สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 5
จาก twitter https://twitter.com/lineprintt/status/1232425452196769793
ยาวหน่อยนะครับ อ่านจบแล้วบอกได้ตำเดียวว่าน่ากลัว
สาเหตุที่ตัดสินใจบินกลับไทย ไม่อยู่แล้วมิลานคือ
1.คนที่นี่ไม่ใส่แมสก์ รวมไปถึงแพทย์ที่นี่ก็ไม่แนะนำให้ใส่แมสก์ คนยุโรปเกือบทุกคนเข้าใจว่าไม่ใช่เรื่องร้ายแรง เราเอาอยู่ (แต่ตรวจเจอว่าติดเชื้อ 50+ เกือบทุกวันเลยตอนนี้)
2.ไม่ใส่แมสก์ไม่พอ เริ่มมีการทำร้ายร่างกายชาวเอเชียที่ใส่
3. ร้านอาหารจีน เริ่มโดนทุบ ทำลายข้าวของของคนเอเชีย
4. อาหารที่ตุนมีพอกินพอใช้ แต่ไม่รู้ว่าจะปิดเมืองไปอีกเป็นระยะเวลาเท่าไหร่ ถ้าหมดแล้วออกไปซื้อของจะโดนทำร้ายมั้ย
5. กลัวมิลานปิดเมืองขึ้นมาแล้วจะไม่ให้เข้า-ออกเมือง แล้วถ้าเราไม่รีบไป เราก็จะติดอยู่ในนี้
6. เราไม่อาจวางใจในแพทย์ที่แนะนำประชาชนว่าไม่ต้องใส่แมสก์ว่าเค้าจะดูแลสุขภาพเราได้ เราไม่ใช่คนติดเชื้อ เราแค่อยากป้องกันตัวเอง นั่นคือสิ่งสำคัญที่ทุกคนควรพึงทำ ไม่ใช่มานั่งเถียงว่าไม่ต้องใส่หรอก ใส่แค่คนที่ป่วยหนักก็พอ
7. คนรอบข้างเรา ทั้งเพื่อนคนไทย คนอินเดีย ฯลฯบินกลับกันหมด ถ้าเกิดอะไรขึ้นมาแล้วเราอยู่คนเดียว จะทำยังไง จะเกิดอะไรขึ้นบ้างก็ไม่รู้
8. ต่อให้ไม่เจอคนเหยียดคนเอเชีย แต่ชาวอิตาเลียนก็ยังเลือกที่จะทักทายด้วยการจูบที่แก้มสองข้างอยู่ดี ซึ่งเราคิดว่าไม่ใช่สิ่งที่ควรทำในสถานการณ์นี้
9. ประสบการณ์ส่วนตัว วันนี้ออกไปซื้อของแถวดูโอโม่ ใส่แมสก์ปิดปากไป โดนตะโกนด่าใส่ มีคนมาชี้แล้วบอกให้ทุกคนหนีไปไกลๆจากเรา ถ้าเดินสวนกัน แล้วเราเดินบนฟุตบาท เค้าจะลงไปเดินบนถนนเลย ซึ่งก็รู้สึกว่าเออ ช่วงนี้เค้าไม่ต้อนรับเราแล้วจริงๆแหละ
10. จากคนรู้จัก เพื่อนของเพื่อนใส่แมสก์ออกไปข้างนอก เจอคนยุโรป (ไม่ทราบว่าชาติอะไร) ต่อยหน้า เพราะใส่แมสก์และเป็นคนเอเชีย
11. น้องที่รู้จักใส่แมสก์ออกไปข้างนอก โดนตะโกนด่าเหมือนกัน แล้วก็ผลักตกจากรถบัส
ยาวหน่อยนะครับ อ่านจบแล้วบอกได้ตำเดียวว่าน่ากลัว
สาเหตุที่ตัดสินใจบินกลับไทย ไม่อยู่แล้วมิลานคือ
1.คนที่นี่ไม่ใส่แมสก์ รวมไปถึงแพทย์ที่นี่ก็ไม่แนะนำให้ใส่แมสก์ คนยุโรปเกือบทุกคนเข้าใจว่าไม่ใช่เรื่องร้ายแรง เราเอาอยู่ (แต่ตรวจเจอว่าติดเชื้อ 50+ เกือบทุกวันเลยตอนนี้)
2.ไม่ใส่แมสก์ไม่พอ เริ่มมีการทำร้ายร่างกายชาวเอเชียที่ใส่
