สวัสดีค่ะ วัตถุประสงค์ของเราในการตั้งกระทู้นี้คือ ต้องการให้กำลังใจสำหรับคนที่ไม่เก่งภาษามากๆแต่พยายามจนสามารถได้คะเเนนไปเรียนต่อได้ค่ะ (แม้จะต้องเรียนปรับพื้นฐานบ้างก็ตาม) และบอกวิธีการเพิ่มคะเเนนค่ะ มีทั้งที่ลงคอร์สเรียนและฝึกเองค่ะ รวมๆแล้วใช้เวลาเพิ่มจาก 4.5 ไป 5 ใช้เวลา 2 เดือน ในการเรียนพิเศษ และ 5 ไป 6 ใช้เวลา เดือนครึ่ง ในการอ่านเองค่ะ โดยเนื้อหาจะประกอบด้วย
1.พื้นฐานทางภาษา และ แรงบันดาลใจของเรา
2.สมัครเรียนพิเศษภาษาทั้งออนไลน์และคลาสสด
3.วิธีฝึกด้วยตนเอง (สร้างตาราง,วิธีฝึกแยกตาม skill และเว็บไซต์และappที่ใช้ในการฝึก )
----------------------------------------------------------------------------------------------------------
1.พื้นฐานทางภาษา และ แรงบันดาลใจ
จขกท.เป็นเด็กสายวิทย์ค่ะ เด็กเรียนดีเกือบทุกวิชายกเว้นภาษาอังกฤษค่ะ ทั้งไม่ชอบทั้งไม่เก็ท เกรดวิชาอื่น3.5-4.0 มีก็แต่วิชาอังกฤษที่ได้ 2.5 เสมอมา ขึ้นมหาลัยก็มีปัญหากับวิชานี้อยู่วิชาเดียวค่ะ(คนอื่นกลัวแคล แสตท แต่เรากลัวอิ้ง) ลุ้นเยี่_วเหนียวทุกเทอมที่มีอิ้งค่ะ ไม่กล้าพูดกับฝรั่ง ไม่กล้าคุยภาษาอังกฤษกับเพื่อน และแทบไม่ได้ใช้ภาษาเลย ฟังไม่ค่อยออก อ่านไม่ค่อยรู้เรื่อง พูดโต้ตอบสั้นๆได้เท่านั้น เขียนไม่ต้องพูดถึง แรงจุดประกายครั้งแรกของเราคือ ตอนปี 4 เราพลาดทุน ป.โท ต่างประเทศ เพียงเพราะเราไม่มีคะเเนนภาษาค่ะ แม้จะได้เกียรตินิยมอันดับ1 มีผลงานทางสายที่เราเรียน และมีผลงานจิตอาสามากมาย ในที่สุดเราจึงตัดสินฮึดขึ้นสู้กับเจ้า IELTS ค่ะ
สิ่งแรกที่ทำคือวัดคะเเนนภาษาตัวเองค่ะ เริ่มที่ TOEIC ค่ะ เพราะถูกสุด คะเเนนที่ได้น่าอายมากค่ะ ได้มา 380 ค่ะ
ไม่วายค่ะลองทำ test IELTS ฟรี ที่หนึ่งได้
speaking 5 (เขาทดสอบแค่ part1 ถ้าหลายพาร์มคงได้แค่4ค่ะ)
writing 4.5
listening 4
reading 3.5
สิ่งแรกที่คิดคะเเนนไก่กาแบบนี้จะดันขึ้นได้จริงๆหรอ เหนือสิ่งใด ความพยายามเท่านั้นจะนำพาความสำเร็จมาสู่เรา
-----------------------------------------------------------------------------------------------------------
2.สมัครเรียนพิเศษ
-สำหรับเรา เราคิดว่าทักษะแบบเราต้องสร้างความคุ้นชินการโดยการเรียนเนี่ยแหละอ่านเองท่าจะยาก เราสมัครเรียนกับสถาบันสอนไอเอลชื่อดังที่หนึ่ง 3 คอร์สค่ะ(หลังไมค์มาได้) คอร์สนึงเรียนประมาณ 20 วัน ซึ่งอาจารย์ที่นี่ค่อนข้างดี มีงานเขียนให้ฝึกเยอะ และที่สำคัญคือทำให้เรากลัวฝรั่งน้อยลงค่ะ(แม้ว่าวันแรกจะเกือบร้องไห้เพราะฟังใครไม่รู้เรื่องเลยก็ตาม) รวมแล้วใช้เวลาไปประมาณ 3 เดือนค่ะ (มีติดรับปริญญา ทำงานช่วยอาจารย์บ้าง)
