เรื่องมีอยู่ว่า ต้องหาที่นอนย่านสีลมเพราะมีสัมมนาวันที่ 18 ก.พ. ที่ผ่านมา แถมเวลานัดคือเช้ามาก 7 โมง ด้วยความที่กลัวตื่นสาย แล้วเพราะอยู่ไกลเลยตัดสินใจหาโรงแรมแถวนั้นดู ไปเจอโรงแรมนึงพอดี เห็นว่าเพิ่งเปิดใหม่ บรรยากาศน่านอนมาก ลองอ่านรีวิวจากหลายๆ ที่ + ในเพจ Facebook ของโรงแรมแล้วคิดว่าน่าสนใจก็เลยตัดสินใจว่าจะนอนที่นี่แหละ

โรงแรมที่ว่านี้ชื่อว่า SLEEEP Bkk silom ค่ะ เราจองผ่าน Booking.com ไปเพราะเห็นว่ามันมีส่วนลดให้ด้วย ลดจาก 1,147 บาท เหลือแค่ 344 บาทเอง คุ้มมากมาย ตอนจองก็จองแบบ 1 แคปซูลไป ที่นี่เขามีชั้นสำหรับผู้หญิงโดยเฉพาะด้วย Female Only จ้า เห็นปุ๊บเลือกอันนี้เลย ด้วยความเป็นสาวเป็นนางอะเนอะ เพื่อความปลอดภัยและสบายใจของผู้หญิงตัวเล็ก ๆ อย่างเราก็เลยเลือกอันนี้แหละ ส่วนเวลาเข้าพักก็เลือกแบบ 12 ชั่วโมง ตั้งแต่ 3 ทุ่ม - 9 โมงเช้า จริง ๆ แอบเสียดายที่อยู่ไม่ครบเวลา เพราะต้องรีบตื่นแต่เช้า ;-;


วันที่ไปพัก เรานั่ง BTS มาลงสถานีศาลาแดงแล้วเดินต่ออีกนิดหน่อยก็เข้ามาในซอยที่ตั้งโรงแรมแล้วค่ะ ตอนแรกที่เห็นซอยแล้วรู้สึกว่าแอบน่ากลัว ด้วยความที่ตอนนั้นดึกแล้ว บวกกับตัวตึกเป็นสีดำด้วย เดินไปก็แอบระแวงหลังนิดหน่อย แต่ยังดีที่ตรงนั้นมีร้านอย่างอื่นอยู่ด้วยเลยไม่ได้รู้สึกว่ามืดจนเกินไป


พอเดินเข้ามาด้านในแล้วก็รู้สึกได้ทันทีเลยว่า เออ ที่นี่เหมาะกับการนอนจริง ๆ แหละ ขนาดว่าอ่านชื่อโรงแรมแล้วรู้สึกง่วงแล้วนะ แต่พอได้เดินเข้ามานี่ง่วงยิ่งกว่า ทั้งดีไซน์ที่เน้นสีดำ บรรยากาศเย็นสบาย แล้วก็กลิ่นหอมอ่อนๆ ด้วย ถูกใจเรามาก แถมพนักงานที่รอต้อนรับก็น่ารัก ยืนยิ้มรอเลยทีเดียว ส่วนเรื่องการบริการก็ดีไม่แพ้กัน คือเราเป็นคนขี้สงสัย ถามไปเยอะมาก เขาก็ตอบกลับมาเยอะมากเหมือนกัน ให้คำแนะนำ ช่วยอธิบายนั่นนี่ภายในโรงแรมตลอด



หลังจากเช็คอินเรียบร้อย จุดแรกของเราก่อนจะได้ขึ้นไปถึงแคปซูลที่เราจองไว้คือที่นี่ค่ะ Long Living Room เป็นห้องแนวยาวมีโต๊ะตรงกลาง พนักงานบอกว่าตรงนี้เอาไว้นั่งทำงานก็ได้ หรือจะนั่งเพลิน ๆ ก่อนขึ้นไปนอนก็ดี ปลั๊กไฟ ไวไฟครบ หรือจะนำอาหารมากินตรงนี้ก็ได้



