เราสัญญากับตัวเองไว้ว่าถ้าทุกอย่างมันเรียบร้อยดีเราอยากมาแชร์ประสบการณ์การครั้งนี้ให้เพื่อนๆฟังเผื่อจะมีประโยชน์ไม่มากก็น้อย
ประสบการณ์การป่วยครั้งแรกและอยากให้เป็นครั้งสุดท้ายมันแย่ที่สุดในชีวิตเลยก็ว่าได้ไม่เคยป่วยนอนโรงพยาบาลมีมากสุดก็คือไข้ทับฤดูกินน้ำต้มฟ้าทะลายโจรก็หายแล้วอ่ะ
ท้าวความ...เราไปสวีเดนด้วยวีซ่าเยี่ยมแฟน 3 เดือนค่ะช่วงพฤศจิกายน 2019 - มกราคม 2020
เราไปลงที่โคเปนเฮเกนอยู่เที่ยว 3 วันแล้วก็นั่งรถไฟข้ามไปสวีเดนเพื่อไปบ้านแฟนประมาณวันที่ 4 พฤศจิกายนอยู่ที่นั่นแบบโลกสวยจนประมาณวันที่ 11 พฤศจิกายน เริ่มมีอาการปวดหัวตอนกินข้าวเย็นวัดไข้ 37.5 เลยคิดว่าเดี๋ยวกินยาแก้ไขกันไว้เลยไม่เป็นไรหรอกแล้วคืนนั้นเอง....
อ้วกทั้งคืนค่ะอ้วกจนไม่มีอะไรจะออกมามันคลื่นไส้อยากอ้วกแต่มันไม่มีอะไรจะออกมาอ่ะเราต้องล้วงคอให้มันออกมันก็ไม่ออกเป็นอย่างนั้นทั้งคืนค่ะแล้วเราก็นอนแฟนปลุกมากินข้าวเช้าเราก็กินไม่เข้ามันเหม็นมันคลื่นไส้ไปหมดตอนแรกยาที่กินก็มีอย่างเดียวคือพาราเรามีอาการร่วมคือเวลาฉี่เราจะปวดแสบร้อนเรารู้ตัวเลยว่าเราต้องเป็นกระเพาะปัสสาวะอักเสบแน่นอนแต่ว่าเราไม่มียาแก้อักเสบกิน(antibiotic) มันหาซื้อตามร้านขายยาเองไม่ได้ต้องให้แพทย์สั่งแล้วถ้าเราไปหาหมอเพื่อให้เค้าออกไปสั่งยาให้จะเสียประมาณ3,000 โครน(ประมาณ10,000 บาท) เราก็เลยไม่ไปเพราะคิดว่าเดี๋ยวจะหาย....พี่สาวแฟนให้ยาสมุนไพรมากินเราก็กินตอนนั้นกินยาไปเยอะมากพารายาสมุนไพรแล้วตอนนั้นทุกคนในบ้านพี่สาวแฟนเพื่อนพี่สาวต่างคิดว่าเราเป็นไข้ฤดูหนาวซึ่งจะหายในไม่ช้าซึ่งเราก็คิดว่าแบบนั้น
เรานอนซมกินข้าวไม่ได้หลับทั้งวันปวดหัวเเทบระเบิดอ้วกละเมอเราร้องไห้หาแม่เศร้ามากตอนนั้นแฟนเราก็นอนไม่หลับกินข้าวไม่ได้ไม่ได้ไปทำงานดูแลเช็ดตัวเราอยู่อย่างั้นเป็นเวลา 4 วันตอนนั้นเข้าใจคนที่เจ็บมากๆจนอยากตายอ่ะมันความรู้สึกนั้นจริงๆนะ
จนวันที่ 15 ประมาณตี 3 เราบอกแฟนว่าเราไม่ไหวเเล้วพาเราไปหาหมอทีเรากลั้นใจรวบรวมแรงที่มีโทรกลับไปบริษัทประกันที่ไทยได้ความว่าเราสามารถไปโรงพยาบาลไหนก็ได้แต่ต้องออกเงินไปก่อนและเอาใบเสร็จกลับไปเคลมแต่ถ้าโรงพยาบาลในเครือคืออยู่ไกลจากเมืองที่เราอยู่อีก20 โลไม่ต้องสำรองจ่ายเราตกลงไปโรงพยาบาลนั้นทันที
