เราคบกับสามีคนนี้มาได้จะ 4 ปีแล้ว...
(เรื่องนี้พึ่งรู้หลังจากคบกันไปแล้ว) ก่อนคบกับเรา เขามีผู้หญิงในชีวิตอยู่ 3 คน คนแรก คบกันนานมาก 10 ปี แต่ใน 10 ปีที่คบคนนี้ ก็คบอีกคนซ้อนขึ้นมา 7 ปี และในระยะเวลา 10 ปีของคนแรก และ 7 ของคนที่ 2 ยังมีอีกคน ที่แอบคบซ้อนอีก 2 ปี ซึ่งเราคือคนสุดท้ายที่เขาคบซ้อน...
และขออธิบายก่อนว่า ก่อนจะมีคนที่ 3 และเราเนี้ย เขาจดทะเบียนกับคนแรก เพราะคนแรกต้องการเลิก เนื่องจากรับไม่ได้ที่เขาแอบคบคนอื่นซ้อนมานานตลอดระยะ 7 ปี ให้หลัง เขาเลยทำทุกอย่างไม่ให้คนแรกเลิก คนแรกเลยบอกให้จดทะเบียนและเลิกกับทางนั้น เขาก็ทำตาม แต่ คนที่2ก็ยังไม่ยอมเลิก จนคนแรกทนไม่ไหว เลยขอหย่า กว่าจะหย่ากันได้ คนแรกขู่ฟ้องตั้งหลายรอบ สุดท้ายพอหย่ากัน เขาก็ไปอยู่กับคนที่2 แต่อยู่ได้ไม่นานก็แอบติดต่อหาคนแรก บอกลำบาก ขอยืมเงิน แอบไปหา แอบคุยโดยโกหกคนแรกว่ามีปัญหากับคนที่ 2 และต้องการจะเลิก และระหว่างนี้ก็มีคนที่ 3 เขามาอีก (ง่ายๆคือ ตั้งแต่อยู่กับคนที่ 2 ก็แอบไปหาคนแรกและมีอีกคนเพิ่มมา) หลังจากมีคนที่ 3 แล้ว ก็มามีเรา..
เริ่มคบกับเราได้ไม่นาน คนแรกทนพฤติกรรมไม่ไหว เพราะเห็นว่าเรายังเด็กมากก จึงรวมหัวกับคนที่ 3 ว่าจะนัด คนที่ 2 ที่เขาอยู่ด้วยตอนนั้น ออกไปคุยกันกับเขา และจะเอาเราไปด้วย แต่เรื่องทั้งหมดนี้มีพี่อีกคนที่เป็นเพื่อนร่วมงานของเขา(สนิทและรู้ทุกเรื่องเกี่ยวกับ 3 คนนี้ รวมถึงเรา) ซึ่ง พี่เขาไม่ยอมให้เราไป บอกให้ไปเครียกันเอง อย่าเอาน้องไปเกี่ยว แต่ให้ทางคนแรกโทรประชุมสายเรากับรุ่นพี่คนนั้นไว้เพื่อฟังคำตอบ..
ทันทีที่ทั้ง 3 คนรวมตัวกันรวมถึงเขาเป็น 4 คน คนแรกชัดเจนว่าขอจบและไม่ขออะไรคืนเลยแม้แต่เงินที่ยืมไป คนสองยืนเงียบ(เพราะมั่นใจว่าตอนนั้นตัวเองคือนางเอก เขาอยู่กับฉันแน่นอน) ส่วนคนที่สาม โวยวายเรื่องเรา เพราะเรามาที่หลังเขา แต่ทุกประโยคก็จบด้วยคำที่ผู้ชายพูดออกมาว่า "กูเลิกกับน้องเขาไม่ได้หรอก เพราะตอนนี้กูไม่รู้ว่าน้องเขาท้องหรือป่าว" ทุกคนอึ้ง และคนแรกก็เลยบอกเราว่า งั้นให้เราพักผ่อนเพราะตอนนั้นดึกมากแล้ว (น่าจะ ตี 1 ได้แล้ว)
สรุปเลยนะ เรื่องวันนั้น เขาขอเราเครียกับทุกคน เขาจะมารับผิดชอบเรา เขาต้องการจบกับทุกคนก่อนและไม่ต้องการให้เราเป็นเหมือนที่ผ่านมา ง่ายๆคือ เราพิเศษกว่าคนอื่น
และสุดท้าย ตอนนั้นที่เรารู้ เขาเลิกกับคนแรกเด็ดขาด (อันนี้รู้เพราะคนแรกยังติดต่อกับเราอยู่และเห็นใจเราเหมือนน้องสาวคนหนึ่ง) และคน 3 เขาก็บอกว่าเลิกไปแล้ว ส่วนคน 2 ก็จบอยู่แล้วกำลังหาหอใหม่จะย้ายออกจากกัน สรุปแล้วเขาก็ย้ายออกมาอยู่คอนโด แรกๆก็แค่รับ-ส่งเรา เราก็ไปๆ มาๆ จ่นสุดท้ายเราก็มาอยู่กับเขาและก็ไปรับแมวหนึ่งตัวจากมูลนิธิหาบ้านน้องแมว มาเลี้ยง 1 ตัว ตลอดเวลาที่อยู่ด้วยกัน (เราก็พึ่งรู้ตอนหลังอีกแระ) เขาแอบติดต่อกับคน 2 และ 3 ตลอด