3. ร้านอาหารจีน เริ่มโดนทุบ ทำลายข้าวของของคนเอเชีย
4. อาหารที่ตุนมีพอกินพอใช้ แต่ไม่รู้ว่าจะปิดเมืองไปอีกเป็นระยะเวลาเท่าไหร่ ถ้าหมดแล้วออกไปซื้อของจะโดนทำร้ายมั้ย
5. กลัวมิลานปิดเมืองขึ้นมาแล้วจะไม่ให้เข้า-ออกเมือง แล้วถ้าเราไม่รีบไป เราก็จะติดอยู่ในนี้
6. เราไม่อาจวางใจในแพทย์ที่แนะนำประชาชนว่าไม่ต้องใส่แมสก์ว่าเค้าจะดูแลสุขภาพเราได้ เราไม่ใช่คนติดเชื้อ เราแค่อยากป้องกันตัวเอง นั่นคือสิ่งสำคัญที่ทุกคนควรพึงทำ ไม่ใช่มานั่งเถียงว่าไม่ต้องใส่หรอก ใส่แค่คนที่ป่วยหนักก็พอ
7. คนรอบข้างเรา ทั้งเพื่อนคนไทย คนอินเดีย ฯลฯบินกลับกันหมด ถ้าเกิดอะไรขึ้นมาแล้วเราอยู่คนเดียว จะทำยังไง จะเกิดอะไรขึ้นบ้างก็ไม่รู้
8. ต่อให้ไม่เจอคนเหยียดคนเอเชีย แต่ชาวอิตาเลียนก็ยังเลือกที่จะทักทายด้วยการจูบที่แก้มสองข้างอยู่ดี ซึ่งเราคิดว่าไม่ใช่สิ่งที่ควรทำในสถานการณ์นี้
9. ประสบการณ์ส่วนตัว วันนี้ออกไปซื้อของแถวดูโอโม่ ใส่แมสก์ปิดปากไป โดนตะโกนด่าใส่ มีคนมาชี้แล้วบอกให้ทุกคนหนีไปไกลๆจากเรา ถ้าเดินสวนกัน แล้วเราเดินบนฟุตบาท เค้าจะลงไปเดินบนถนนเลย ซึ่งก็รู้สึกว่าเออ ช่วงนี้เค้าไม่ต้อนรับเราแล้วจริงๆแหละ
10. จากคนรู้จัก เพื่อนของเพื่อนใส่แมสก์ออกไปข้างนอก เจอคนยุโรป (ไม่ทราบว่าชาติอะไร) ต่อยหน้า เพราะใส่แมสก์และเป็นคนเอเชีย
11. น้องที่รู้จักใส่แมสก์ออกไปข้างนอก โดนตะโกนด่าเหมือนกัน แล้วก็ผลักตกจากรถบัส
ความคิดเห็นที่ 25
นพ.ธนรักษ์ ผลิพัฒน์ (รองอธบดีกรมควบคุมโรค) และทีม มดงานนิรนาม
เป็นฮีโร่ในใจเราตอนนี้เลย ติดตามการทำงานของท่านมาตั้งแต่ต้นแล้ว
เมืองไทยคงหนีไม่พ้น แค่ชะลอให้นานที่สุด ตอนนี้ยังไม่เข้าระยะ 3
จะรู้ได้ ว่าเข้า หรือไม่เข้า ง่ายมาก
คือจำนวนคนป่วย 20% ที่อาการมาก ต้องนอน ร.พ. และโรคนี้แพร่เร็ว ถ้าไม่ติดตามควบคุม แค่ 1-2 อาทิตย์ ที่นักท่องเที่ยวจีนเข้ามา ก็ขึ้นหลักพันได้เลย และนี่ผ่านมา 2 เดือน คงขึ้นหลักหมื่น ป่านนี้แน่นทุก ร.พ.แล้ว
แต่นี่ยังสงบมาก ต้องปรบมือให้การป้องกันของคณะทำงานมาก ที่ทำงานกันแบบอดหลับอดนอน ลองไปติดตามข้อมูลกันดูค่ะ
ปล.ไทยประกาศเป็นประเทศแรกที่เจอผู้ติดเชื้อ จน WHO บอก ไทยเสี่ยงอันดับ1
เมื่อเกือบ 2 เดือนที่ผ่านมา
เป็นฮีโร่ในใจเราตอนนี้เลย ติดตามการทำงานของท่านมาตั้งแต่ต้นแล้ว
เมืองไทยคงหนีไม่พ้น แค่ชะลอให้นานที่สุด ตอนนี้ยังไม่เข้าระยะ 3
จะรู้ได้ ว่าเข้า หรือไม่เข้า ง่ายมาก