-หลังจากนั้นไปลงเรียน คอร์สออนไลน์ สอนเทคนิคไอเอลที่โฆษณาเยอะๆที่นึงค่ะราคาถูก ซึ่งมีเทคนิคค่อนข้างดีค่ะ แต่ไม่เหมาะกับเรา5555 ใช้เวลาเรียนเร่งๆ 2 สัปดาห์ค่ะ แล้วจึงลองไปสอบ IELTS จริงครึ้งแรก ผลที่ได้คือออออ
speaking 5.5
writing 5
listening 5
reading 5
ลึกๆก็ดีใจนะคะ เพราะเราพัฒนาแต่ คะแนนไม่พอยื่นไปไหนทั้งสิ้นค่ะ และเริ่มรู้ซึ้งว่า การเรียนให้ห้องอย่างเดียว ทำการบ้านส่ง ไม่ทำให้คุณพัฒนาได้มากพอ แต่อย่างน้อยมันก็ทำให้เราเริ่มเปลี่ยนทัศนะคติกับภาษาอังกฤษค่ะ จึงเริ่มพัฒนาด้วยตัวเองค่ะ
------------------------------------------------------------------------------------------------------------
3. ฝึกด้วยตนเอง
เรามีเวลาไม่เกินเดือนครึ่งค่ะ เพราะต้องรีบยื่นคะเเนนแล้ว เลยตั้งใจไว้ว่าจะสอบ2ครั้งค่ะ(เปลืองตังและไม่แนะนำให้ทำ)เพื่อวัดผลและกระตุ้นตัวเอง(โดยสันด_นเป็นคนขี้เกียจค่ะ) ดังนั้นหากมีการวางแผนย่อมมีชัยไปกว่าครึ่งค่ะ
*การแบ่งเวลาอ่านหนังสือ-เราเเบ่ง step การอ่านเป็นรายสัปดาห์ค่ะ คือ
- week 1 ; เน้นอ่านทำความเข้าใจในเเต่ละ skill โจทย์รูปแบบไหน ข้อสอบประมาณไหน อ่านแกรมม่า เป็นอาทิตย์ชิวๆ ดูตัวอย่างเป็นหลักเช่นอ่านงานเขียนของคนได้7-8 เริ่มจดคำศัพท์น่าสนใจ คำเชื่อม วิธีการตอบ ตัวประโยคสวยๆและคำเชื่อม(ที่ไม่เลือก9เพราะคิดว่าความสามารถยังไม่ถึงดูไปก็ทำไม่ได้) ทักษะพูดก็เริ่มดูคลิปสอน speaking IELTS ใน Youtube และโทรหาเพื่อนที่เราสนิทที่สุดหาเรื่องคุยกับมันทุกวันละชม.เป็นภาษาอังกฤษ(วิธีนี้เราทำเพราะสร้างความคุ้นชิน และความมั่นใจ ยังไม่คำนึงถึงความเป๊ะมากมายเพราะรอบๆตัวเพื่อนที่สนิทไม่มีใครเก่งภาษาอังกฤษเลยค่ะ) ส่วน listening กับ reading ฝึกทำวันเว้นวันสลับกันค่ะ + คำศัพท์
- week 2-3 ; เริ่มทำโจทย์ โดย ฝึกทำข้อสอบ speaking และ writing(part1) ทุกวัน ส่วน listening และ reading วันเว้นวันเช่นเดิมค่ะ(เพราะข้อผิดเยอะตรวจนาน) ฟังpodcast และอ่านข่าว + คำศัพท์
- week 4-5 ; ทำโจทย์ทุกวัน โดย ฝึกทำข้อสอบ speaking และ writing(part2) ส่วน listening และ reading จับเวลาจริง(เพราะข้อผิดเยอะตรวจนาน) ฟังpodcast และอ่านข่าว + คำศัพท์
-week 6; ทำโจทย์ทุกวันทั้ง 4 skill จับเวลาจริง ฟังpodcast และอ่านข่าว + คำศัพท์
- 2 วันก่อนสอบ ; เน้นดูคำศัพท์ ดูตัวอย่างประโยค ฝึกพูดค่ะ
ทั้งหมดนี้ เริ่มฝึกเวลา 8.00น.- 00.00น. ค่ะ หักเวลาพัก กินข้าว กิจกรรมส่วนตัว ทำงานบ้าน ก็จะเหลือประมาณ 11 ชั่วโมง ต่อวันค่ะ
.ระหว่างนี้ไปสอบ IELTS ครั้งที่ 2 หลังweek4 ได้ 5.5 ค่ะ และสอบครั้งสุดท้าย ได้ 6.0 ค่ะ ถึงคะแนนจะไม่มากมายแต่พ่อแม่คือเฮทั้งบ้านพาไปเลี้ยงเลยค่ะ(หลังจากแทบจะไม่ออกไปไหนเลยเป็นเวลาเดือนครึ่ง)เขาคงไม่คิดว่าจากเด็ก พูดแค่ yes, no, ok จะดีขึ้นขนาดนี้.
