BMW Thailand เปิดตัวรถยนต์ 4 รุ่น ใหม่ ประเดิมต้นปี ด้วย 218i Gran Coupe M Sport, ซีรี่ส์ 3 ประกอบในประเทศ, และ Mini Country Man Hitrim
บีเอ็มดับเบิลยู 320d M Sport ใหม่ และบีเอ็มดับเบิลยู 330e M Sport ใหม่ สืบทอดรูปโฉมที่ทันสมัยและปราดเปรียวของบีเอ็มดับเบิลยู ซีรีส์ 3 ซีดาน ใหม่ ด้วยเส้นสายที่แข็งแกร่งและคมชัด ด้านหน้าของตัวรถคือกระจังหน้าทรงไตคู่ขนาดใหญ่ในกรอบที่เชื่อมกับไฟหน้าคู่ LED ทรงเรียวยาว ส่งเสริมรูปลักษณ์ความสง่าแบบรถสปอร์ตให้โดดเด่นด้วยดีไซน์แบบ Hofmeister Kink อันเป็นเอกลักษณ์ด้วยกรอบหน้าต่างที่ได้รับการออกแบบให้เป็นหนึ่งเดียวกับเสา C-pillar พร้อมด้วยไฟท้ายดีไซน์ใหม่เรียวยิ่งขึ้นในรูปทรง L แนวนอนสีหม่นแบบสามมิติ และท่อไอเสียแบบคู่ให้ท้ายรถดูกว้างและสปอร์ตกว่าเดิม
สำหรับบีเอ็มดับเบิลยู 330e M Sport ใหม่ ได้ยกระดับการขับเคลื่อนอันน่าประทับใจของบีเอ็มดับเบิลยู ซีรีส์ 3 ซีดาน ให้ก้าวหน้าไปอีกขั้นด้วย XtraBoost ฟังก์ชั่นใหม่ที่จะเผยสมรรถนะสูงสุดของรถยนต์ออกมา
บีเอ็มดับเบิลยู 330e M Sport ใหม่ ทรงพลังด้วยเครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ 2.0 ลิตร มาพร้อมกับเทคโนโลยี TwinPower Turbo และมอเตอร์ไฟฟ้า มอบพละกำลังสูงสุด 215 กิโลวัตต์ / 292 แรงม้า และสามารถเพิ่มกำลังส่งในการเร่งความเร็วได้มากยิ่งขึ้นในโหมด SPORT เพียงเหยียบคันเร่งเพื่อกระตุ้นการทำงานของ XtraBoost และปลดปล่อยพละกำลังเสริมมากถึง 30 กิโลวัตต์ / 40 แรงม้า ภายในเวลาเพียง 10 วินาที ทำให้บีเอ็มดับเบิลยู 330e M Sport ใหม่ มีอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ในเวลาเพียง 5.9 วินาที ต่อเนื่องไปจนถึงความเร็วสูงสุด 230 กม./ชม. ในโหมดการขับขี่แบบ HYBRID ของบีเอ็มดับเบิลยู 330e M Sport ใหม่ สามารถเร่งความเร็วสูงสุดได้ถึง 110 กม./ชม. ซึ่งมากกว่ารุ่นก่อนหน้า 30 กม./ชม. โดยใช้เพียงพลังงานไฟฟ้าก่อนสลับไปเป็นการใช้พลังงานเครื่องยนต์ ขณะเดียวกันในโหมด ELECTRIC ซึ่งเป็นโหมดการขับขี่แบบไร้มลพิษ สามารถเร่งความเร็วสูงสุดได้ถึง 140 กม./ชม. มากกว่ารุ่นเดิมที่ทำได้ 120 กม./ชม. บีเอ็มดับเบิลยู 330e M Sport ยังได้ปรับปรุงอัตราการขับขี่ด้วยพลังงานไฟฟ้าปลอดมลพิษให้มากกว่ารุ่นก่อน 50 เปอร์เซ็นต์ ในระยะทางขับขี่สูงสุดที่ 55-68 กิโลเมตร ในขณะเดียวกันยังลดการใช้อัตราการสิ้นเปลืองและการปล่อยมลพิษในโหมดขับขี่อื่น ๆ ได้มากกว่า 15 เปอร์เซ็นต์ ระบบสร้างเสียงจำลองเพื่อให้ผู้ใช้ทางเท้าได้ยินจะถูกเปิดใช้ในขณะขับขี่ด้วยระบบพลังงานไฟฟ้าเพื่อส่งเสียงเตือนผู้ใช้ทางเท้าผ่านระบบลำโพงติดตั้งภายนอก