คือจำนวนคนป่วย 20% ที่อาการมาก ต้องนอน ร.พ. และโรคนี้แพร่เร็ว ถ้าไม่ติดตามควบคุม แค่ 1-2 อาทิตย์ ที่นักท่องเที่ยวจีนเข้ามา ก็ขึ้นหลักพันได้เลย และนี่ผ่านมา 2 เดือน คงขึ้นหลักหมื่น ป่านนี้แน่นทุก ร.พ.แล้ว
แต่นี่ยังสงบมาก ต้องปรบมือให้การป้องกันของคณะทำงานมาก ที่ทำงานกันแบบอดหลับอดนอน ลองไปติดตามข้อมูลกันดูค่ะ
ปล.ไทยประกาศเป็นประเทศแรกที่เจอผู้ติดเชื้อ จน WHO บอก ไทยเสี่ยงอันดับ1
เมื่อเกือบ 2 เดือนที่ผ่านมา
ความคิดเห็นที่ 20
ขอตอบ ในฐานะที่อยู่อิตาลี จะไล่ timeline ให้ฟัง ขอชี้แจงแค่ในแคว้นลอมบาดี้ที่มีผู้ติดเชื้อแบบก้าวกระโดด แล้วคุณลองพิจารณา ว่า ยอด 12 คน ของฝรั่งเศส ที่ว่านิ่งๆ น่าเชื่อถือไหม (เพราะเท่าที่ทราบตรวจจากกลุ่มเสี่ยงแค่ 500 คน)
เริ่มจาก
1.เคสผู้ป่วยรายแรก ให้เป็น p no.1 ไปกินข้าวกับเพื่อนร่วมงานที่กลับมาจากจีน ให้เป็น p no. 0 เมื่อวันที่ 29 ม.ค. พอวันที่ 17 ก.พ. เริ่มเป็นไข้ แต่ด้วยคิดว่าตัวเองไม่มีความเสี่ยง ไม่เคยเดินทางไปประเทศกลุ่มเสี่ยง คงเป็นแค่ไข้หวัดธรรมดาแค่นั้น จนวันที่ 18 ก.พ. อาการไม่ดี เรียกรถพยาบาลมารับไป รพ. ผลปรากฏว่า ติดเชื้อ
2.จากนั้นพอตรวจภรรยาที่ตั้งท้อง ก็พบว่าติดเชื้อเช่นกัน ภรรยา กลายเป็น p no. 2
3.ลามไปติดเชื้อคนรู้จักด้วยหนึ่งคน กลายเป็น p no.3
4. แล้วด้วยคิดว่าตัวเองไม่มีความเสี่ยง แพทย์ก็คิดว่า ผู้ป่วย p no. 1 ไม่มีความเสี่ยง ผลปรากฏว่า มีแพทย์ 5 คน พยาบาล 3 คน ผู้ป่วยอีก 3 ใน รพ.นั้น ติดเชื้อ ซึ่งยืนยันผลในวันศุกร์ที่ 21 ก.พ. รวมมีผู้ติดเชื้อ 14 คน
5. และจากเหตุการณ์นี้ เป็นผลให้มีการปิดเขตเทศบาลทั้งหมด 11 เขต ที่อยู่รอบเขตเทศบาลที่ผู้ติดเชื้อในข้อ 1-4 อาศัย ในวันที่ 23 ก.พ. สั่งปิดแหล่งชุมชน งดกิจกรรมทุกอย่างอย่างในข่าวที่เราทราบๆกัน
6. พลเมืองใน 11 เขต ที่ปิด มีราวๆ 50,000 คน ซึ่งถือว่าเป็นกลุ่มเสี่ยงทั้งสิ้น รัฐทำการตรวจจนถึงวันที่ 24 กพ. ได้แค่ราวๆ 6000+ กว่าคน คือไม่ได้กักตัวรอดูอาการ 14 วันเหมือนไทย หรือประเทศอื่นๆ ที่ยืนยันด้วยตัวเลขผู้ติดเชื้อที่มีอาการเท่านั้น หรือตรวจเฉพาะผู้ใกล้ชิดหรือมีปฏิสัมพันธ์กับผู้ติดเชื้อ
7. ฉะนั้น ยอดผู้ติดเชื้อจึงพุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว เพราะนับรวมผู้ติดเชื้อที่ไม่ออกอาการด้วย
ยอดผู้ติดเชื้อจึงเพิ่มขึ้นทุกวัน เพราะยังตรวจกลุ่มเสี่ยงไม่หมด