*วิธีฝึกแยกตาม skill
1.listening ฟังและฟังเท่านั้นที่ช่วยได้ เราใช้หลากหลายวิธีจะดึงทักษะนี้มากๆค่ะ
-ทำข้อสอบ ; เราใช้เวลาประมาณ2ชั่วโมงค่ะ โดยจับเวลาทำเหมือนจริง 30 นาที ตรวจคำตอบและหาว่าทำไมถึงตอบผิด พร้อมดูสคริปตาม 1 ชั่วโมง อีกประมาณ 30 นาทีไว้สำหรับ แปลศัพท์สำคัญโดยจดไว้ในสมุดเล็กเล็กสำหรับทวนค่ะ และคัดคำผิดค่ะ5555 คือฟังออกนะแต่ชอบเขียนผิด เลยคัด
10ครั้งต่อ1คำค่ะ (เราหาทำจาก IELTS Cambridge ที่มี 14 เล่ม หาได้ตามเว็บ และฟังได้ตาม Youtube)
-การฟังเสริม ; อันนี้เราใช้หลายๆแหล่งสลับกันไปตามอารมณ์ค่ะ โดยวันไหนยังไหวไม่เบลอ เวลาเหลือ จะฟัง TED education โดยเลือกคลิปความยาวไม่เกิน7นาที ฟังไม่ต่ำกว่า 5 รอบ ขึ้นกับความยาก รอบ1,2ฟังอย่างเดียว รอบ3 เปิดซับอิ้ง รอบ4 ฟังและหาความหมายศัพท์สำคัญ จดใส่สมุดคำศัพท์ รอบ5 ฟังซ้ำอีกครั้ง ใช้เวลาเยอะหน่อยแต่ต้องอึดถึกนิดนึง แต่พัฒนาแน่ค่ะ หากวันไหนมีเวลาแค่เล็กน้อย หรือเดินทางขับรถ จะฟัง 6 min BBC learning english ใช้เวลาฟัง 30 นาทีเพราะฟัง 5 รอบค่ะ และวันไหนที่สมองไม่เเล่น รู้สึกล้าจะฟัง Learn English with Bob the Canadian ใน youtube มีคลิปสั้นยาแล้วเเต่เลือกเลย สำเหนียงฟังง่าย ส่วนช่วงอู้พักของเรา เราจะดูซีรีย์ใน netfilx (เราดู sex education) รอบแรกเปิดซับ รอบ2ปิดซับ
2. Reading ส่วนใหญ่ปัญหาของเราคือทำไม่ทัน ไม่รู้ศัพท์ ไม่มีสมาธิ(ขี้เกียจอ่านนั่นเอง) วิธีที่เราใช้คือ
-ทำข้อสอบ ; ก่อนทำเราดูเทคนิคการทำก่อนนะคะโดยดูจาก E2 IELTS ใน Youtube เลือกคนสอนชื่อ Jay แล้วลองทำจริงจับเวลาตามจริงแค่ไหนแค่นั้น ดูเฉลยแล้วหาว่าเราผิดตรงไหน ถ้าหาไม่ได้จริงๆ จะดูเว็บนี้ค่ะ www.easy-ielts.com ซึ่งจะบอกเหตุผลด้วยว่าทำไมตอบอันนี้(ในIELTS Cambridgeเฉลยแค่คำตอบ) และเจอศัพท์สนใจที่เราไม่รู้แปลเก็บไว้ในสมุดจดค่ะ
-อ่านข่าว ; ช่วยได้มากในการฝึกทักษะการอ่านค่ะ โดยตั้งเป้าหมายว่าต้องอ่านทุกวัน อย่างน้อยวันละข่าวค่ะ เราเเนะนำ สำนักข่าว The Guardian ค่ะ ข่าวหลากหลาย ศัพท์น่าสนใจ วิธีที่เราใช้คือ อ่านและสรุปข่าวเป็น list และจดศัพท์ในสมุดจดข่าวเราค่ะ เสร็จแล้วเอาไปเล่าให้พ่อฟังเป็นภาษาอังกฤษ
3. Writing อันนี้อาจเเนะนำได้ไม่ค่อยมากแต่คิดว่าพอมีประโยชน์ต่อใครหลายๆคนบ้าง
-ดู pattern และงานเขียนของคนอื่น ; สำหรับ Part1 เราแยกรูปแบบการเขียนเป็น กราฟ ตาราง แผนภูมิแท่ง วงกลม แผนที่ และกระบวนการ ส่วน Part2 แบ่งตามรูปแบบเช่นกันค่ะ แต่เพิ่มเติมคือเก็ง topic ที่ชอบออกด้วย ดูได้จากเว็บ ieltsfocus.com หาตัวอย่างในเน็ต ที่ได้ band 7-8 มาดูวิธีเขียน การให้ข้อมูล ศัพท์ที่เขาใช้ต่างๆ แล้วลองเขียนจริง ครั้งแรกของแต่ละเเบบยังไม่ต้องจับเวลา