●● ออกหมายจับ'ปลอดประสพ'! ...เบี้ยวฟังคำพิพากษาศาลฎีกาคดีย้าย ขรก.มิชอบ-นัดใหม่ 7 เม.ย.●●
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ใส่ข้อความ
ศาลฎีกาคดีทุจริตฯออกหมายจับ 'ปลอดประสพ สุรัสวดี'
กรณีเมื่อครั้งเป็นปลัด ทส. ออกคำสั่งโยกย้ายแต่งตั้ง ขรก. โดยมิชอบ
ก่อนหน้านี้เคยขอเลื่อนฟังคำพิพากษาแล้ว คราวนี้อ้างอีกว่าป่วย แต่ศาลไม่เชื่อ นัดฟังใหม่ 7 เม.ย. 63
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 26 ก.พ. 2563 ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ถ.นครไชยศรี
นัดอ่านคำพิพากษาศาลฎีกา คดีหมายเลขดำ อ.1063/2558 ที่นายวิฑูรย์ ชลายนนาวิน อดีตรองอธิบดี
กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง
นายปลอดประสพ สุรัสวดี อดีตรองนายกรัฐมนตรี และอดีตปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
เป็นจำเลย ในความผิดฐาน เป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบฯ เพื่อให้เกิดความเสียหาย
แก่ผู้หนึ่งผู้ใด ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 กรณีกล่าวหานายปลอดประสพว่า โยกย้ายแต่งตั้งข้าราชการ
ระดับสูงในกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมโดยมิชอบ
ในวันนี้ เป็นการนัดอ่านคำพิพากษาศาลฎีกาครั้งที่ 2 เคยมีการเลื่อนอ่านคำพิพากษามาแล้ว
ปรากฏว่า นายปลอดประสพ จำเลย ไม่มาศาล โดยมีผู้รับมอบอำนาจมายื่นคำร้องขอเลื่อนนัดฟังคำพิพากษาฎีกา
ระบุว่ามีอาการป่วย แต่ศาลพิจารณาแล้วให้ยกคำร้องของนายปลอดประสพ และมีคำสั่งให้ปรับนายประกัน
ตามจำนวนประกันด้วย 400,000 บาท พร้อมให้ออกหมายจับนายปลอดประสพ จำเลย เพื่อมาฟังคำพิพากษาฎีกา
ในนัดต่อไปวันที่ 7 เม.ย. 2563 เวลา 10.00 น.
ทั้งนี้ คำฟ้องโจทก์ระบุพฤติการณ์สรุปว่า เมื่อวันที่ 4 ก.ย. 2546 นายบรรพต หงษ์ทอง ปลัดกระทรวงเกษตร
และสหกรณ์ขณะนั้น มีคำสั่ง 399/2546 แต่งตั้งนายวิฑูรย์ โจทก์ ดำรงตำแหน่ง ผอ.สำนัก (นักวิชาการป่าไม้ 9)
สำนักส่งเสริมการปลูกป่าเศรษฐกิจ กรมป่าไม้ กระทรวงเกษตรสหกรณ์ โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค. 2546
แต่จากนั้นมีการตรา พ.ร.ฎ.โอนป่ากรมป่าไม้ สังกัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม มีผลเมื่อ
ลงราชกิจจานุเบกษาวันที่ 30 ก.ย. 2546 ซึ่งขณะนั้นโจทก์ ดำรงตำแหน่ง ผอ.กองการอนุญาต กรมป่าไม้
กระทรวงเกษตรและสหกรณ์
ต่อมาวันที่ 1 ต.ค. 2546 -12 พ.ย. 2556 จำเลยซึ่งดำรงตำแหน่ง ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
ได้ออกคำสั่งกระทรวงทรัพยากรฯที่ 287/2546 เมื่อวันที่ 1 ต.ค. 2546 ให้ระงับการมอบหมายงานในหน้าที่
ตามคำสั่ง 399/2546 ซึ่งแต่งตั้งโจทก์ขึ้นดำรงตำแหน่ง ผอ.สำนัก (นักวิชาการป่าไม้ 9) โดยให้ถือว่า
เป็นการยกเลิกคำสั่งดังกล่าวไว้ก่อน
อันเป็นการใช้ดุลยพินิจโดยไม่ชอบ เพื่อยังยั้งไม่ให้โจทก์ได้เลื่อนตำแหน่ง สาเหตุเนื่องจากโจทก์กับจำเลย
มีเรื่องโกรธเคืองในเรื่องส่วนตัวกันมาก่อน
กระทั่งวันที่ 12 พ.ย. 2546 จำเลยกลั่นแกล้งโจทก์ ด้วยการให้นายดำรงค์ พิเดช ออกคำสั่งกรมป่าไม้ ที่ 543/2546
ย้ายโจทก์ไปตำแหน่งป่าไม้จังหวัดอำนาจเจริญ ซึ่งเป็นตำแหน่งข้าราชการพลเรือนสามัญระดับ 8
เป็นการย้ายให้ปฏิบัติหน้าที่ต่ำกว่าระดับเดิม อีกทั้งก็ไม่ใช่ความจำเป็นที่ต้องรีบดำเนินการ และจำเลยก็ทราบดีว่า
นายดำรงค์ไม่มีอำนาจสั่งย้ายโจทก์
ดังนั้นคำสั่งย้ายที่จำเลยให้ความเห็นชอบนั้น จึงไม่ชอบด้วยกฎหมาย
การกระทำของจำเลยจึงเป็นผลให้โจทก์ได้รับความเสียหายต่อเสียชื่อเสียง และเสียสิทธิไม่ได้เลื่อนตำแหน่ง