ช่วงแรกๆที่อยู่ด้วยกัน เขาไม่ให้เราจับโทรศัพท์เขาเลย ปิดเสียงและคว้ำหน้าตลอด จ่นวันหนึ่งที่เราไปเที่ยวกลางคืนด้วยกัน เราเป็นคนที่กินเหล้าข้างนอกจะเซฟตัวเอง คือกินแค่พอมึนไม่ถึงเมา เราจึงมีสติทุกอย่างแต่เขาเมามาก มากจนไม่รู้เรื่องว่า คนที่ 2 โทรเข้ามาและเรารับสาย ตอนนี้แระที่เราพึ่งรู้ว่าเขาแอบติดต่อกันมาตลอด ตลอดระยะเวลาที่เรามาอยู่กับเขา ตอนนั้นทั้งโกรธและโมโหมากแต่ทำไรไม่ได้เลย เขาเองก็ไม่ได้สติเราเลยบอกให้คนที่ 2 มาที่คอนโด เพื่อจะได้มาเครียกัน และเขาก็มานะ.. เราก็ถามนางก่อนเลยว่า ทำไมถึงไม่ตอบแชทที่ทักไปถามว่ายังคุยกันอยู่หรอ นางก็บอกไม่เห็นนู้นนี่นั่น(ก็อ้างไป) เราก็ถามแล้วไม่รู้หรอว่าเราอยู่ด้วยกัน ในเมื่อเทอก็ส่องเฟสเราและเราก็ลงรูปคู่กับเขาตลอด ตอนนั้นตอบเราแค่ว่า ก็เห็นแระ ก็รู้แระว่าอยู่ด้วยกันเห็นโพสรูปอยู่ (ในใจคือ เอ้า!! รู้แต่รับได้ หรอว้ะ??) ก็ไม่ได้สนทนาไรต่อเพราะพูดไม่ออกบอกไม่ถูกจริงๆ เลยได้แค่นั้งรอให้ผู้ชายส่างเมา ตั้งแต่ ตี 2 จ่น 6 โมงเช้า จะบอกว่า ระหว่างรอนะ นางแตะแมวเรา (แอบเอาตีนเขี่ยออก) นี่คิดในใจคิดว่ากูไม่เห็นหรอ เดี่ยวเหอะ!!! สุดท้ายรอไม่ไหว เราไปกระชากผู้ชายให้ตื่น บอกให้ตื่นมาเครีย ตอนนั้นที่เราเห็น คือผู้ชายด่าว่าคนที่ 2 แรงมากก เช่น มาทำไม ออกไปเลยนะ แล้วคนที่ 2 ก็ถามเขาว่า เขารักเราหรอ เขาก็ตอบแบบเสียงดังฟังชัดมาก ว่าใช่ เขารักเรา ตอนนั้นเราโกรธ เก็บของของเราออกจากคอนโดพร้อมอุ้มแมวด้วย แต่นางก็แสดงความเป็นนางเอกบอกให้เราอยู่ไปเถอะเขาจะเป็นคนไปเอง เราบอกคำเดียวว่า เราอยู่กับคำโกหกของเขามาตลอด จะให้เราอยู่ต่อทำไม ตอนนั้น ทั้งมึนๆเพราะเรา แบกเป้ 3 ใบกับกระเป๋าแมวอีก 1 ใบ เดินออกจากคอนโด นางก็เดินออกมาด้วยนะ ไล่ๆกันออกมา เราโบกแท๊กซี่จะกลับไปที่พักเก่าเรา ซึ่งระยะทางคือจาก นนทบุรีเข้ากรุงเทพ(เจริญนคร) รถโคตรติด ค่าแท๊กซี่วันนั้น 2เกือบ 3ร้อยอ้ะ ตอนกำลังขึ้นแท๊กซี่ผู้ชายก็โทรเข้ามาบอกให้เรากลับไป เราบอกไม่กลับยังไงก็จะเลิก คุยกันจนเราถึงที่พัก (เป็นหน่วยไตเทียมที่เราเคยทำงาน) เขาก็บอกเราว่า เขาไม่ได้ทิ้งทุกอย่างเพื่อให้เรามาทิ้งเขาแบบนี้ และเขาก็มารับเรากับแมวกลับคอนโด
สรุป ครั้งนั้นเรากลับไปอยู่ด้วยกัน และเริ่มต้นกันใหม่ ใช่ ทุกอย่างสดใสและดูดีอีกครั้ง แต่ครั้งนี้เราพาเขาเปิดตัวกับที่บ้าน พ่อแม่เรารู้ว่าเราอยู่ด้วยกัน อยู่ได้ปีกว่า กลางๆปี 62 เราก็ย้ายมาอยู่บ้านเช่า ที่เป็นบ้านสองชั้น มี 2 ห้องนอน 1 ห้องน้ำ ใช่ ครอบครัวเราเข้ามาอยู่ 1 ห้องนอนเป็นของพี่สาวเรา อีกห้องเป็นห้องของเรากับเขา และพ่อกับแม่เรานอนชั้นล่าง เราอยู่บ้านหลังนี้ได้ เดือนกว่าๆ เดือนสิงหาคม 62 ที่ผ่านมา เรารู้ตัวว่าเราท้อง ตอนแรกไม่กล้าบอกพ่อแม่ ตอนนที่รู้เขาเครียดมาก บอกจะให้เราเอาออก แต่เราไม่ยอม เขาอ้างว่าไม่พร้อมเงินก็ไม่มี