พอเริ่มคุ้นให้หาโจทย์มาทำไม่ต้องดูตัวอย่างแล้วและจับเวลา ส่งตรวจค่ะ หลายๆคนเเนะนำ ielts-blog.com เพราะถูก แต่เราใช้ www.ieltsbritain.com ค่ะ ตรวจได้ 30 ครั้ง ราคาประมาณ 4,500 บ. มีคลิปสอนด้วยแต่เราว่าเจยๆ ที่โอเคคือการตรวจของเขา ให้คะเเนนแบบสอบจริงเลย แก้จุดผิด พร้อมแนะนำ เมื่อได้ feedback แล้ว เราเอามาเขียนใหม่อีกครั้งค่ะ ตามที่เขาแนะนำ ถ้าแกรมม่าผิด เปิดบทนั้นอ่านแล้วแก้ให้ดีขึ้น จะทำให้ชินมือเเละเขียนในสไตล์ของเราได้
4. Speaking ซึ่งเป็นพาร์ทเก็บคะเเนนของใครหลายๆคนวิธีที่เราใช้คือ
-ดูวิธีการตอบ และคำศัพท์ช่วยเพิ่มคะเเนน ; หลักๆเราจะใช้อยู่ 2 ที่คือ www.ieltsspeaking.co.uk ไว้สำหรับดู academic words ในแต่ละหมวดหมู่เพื่อเอาไปใช้ตอบ และ IELTS Speaking Success บน Youtube ได้ประโยชน์มาก ลุงแกฟังง่ายมากๆค่ะ ให้คำศัพท์ การออกเสียง วิธีการพูด และตัวอย่างการตอบในแต่ละเรื่อง เราพยายามฟังทุกวันเท่าที่ทำได้ ก่อนฝึกพูดค่ะ
-ฝึกพูดทุกวัน ; เนื่องจากไม่มีเพื่อนต่างชาติ เลยฝึกกับคนไทยเนี่ยแหละ ให้เพื่อนถามเราตอบค่ะ พยายามทำให้เหมือนไอเอลที่สุด ให้มันฟังแล้วถามความเห็น ถ้าวันไหนมันไม่ว่าง จะใช้วิธีอัดเสียงตัวเองแล้วเปิดฟังใหม่อีกครั้ง แล้วพูดแก้ตรงที่คดว่าไม่ได้
-ฝึกพูดผ่านแอปเรียนออนไลน์ ; เราใช้ italki เรียนออนไลน์กับฝรั่งค่ะ มีหลายประเทศหลายราคาตั้งแต่ชั่วโมงละ180-600บ. แล้วแต่จะเลือกเรียน(แนะนำครูได้หลังไมค์ค่ะ) เราลงอาทิตย์ละ2ครั้ง ครั้งละชั่วโมง (ค่าเรียนเราครั้งละ214บ./ครั้ง) บางครั้งลงเรียนกับคนที่เขา test ielts โดยเฉพาะ เพื่อให้เขาช่วยแนะนำและประเมินคะเเนนที่เราจะได้ เพื่อจะไปพัฒนาต่อค่ะ(ราคาจะสูงหน่อยอยู่ที่ 300บ./30นาที)
-app ; เราเคยลองใช้ hallo สุ่มโทรเสียงกับคนต่างชาติค่ะ ันช่วงได้นะสำหรับคนที่คุยเก่งนึกเรื่องออกแต่เราไม่ค่อยช่วงเท่าไหร่
-กลุ่ม facebook ; กลุ่ม ielts preparation 2019 น่าจะของประเทศอื่น ในกลุ่มนั้นจะมีคนหาบัดดี้จับคู่ฝึกพูดกันเยอะ ถ้าเจอคนดีๆก็ดีไป(เจอแบบมีวัตถุประสงค์แฝงก็บล็อคเลยค่ะ) เราเคยเจอคนดีๆอยู่พลัดกันช่วยและได้เพื่อนที่เป็นมิตรด้วย
-------------------------------------------------------------------------------------------------
*เพิ่มเติมเกี่ยวกับสมุดจดคำศัพท์ เราแบ่งสมุดจดศัพท์ เป็น 3 เล่ม ใช้สมุดเล่มเล็กๆเน้นสะดวกพกง่าย แบ่งเป็น
1.ศัพท์ IELTS แบ่งตามหมวดหมู่ โดยศัพท์ทั้งหมดเจอากข้อสอบต่างๆที่ลองทำ
2.ศัพท์ IELTS ไม่แบ่งตามหมวดหมู่ เช่นเดียวกับข้อแรก
3.สมุดจดศัพท์ทั่วไป อันนั้นเจอในที่เราอ่านเพิ่ม ฟังเพิ่มค่ะ
-------------------------------------------------------------------------------------------------