เป็นระดับ 9 จึงขอให้ชดใช้ค่าเสียหายส่วนนี้ด้วย 2 ล้านบาท
เหตุเกิดที่แขวงลาดยาว เขตจตุจักร กทม. โดยนายปลอดประสพ จำเลย ให้การปฏิเสธ ต่อสู้คดีโดยตลอด
คดีนี้ ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 29 มี.ค. 2560 เห็นว่า นายวิฑูรย์ โจทก์ มีคุณสมบัติที่จะได้รับการแต่งตั้ง
เป็นผู้บริหารได้ แต่การที่จำเลยมีคำสั่งไม่แต่งตั้งโจทก์ ให้เลื่อนขั้นเป็นข้าราชการระดับ 9 นั้น ถือว่าเป็นการปฏิบัติ
หน้าที่โดยมิชอบเพื่อกลั่นแกล้งโจทก์ให้ได้รับความเสียหาย จึงให้จำคุก 1 ปี และปรับ 20,000 บาท ขณะที่โทษจำคุก
ให้รอลงอาญา ไว้ 2 ปี และให้จำเลยชดใช้เงินค่าเสียหายแก่โจทก์ด้วย 1.4 ล้านบาท
ต่อมาทั้งนายปลอดประสพ จำเลย และนายวิฑูรย์ โจทก์ต่างยื่นอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์แผนกคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ อ่านคำพิพากษาเมื่อวันที่ 17 เม.ย. 2561 เห็นว่า
การย้ายโจทก์เพียงคนเดียวในระดับที่ต่ำกว่าเดิมเสมือนเป็นการลงโทษ
โดยโจทก์กับจำเลย เคยมีข้อพิพาทกันเมื่อปี 2541 ขณะที่จำเลยเป็นอธิบดีกรมป่าไม้ มีคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนวินัยร้ายแรงกับโจทก์ โดยไม่มีการสอบสวนข้อเท็จจริง ไม่ให้โอกาสโจทก์และผู้เกี่ยวข้องไปเป็นพยาน
ในการสอบสวนข้อเท็จจริงเพื่อโต้แย้งข้อกล่าวหา
ขณะที่โจทก์เคยกล่าวโทษจำเลยต่อพนักงานสอบสวน สน.บางเขน จนมีการส่งเรื่องไปยัง ป.ป.ช.ด้วย
การที่โจทก์ได้เลื่อนชั้นแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งใหม่ก็ชอบด้วยกฎหมาย แต่การที่จำเลยให้ยกเลิกคำสั่งแต่งตั้งนั้น
จึงกระทำไม่ชอบด้วยกฎหมายและน่าเชื่อว่ามาจากกรณีจำเลยมีสาเหตุโกรธเคืองโจทก์มาก่อน โดยยกเลิกการแต่งตั้ง
เพื่อกลั่นแกล้งโจทก์
การกระทำของจำเลยจึงเป็นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่โจทก์
การที่จำเลยยกเลิกคำสั่งแต่งตั้ง ทำให้โจทก์ขาดโอกาสในการได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งที่สูงขึ้น
ความเสียหายดังกล่าวเป็นกรณีที่ไม่สามารถชดเชยให้กับโจทก์ได้ เมื่อพิจารณาการกระทำที่จำเลยให้รับโอน
นายดำรงค์มาซ้อนตำแหน่งโจทก์ที่โจทก์ได้รับการแต่งตั้งโดยชอบด้วยกฎหมาย ก็อาจทำให้เกิดปัญหาว่า
การปฏิบัติราชการของนายดำรงค์ต่อการออกคำสั่ง-ประกาศต่างๆ ของกรมป่าไม้มีความถูกต้องชอบด้วยกฎหมาย
หรือไม่ ซึ่งอาจก่อให้เกิดความเสียหายต่อราชการได้
พฤติการณ์นับว่าเป็นความผิดร้ายแรง จึงไม่เห็นสมควรรอการลงโทษ
ที่ศาลชั้นต้นให้รอการลงโทษจำเลยนั้น ศาลอุทธรณ์ฯ ไม่เห็นพ้องด้วย
อุทธรณ์โจทก์ฟังขึ้น ศาลอุทธรณ์ฯ จึงพิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิด ตาม ม.157 ประกอบมาตรา 84
อีกกรรมหนึ่งที่ใช้ให้นายดำรงค์โยกย้ายโจทก์ จึงให้จำคุก 2 กระทงๆ ละ 1 ปี รวมโทษจำคุกทั้งสิ้น 2 ปี
โดยไม่รอการลงโทษ นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น โดยให้จำเลยชดใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์
เป็นเงิน 1.4 ล้านบาทด้วย
ขณะที่ นายปลอดประสพ จำเลย ได้ประกันตัวระหว่างฎีกา ซึ่งศาลตีราคาหลักทรัพย์ 400,000 บาท
พร้อมกำหนดเงื่อนไขห้ามออกนอกประเทศเว้นแต่จะได้รับอนุญาตจากศาล
Cr. :
https://www.isranews.org/isranews/85988-isranewss-85988.html
●● ออกหมายจับ'ปลอดประสพ'! ...เบี้ยวฟังคำพิพากษาศาลฎีกาคดีย้าย ขรก.มิชอบ-นัดใหม่ 7 เม.ย.●●
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
Cr. : https://www.isranews.org/isranews/85988-isranewss-85988.html