ที่บ้านเขาก็กำลังลำบาก ตัวเราก็กำลังเรียนใกล้จะจบ เราเลยบอกเขาไปว่า งั้นเลิกกันมั้ย เทอไปมีชีวิตของเทอ ออกไปจากชีวิตเรา ไม่ต้องคิดว่าเรามีลูกด้วยกัน เพราะถึงเวลานี้ เราเลือกลูกอยู่แล้ว แต่เขาไม่เลิก เขาบอกยังไงก็ไม่ไปไหนจะอยู่กับเรา ช่วงแรกๆที่รู้เรื่อง เขาพยายามพูดให้เราเอาออก โน้มน้าวให้เราปรึกษากับทีมรับปรึกษาปัญหาท้องไม่พร้อม แต่เราก็ไม่ยอมและยื่นคำขาดว่าถ้าให้เอาลูกออกงั้นเราก็เลิกกันไปและเราจะไม่ไปวุ่นวายหรือเรียกร้องอะไรจากเขาเลย
สรุปเราแอบไปฝากครรภ์ เขาทำงานเลยไปกับเราไม่ได้ แต่โทรหาตลอดโทรถามตลอดว่าเป็นยังไง (เหมือนจะเป็นห่วง) จนเราท้องได้สามเดือน ตลอดเวลาก็แพ้หนักมาก พ่อแม่ก็ถามว่าเป็นอะไร เราก็ได้แต่บอกว่าไม่สบายไปหาหมอมาหมอบอกเลือดจางช่วงนี้จะไม่ค่อยมีแรง เรารู้สึกผิดที่โกหกพ่อแม่เลยคุยกับเขาว่าจะปิดต่อไปไม่ได้แล้ว เพราะแพ้หนักทุกวัน ถ้าเขาจะไม่รับผิดชอบหรือคิดว่ารับไม่ไหวก็ให้ออกไป เราอยู่ได้ แต่เขาเลือกจะคุยกับพ่อแม่เราบอกว่าเรากำลังท้อง จะต้องทำยังไงกันต่อ เรื่องแต่งงานเราเป็นคนบอกเอง ว่าเราไม่พร้อม ถ้าให้แต่งตอนนี้ ท้องก็ใหญ่ โทรมก็โทรมถ่ายรูปมาไม่สวยแน่ๆ ขอให้ลูกได้สองขวบก่อนค่อยแต่ง เพราะอยากให้ลูกอยู่ในพิธีด้วย พ่อกับแม่เราก็ไม่ขัดแค่ให้ทางผู้ชายพาพ่อแม่มารับรู้ผูกข้อไม้ข้อมือให้กันไปตามประเพณี เขาก็โอเค
ทุกอย่างดำเนินไปตามปกติ เขาออกทำงานเช้ากลับค่ำ(ตอนนั้นบอกงานมันเยอะต้องไปหลายที่) ส่วนตัวเราไม่ได้ทำงาน ตั้งแต่มาอยู่ที่บ้านหลังนี้ เพราะตอนแรกจะเตรียมตัวฝึกงานเดือน มกราคม 2563 แต่ท้องก่อน ทางอาจารย์เลยไม่ส่งออกฝึก เราต้องดรอปเรียนไว้ก่อน ....
ทุกอย่างดำเนินการไปอย่างปกติ ตลอดระยะเวลา เขาดูแลเราดูแลครอบครัวเราเอาใจใส่ทุกคน จ่นพ่อแม่เรารักเขาเหมือนลูกหนึ่งคน เพราะเขาไม่มีลูกชาย
เมื่อท้องได้ 6 เดือน เราเลยบอกป้าเรา(ญาติผู้ใหญ่คนสำคัญของครอบครัวเราคนหนึ่ง) ป้าเป็นคริสและไม่เห็นด้วยที่จะไม่แต่งงานตอนนี้ ใช่ เมื่อป้าบอกมาแบบนั้น... เราจึงจัดพิธีแต่งงานเล็กกันขึ้นมา (บ้านเราเป็นคริสเตียน) เพื่อถวายเกียรติแด่พระเจ้า และผูกจิตวิญญาณเรากับแฟนเข้าด้วยกัน
ยอมรับว่า งานแต่งถูกจัดขึ้นในระยะเวลาอันรวดเร็ว คือ 1 สัปดาห์หลังจากที่ป้ารู้เรื่อง ตอนนั้น ไม่มีทั้งเงินทั้งเวลา คือเราไม่พร้อมยิ่งแฟนเราไม่ต้องพูดถึง รายนั้นอะนอนกุมขมับทุกคืน (พึ่งรู้ตอนหลังว่าไม่ได้เครียดเรื่องแต่งงาน แต่เครียดว่าจะเครียกับผู้หญิงอีกสองคนยังไง)
เรามองว่าเรื่องเนี้ย เราถูกบังคับเรายังพูดกับแฟนเราเลย ว่า อยากหนีไปให้พ้นๆเลย.. (และมารู้ตอนหลังอีก ว่าเขาเอาประโยคนี้ไปพูดกับผู้หญิงของเขาทั้งสองคน)...
งานแต่งงานถูกจัดขึ้นแบบเรียบๆ ในวันที่ 11/01/2563 ในงานมีแค่เพื่อนสนิทเรา เพื่อนสนิทเขา พ่อแม่และญาติผู้ใหญ่ฝั่งเราและฝั่งเขา...