ทั้งหมดที่กล่าวมานี้ แม้ท้ายสุดคะเเนนจะไม่สูงมาก แต่แสดงให้เห็นถึงการพัฒนาที่ดีค่ะ เราไม่กลัวภาษาอังกฤษเหมือนเมื่อก่อนแล้ว หวังว่ากระทู้นี้จะช่วยให้ใครหลายๆคนที่ได้คะเเนนน้อย หรือไม่เก่งภาษาพัฒนาให้ไม่มากก็น้อยนะคะ สำหรับใครที่ท้อแท้ เราเข้าใจนะเราก็ท้อมาเยอะเเต่ทักษะทางภาษามันต้องใช้ความคุ้นชินค่ะไม่ใช่เลขที่แค่เข้าใจก็ทำได้ แต่มันเกิดจากการใช้และฝึกฝนค่ะ สู้ๆนะคะ
[CR] รีวิว แบ่งปันแนวทาง เพิ่มคะเเนน IELTS จาก 4.5 ไป 6
1.พื้นฐานทางภาษา และ แรงบันดาลใจของเรา
2.สมัครเรียนพิเศษภาษาทั้งออนไลน์และคลาสสด
3.วิธีฝึกด้วยตนเอง (สร้างตาราง,วิธีฝึกแยกตาม skill และเว็บไซต์และappที่ใช้ในการฝึก )
----------------------------------------------------------------------------------------------------------
1.พื้นฐานทางภาษา และ แรงบันดาลใจ
จขกท.เป็นเด็กสายวิทย์ค่ะ เด็กเรียนดีเกือบทุกวิชายกเว้นภาษาอังกฤษค่ะ ทั้งไม่ชอบทั้งไม่เก็ท เกรดวิชาอื่น3.5-4.0 มีก็แต่วิชาอังกฤษที่ได้ 2.5 เสมอมา ขึ้นมหาลัยก็มีปัญหากับวิชานี้อยู่วิชาเดียวค่ะ(คนอื่นกลัวแคล แสตท แต่เรากลัวอิ้ง) ลุ้นเยี่_วเหนียวทุกเทอมที่มีอิ้งค่ะ ไม่กล้าพูดกับฝรั่ง ไม่กล้าคุยภาษาอังกฤษกับเพื่อน และแทบไม่ได้ใช้ภาษาเลย ฟังไม่ค่อยออก อ่านไม่ค่อยรู้เรื่อง พูดโต้ตอบสั้นๆได้เท่านั้น เขียนไม่ต้องพูดถึง แรงจุดประกายครั้งแรกของเราคือ ตอนปี 4 เราพลาดทุน ป.โท ต่างประเทศ เพียงเพราะเราไม่มีคะเเนนภาษาค่ะ แม้จะได้เกียรตินิยมอันดับ1 มีผลงานทางสายที่เราเรียน และมีผลงานจิตอาสามากมาย ในที่สุดเราจึงตัดสินฮึดขึ้นสู้กับเจ้า IELTS ค่ะ
สิ่งแรกที่ทำคือวัดคะเเนนภาษาตัวเองค่ะ เริ่มที่ TOEIC ค่ะ เพราะถูกสุด คะเเนนที่ได้น่าอายมากค่ะ ได้มา 380 ค่ะ
ไม่วายค่ะลองทำ test IELTS ฟรี ที่หนึ่งได้
speaking 5 (เขาทดสอบแค่ part1 ถ้าหลายพาร์มคงได้แค่4ค่ะ)
writing 4.5
listening 4
reading 3.5
สิ่งแรกที่คิดคะเเนนไก่กาแบบนี้จะดันขึ้นได้จริงๆหรอ เหนือสิ่งใด ความพยายามเท่านั้นจะนำพาความสำเร็จมาสู่เรา
-----------------------------------------------------------------------------------------------------------
2.สมัครเรียนพิเศษ
-สำหรับเรา เราคิดว่าทักษะแบบเราต้องสร้างความคุ้นชินการโดยการเรียนเนี่ยแหละอ่านเองท่าจะยาก เราสมัครเรียนกับสถาบันสอนไอเอลชื่อดังที่หนึ่ง 3 คอร์สค่ะ(หลังไมค์มาได้) คอร์สนึงเรียนประมาณ 20 วัน ซึ่งอาจารย์ที่นี่ค่อนข้างดี มีงานเขียนให้ฝึกเยอะ และที่สำคัญคือทำให้เรากลัวฝรั่งน้อยลงค่ะ(แม้ว่าวันแรกจะเกือบร้องไห้เพราะฟังใครไม่รู้เรื่องเลยก็ตาม) รวมแล้วใช้เวลาไปประมาณ 3 เดือนค่ะ (มีติดรับปริญญา ทำงานช่วยอาจารย์บ้าง)