ทางด้านบีเอ็มดับเบิลยู 320d M Sport ใหม่ ที่ประกอบภายในประเทศ ทรงพลังด้วยเครื่องยนต์ดีเซล 4 สูบ ซึ่งสามารถเร่งความเร็วสูงสุดได้ถึง 140 กิโลวัตต์ / 190 แรงม้าที่ 4,000 รอบต่อนาที และแรงบิดสูงสุด 400 นิวตันเมตรที่ 1,750 – 2,500 รอบต่อนาที สามารถเร่งความเร็วจาก 0 ถึง 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงได้ภายใน 6.8 วินาที และมีความเร็วสูงสุด 240 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
การออกแบบสไตล์ M Sport ของบีเอ็มดับเบิลยู ซีรีส์ 3 ซึ่งประกอบขึ้นภายในประเทศทั้งสองรุ่นย่อยนี้ เสริมความโดดเด่นคล่องแคล่วบนท้องถนนด้วยชุดแต่ง M Aerodynamics ทั้งในส่วนด้านหน้า ด้านข้างและด้านหลังของรถยนต์ กระจังหน้าทรงไตคู่อันเป็นเอกลักษณ์ของบีเอ็มดับเบิลยูได้ถูกออกแบบเป็นพิเศษบริเวณซี่กระจังหน้าไตคู่สีดำเงาและขอบช่องดักอากาศแบบสี Chrome เพิ่มความโฉบเฉี่ยวยิ่งขึ้นด้วยช่วงล่าง M Sport สำหรับบีเอ็มดับเบิลยู 320d M Sport และช่วงล่าง Adaptive M สำหรับบีเอ็มดับเบิลยู 330e M Sport มาพร้อมระบบพวงมาลัยไฟฟ้าแปรผันตามการหมุนและความเร็วแบบ Servotronic และคาลิเปอร์เบรกแบบ M Sport เพิ่มความเพลิดเพลินในการขับขี่ด้วยความสะดวกสะบายและความหรูหราในห้องโดยสารที่ประกอบด้วยพวงมาลัยหนังแท้ M กาบบันไดและชุดแป้นวางเท้า เพดานหลังคาภายในสี Anthracite และอีกมากมาย
บีเอ็มดับเบิลยู 218i Gran Coupe M Sport ใหม่ ราคาจำหน่าย: 2,399,000 บาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม และโปรแกรมบำรุงรักษา BSI Standard)
บีเอ็มดับเบิลยู 218i Gran Coupe M Sport รุ่นแรกในประวัติศาสตร์ มาพร้อมกับคอนเซปต์คูเป้ 4 ประตู ซึ่งประสบความสำเร็จเป็นอย่างมากในรุ่นรถที่สูงกว่า พร้อมให้ได้ยลโฉมเป็นครั้งแรกในเซกเมนต์รถยนต์พรีเมียมคอมแพคต์ มอบอีกหนึ่งทางเลือกที่โก้หรูยิ่งขึ้นให้กับรถยนต์ซีดานรุ่นคลาสสิคนี้ พร้อมเติมเต็มอัตลักษณ์และสุนทรียะให้เพลิดเพลินไปกับทุกอารมณ์การขับขี่ด้วยดีไซน์พรีเมียมหรูหราที่อวดโฉมมาแล้วในรถยนต์บีเอ็มดับเบิลยู ซีรี่ส์ 6, ซีรี่ส์ 4, และ ซีรี่ส์ 8 กับรายละเอียดเฉพาะตัวที่ไม่เหมือนใคร
บีเอ็มดับเบิลยู 218i Gran Coupe M Sport แตกต่างไม่เหมือนใครด้วยเค้าโครงที่โฉบเฉี่ยวกว่าเคยด้วยดีไซน์ที่ได้แรงบันดาลใจมาจากรถยนต์คูเป้รุ่นคลาสสิค เช่น กระจกประตูข้างแบบไร้กรอบทั้ง 4 ประตู ด้านรูปลักษณ์สปอร์ตโหลดเตี้ยทรงกว้างส่งให้บุคลิกบนถนนของบีเอ็มดับเบิลยู 218i Gran Coupe M Sport เปี่ยมไปด้วยความมั่นใจ พร้อมช่วงหน้าอันปราดเปรียวที่เสริมให้รถยนต์บีเอ็มดับเบิลยูสุดคลาสสิคดูแปลกตาน่าค้นหากว่าเคย ส่วนไฟหน้าสี่ตาอันเป็นเอกลักษณ์ทำมุมเล็กน้อย เสริมความโดดเด่นให้กับกระจังหน้ารูปไตที่มาพร้อมกับซี่กระจังซึ่งให้ความรู้สึกมีมิติยิ่งกว่า มาพร้อมอุปกรณ์มาตรฐานไฟหน้า LED ที่ให้ความรู้สึกทันสมัย เส้นสายอันเฉียบคมด้านข้างตัวรถของบีเอ็มดับเบิลยู 218i Gran Coupe M Sport เน้นย้ำสัดส่วนอันปราดเปรียวและความเรียบหรูอันเป็นเอกลักษณ์ของรถยนต์บีเอ็มดับเบิลยู คูเป้ รุ่นหลัง เส้นโค้งของหลังคาที่ทอดตัวอย่างสง่างาม พร้อมทรงหน้าต่างและเส้นข้างตัวรถที่ยาวขึ้น ส่งให้ตัวรถดูโฉบเฉี่ยวเปรียวยาว ในขณะที่ตัวรถด้านข้างบริเวณเสา C โดดเด่นชัดเจน พร้อมเส้นโค้งอันทรงพลังของล้อหลัง และไฟท้ายเพรียวบางที่ลาดออกในแนวนอน ควบคู่ชิ้นส่วนสีดำ High-gloss Black ที่เชื่อมต่อไฟท้ายทั้งสองส่วนสู่ตราสัญลักษณ์บีเอ็มดับเบิลยูตรงกลาง ส่งให้บีเอ็มดับเบิลยู 218i Gran Coupe M Sport ดูกว้างขวางทรงอำนาจบนท้องถนนยิ่งกว่า เช่นเดียวกับไฟหน้า ไฟท้าย LED มาพร้อมตัวรถเป็นอุปกรณ์มาตรฐาน
แม้รูปลักษณ์ภายนอกจะดูสปอร์ตปราดเปรียว ผู้โดยสารยังคงสามารถเพลิดเพลินไปกับพื้นที่ใช้สอยอันยืดหยุ่น ด้วยที่เก็บของท้ายรถซึ่งรองรับปริมาตรการบรรจุได้ถึง 430 ลิตร ทั้งยังสามารถปรับขยายได้หลากหลายรูปแบบ บีเอ็มดับเบิลยู 218i Gran Coupe M Sport ยังมาพร้อมกับล้ออัลลอยน้ำหนักเบาขนาด 18 นิ้ว และหลังคาพาโนรามิคขนาดใหญ่ที่สามารถเปิดออกด้านนอกได้ไม่จำกัดระดับ พร้อมโหมดระบายอากาศไฟฟ้า
บีเอ็มดับเบิลยู 218i Gran Coupe M Sport ส่งตรงขุมพลังจากเครื่องยนต์เบนซิน 3 สูบ ขนาด 1.5 ลิตร และเทคโนโลยี BMW TwinPower Turbo ทำงานควบคู่เกียร์อัตโนมัติ 7 จังหวะ Steptronic แบบคลัทช์คู่ ด้านเครื่องยนต์ให้กำลังสูงสุด 140 แรงม้า / 103 กิโลวัตต์ มอบแรงบิดสูงสุด 220 นิวตันเมตร ที่ 1,480-4,200 รอบต่อนาที ส่งพลังให้เร่งความเร็วจาก 0 ถึง 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงภายใน 8.7 วินาที และความเร็วสูงสุดที่ 215 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
ภายในห้องโดยสารของบีเอ็มดับเบิลยู 218i Gran Coupe M Sport ผสมผสานความหรูหราด้วยวัสดุชั้นเยี่ยมและพื้นที่ใช้สอยที่ออกแบบมาเพื่อตอบสนองทั้งไลฟ์สไตล์ครอบครัวและการเดินทางระยะยาว ส่วนภายในห้องโดยสารฝั่งคนขับ ส่งมอบข้อมูลสำคัญในการขับขี่ให้ผู้ขับได้อย่างมีประสิทธิภาพโดยไม่จำเป็นต้องละสายตาจากถนนด้วยหน้าจอ และแผงหน้าปัด Instrument Cluster ขนาด 5.1 นิ้ว รวมไปถึงจอสัมผัส Control Display ขนาด 8.8 นิ้ว ที่ตั้งอยู่กลางคอนโซลทำมุมเข้าหาคนขับเล็กน้อยตามแบบฉบับของบีเอ็มดับเบิลยู