ทุกอย่างผ่านไป เราสองคนเหมือนรักกันมาก จริงๆคือเรารักเขามาก (พิธีแต่งงานเข้าโบสถ์เกิดขึ้นได้ครั้งเดียวในชีวิต) เพราะเราเลือกเขาแล้ว ครอบครัวเราสองคนเข้ากันด้วยดี... จ่นเวลาผ่านไปทุกอย่างดำเนินไปตามปกติ เขาทำงาน เราอยู่บ้านพักผ่อนดูแลตัวเอง
แต่เรื่องมันเริ่มมาจากเราแต่งงานกัน ผู้หญิงคนที่สาม เริ่มเปิดสถานะไอจีเป็นสาธารณะ (ก่อนหน้านี้ปิดเป็นส่วนตัวมาตลอด) และเริ่มโพสแชทที่คุยกับแฟนเรา เริ่มโพสด่าแฟนเรา โพสทวงเงิน เราเลยถามแฟนว่า เทอไปยืมเงินมันหรอ? เขาตอบแค่ว่า มันก็ตั้งนานแล้ว และก็คืนแล้วด้วย เหลือแค่หลักพันที่กำลังจะคืนหลังจากเงินออก เราก็ไม่แคลงใจเพราะเชื่อว่า เราแต่งงานกันแล้วทุกอย่างต้องจบอยู่แล้ว เราก็ลงรูปงานแต่งในเฟสโพสเฟสของเราตามปกติ.. และวันหนึ่ง มีเฟสปลอมเด้งขึ้นมาเม้นรูปงานแต่งเรา บอกว่า ผู้ชายถูกบังคับ ดูจากสีหน้าไม่เห็นยิ้มเลย ตอนนั้นคือ ชามากกกก แต่หาคำตอบอะไรไม่ได้..
และวันที่ 10 กพ. 63 ที่ผ่านมา ครอบครัวเราและเขาไปเที่ยวทะเลกัน เราลงคลิปตอนเขาแกะหอยแครงให้เรา... หลังจากนั้น คนที่ 2 ของเขาก็โพสรูปมือเขาสองคนจับกัน และแคปชั่นว่า "ปกป้องตัวเองได้แล้วนะ ทุกคนมีขีดจำกัด" ตอนนั้นเราโกรธมาก เราถามแฟนว่า เทอคุยอะไรกับมันหรือป่าวทำไมมันกล้าโพสรูปขนาดนี้" แฟนเราปฏิเสธทุกอย่างบอกเราว่าไม่มีอะไร รูปตั้งนานแล้ว ไม่เกี่ยวกับเขา ด้วยความที่เชื่อมั่นแฟนตัวเองมาก เลย แชร์โพสของนางแล้วด่าว่านางไม่ยอมหยุดมโน ขนาดแต่งงานออกสื่อ มีลูกด้วยกันแล้ว ทำไมยังไม่เลิกเพ้อหาเขาอีก... นางส่งข้อความมาว่านางมีหลักฐานที่ทำให้เราตาสว่างและหยุดว่านาง เราบอกให้นางส่งให้เราตั้งแต่คืนนั้นแต่นางไม่ส่ง...
จ่นเช้าวันที่ 11/2/63 (ใช่ครอบรอบ 1 เดือนที่เราแต่งงาน) เรากำลังเดินทางกลับจากทะเล แฟนเราขับรถ เรานั้งข้างๆ พ่อแม่เรานั้งเบาะแคปข้างหลัง
นางส่งหลักฐานมาจริงๆ แต่เป็นรูปใบทะเบียนสมรสของนางกับแฟนเรา ที่จดกันวันที่ 14/1/63 (ใช่ หลังจากเราแต่งงานได้ 2 วัน) และนางบอกให้เราหยุดทุกอย่างได้แล้วเห็นขนาดนี้แล้ว และยังบอกอีกว่า ผู้ชายขอนางจดเอง ผู้ชายบอกขาดนางไม่ได้ รู้สึกผิดกับสิ่งที่ทำกับนาง นางบอกรำบากมาด้วยกันตั้ง 11 ปี รักผู้ชายเหมือนกันช่วยเหลือทุกอย่างมาตลอด(เรื่องเงิน) จึงไปจดทะเบียนกัน ..
ระยะทางจาก ชลบุรีมาถึงนนทบุรี เราต้องนั้งเก็บเสียงร้องไห้ น้ำตาไหลไม่หยุด มาตลอดทาง ต้องอั้นเสียงร้องไห้เอาไว้เพราะพ่อกับแม่อยู่ข้างหลัง เป็นแบบนี้จ่นกลับมาถึงบ้าน เราเลยให้เขาพาขับรถออกจากบ้านโดยบอกพ่อกับแม่ว่าไปทำงานต่อและเราก็ไปด้วย ทันทีที่ออกจากบ้าน เราถามเขาว่าคืออะไร เทอทำแบบนี้เพื่ออะไร? เขาเห็นแล้วอึ้งไปพูดอะไรไม่ออก ไม่คิดว่าผู้หญิงคนนั้นจะส่งมาให้เรา..
เขาพูดแค่ว่า เขาต้องหย่าอยู่แล้ว จดเพราะเราชอบโพสแขวะทางนั้นแล้วทางนั้นกลัวว่าเราจะไปเม้นในเพจร้านของนางให้เสียหาย นางกลัวนางไม่มีที่ทำกิน เลยจดเพื่อให้นางไว้ปกป้องตัวถ้าหากเราไปวุ่นวายหรือละลานจริงๆ และสำหรับเขามันคือกระดาษใบเดียวไม่ได้มีค่าอะไรกับเขา เพราะตัวเขาอยู่กับเรากับลูกอยู่แล้ว เราเลยด่าเขาว่า คิดอะไรอยู่ สร้างเกราะให้มันแต่สร้างกรงให้ลูกกับเมีย ทำให้ลูกต้องกลายเป็นลูกเมียน้อย รู้มั้ยว่ามันทำอะไรกูได้บ้าง มันฟ้องขึ้นมากูผิดเต็มๆเลยนะ.. แฟนเราอึ้งและบอกว่าไม่รู้เรื่องนี้มาก่อน
สามีขอแฟนเก่าจดทะเบียนสมรสหลังจากเราท้องได้ 6 เดือนและ เป็นเวลาหลังจากจัดพิธีแต่งงานกับเราในระยะเวลา 2 วัน
(เรื่องนี้พึ่งรู้หลังจากคบกันไปแล้ว) ก่อนคบกับเรา เขามีผู้หญิงในชีวิตอยู่ 3 คน คนแรก คบกันนานมาก 10 ปี แต่ใน 10 ปีที่คบคนนี้ ก็คบอีกคนซ้อนขึ้นมา 7 ปี และในระยะเวลา 10 ปีของคนแรก และ 7 ของคนที่ 2 ยังมีอีกคน ที่แอบคบซ้อนอีก 2 ปี ซึ่งเราคือคนสุดท้ายที่เขาคบซ้อน...
และขออธิบายก่อนว่า ก่อนจะมีคนที่ 3 และเราเนี้ย เขาจดทะเบียนกับคนแรก เพราะคนแรกต้องการเลิก เนื่องจากรับไม่ได้ที่เขาแอบคบคนอื่นซ้อนมานานตลอดระยะ 7 ปี ให้หลัง เขาเลยทำทุกอย่างไม่ให้คนแรกเลิก คนแรกเลยบอกให้จดทะเบียนและเลิกกับทางนั้น เขาก็ทำตาม แต่ คนที่2ก็ยังไม่ยอมเลิก จนคนแรกทนไม่ไหว เลยขอหย่า กว่าจะหย่ากันได้ คนแรกขู่ฟ้องตั้งหลายรอบ สุดท้ายพอหย่ากัน เขาก็ไปอยู่กับคนที่2 แต่อยู่ได้ไม่นานก็แอบติดต่อหาคนแรก บอกลำบาก ขอยืมเงิน แอบไปหา แอบคุยโดยโกหกคนแรกว่ามีปัญหากับคนที่ 2 และต้องการจะเลิก และระหว่างนี้ก็มีคนที่ 3 เขามาอีก (ง่ายๆคือ ตั้งแต่อยู่กับคนที่ 2 ก็แอบไปหาคนแรกและมีอีกคนเพิ่มมา) หลังจากมีคนที่ 3 แล้ว ก็มามีเรา..
เริ่มคบกับเราได้ไม่นาน คนแรกทนพฤติกรรมไม่ไหว เพราะเห็นว่าเรายังเด็กมากก จึงรวมหัวกับคนที่ 3 ว่าจะนัด คนที่ 2 ที่เขาอยู่ด้วยตอนนั้น ออกไปคุยกันกับเขา และจะเอาเราไปด้วย แต่เรื่องทั้งหมดนี้มีพี่อีกคนที่เป็นเพื่อนร่วมงานของเขา(สนิทและรู้ทุกเรื่องเกี่ยวกับ 3 คนนี้ รวมถึงเรา) ซึ่ง พี่เขาไม่ยอมให้เราไป บอกให้ไปเครียกันเอง อย่าเอาน้องไปเกี่ยว แต่ให้ทางคนแรกโทรประชุมสายเรากับรุ่นพี่คนนั้นไว้เพื่อฟังคำตอบ..
ทันทีที่ทั้ง 3 คนรวมตัวกันรวมถึงเขาเป็น 4 คน คนแรกชัดเจนว่าขอจบและไม่ขออะไรคืนเลยแม้แต่เงินที่ยืมไป คนสองยืนเงียบ(เพราะมั่นใจว่าตอนนั้นตัวเองคือนางเอก เขาอยู่กับฉันแน่นอน) ส่วนคนที่สาม โวยวายเรื่องเรา เพราะเรามาที่หลังเขา แต่ทุกประโยคก็จบด้วยคำที่ผู้ชายพูดออกมาว่า "กูเลิกกับน้องเขาไม่ได้หรอก เพราะตอนนี้กูไม่รู้ว่าน้องเขาท้องหรือป่าว" ทุกคนอึ้ง และคนแรกก็เลยบอกเราว่า งั้นให้เราพักผ่อนเพราะตอนนั้นดึกมากแล้ว (น่าจะ ตี 1 ได้แล้ว)
สรุปเลยนะ เรื่องวันนั้น เขาขอเราเครียกับทุกคน เขาจะมารับผิดชอบเรา เขาต้องการจบกับทุกคนก่อนและไม่ต้องการให้เราเป็นเหมือนที่ผ่านมา ง่ายๆคือ เราพิเศษกว่าคนอื่น
และสุดท้าย ตอนนั้นที่เรารู้ เขาเลิกกับคนแรกเด็ดขาด (อันนี้รู้เพราะคนแรกยังติดต่อกับเราอยู่และเห็นใจเราเหมือนน้องสาวคนหนึ่ง) และคน 3 เขาก็บอกว่าเลิกไปแล้ว ส่วนคน 2 ก็จบอยู่แล้วกำลังหาหอใหม่จะย้ายออกจากกัน สรุปแล้วเขาก็ย้ายออกมาอยู่คอนโด แรกๆก็แค่รับ-ส่งเรา เราก็ไปๆ มาๆ จ่นสุดท้ายเราก็มาอยู่กับเขาและก็ไปรับแมวหนึ่งตัวจากมูลนิธิหาบ้านน้องแมว มาเลี้ยง 1 ตัว ตลอดเวลาที่อยู่ด้วยกัน (เราก็พึ่งรู้ตอนหลังอีกแระ) เขาแอบติดต่อกับคน 2 และ 3 ตลอด ช่วงแรกๆที่อยู่ด้วยกัน เขาไม่ให้เราจับโทรศัพท์เขาเลย ปิดเสียงและคว้ำหน้าตลอด จ่นวันหนึ่งที่เราไปเที่ยวกลางคืนด้วยกัน เราเป็นคนที่กินเหล้าข้างนอกจะเซฟตัวเอง คือกินแค่พอมึนไม่ถึงเมา เราจึงมีสติทุกอย่างแต่เขาเมามาก