เป็นโรงแรมก็ต้องมีมุมของกิน ถึงที่นี่จะไม่ใช่ห้องอาหารใหญ่ ๆ แต่เขาก็มีมุมห้องครัวเล็ก ๆ ให้เราเหมือนกันค่ะ ใครอยากดื่มน้ำ กินขนมก็มาตรงนี้ได้เลย อุปกรณ์อย่างจานชาม แก้วน้ำก็มีให้พร้อม แต่แอบคิดว่าถ้ามีพวกขนมเพิ่มให้เยอะและหลากหลายกว่านี้น่าจะดี เพราะตอนที่เราไปยังไม่ค่อยมีขนมที่น่าสนใจมากเท่าไหร่ค่ะ

 
ขอย้อนกลับมาที่เรื่องล็อคเกอร์นิดนึงนะคะ พนักงานบอกเราว่าต้องเอาของทุกอย่างมาเก็บไว้ที่นี่ (ยกเว้นของมีค่าที่ให้พกติดตัวไว้) ก่อนจะขึ้นไปนอนบนห้อง ซึ่งล็อคเกอร์ก็อยู่ชั้นเดียวกับตรงส่วนที่เป็น Long Living Room ค่ะ รหัสที่ใช้เปิดล็อคเกอร์เราจะได้มาตั้งแต่ตอนเช็คอิน แค่ขึ้นมาใส่รหัสก็เอาของเก็บได้เลย พวกผ้าขนหนูที่จำเป็นต้องใช้เขาก็มีแขวนเตรียมไว้ให้เราในล็อคเกอร์นี้ล่ะค่ะ

 
ก่อนจะนอนก็แวะห้องสปาสักหน่อย ที่นี่เขามีสปา 2 แบบคือนวดเท้ากับนวดตัวค่ะ ตรงที่นวดเท้าเป็นแบบเก้าอี้ตัวใหญ่ เบาะนุ่ม ทำเป็นที่กั้นด้านข้างช่วยเพิ่มความเป็นส่วนตัวด้วย ห้องที่นวดตัวก็มีม่านกั้นของแต่ละเตียง อันนี้เราชอบมาก เพราะมันดูส่วนตัว ไม่ต้องเห็นหน้าใครดี ส่วนแพ็คเกจที่เราเลือกนวดเป็นแบบอโรมาค่ะ เพลิน ๆ หอม ๆ แต่ถ้าใครชอบแบบอื่นก็มีนะคะ ลองถามพนักงานได้เลยค่ะ

 

นวดเสร็จก็ได้เวลาเตรียมนอนที่ชั้น 3 ที่ได้จองไว้ ในภาพเป็นทางเดินขึ้นค่ะ ตลอดทางจะเห็นว่าเขามีการไล่แสงจากสว่างมากไปน้อยด้วย ยิ่งเดินเข้าไปในส่วนที่เราต้องนอนก็ยิ่งมืด แต่ก็ไม่ได้มืดขนาดนั้นเพราะตามทางเดินเขามีหลอดไฟติดตั้งไว้บนพื้นค่ะ โทนสีห้องก็จะประมาณชมพู ๆ แดง ๆ ให้ความรู้สึกเหมือนหนังของหว่องกาไวอย่างบอกไม่ถูก เศร้า ๆ เหงา ๆ เคล้าแสงนีออนอะไรแบบนี้


มาในส่วนของห้องน้ำกันบ้าง พอเข้ามาวางของในแคปซูลแล้วก่อนนอนเราก็ขออาบน้ำก่อน ซึ่งห้องอาบน้ำก็ไม่ต้องเดินไปไหนไกล เพราะในแต่ละชั้นเขาจะมีห้องน้ำของตัวเองอยู่แล้ว คนขี้เขินอย่างเราเลย ไม่ประสบปัญหาจ๊ะเอ๋คนแปลกหน้าเยอะหลังอาบน้ำเสร็จสักเท่าไหร่ แล้วตัวห้องน้ำเองก็มีให้ใส่รหัสผ่านประตูด้วยปลอดภัยสบายใจไปอีกขั้น ส่วนการตกแต่งก็ยังเน้นสีดำเหมือนเคย อันนี้ส่วนตัวไม่ค่อยโอเคเท่าไหร่ค่ะ มันดูมืด ๆ รู้สึกเหมือนในหนังสยองขวัญที่ผีจะโผล่มาได้ทุกเมื่อ