8. สรุปแล้ว ยังหาต้นตอของการแพร่ระบาดไม่ได้ เพราะผู้ติดเชื้อทั้งหมดไม่มีใครเดินทางไปประเทศกลุ่มเสี่ยงเลย แม้แต่เพื่อนร่วมงาน p no.0 ที่กลับมาจากจีน ซึ่งคาดกันว่าเป็นต้นตอ ของการแพร่ระบาด ผลตรวจออกมาก็เป็นลบ ไม่ติดเชื้อ
ส่วน 3 คนแรกๆ ที่พบในอิตาลี
-2 คน เป็นนักท่องเที่ยวสามีภรรยาชาวจีนมาจากอูฮั่น มาเที่ยวกับกรุ๊ปทัวร์ ขึ้นเครื่องจากอู่ฮั่นมาลงมิลาน แล้วไล่เที่ยวไปจนถึงโรม จนออกอาการที่โรมจึงตรวจพบว่าติดเชื้อ ยืนยันวันที่ 30 ม.ค. ซึ่งเป็นเหตุให้อิตาลีสั่งปิดเที่ยวบินเข้าออกจีนในวันที่ 30 ม.ค. เป็นเวลา 90 วัน ปัจจุบันหายแล้ว ส่วนเพื่อนร่วมกรุ๊ปทัวร์ 20 กว่าคน ตรวจแล้วไม่พบเชื้อ
- ส่วนคนที่ 3 เป็นคนอิตาเลียน ที่รัฐไปรับกลับมาจากอูฮั่น
สถานการณ์ปัจจุบัน หน้ากาก เจลล้างมือ แอลกอฮอล์ ขาดตลาดเหมือนฝั่งเอเชีย มีการกักตุนอาหารเหมือนฝั่งเอเชีย และอนุญาตให้ร้านขายอาหารเปิดขายได้ถึงแค่หกโมงเย็นเท่านั้น มีแต่ร้านขายยาเท่านั้นที่อนุญาตให้เปิดได้ยาว
แก้ไข - เพิ่มเติมข้อมูลล่าสุด เย็นวันที่ 26 ก.พ.
- มิลาน - กิจการร้านค้าต่างๆ อนุญาตให้เปิดทำการได้ตามปกติในอาทิตย์หน้า ส่วนเขตอื่นๆให้รอไปอีก 2 อาทิตย์ ส่วน red zone 11 เขต ยังกักกันต่อไปอย่างไม่มีกำหนด
-ยอดผู้ติดเชื้อทั้งหมด 400 คน
- เสียชีวิต 12 คน ซึ่งเป็นคนสูงอายุทั้งหมด และบางรายมีโรคประจำตัว บางรายตรวจพบเชื้อหลังเสียชีวิต อายุรายที่ 1-12: 78/76/84/88/85/80/62/83/84/91/76/69
- รักษาตามอาการ 128 คน
- ให้กักตัวอยู่ที่บ้าน 221 คน เพราะไม่แสดงอาการ
- 36 คน ติดตามดูแลรักษาอย่างใกล้ชิด
- 3 คน หาย
https://www.google.com/amp/s/www.ilfattoquotidiano.it/2020/02/25/coronavirus-la-mappa-interattiva-dei-contagi-nuovi-casi-in-toscana-liguria-e-sicilia/5713972/amp/
แก้ไข- ตามคำขอของ คุณ คห. ที่ 20-3
บ่ายวันที่ 27 ก.พ.
- จากยอดผู้เข้ารับการตรวจหาเชื้อจำนวน 11,085 คน
- พบผู้ติดเชื้อ 528 คน เสียชีวิต 14 คน
- รักษาตามอาการ 159 คน
- ให้กักตัวอยู่ที่บ้าน เพราะไม่แสดงอาการ 278 คน
- ติดตามดูแลรักษาอย่างใกล้ชิด 35 คน
- หาย 42 คน
สามารถเข้าไปติดตามข้อมูลผู้ติดเชื้อแบบ real time ได้ที่นี่
https://www.repubblica.it/cronaca/2020/02/22/news/coronavirus_in_italia_aggiornamento_ora_per_ora-249241616/
แก้ไข - เพิ่มเติมข้อมูล เย็นวันที่ 27 ก.พ.