มากจนไม่รู้เรื่องว่า คนที่ 2 โทรเข้ามาและเรารับสาย ตอนนี้แระที่เราพึ่งรู้ว่าเขาแอบติดต่อกันมาตลอด ตลอดระยะเวลาที่เรามาอยู่กับเขา ตอนนั้นทั้งโกรธและโมโหมากแต่ทำไรไม่ได้เลย เขาเองก็ไม่ได้สติเราเลยบอกให้คนที่ 2 มาที่คอนโด เพื่อจะได้มาเครียกัน และเขาก็มานะ.. เราก็ถามนางก่อนเลยว่า ทำไมถึงไม่ตอบแชทที่ทักไปถามว่ายังคุยกันอยู่หรอ นางก็บอกไม่เห็นนู้นนี่นั่น(ก็อ้างไป) เราก็ถามแล้วไม่รู้หรอว่าเราอยู่ด้วยกัน ในเมื่อเทอก็ส่องเฟสเราและเราก็ลงรูปคู่กับเขาตลอด ตอนนั้นตอบเราแค่ว่า ก็เห็นแระ ก็รู้แระว่าอยู่ด้วยกันเห็นโพสรูปอยู่ (ในใจคือ เอ้า!! รู้แต่รับได้ หรอว้ะ??) ก็ไม่ได้สนทนาไรต่อเพราะพูดไม่ออกบอกไม่ถูกจริงๆ เลยได้แค่นั้งรอให้ผู้ชายส่างเมา ตั้งแต่ ตี 2 จ่น 6 โมงเช้า จะบอกว่า ระหว่างรอนะ นางแตะแมวเรา (แอบเอาตีนเขี่ยออก) นี่คิดในใจคิดว่ากูไม่เห็นหรอ เดี่ยวเหอะ!!! สุดท้ายรอไม่ไหว เราไปกระชากผู้ชายให้ตื่น บอกให้ตื่นมาเครีย ตอนนั้นที่เราเห็น คือผู้ชายด่าว่าคนที่ 2 แรงมากก เช่น มาทำไม ออกไปเลยนะ แล้วคนที่ 2 ก็ถามเขาว่า เขารักเราหรอ เขาก็ตอบแบบเสียงดังฟังชัดมาก ว่าใช่ เขารักเรา ตอนนั้นเราโกรธ เก็บของของเราออกจากคอนโดพร้อมอุ้มแมวด้วย แต่นางก็แสดงความเป็นนางเอกบอกให้เราอยู่ไปเถอะเขาจะเป็นคนไปเอง เราบอกคำเดียวว่า เราอยู่กับคำโกหกของเขามาตลอด จะให้เราอยู่ต่อทำไม ตอนนั้น ทั้งมึนๆเพราะเรา แบกเป้ 3 ใบกับกระเป๋าแมวอีก 1 ใบ เดินออกจากคอนโด นางก็เดินออกมาด้วยนะ ไล่ๆกันออกมา เราโบกแท๊กซี่จะกลับไปที่พักเก่าเรา ซึ่งระยะทางคือจาก นนทบุรีเข้ากรุงเทพ(เจริญนคร) รถโคตรติด ค่าแท๊กซี่วันนั้น 2เกือบ 3ร้อยอ้ะ ตอนกำลังขึ้นแท๊กซี่ผู้ชายก็โทรเข้ามาบอกให้เรากลับไป เราบอกไม่กลับยังไงก็จะเลิก คุยกันจนเราถึงที่พัก (เป็นหน่วยไตเทียมที่เราเคยทำงาน) เขาก็บอกเราว่า เขาไม่ได้ทิ้งทุกอย่างเพื่อให้เรามาทิ้งเขาแบบนี้ และเขาก็มารับเรากับแมวกลับคอนโด
สรุป ครั้งนั้นเรากลับไปอยู่ด้วยกัน และเริ่มต้นกันใหม่ ใช่ ทุกอย่างสดใสและดูดีอีกครั้ง แต่ครั้งนี้เราพาเขาเปิดตัวกับที่บ้าน พ่อแม่เรารู้ว่าเราอยู่ด้วยกัน อยู่ได้ปีกว่า กลางๆปี 62 เราก็ย้ายมาอยู่บ้านเช่า ที่เป็นบ้านสองชั้น มี 2 ห้องนอน 1 ห้องน้ำ ใช่ ครอบครัวเราเข้ามาอยู่ 1 ห้องนอนเป็นของพี่สาวเรา อีกห้องเป็นห้องของเรากับเขา และพ่อกับแม่เรานอนชั้นล่าง เราอยู่บ้านหลังนี้ได้ เดือนกว่าๆ เดือนสิงหาคม 62 ที่ผ่านมา เรารู้ตัวว่าเราท้อง ตอนแรกไม่กล้าบอกพ่อแม่ ตอนนที่รู้เขาเครียดมาก บอกจะให้เราเอาออก แต่เราไม่ยอม เขาอ้างว่าไม่พร้อมเงินก็ไม่มี ที่บ้านเขาก็กำลังลำบาก ตัวเราก็กำลังเรียนใกล้จะจบ เราเลยบอกเขาไปว่า งั้นเลิกกันมั้ย