การออกแบบที่เน้นผู้ขับยังถูกเสริมด้วยแถบสีที่พาดผ่านตรงเข้าสู่ที่นั่งคนขับ และรายละเอียด graining effects แบบต่างๆ รวมไปถึงพื้นผิวที่หลากหลายของแผงหน้าปัดและบริเวณหลังพวงมาลัย โดยแถบสีบริเวณแผงหน้าปัดและกรอบประตูมาในลาย 'Illuminated Boston’ ด้านพวงมาลัย M Sport และเบาะที่นั่งตอนหน้าดีไซน์สปอร์ตหุ้มหนังแท้ Dakota พร้อมรูระบายอากาศส่งให้บีเอ็มดับเบิลยู 218i Gran Coupe M Sport ดูสปอร์ตโฉบเฉี่ยวขึ้นอีกขั้น
มินิ คูเปอร์ เอส คันทรีแมน ไฮทริม (ระบบเกียร์ส่งกำลังใหม่)
ราคาจำหน่าย: 2,499,000 บาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม และโปรแกรมบำรุงรักษา MSI Standard)
มินิ คูเปอร์ เอส คันทรีแมน ไฮทริม ใหม่ มาในรูปลักษณ์ปราดเปรียวและคลาสสิกในสไตล์คันทรีแมน ภายนอกและภายในห้องโดยสารตกแต่งด้วย Chrome Line ตัดขอบด้วยเส้นสายโครเมียมสีเงิน เพิ่มความหรูหรา ภายในรถมาพร้อมกล้องมองหลังและระบบ Parking Assistant ช่วยให้จอดรถได้ง่ายดาย และกระจกมองหลังตัดแสงอัตโนมัติ เพิ่มความปลอดภัยในการขับขี่
มินิ คูเปอร์ เอส คันทรีแมน ไฮทริม ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ ขนาด 2.0 ลิตร มอบกำลังสูงสุดถึง 141 กิโลวัตต์/192 แรงม้า พร้อมแรงบิดสูงสุด 280 นิวตันเมตร ที่ 1,350-4,600 รอบต่อนาที เช่นเดียวกับในรุ่นมินิ คูเปอร์ เอส คันทรีแมน และทำงานร่วมกับเกียร์อัตโนมัติแบบคลัทช์คู่ Steptronic 7 จังหวะแบบสปอร์ตพร้อม Paddle Shift พวงมาลัยหนังแท้สไตล์ MINI Yours แบบสปอร์ตพร้อมระบบ
มัลติฟังก์ชั่น และล้ออัลลอยสีดำลาย Pin Spoke ขนาด 18 นิ้ว ขับขี่ได้สนุกทันใจแบบมีสไตล์
ห้องโดยสารตกแต่งในสไตล์ MINI Yours Piano Black Illuminated สีดำมันวาว มาพร้อมไฟสีที่แต่งแต้มห้องโดยสารเพื่อเสริมสร้างบรรยากาศยามค่ำคืน พร้อมด้วยเครื่องเสียงชั้นเลิศจาก Harman Kardon ที่พร้อมมอบความเพลิดเพลินให้กับทั้งผู้ขับขี่และผู้โดยสาร เพื่อการเดินทางที่สุนทรีย์ยิ่งขึ้น
ด้วยระบบแสดงผล MINI Head-Up Display ที่ได้รับแรงบรรดาลใจจากเทคโนโลยีในห้องโดยสารเครื่องบินเจ็ท ผู้ขับขี่มินิ คูเปอร์ เอส คันทรีแมน ไฮทริม จะสามารถมองเห็นข้อมูลการขับขี่ เช่น ความเร็วของรถยนต์ โดยที่ไม่ได้บดบังทัศนวิสัยบนท้องถนน ส่วนหน้าจอระบบสัมผัสดีไซน์ใหม่ขนาด 8.8 นิ้ว จะอยู่บริเวณกลางแผงคอนโซล พร้อมระบบ MINI Connected ที่เป็นเสมือนผู้ช่วยส่วนตัวในยามเดินทาง แสดงพิกัดของรถ และข้อมูลต่างๆ ผ่านการเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟน เพื่อความสะดวกสบายในทุกการเดินทาง