มุมที่ชอบที่สุดของโรงแรมเราขอยกให้มุมนี้ค่ะ มุมแต่งตัว เขามีอุปกรณ์เตรียมไว้ให้พร้อมมาก ดีนะที่ไม่ได้พกไดร์เป่าผมมาด้วยเพราะที่นี่เขามีเตรียมให้แล้ว พวกสำลีก็มี แต่งหน้าทำผมสบาย แต่ว่ามุมนี้เขาใช้เป็นผ้าม่านแบบรูด เพราะงั้นถ้าเห็นว่าปิดไว้ก็ให้สันนิษฐานไว้ก่อนนะคะว่ามีคนอยู่ ไม่งั้นได้เปิดไปจ๊ะเอ๋คนข้างในแน่ ๆ อันนี้ถ้าเปลี่ยนเป็นประตูแบบล็อคได้เราว่าน่าจะดีกว่านี้


และแล้วก็มาถึงไฮไลท์ของเราาาา นี่เป็นแคปซูลที่เราต้องนอนค่ะ อย่างที่บอกไปว่าเราจองในชั้น Female Only ไว้ เพราะฉะนั้นชั้นนี้ก็จะมีแต่สาว ๆ เท่านั้นเลยไม่รู้สึกกังวลเท่าไหร่ ส่วนตัวแคปซูลที่เรานอนจากในภาพอาจจะดูเล็ก แต่ของจริงไม่ได้เล็กจนรู้สึกอึดอัดนะคะ ขนาดกำลังพอดี เราสูง 161 ยืดขาสะดวกมาก ส่วนใครสูงกว่านี้ก็รอดค่ะ เพราะจากปลายเท้าของเรายังเหลือพื้นที่อีกเยอะเลย 


สังเกตุเห็นอะไรไหมคะ พอเข้ามาในตัวแคปซูล ด้านข้างเราจะมีแผ่นไม้ติดไว้เหมือนชั้นเล็ก ๆ อันนี้พนักงานอธิบายว่าไว้สำหรับควบคุมระบบไฟ ระดับแอร์ และเสียงภายในแคปซูลของเราค่ะ เหมาะกับคนที่อยากเปิดอะไรฟังเพลิน ๆ ระหว่างนอน อย่างพวกเสียงฝน เสียงนก เสียงทะเลอะไรแบบนี้ เราลองเปิดฟังดูแล้วก็พบว่าเพลินดีเหมือนกัน ส่วนเรื่องเตียงนอนบอกเลยว่านุ่ม นอนสบายมาก เขามีหมอนให้สองใบแล้วก็ผ้าห่มค่ะ ปรับระดับแอร์เสร็จ ซุกตัวนอนในผ้าห่มแล้วฟินมากเหมือนอยู่บ้านเลย

จากการทดลองนอนไปหนึ่งคืน เราพบว่าที่นี่เตียงดูดกว่าที่อีกบ้านอีก หลับเพลินมาก ตื่นมาแบบสดชื่น ใครที่มองหาที่พักย่านสีลมที่นี่ก็เหมาะนะคะ หรือใครที่อยากมางีบหลับเขาก็มีแบบเข้าพักไม่กี่ชั่วโมงให้บริการด้วยเราว่าเป็นโรงแรมที่แปลกและตอบโจทย์ดีค่ะ ถ้าใครอยากลองไปพักบ้าง ลองเข้าไปดูภาพบรรยากาศในโรงแรมกับอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมในเพจของเขาก่อนก็ได้ค่ะ https://www.facebook.com/sleeep.bkk.silom/