เทอไปมีชีวิตของเทอ ออกไปจากชีวิตเรา ไม่ต้องคิดว่าเรามีลูกด้วยกัน เพราะถึงเวลานี้ เราเลือกลูกอยู่แล้ว แต่เขาไม่เลิก เขาบอกยังไงก็ไม่ไปไหนจะอยู่กับเรา ช่วงแรกๆที่รู้เรื่อง เขาพยายามพูดให้เราเอาออก โน้มน้าวให้เราปรึกษากับทีมรับปรึกษาปัญหาท้องไม่พร้อม แต่เราก็ไม่ยอมและยื่นคำขาดว่าถ้าให้เอาลูกออกงั้นเราก็เลิกกันไปและเราจะไม่ไปวุ่นวายหรือเรียกร้องอะไรจากเขาเลย
สรุปเราแอบไปฝากครรภ์ เขาทำงานเลยไปกับเราไม่ได้ แต่โทรหาตลอดโทรถามตลอดว่าเป็นยังไง (เหมือนจะเป็นห่วง) จนเราท้องได้สามเดือน ตลอดเวลาก็แพ้หนักมาก พ่อแม่ก็ถามว่าเป็นอะไร เราก็ได้แต่บอกว่าไม่สบายไปหาหมอมาหมอบอกเลือดจางช่วงนี้จะไม่ค่อยมีแรง เรารู้สึกผิดที่โกหกพ่อแม่เลยคุยกับเขาว่าจะปิดต่อไปไม่ได้แล้ว เพราะแพ้หนักทุกวัน ถ้าเขาจะไม่รับผิดชอบหรือคิดว่ารับไม่ไหวก็ให้ออกไป เราอยู่ได้ แต่เขาเลือกจะคุยกับพ่อแม่เราบอกว่าเรากำลังท้อง จะต้องทำยังไงกันต่อ เรื่องแต่งงานเราเป็นคนบอกเอง ว่าเราไม่พร้อม ถ้าให้แต่งตอนนี้ ท้องก็ใหญ่ โทรมก็โทรมถ่ายรูปมาไม่สวยแน่ๆ ขอให้ลูกได้สองขวบก่อนค่อยแต่ง เพราะอยากให้ลูกอยู่ในพิธีด้วย พ่อกับแม่เราก็ไม่ขัดแค่ให้ทางผู้ชายพาพ่อแม่มารับรู้ผูกข้อไม้ข้อมือให้กันไปตามประเพณี เขาก็โอเค
ทุกอย่างดำเนินไปตามปกติ เขาออกทำงานเช้ากลับค่ำ(ตอนนั้นบอกงานมันเยอะต้องไปหลายที่) ส่วนตัวเราไม่ได้ทำงาน ตั้งแต่มาอยู่ที่บ้านหลังนี้ เพราะตอนแรกจะเตรียมตัวฝึกงานเดือน มกราคม 2563 แต่ท้องก่อน ทางอาจารย์เลยไม่ส่งออกฝึก เราต้องดรอปเรียนไว้ก่อน ....
ทุกอย่างดำเนินการไปอย่างปกติ ตลอดระยะเวลา เขาดูแลเราดูแลครอบครัวเราเอาใจใส่ทุกคน จ่นพ่อแม่เรารักเขาเหมือนลูกหนึ่งคน เพราะเขาไม่มีลูกชาย
เมื่อท้องได้ 6 เดือน เราเลยบอกป้าเรา(ญาติผู้ใหญ่คนสำคัญของครอบครัวเราคนหนึ่ง) ป้าเป็นคริสและไม่เห็นด้วยที่จะไม่แต่งงานตอนนี้ ใช่ เมื่อป้าบอกมาแบบนั้น... เราจึงจัดพิธีแต่งงานเล็กกันขึ้นมา (บ้านเราเป็นคริสเตียน) เพื่อถวายเกียรติแด่พระเจ้า และผูกจิตวิญญาณเรากับแฟนเข้าด้วยกัน
ยอมรับว่า งานแต่งถูกจัดขึ้นในระยะเวลาอันรวดเร็ว คือ 1 สัปดาห์หลังจากที่ป้ารู้เรื่อง ตอนนั้น ไม่มีทั้งเงินทั้งเวลา คือเราไม่พร้อมยิ่งแฟนเราไม่ต้องพูดถึง รายนั้นอะนอนกุมขมับทุกคืน (พึ่งรู้ตอนหลังว่าไม่ได้เครียดเรื่องแต่งงาน แต่เครียดว่าจะเครียกับผู้หญิงอีกสองคนยังไง)
เรามองว่าเรื่องเนี้ย เราถูกบังคับเรายังพูดกับแฟนเราเลย ว่า อยากหนีไปให้พ้นๆเลย.. (และมารู้ตอนหลังอีก ว่าเขาเอาประโยคนี้ไปพูดกับผู้หญิงของเขาทั้งสองคน)...
งานแต่งงานถูกจัดขึ้นแบบเรียบๆ ในวันที่ 11/01/2563 ในงานมีแค่เพื่อนสนิทเรา เพื่อนสนิทเขา พ่อแม่และญาติผู้ใหญ่ฝั่งเราและฝั่งเขา...