BMW เปิดตัว 218i Gran Coupe M Sport, ซีรี่ส์ 3 ประกอบในประเทศ, และ Mini Country Man Hitrim
บีเอ็มดับเบิลยู 320d M Sport ใหม่ และบีเอ็มดับเบิลยู 330e M Sport ใหม่ สืบทอดรูปโฉมที่ทันสมัยและปราดเปรียวของบีเอ็มดับเบิลยู ซีรีส์ 3 ซีดาน ใหม่ ด้วยเส้นสายที่แข็งแกร่งและคมชัด ด้านหน้าของตัวรถคือกระจังหน้าทรงไตคู่ขนาดใหญ่ในกรอบที่เชื่อมกับไฟหน้าคู่ LED ทรงเรียวยาว ส่งเสริมรูปลักษณ์ความสง่าแบบรถสปอร์ตให้โดดเด่นด้วยดีไซน์แบบ Hofmeister Kink อันเป็นเอกลักษณ์ด้วยกรอบหน้าต่างที่ได้รับการออกแบบให้เป็นหนึ่งเดียวกับเสา C-pillar พร้อมด้วยไฟท้ายดีไซน์ใหม่เรียวยิ่งขึ้นในรูปทรง L แนวนอนสีหม่นแบบสามมิติ และท่อไอเสียแบบคู่ให้ท้ายรถดูกว้างและสปอร์ตกว่าเดิม
สำหรับบีเอ็มดับเบิลยู 330e M Sport ใหม่ ได้ยกระดับการขับเคลื่อนอันน่าประทับใจของบีเอ็มดับเบิลยู ซีรีส์ 3 ซีดาน ให้ก้าวหน้าไปอีกขั้นด้วย XtraBoost ฟังก์ชั่นใหม่ที่จะเผยสมรรถนะสูงสุดของรถยนต์ออกมา
บีเอ็มดับเบิลยู 330e M Sport ใหม่ ทรงพลังด้วยเครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ 2.0 ลิตร มาพร้อมกับเทคโนโลยี TwinPower Turbo และมอเตอร์ไฟฟ้า มอบพละกำลังสูงสุด 215 กิโลวัตต์ / 292 แรงม้า และสามารถเพิ่มกำลังส่งในการเร่งความเร็วได้มากยิ่งขึ้นในโหมด SPORT เพียงเหยียบคันเร่งเพื่อกระตุ้นการทำงานของ XtraBoost และปลดปล่อยพละกำลังเสริมมากถึง 30 กิโลวัตต์ / 40 แรงม้า ภายในเวลาเพียง 10 วินาที ทำให้บีเอ็มดับเบิลยู 330e M Sport ใหม่ มีอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ในเวลาเพียง 5.9 วินาที ต่อเนื่องไปจนถึงความเร็วสูงสุด 230 กม./ชม. ในโหมดการขับขี่แบบ HYBRID ของบีเอ็มดับเบิลยู 330e M Sport ใหม่ สามารถเร่งความเร็วสูงสุดได้ถึง 110 กม./ชม. ซึ่งมากกว่ารุ่นก่อนหน้า 30 กม./ชม. โดยใช้เพียงพลังงานไฟฟ้าก่อนสลับไปเป็นการใช้พลังงานเครื่องยนต์ ขณะเดียวกันในโหมด ELECTRIC ซึ่งเป็นโหมดการขับขี่แบบไร้มลพิษ สามารถเร่งความเร็วสูงสุดได้ถึง 140 กม./ชม. มากกว่ารุ่นเดิมที่ทำได้ 120 กม./ชม. บีเอ็มดับเบิลยู 330e M Sport ยังได้ปรับปรุงอัตราการขับขี่ด้วยพลังงานไฟฟ้าปลอดมลพิษให้มากกว่ารุ่นก่อน 50 เปอร์เซ็นต์ ในระยะทางขับขี่สูงสุดที่ 55-68 กิโลเมตร ในขณะเดียวกันยังลดการใช้อัตราการสิ้นเปลืองและการปล่อยมลพิษในโหมดขับขี่อื่น ๆ ได้มากกว่า 15 เปอร์เซ็นต์ ระบบสร้างเสียงจำลองเพื่อให้ผู้ใช้ทางเท้าได้ยินจะถูกเปิดใช้ในขณะขับขี่ด้วยระบบพลังงานไฟฟ้าเพื่อส่งเสียงเตือนผู้ใช้ทางเท้าผ่านระบบลำโพงติดตั้งภายนอก