-หลังจากนั้นไปลงเรียน คอร์สออนไลน์ สอนเทคนิคไอเอลที่โฆษณาเยอะๆที่นึงค่ะราคาถูก ซึ่งมีเทคนิคค่อนข้างดีค่ะ แต่ไม่เหมาะกับเรา5555 ใช้เวลาเรียนเร่งๆ 2 สัปดาห์ค่ะ แล้วจึงลองไปสอบ IELTS จริงครึ้งแรก ผลที่ได้คือออออ
speaking 5.5
writing 5
listening 5
reading 5
ลึกๆก็ดีใจนะคะ เพราะเราพัฒนาแต่ คะแนนไม่พอยื่นไปไหนทั้งสิ้นค่ะ และเริ่มรู้ซึ้งว่า การเรียนให้ห้องอย่างเดียว ทำการบ้านส่ง ไม่ทำให้คุณพัฒนาได้มากพอ แต่อย่างน้อยมันก็ทำให้เราเริ่มเปลี่ยนทัศนะคติกับภาษาอังกฤษค่ะ จึงเริ่มพัฒนาด้วยตัวเองค่ะ
------------------------------------------------------------------------------------------------------------
3. ฝึกด้วยตนเอง
เรามีเวลาไม่เกินเดือนครึ่งค่ะ เพราะต้องรีบยื่นคะเเนนแล้ว เลยตั้งใจไว้ว่าจะสอบ2ครั้งค่ะ(เปลืองตังและไม่แนะนำให้ทำ)เพื่อวัดผลและกระตุ้นตัวเอง(โดยสันด_นเป็นคนขี้เกียจค่ะ) ดังนั้นหากมีการวางแผนย่อมมีชัยไปกว่าครึ่งค่ะ
*การแบ่งเวลาอ่านหนังสือ-เราเเบ่ง step การอ่านเป็นรายสัปดาห์ค่ะ คือ
- week 1 ; เน้นอ่านทำความเข้าใจในเเต่ละ skill โจทย์รูปแบบไหน ข้อสอบประมาณไหน อ่านแกรมม่า เป็นอาทิตย์ชิวๆ ดูตัวอย่างเป็นหลักเช่นอ่านงานเขียนของคนได้7-8 เริ่มจดคำศัพท์น่าสนใจ คำเชื่อม วิธีการตอบ ตัวประโยคสวยๆและคำเชื่อม(ที่ไม่เลือก9เพราะคิดว่าความสามารถยังไม่ถึงดูไปก็ทำไม่ได้) ทักษะพูดก็เริ่มดูคลิปสอน speaking IELTS ใน Youtube และโทรหาเพื่อนที่เราสนิทที่สุดหาเรื่องคุยกับมันทุกวันละชม.เป็นภาษาอังกฤษ(วิธีนี้เราทำเพราะสร้างความคุ้นชิน และความมั่นใจ ยังไม่คำนึงถึงความเป๊ะมากมายเพราะรอบๆตัวเพื่อนที่สนิทไม่มีใครเก่งภาษาอังกฤษเลยค่ะ) ส่วน listening กับ reading ฝึกทำวันเว้นวันสลับกันค่ะ + คำศัพท์
- week 2-3 ; เริ่มทำโจทย์ โดย ฝึกทำข้อสอบ speaking และ writing(part1) ทุกวัน ส่วน listening และ reading วันเว้นวันเช่นเดิมค่ะ(เพราะข้อผิดเยอะตรวจนาน) ฟังpodcast และอ่านข่าว + คำศัพท์
- week 4-5 ; ทำโจทย์ทุกวัน โดย ฝึกทำข้อสอบ speaking และ writing(part2) ส่วน listening และ reading จับเวลาจริง(เพราะข้อผิดเยอะตรวจนาน) ฟังpodcast และอ่านข่าว + คำศัพท์
-week 6; ทำโจทย์ทุกวันทั้ง 4 skill จับเวลาจริง ฟังpodcast และอ่านข่าว + คำศัพท์
- 2 วันก่อนสอบ ; เน้นดูคำศัพท์ ดูตัวอย่างประโยค ฝึกพูดค่ะ
ทั้งหมดนี้ เริ่มฝึกเวลา 8.00น.- 00.00น. ค่ะ หักเวลาพัก กินข้าว กิจกรรมส่วนตัว ทำงานบ้าน ก็จะเหลือประมาณ 11 ชั่วโมง ต่อวันค่ะ
.ระหว่างนี้ไปสอบ IELTS ครั้งที่ 2 หลังweek4 ได้ 5.5 ค่ะ และสอบครั้งสุดท้าย ได้ 6.0 ค่ะ ถึงคะแนนจะไม่มากมายแต่พ่อแม่คือเฮทั้งบ้านพาไปเลี้ยงเลยค่ะ(หลังจากแทบจะไม่ออกไปไหนเลยเป็นเวลาเดือนครึ่ง)เขาคงไม่คิดว่าจากเด็ก พูดแค่ yes, no, ok จะดีขึ้นขนาดนี้.