- จากยอดผู้เข้ารับการตรวจหาเชื้อจำนวน 12,014 คน
- พบผู้ติดเชื้อ 650 คน
- เสียชีวิต 17 คน อายุรายที่ 15-17: 88/88/82
- รักษาตามอาการ 248 คน
- ให้กักตัวอยู่ที่บ้าน เพราะไม่แสดงอาการ 284 คน
- ติดตามดูแลรักษาอย่างใกล้ชิด 56 คน
- หาย 45 คน
เริ่มจาก
1.เคสผู้ป่วยรายแรก ให้เป็น p no.1 ไปกินข้าวกับเพื่อนร่วมงานที่กลับมาจากจีน ให้เป็น p no. 0 เมื่อวันที่ 29 ม.ค. พอวันที่ 17 ก.พ. เริ่มเป็นไข้ แต่ด้วยคิดว่าตัวเองไม่มีความเสี่ยง ไม่เคยเดินทางไปประเทศกลุ่มเสี่ยง คงเป็นแค่ไข้หวัดธรรมดาแค่นั้น จนวันที่ 18 ก.พ. อาการไม่ดี เรียกรถพยาบาลมารับไป รพ. ผลปรากฏว่า ติดเชื้อ
2.จากนั้นพอตรวจภรรยาที่ตั้งท้อง ก็พบว่าติดเชื้อเช่นกัน ภรรยา กลายเป็น p no. 2
3.ลามไปติดเชื้อคนรู้จักด้วยหนึ่งคน กลายเป็น p no.3
4. แล้วด้วยคิดว่าตัวเองไม่มีความเสี่ยง แพทย์ก็คิดว่า ผู้ป่วย p no. 1 ไม่มีความเสี่ยง ผลปรากฏว่า มีแพทย์ 5 คน พยาบาล 3 คน ผู้ป่วยอีก 3 ใน รพ.นั้น ติดเชื้อ ซึ่งยืนยันผลในวันศุกร์ที่ 21 ก.พ. รวมมีผู้ติดเชื้อ 14 คน
5. และจากเหตุการณ์นี้ เป็นผลให้มีการปิดเขตเทศบาลทั้งหมด 11 เขต ที่อยู่รอบเขตเทศบาลที่ผู้ติดเชื้อในข้อ 1-4 อาศัย ในวันที่ 23 ก.พ. สั่งปิดแหล่งชุมชน งดกิจกรรมทุกอย่างอย่างในข่าวที่เราทราบๆกัน
6. พลเมืองใน 11 เขต ที่ปิด มีราวๆ 50,000 คน ซึ่งถือว่าเป็นกลุ่มเสี่ยงทั้งสิ้น รัฐทำการตรวจจนถึงวันที่ 24 กพ. ได้แค่ราวๆ 6000+ กว่าคน คือไม่ได้กักตัวรอดูอาการ 14 วันเหมือนไทย หรือประเทศอื่นๆ ที่ยืนยันด้วยตัวเลขผู้ติดเชื้อที่มีอาการเท่านั้น หรือตรวจเฉพาะผู้ใกล้ชิดหรือมีปฏิสัมพันธ์กับผู้ติดเชื้อ
7. ฉะนั้น ยอดผู้ติดเชื้อจึงพุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว เพราะนับรวมผู้ติดเชื้อที่ไม่ออกอาการด้วย
ยอดผู้ติดเชื้อจึงเพิ่มขึ้นทุกวัน เพราะยังตรวจกลุ่มเสี่ยงไม่หมด
8. สรุปแล้ว ยังหาต้นตอของการแพร่ระบาดไม่ได้ เพราะผู้ติดเชื้อทั้งหมดไม่มีใครเดินทางไปประเทศกลุ่มเสี่ยงเลย แม้แต่เพื่อนร่วมงาน p no.0 ที่กลับมาจากจีน ซึ่งคาดกันว่าเป็นต้นตอ ของการแพร่ระบาด ผลตรวจออกมาก็เป็นลบ ไม่ติดเชื้อ
ส่วน 3 คนแรกๆ ที่พบในอิตาลี