ทางด้านบีเอ็มดับเบิลยู 320d M Sport ใหม่ ที่ประกอบภายในประเทศ ทรงพลังด้วยเครื่องยนต์ดีเซล 4 สูบ ซึ่งสามารถเร่งความเร็วสูงสุดได้ถึง 140 กิโลวัตต์ / 190 แรงม้าที่ 4,000 รอบต่อนาที และแรงบิดสูงสุด 400 นิวตันเมตรที่ 1,750 – 2,500 รอบต่อนาที สามารถเร่งความเร็วจาก 0 ถึง 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงได้ภายใน 6.8 วินาที และมีความเร็วสูงสุด 240 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
การออกแบบสไตล์ M Sport ของบีเอ็มดับเบิลยู ซีรีส์ 3 ซึ่งประกอบขึ้นภายในประเทศทั้งสองรุ่นย่อยนี้ เสริมความโดดเด่นคล่องแคล่วบนท้องถนนด้วยชุดแต่ง M Aerodynamics ทั้งในส่วนด้านหน้า ด้านข้างและด้านหลังของรถยนต์ กระจังหน้าทรงไตคู่อันเป็นเอกลักษณ์ของบีเอ็มดับเบิลยูได้ถูกออกแบบเป็นพิเศษบริเวณซี่กระจังหน้าไตคู่สีดำเงาและขอบช่องดักอากาศแบบสี Chrome เพิ่มความโฉบเฉี่ยวยิ่งขึ้นด้วยช่วงล่าง M Sport สำหรับบีเอ็มดับเบิลยู 320d M Sport และช่วงล่าง Adaptive M สำหรับบีเอ็มดับเบิลยู 330e M Sport มาพร้อมระบบพวงมาลัยไฟฟ้าแปรผันตามการหมุนและความเร็วแบบ Servotronic และคาลิเปอร์เบรกแบบ M Sport เพิ่มความเพลิดเพลินในการขับขี่ด้วยความสะดวกสะบายและความหรูหราในห้องโดยสารที่ประกอบด้วยพวงมาลัยหนังแท้ M กาบบันไดและชุดแป้นวางเท้า เพดานหลังคาภายในสี Anthracite และอีกมากมาย
บีเอ็มดับเบิลยู 218i Gran Coupe M Sport ใหม่ ราคาจำหน่าย: 2,399,000 บาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม และโปรแกรมบำรุงรักษา BSI Standard)
บีเอ็มดับเบิลยู 218i Gran Coupe M Sport รุ่นแรกในประวัติศาสตร์ มาพร้อมกับคอนเซปต์คูเป้ 4 ประตู ซึ่งประสบความสำเร็จเป็นอย่างมากในรุ่นรถที่สูงกว่า พร้อมให้ได้ยลโฉมเป็นครั้งแรกในเซกเมนต์รถยนต์พรีเมียมคอมแพคต์ มอบอีกหนึ่งทางเลือกที่โก้หรูยิ่งขึ้นให้กับรถยนต์ซีดานรุ่นคลาสสิคนี้ พร้อมเติมเต็มอัตลักษณ์และสุนทรียะให้เพลิดเพลินไปกับทุกอารมณ์การขับขี่ด้วยดีไซน์พรีเมียมหรูหราที่อวดโฉมมาแล้วในรถยนต์บีเอ็มดับเบิลยู ซีรี่ส์ 6, ซีรี่ส์ 4, และ ซีรี่ส์ 8 กับรายละเอียดเฉพาะตัวที่ไม่เหมือนใคร
บีเอ็มดับเบิลยู 218i Gran Coupe M Sport แตกต่างไม่เหมือนใครด้วยเค้าโครงที่โฉบเฉี่ยวกว่าเคยด้วยดีไซน์ที่ได้แรงบันดาลใจมาจากรถยนต์คูเป้รุ่นคลาสสิค เช่น กระจกประตูข้างแบบไร้กรอบทั้ง 4 ประตู ด้านรูปลักษณ์สปอร์ตโหลดเตี้ยทรงกว้างส่งให้บุคลิกบนถนนของบีเอ็มดับเบิลยู 218i Gran Coupe M Sport เปี่ยมไปด้วยความมั่นใจ พร้อมช่วงหน้าอันปราดเปรียวที่เสริมให้รถยนต์บีเอ็มดับเบิลยูสุดคลาสสิคดูแปลกตาน่าค้นหากว่าเคย