ : https://www.milework.com/blog?utm_source=Pantip&utm_medium=pumptick&utm_campaign=ok