-2 คน เป็นนักท่องเที่ยวสามีภรรยาชาวจีนมาจากอูฮั่น มาเที่ยวกับกรุ๊ปทัวร์ ขึ้นเครื่องจากอู่ฮั่นมาลงมิลาน แล้วไล่เที่ยวไปจนถึงโรม จนออกอาการที่โรมจึงตรวจพบว่าติดเชื้อ ยืนยันวันที่ 30 ม.ค. ซึ่งเป็นเหตุให้อิตาลีสั่งปิดเที่ยวบินเข้าออกจีนในวันที่ 30 ม.ค. เป็นเวลา 90 วัน ปัจจุบันหายแล้ว ส่วนเพื่อนร่วมกรุ๊ปทัวร์ 20 กว่าคน ตรวจแล้วไม่พบเชื้อ
- ส่วนคนที่ 3 เป็นคนอิตาเลียน ที่รัฐไปรับกลับมาจากอูฮั่น
สถานการณ์ปัจจุบัน หน้ากาก เจลล้างมือ แอลกอฮอล์ ขาดตลาดเหมือนฝั่งเอเชีย มีการกักตุนอาหารเหมือนฝั่งเอเชีย และอนุญาตให้ร้านขายอาหารเปิดขายได้ถึงแค่หกโมงเย็นเท่านั้น มีแต่ร้านขายยาเท่านั้นที่อนุญาตให้เปิดได้ยาว
แก้ไข - เพิ่มเติมข้อมูลล่าสุด เย็นวันที่ 26 ก.พ.
- มิลาน - กิจการร้านค้าต่างๆ อนุญาตให้เปิดทำการได้ตามปกติในอาทิตย์หน้า ส่วนเขตอื่นๆให้รอไปอีก 2 อาทิตย์ ส่วน red zone 11 เขต ยังกักกันต่อไปอย่างไม่มีกำหนด
-ยอดผู้ติดเชื้อทั้งหมด 400 คน
- เสียชีวิต 12 คน ซึ่งเป็นคนสูงอายุทั้งหมด และบางรายมีโรคประจำตัว บางรายตรวจพบเชื้อหลังเสียชีวิต อายุรายที่ 1-12: 78/76/84/88/85/80/62/83/84/91/76/69
- รักษาตามอาการ 128 คน
- ให้กักตัวอยู่ที่บ้าน 221 คน เพราะไม่แสดงอาการ
- 36 คน ติดตามดูแลรักษาอย่างใกล้ชิด
- 3 คน หาย
https://www.google.com/amp/s/www.ilfattoquotidiano.it/2020/02/25/coronavirus-la-mappa-interattiva-dei-contagi-nuovi-casi-in-toscana-liguria-e-sicilia/5713972/amp/
แก้ไข- ตามคำขอของ คุณ คห. ที่ 20-3
บ่ายวันที่ 27 ก.พ.
- จากยอดผู้เข้ารับการตรวจหาเชื้อจำนวน 11,085 คน
- พบผู้ติดเชื้อ 528 คน เสียชีวิต 14 คน
- รักษาตามอาการ 159 คน
- ให้กักตัวอยู่ที่บ้าน เพราะไม่แสดงอาการ 278 คน
- ติดตามดูแลรักษาอย่างใกล้ชิด 35 คน
- หาย 42 คน
สามารถเข้าไปติดตามข้อมูลผู้ติดเชื้อแบบ real time ได้ที่นี่
https://www.repubblica.it/cronaca/2020/02/22/news/coronavirus_in_italia_aggiornamento_ora_per_ora-249241616/
แก้ไข - เพิ่มเติมข้อมูล เย็นวันที่ 27 ก.พ.
- จากยอดผู้เข้ารับการตรวจหาเชื้อจำนวน 12,014 คน
- พบผู้ติดเชื้อ 650 คน
- เสียชีวิต 17 คน อายุรายที่ 15-17: 88/88/82
- รักษาตามอาการ 248 คน
- ให้กักตัวอยู่ที่บ้าน เพราะไม่แสดงอาการ 284 คน
- ติดตามดูแลรักษาอย่างใกล้ชิด 56 คน
- หาย 45 คน
แสดงความคิดเห็น
อ่านเวบอนามัยโลก จนเกิดข้อสงสัยค่ะว่า ทำไมอิตาลีมีผู้ติดเชื่อโคโรนาไวรัสถึงได้แพร่ขจายเร็วขนาดนี้ถึงแม้...