ส่วนไฟหน้าสี่ตาอันเป็นเอกลักษณ์ทำมุมเล็กน้อย เสริมความโดดเด่นให้กับกระจังหน้ารูปไตที่มาพร้อมกับซี่กระจังซึ่งให้ความรู้สึกมีมิติยิ่งกว่า มาพร้อมอุปกรณ์มาตรฐานไฟหน้า LED ที่ให้ความรู้สึกทันสมัย เส้นสายอันเฉียบคมด้านข้างตัวรถของบีเอ็มดับเบิลยู 218i Gran Coupe M Sport เน้นย้ำสัดส่วนอันปราดเปรียวและความเรียบหรูอันเป็นเอกลักษณ์ของรถยนต์บีเอ็มดับเบิลยู คูเป้ รุ่นหลัง เส้นโค้งของหลังคาที่ทอดตัวอย่างสง่างาม พร้อมทรงหน้าต่างและเส้นข้างตัวรถที่ยาวขึ้น ส่งให้ตัวรถดูโฉบเฉี่ยวเปรียวยาว ในขณะที่ตัวรถด้านข้างบริเวณเสา C โดดเด่นชัดเจน พร้อมเส้นโค้งอันทรงพลังของล้อหลัง และไฟท้ายเพรียวบางที่ลาดออกในแนวนอน ควบคู่ชิ้นส่วนสีดำ High-gloss Black ที่เชื่อมต่อไฟท้ายทั้งสองส่วนสู่ตราสัญลักษณ์บีเอ็มดับเบิลยูตรงกลาง ส่งให้บีเอ็มดับเบิลยู 218i Gran Coupe M Sport ดูกว้างขวางทรงอำนาจบนท้องถนนยิ่งกว่า เช่นเดียวกับไฟหน้า ไฟท้าย LED มาพร้อมตัวรถเป็นอุปกรณ์มาตรฐาน
แม้รูปลักษณ์ภายนอกจะดูสปอร์ตปราดเปรียว ผู้โดยสารยังคงสามารถเพลิดเพลินไปกับพื้นที่ใช้สอยอันยืดหยุ่น ด้วยที่เก็บของท้ายรถซึ่งรองรับปริมาตรการบรรจุได้ถึง 430 ลิตร ทั้งยังสามารถปรับขยายได้หลากหลายรูปแบบ บีเอ็มดับเบิลยู 218i Gran Coupe M Sport ยังมาพร้อมกับล้ออัลลอยน้ำหนักเบาขนาด 18 นิ้ว และหลังคาพาโนรามิคขนาดใหญ่ที่สามารถเปิดออกด้านนอกได้ไม่จำกัดระดับ พร้อมโหมดระบายอากาศไฟฟ้า
บีเอ็มดับเบิลยู 218i Gran Coupe M Sport ส่งตรงขุมพลังจากเครื่องยนต์เบนซิน 3 สูบ ขนาด 1.5 ลิตร และเทคโนโลยี BMW TwinPower Turbo ทำงานควบคู่เกียร์อัตโนมัติ 7 จังหวะ Steptronic แบบคลัทช์คู่ ด้านเครื่องยนต์ให้กำลังสูงสุด 140 แรงม้า / 103 กิโลวัตต์ มอบแรงบิดสูงสุด 220 นิวตันเมตร ที่ 1,480-4,200 รอบต่อนาที ส่งพลังให้เร่งความเร็วจาก 0 ถึง 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงภายใน 8.7 วินาที และความเร็วสูงสุดที่ 215 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
ภายในห้องโดยสารของบีเอ็มดับเบิลยู 218i Gran Coupe M Sport ผสมผสานความหรูหราด้วยวัสดุชั้นเยี่ยมและพื้นที่ใช้สอยที่ออกแบบมาเพื่อตอบสนองทั้งไลฟ์สไตล์ครอบครัวและการเดินทางระยะยาว ส่วนภายในห้องโดยสารฝั่งคนขับ ส่งมอบข้อมูลสำคัญในการขับขี่ให้ผู้ขับได้อย่างมีประสิทธิภาพโดยไม่จำเป็นต้องละสายตาจากถนนด้วยหน้าจอ และแผงหน้าปัด Instrument Cluster ขนาด 5.1 นิ้ว รวมไปถึงจอสัมผัส Control Display ขนาด 8.8 นิ้ว ที่ตั้งอยู่กลางคอนโซลทำมุมเข้าหาคนขับเล็กน้อยตามแบบฉบับของบีเอ็มดับเบิลยู