*วิธีฝึกแยกตาม skill
1.listening ฟังและฟังเท่านั้นที่ช่วยได้ เราใช้หลากหลายวิธีจะดึงทักษะนี้มากๆค่ะ
-ทำข้อสอบ ; เราใช้เวลาประมาณ2ชั่วโมงค่ะ โดยจับเวลาทำเหมือนจริง 30 นาที ตรวจคำตอบและหาว่าทำไมถึงตอบผิด พร้อมดูสคริปตาม 1 ชั่วโมง อีกประมาณ 30 นาทีไว้สำหรับ แปลศัพท์สำคัญโดยจดไว้ในสมุดเล็กเล็กสำหรับทวนค่ะ และคัดคำผิดค่ะ5555 คือฟังออกนะแต่ชอบเขียนผิด เลยคัด 10ครั้งต่อ1คำค่ะ (เราหาทำจาก IELTS Cambridge ที่มี 14 เล่ม หาได้ตามเว็บ และฟังได้ตาม Youtube)
-การฟังเสริม ; อันนี้เราใช้หลายๆแหล่งสลับกันไปตามอารมณ์ค่ะ โดยวันไหนยังไหวไม่เบลอ เวลาเหลือ จะฟัง TED education โดยเลือกคลิปความยาวไม่เกิน7นาที ฟังไม่ต่ำกว่า 5 รอบ ขึ้นกับความยาก รอบ1,2ฟังอย่างเดียว รอบ3 เปิดซับอิ้ง รอบ4 ฟังและหาความหมายศัพท์สำคัญ จดใส่สมุดคำศัพท์ รอบ5 ฟังซ้ำอีกครั้ง ใช้เวลาเยอะหน่อยแต่ต้องอึดถึกนิดนึง แต่พัฒนาแน่ค่ะ หากวันไหนมีเวลาแค่เล็กน้อย หรือเดินทางขับรถ จะฟัง 6 min BBC learning english ใช้เวลาฟัง 30 นาทีเพราะฟัง 5 รอบค่ะ และวันไหนที่สมองไม่เเล่น รู้สึกล้าจะฟัง Learn English with Bob the Canadian ใน youtube มีคลิปสั้นยาแล้วเเต่เลือกเลย สำเหนียงฟังง่าย ส่วนช่วงอู้พักของเรา เราจะดูซีรีย์ใน netfilx (เราดู sex education) รอบแรกเปิดซับ รอบ2ปิดซับ
2. Reading ส่วนใหญ่ปัญหาของเราคือทำไม่ทัน ไม่รู้ศัพท์ ไม่มีสมาธิ(ขี้เกียจอ่านนั่นเอง) วิธีที่เราใช้คือ
-ทำข้อสอบ ; ก่อนทำเราดูเทคนิคการทำก่อนนะคะโดยดูจาก E2 IELTS ใน Youtube เลือกคนสอนชื่อ Jay แล้วลองทำจริงจับเวลาตามจริงแค่ไหนแค่นั้น ดูเฉลยแล้วหาว่าเราผิดตรงไหน ถ้าหาไม่ได้จริงๆ จะดูเว็บนี้ค่ะ www.easy-ielts.com ซึ่งจะบอกเหตุผลด้วยว่าทำไมตอบอันนี้(ในIELTS Cambridgeเฉลยแค่คำตอบ) และเจอศัพท์สนใจที่เราไม่รู้แปลเก็บไว้ในสมุดจดค่ะ
-อ่านข่าว ; ช่วยได้มากในการฝึกทักษะการอ่านค่ะ โดยตั้งเป้าหมายว่าต้องอ่านทุกวัน อย่างน้อยวันละข่าวค่ะ เราเเนะนำ สำนักข่าว The Guardian ค่ะ ข่าวหลากหลาย ศัพท์น่าสนใจ วิธีที่เราใช้คือ อ่านและสรุปข่าวเป็น list และจดศัพท์ในสมุดจดข่าวเราค่ะ เสร็จแล้วเอาไปเล่าให้พ่อฟังเป็นภาษาอังกฤษ
3. Writing อันนี้อาจเเนะนำได้ไม่ค่อยมากแต่คิดว่าพอมีประโยชน์ต่อใครหลายๆคนบ้าง
-ดู pattern และงานเขียนของคนอื่น ; สำหรับ Part1 เราแยกรูปแบบการเขียนเป็น กราฟ ตาราง แผนภูมิแท่ง วงกลม แผนที่ และกระบวนการ ส่วน Part2 แบ่งตามรูปแบบเช่นกันค่ะ แต่เพิ่มเติมคือเก็ง topic ที่ชอบออกด้วย ดูได้จากเว็บ ieltsfocus.com หาตัวอย่างในเน็ต ที่ได้ band 7-8 มาดูวิธีเขียน การให้ข้อมูล ศัพท์ที่เขาใช้ต่างๆ แล้วลองเขียนจริง ครั้งแรกของแต่ละเเบบยังไม่ต้องจับเวลา พอเริ่มคุ้นให้หาโจทย์มาทำไม่ต้องดูตัวอย่างแล้วและจับเวลา ส่งตรวจค่ะ หลายๆคนเเนะนำ ielts-blog.com เพราะถูก แต่เราใช้ www.ieltsbritain.com ค่ะ ตรวจได้ 30 ครั้ง ราคาประมาณ 4,500 บ. มีคลิปสอนด้วยแต่เราว่าเจยๆ ที่โอเคคือการตรวจของเขา ให้คะเเนนแบบสอบจริงเลย แก้จุดผิด พร้อมแนะนำ เมื่อได้ feedback แล้ว เราเอามาเขียนใหม่อีกครั้งค่ะ ตามที่เขาแนะนำ ถ้าแกรมม่าผิด เปิดบทนั้นอ่านแล้วแก้ให้ดีขึ้น จะทำให้ชินมือเเละเขียนในสไตล์ของเราได้
