10.Fever 333 - Strength in Numb333rs
Fever 333 คือวงน้องใหม่ไฟแรงที่มีสมาชิกหน้าเก่า เช่น Jason Butlerจากletlive.
Stephen Harrisonมือกีตาร์จากThe Chariot และ Aric Improta มือกลอง Night Verses ที่ร่วมหัวจมท้ายกันสร้างเป้าหมายใหม่โดยพวกเขาได้ออก EP แรกในนาม Made an America ตั้งแต่รวมวงได้ไม่ถึงปี
โดยผลงานที่ว่านั้นผลิตในรูปแบบแผ่นเสียง ก่อนจะปั๊มCD เพื่อวางขายในประเทศญี่ปุ่นในเวลาต่อมา
และหลังจากนั้นไม่ถึงปี อัลบัมเต็มที่ชื่อว่า Strength in Numb333rs ก็ได้ออกสู่สายตาชาวโลก !
Fever 333เป็นวงที่มีป๋าดันเยอะมาก ทั้ง John Feldmannโปรดิวเซอร์ชื่อดังTravis BarkerจากBlink-182 ได้มากุมบังเหียนในอัลบัมนี้ ในใต้ชายคา Roadrunner Records รวมถึงการได้ไปร่วมทัวร์กับ Bring Me The Horizon แถมบางโชว์Stephenได้ขึ้นไปเล่นเบสให้อีก
ทำให้ไม่แปลกที่วงจะสร้างชื่อเสียงได้ไวขนาดนี้
ด้วยแนวดนตรีแหวกออกจากยุค2010'sพอสมควร พวกเขาได้นำ Hip Hop,Punk,Metal,Hardcore มายำรวมในแบบฉบับที่พวกเขาถนัด
โดยJason Butler จากที่มีพลังเสียงขั้นเทพอยู่แล้วพอได้ลองร้องอะไรที่แตกต่างletlive. พี่แกก็ยังทำได้ดีอีก อันนี้เป็นสิ่งที่แข็งแรงที่สุดในอัลบัม อย่างไม่ต้องสงสัย
รวมไปถึงไลน์กีตาร์ของStephen ที่ก็สาดได้อย่างไม่เกรงใจใครทั้งนุ่มนวลในเพลงAm I Here ? หรือจะเอาหนักสะใจTrigger พี่แกก็ทำได้ดีทั้งสองอย่างเลย
และด้วยเนื้อหาที่แหวกแนว ขบถ ตั้งคำถามต่อหลายอย่างที่อยุติธรรม การถูกทอดทิ้ง รวมไปถึงการดิ้นรนเอาตัวรอดสู้ชีวิตในสไตล์ชายขอบ
ทำให้ เพลงของพวกเขาได้เดินทางมาสู่หูฐานเพลงRockได้อย่างไม่ยากเย็น
แถมสิ่งที่เดือดที่สุดของวงคือการเล่นสดที่มันส์เร้าใจ เอาไห้ตายไปข้าง แบบถวายชีวิต พวกเขาสามารถเดินจากเวทีมาสู่คนดูได้อย่าทั่วถึงแทบจะทุกๆที่ๆพวกเขาได้เล่น นี่แหละคือสิ่งที่เราต้องการ
ถ้ายุค90'sมีRage Against the Machine ที่เปิดกะโหลกแนวดนตรีนี้ให้แก่ผู้คน ยุค2010'sก็มี Fever 333 ที่คู่ควรที่จะถูกบันทึกในหน้าประวัติศาสตร์
เพลงRockได้อย่างภาคภูมิ
My Best Albums of 2019
Fever 333 คือวงน้องใหม่ไฟแรงที่มีสมาชิกหน้าเก่า เช่น Jason Butlerจากletlive.
Stephen Harrisonมือกีตาร์จากThe Chariot และ Aric Improta มือกลอง Night Verses ที่ร่วมหัวจมท้ายกันสร้างเป้าหมายใหม่โดยพวกเขาได้ออก EP แรกในนาม Made an America ตั้งแต่รวมวงได้ไม่ถึงปี
โดยผลงานที่ว่านั้นผลิตในรูปแบบแผ่นเสียง ก่อนจะปั๊มCD เพื่อวางขายในประเทศญี่ปุ่นในเวลาต่อมา
และหลังจากนั้นไม่ถึงปี อัลบัมเต็มที่ชื่อว่า Strength in Numb333rs ก็ได้ออกสู่สายตาชาวโลก !
Fever 333เป็นวงที่มีป๋าดันเยอะมาก ทั้ง John Feldmannโปรดิวเซอร์ชื่อดังTravis BarkerจากBlink-182 ได้มากุมบังเหียนในอัลบัมนี้ ในใต้ชายคา Roadrunner Records รวมถึงการได้ไปร่วมทัวร์กับ Bring Me The Horizon แถมบางโชว์Stephenได้ขึ้นไปเล่นเบสให้อีก
ทำให้ไม่แปลกที่วงจะสร้างชื่อเสียงได้ไวขนาดนี้
ด้วยแนวดนตรีแหวกออกจากยุค2010'sพอสมควร พวกเขาได้นำ Hip Hop,Punk,Metal,Hardcore มายำรวมในแบบฉบับที่พวกเขาถนัด
โดยJason Butler จากที่มีพลังเสียงขั้นเทพอยู่แล้วพอได้ลองร้องอะไรที่แตกต่างletlive. พี่แกก็ยังทำได้ดีอีก อันนี้เป็นสิ่งที่แข็งแรงที่สุดในอัลบัม อย่างไม่ต้องสงสัย
รวมไปถึงไลน์กีตาร์ของStephen ที่ก็สาดได้อย่างไม่เกรงใจใครทั้งนุ่มนวลในเพลงAm I Here ? หรือจะเอาหนักสะใจTrigger พี่แกก็ทำได้ดีทั้งสองอย่างเลย
และด้วยเนื้อหาที่แหวกแนว ขบถ ตั้งคำถามต่อหลายอย่างที่อยุติธรรม การถูกทอดทิ้ง รวมไปถึงการดิ้นรนเอาตัวรอดสู้ชีวิตในสไตล์ชายขอบ
ทำให้ เพลงของพวกเขาได้เดินทางมาสู่หูฐานเพลงRockได้อย่างไม่ยากเย็น
แถมสิ่งที่เดือดที่สุดของวงคือการเล่นสดที่มันส์เร้าใจ เอาไห้ตายไปข้าง แบบถวายชีวิต พวกเขาสามารถเดินจากเวทีมาสู่คนดูได้อย่าทั่วถึงแทบจะทุกๆที่ๆพวกเขาได้เล่น นี่แหละคือสิ่งที่เราต้องการ
ถ้ายุค90'sมีRage Against the Machine ที่เปิดกะโหลกแนวดนตรีนี้ให้แก่ผู้คน ยุค2010'sก็มี Fever 333 ที่คู่ควรที่จะถูกบันทึกในหน้าประวัติศาสตร์
เพลงRockได้อย่างภาคภูมิ