การออกแบบที่เน้นผู้ขับยังถูกเสริมด้วยแถบสีที่พาดผ่านตรงเข้าสู่ที่นั่งคนขับ และรายละเอียด graining effects แบบต่างๆ รวมไปถึงพื้นผิวที่หลากหลายของแผงหน้าปัดและบริเวณหลังพวงมาลัย โดยแถบสีบริเวณแผงหน้าปัดและกรอบประตูมาในลาย 'Illuminated Boston’ ด้านพวงมาลัย M Sport และเบาะที่นั่งตอนหน้าดีไซน์สปอร์ตหุ้มหนังแท้ Dakota พร้อมรูระบายอากาศส่งให้บีเอ็มดับเบิลยู 218i Gran Coupe M Sport ดูสปอร์ตโฉบเฉี่ยวขึ้นอีกขั้น
มินิ คูเปอร์ เอส คันทรีแมน ไฮทริม (ระบบเกียร์ส่งกำลังใหม่)
ราคาจำหน่าย: 2,499,000 บาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม และโปรแกรมบำรุงรักษา MSI Standard)
มินิ คูเปอร์ เอส คันทรีแมน ไฮทริม ใหม่ มาในรูปลักษณ์ปราดเปรียวและคลาสสิกในสไตล์คันทรีแมน ภายนอกและภายในห้องโดยสารตกแต่งด้วย Chrome Line ตัดขอบด้วยเส้นสายโครเมียมสีเงิน เพิ่มความหรูหรา ภายในรถมาพร้อมกล้องมองหลังและระบบ Parking Assistant ช่วยให้จอดรถได้ง่ายดาย และกระจกมองหลังตัดแสงอัตโนมัติ เพิ่มความปลอดภัยในการขับขี่
มินิ คูเปอร์ เอส คันทรีแมน ไฮทริม ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ ขนาด 2.0 ลิตร มอบกำลังสูงสุดถึง 141 กิโลวัตต์/192 แรงม้า พร้อมแรงบิดสูงสุด 280 นิวตันเมตร ที่ 1,350-4,600 รอบต่อนาที เช่นเดียวกับในรุ่นมินิ คูเปอร์ เอส คันทรีแมน และทำงานร่วมกับเกียร์อัตโนมัติแบบคลัทช์คู่ Steptronic 7 จังหวะแบบสปอร์ตพร้อม Paddle Shift พวงมาลัยหนังแท้สไตล์ MINI Yours แบบสปอร์ตพร้อมระบบ
มัลติฟังก์ชั่น และล้ออัลลอยสีดำลาย Pin Spoke ขนาด 18 นิ้ว ขับขี่ได้สนุกทันใจแบบมีสไตล์
ห้องโดยสารตกแต่งในสไตล์ MINI Yours Piano Black Illuminated สีดำมันวาว มาพร้อมไฟสีที่แต่งแต้มห้องโดยสารเพื่อเสริมสร้างบรรยากาศยามค่ำคืน พร้อมด้วยเครื่องเสียงชั้นเลิศจาก Harman Kardon ที่พร้อมมอบความเพลิดเพลินให้กับทั้งผู้ขับขี่และผู้โดยสาร เพื่อการเดินทางที่สุนทรีย์ยิ่งขึ้น
ด้วยระบบแสดงผล MINI Head-Up Display ที่ได้รับแรงบรรดาลใจจากเทคโนโลยีในห้องโดยสารเครื่องบินเจ็ท ผู้ขับขี่มินิ คูเปอร์ เอส คันทรีแมน ไฮทริม จะสามารถมองเห็นข้อมูลการขับขี่ เช่น ความเร็วของรถยนต์ โดยที่ไม่ได้บดบังทัศนวิสัยบนท้องถนน ส่วนหน้าจอระบบสัมผัสดีไซน์ใหม่ขนาด 8.8 นิ้ว จะอยู่บริเวณกลางแผงคอนโซล พร้อมระบบ MINI Connected ที่เป็นเสมือนผู้ช่วยส่วนตัวในยามเดินทาง แสดงพิกัดของรถ และข้อมูลต่างๆ ผ่านการเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟน เพื่อความสะดวกสบายในทุกการเดินทาง