4. Speaking ซึ่งเป็นพาร์ทเก็บคะเเนนของใครหลายๆคนวิธีที่เราใช้คือ
-ดูวิธีการตอบ และคำศัพท์ช่วยเพิ่มคะเเนน ; หลักๆเราจะใช้อยู่ 2 ที่คือ www.ieltsspeaking.co.uk ไว้สำหรับดู academic words ในแต่ละหมวดหมู่เพื่อเอาไปใช้ตอบ และ IELTS Speaking Success บน Youtube ได้ประโยชน์มาก ลุงแกฟังง่ายมากๆค่ะ ให้คำศัพท์ การออกเสียง วิธีการพูด และตัวอย่างการตอบในแต่ละเรื่อง เราพยายามฟังทุกวันเท่าที่ทำได้ ก่อนฝึกพูดค่ะ
-ฝึกพูดทุกวัน ; เนื่องจากไม่มีเพื่อนต่างชาติ เลยฝึกกับคนไทยเนี่ยแหละ ให้เพื่อนถามเราตอบค่ะ พยายามทำให้เหมือนไอเอลที่สุด ให้มันฟังแล้วถามความเห็น ถ้าวันไหนมันไม่ว่าง จะใช้วิธีอัดเสียงตัวเองแล้วเปิดฟังใหม่อีกครั้ง แล้วพูดแก้ตรงที่คดว่าไม่ได้
-ฝึกพูดผ่านแอปเรียนออนไลน์ ; เราใช้ italki เรียนออนไลน์กับฝรั่งค่ะ มีหลายประเทศหลายราคาตั้งแต่ชั่วโมงละ180-600บ. แล้วแต่จะเลือกเรียน(แนะนำครูได้หลังไมค์ค่ะ) เราลงอาทิตย์ละ2ครั้ง ครั้งละชั่วโมง (ค่าเรียนเราครั้งละ214บ./ครั้ง) บางครั้งลงเรียนกับคนที่เขา test ielts โดยเฉพาะ เพื่อให้เขาช่วยแนะนำและประเมินคะเเนนที่เราจะได้ เพื่อจะไปพัฒนาต่อค่ะ(ราคาจะสูงหน่อยอยู่ที่ 300บ./30นาที)
-app ; เราเคยลองใช้ hallo สุ่มโทรเสียงกับคนต่างชาติค่ะ ันช่วงได้นะสำหรับคนที่คุยเก่งนึกเรื่องออกแต่เราไม่ค่อยช่วงเท่าไหร่
-กลุ่ม facebook ; กลุ่ม ielts preparation 2019 น่าจะของประเทศอื่น ในกลุ่มนั้นจะมีคนหาบัดดี้จับคู่ฝึกพูดกันเยอะ ถ้าเจอคนดีๆก็ดีไป(เจอแบบมีวัตถุประสงค์แฝงก็บล็อคเลยค่ะ) เราเคยเจอคนดีๆอยู่พลัดกันช่วยและได้เพื่อนที่เป็นมิตรด้วย
-------------------------------------------------------------------------------------------------
*เพิ่มเติมเกี่ยวกับสมุดจดคำศัพท์ เราแบ่งสมุดจดศัพท์ เป็น 3 เล่ม ใช้สมุดเล่มเล็กๆเน้นสะดวกพกง่าย แบ่งเป็น
1.ศัพท์ IELTS แบ่งตามหมวดหมู่ โดยศัพท์ทั้งหมดเจอากข้อสอบต่างๆที่ลองทำ
2.ศัพท์ IELTS ไม่แบ่งตามหมวดหมู่ เช่นเดียวกับข้อแรก
3.สมุดจดศัพท์ทั่วไป อันนั้นเจอในที่เราอ่านเพิ่ม ฟังเพิ่มค่ะ
-------------------------------------------------------------------------------------------------
ทั้งหมดที่กล่าวมานี้ แม้ท้ายสุดคะเเนนจะไม่สูงมาก แต่แสดงให้เห็นถึงการพัฒนาที่ดีค่ะ เราไม่กลัวภาษาอังกฤษเหมือนเมื่อก่อนแล้ว หวังว่ากระทู้นี้จะช่วยให้ใครหลายๆคนที่ได้คะเเนนน้อย หรือไม่เก่งภาษาพัฒนาให้ไม่มากก็น้อยนะคะ สำหรับใครที่ท้อแท้ เราเข้าใจนะเราก็ท้อมาเยอะเเต่ทักษะทางภาษามันต้องใช้ความคุ้นชินค่ะไม่ใช่เลขที่แค่เข้าใจก็ทำได้ แต่มันเกิดจากการใช้และฝึกฝนค่ะ สู้ๆนะคะ
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้