ทุกอย่างผ่านไป เราสองคนเหมือนรักกันมาก จริงๆคือเรารักเขามาก (พิธีแต่งงานเข้าโบสถ์เกิดขึ้นได้ครั้งเดียวในชีวิต) เพราะเราเลือกเขาแล้ว ครอบครัวเราสองคนเข้ากันด้วยดี... จ่นเวลาผ่านไปทุกอย่างดำเนินไปตามปกติ เขาทำงาน เราอยู่บ้านพักผ่อนดูแลตัวเอง
แต่เรื่องมันเริ่มมาจากเราแต่งงานกัน ผู้หญิงคนที่สาม เริ่มเปิดสถานะไอจีเป็นสาธารณะ (ก่อนหน้านี้ปิดเป็นส่วนตัวมาตลอด) และเริ่มโพสแชทที่คุยกับแฟนเรา เริ่มโพสด่าแฟนเรา โพสทวงเงิน เราเลยถามแฟนว่า เทอไปยืมเงินมันหรอ? เขาตอบแค่ว่า มันก็ตั้งนานแล้ว และก็คืนแล้วด้วย เหลือแค่หลักพันที่กำลังจะคืนหลังจากเงินออก เราก็ไม่แคลงใจเพราะเชื่อว่า เราแต่งงานกันแล้วทุกอย่างต้องจบอยู่แล้ว เราก็ลงรูปงานแต่งในเฟสโพสเฟสของเราตามปกติ.. และวันหนึ่ง มีเฟสปลอมเด้งขึ้นมาเม้นรูปงานแต่งเรา บอกว่า ผู้ชายถูกบังคับ ดูจากสีหน้าไม่เห็นยิ้มเลย ตอนนั้นคือ ชามากกกก แต่หาคำตอบอะไรไม่ได้..
และวันที่ 10 กพ. 63 ที่ผ่านมา ครอบครัวเราและเขาไปเที่ยวทะเลกัน เราลงคลิปตอนเขาแกะหอยแครงให้เรา... หลังจากนั้น คนที่ 2 ของเขาก็โพสรูปมือเขาสองคนจับกัน และแคปชั่นว่า "ปกป้องตัวเองได้แล้วนะ ทุกคนมีขีดจำกัด" ตอนนั้นเราโกรธมาก เราถามแฟนว่า เทอคุยอะไรกับมันหรือป่าวทำไมมันกล้าโพสรูปขนาดนี้" แฟนเราปฏิเสธทุกอย่างบอกเราว่าไม่มีอะไร รูปตั้งนานแล้ว ไม่เกี่ยวกับเขา ด้วยความที่เชื่อมั่นแฟนตัวเองมาก เลย แชร์โพสของนางแล้วด่าว่านางไม่ยอมหยุดมโน ขนาดแต่งงานออกสื่อ มีลูกด้วยกันแล้ว ทำไมยังไม่เลิกเพ้อหาเขาอีก... นางส่งข้อความมาว่านางมีหลักฐานที่ทำให้เราตาสว่างและหยุดว่านาง เราบอกให้นางส่งให้เราตั้งแต่คืนนั้นแต่นางไม่ส่ง...
จ่นเช้าวันที่ 11/2/63 (ใช่ครอบรอบ 1 เดือนที่เราแต่งงาน) เรากำลังเดินทางกลับจากทะเล แฟนเราขับรถ เรานั้งข้างๆ พ่อแม่เรานั้งเบาะแคปข้างหลัง
นางส่งหลักฐานมาจริงๆ แต่เป็นรูปใบทะเบียนสมรสของนางกับแฟนเรา ที่จดกันวันที่ 14/1/63 (ใช่ หลังจากเราแต่งงานได้ 2 วัน) และนางบอกให้เราหยุดทุกอย่างได้แล้วเห็นขนาดนี้แล้ว และยังบอกอีกว่า ผู้ชายขอนางจดเอง ผู้ชายบอกขาดนางไม่ได้ รู้สึกผิดกับสิ่งที่ทำกับนาง นางบอกรำบากมาด้วยกันตั้ง 11 ปี รักผู้ชายเหมือนกันช่วยเหลือทุกอย่างมาตลอด(เรื่องเงิน) จึงไปจดทะเบียนกัน ..
ระยะทางจาก ชลบุรีมาถึงนนทบุรี เราต้องนั้งเก็บเสียงร้องไห้ น้ำตาไหลไม่หยุด มาตลอดทาง ต้องอั้นเสียงร้องไห้เอาไว้เพราะพ่อกับแม่อยู่ข้างหลัง เป็นแบบนี้จ่นกลับมาถึงบ้าน เราเลยให้เขาพาขับรถออกจากบ้านโดยบอกพ่อกับแม่ว่าไปทำงานต่อและเราก็ไปด้วย ทันทีที่ออกจากบ้าน เราถามเขาว่าคืออะไร เทอทำแบบนี้เพื่ออะไร? เขาเห็นแล้วอึ้งไปพูดอะไรไม่ออก ไม่คิดว่าผู้หญิงคนนั้นจะส่งมาให้เรา..
เขาพูดแค่ว่า เขาต้องหย่าอยู่แล้ว จดเพราะเราชอบโพสแขวะทางนั้นแล้วทางนั้นกลัวว่าเราจะไปเม้นในเพจร้านของนางให้เสียหาย นางกลัวนางไม่มีที่ทำกิน เลยจดเพื่อให้นางไว้ปกป้องตัวถ้าหากเราไปวุ่นวายหรือละลานจริงๆ และสำหรับเขามันคือกระดาษใบเดียวไม่ได้มีค่าอะไรกับเขา เพราะตัวเขาอยู่กับเรากับลูกอยู่แล้ว เราเลยด่าเขาว่า คิดอะไรอยู่ สร้างเกราะให้มันแต่สร้างกรงให้ลูกกับเมีย ทำให้ลูกต้องกลายเป็นลูกเมียน้อย รู้มั้ยว่ามันทำอะไรกูได้บ้าง มันฟ้องขึ้นมากูผิดเต็มๆเลยนะ.. แฟนเราอึ้งและบอกว่าไม่รู้เรื่องนี้มาก่อน