บริษัทประกันส่งข้อมูลโรงพยาบาลมาให้เราทางอีเมลและเราต้องส่งอีเมลหน้าพาสปอตกับตั๋วเครื่องบินเรากลับไปบริษัทประกันบอกว่าจะโทรไปแจ้งที่โรงพยาบาลให้แฟนเราเรียกแท็กซี่ไปโรงพยาบาลหมดไปอีก 700 โครนค่าแท็กซี่โหดมาก
พอถึงโรงพยาบาลถามเค้าว่ามีคนโทรมาหาหรือยังบริษัทประกันบอกว่าจะโทรมาเราได้ยินเค้าคุยกันแล้วพยาบาลก็ให้เซนเอกสารไรไม่รู้ส่วนตัวเรานอนแหมบอยู่ที่เก้าอี้เพราะมันไม่มีแรงอ่ะ
หลังจากนั้นเราต้องเดินไปเพื่อไปห้องฉุกเฉินเป็นห้องสี่เหลี่ยมผืนผ้าเล็กๆมีห้องน้ำในตัวมีพยาบาลมาเจาะเลือดให้น้ำเกลือให้ยาอะไรไม่รู้แต่เราเริ่มมีแรงหลังจากให้น้ำเกลือมีหมอมาตรวจตอนหกโมงเช้าหลังจากนั้นเราต้องแอดมิดเข้าโรงพยาบาลกว่าจะได้เข้าห้องผู้ป่วยตอนบ่าย3
บิลในห้องฉุกเฉินได้มาในราคา 4,900 โครน (15,000 บาท) กับยา 1 ถุง น้ำเกลือ และการเจาะเลือด
เค้าเราเข้าไปในโซนของผู้ป่วยที่ต้องดูแลพิเศษ ตึกที่เค้าต้องฆ่าเชื้อ เพราะเรามาจากไทย
พอเข้าห้องพยาบาลก็เข้ามาตรวจบอกว่าต้องตรวจหาเชื้อว่าตกลงเราเป็นอะไรเจอพี่พยาบาลคนไทยเค้าก็อธิบายให้ฟังว่าจะต้องเอาส่วนไหนไปตรวจบ้างเค้าเอาสำลีที่พันไม้มาเช็ดด้านในจมูกเราลิ้นน้องน้อยแล้วก็ตรงก้นบอกรอผลตรวจอีก2-3 วัน
เราได้น้ำเกลือยาแก้อักเสบแล้วก็ยาอีกหลายขนานเป็นเวลา2 คืน3 วันทรมานมากแต่ไม่เท่าตอนอยู่ที่บ้านอาการอยากอาหารไม่มีเลยอาหารที่โรงพยาบาลดีมากแซลมอนสเต็กสตูวคือไม่มีความอยากกินอะไรทั้งนั้นเจอหมอ2 ครั้งมาตรวจฟังหัวใจปอดนอกนั้นก็พยาบาลเอายามาเปลี่ยนทุก4-6 ชม.
วันสุดท้ายวันที่18 เราอาการเราดีขึ้นหมอถามว่าจะอยู่ต่ออีกคืนมั้ยเราบอกหมอเลยว่าเราอยากกลับบ้านเเล้วเราขอกลับบ้านหมอสรุปว่าเราเป็นกระเพาะปัสสาวะอักเสบและติดเชื้อจนเข้ากระเเสเลือด;.; เราได้ยินแต่คำว่าinfection, infection, infection อยู่ในหัวเป็นล้านรอบจนเราขยาดกับคำนี้ไปแล้ววว
เราขอเอกสารจากโรงพยาบาลมีใบรับรองแพทย์ใบที่บอกว่าเราเป็นอะไรมีสองเวอร์ชั่นภาษาสวีดิชกับภาษาอังกฤษมีผลตรวจเเล็บก่อนหน้านั้นทางบริษัทประกันให้เราเซ็นยินยอมเปิดเผยข้อมูลของการรักษาด้วย
โรงพยาบาลจะส่งบิลค่ารักษาทั้งหมดตามมาให้เราที่บ้านแฟนภายใน2 เดือนเราก็เพิ่งรู้ว่าโรงพยาบาลที่ยุโรปเค้าเป็นแบบนี้กลับบ้านได้
เราส่งเอกสารทุกอย่างให้กับบริษัทประกันทุกอย่างที่ได้มาจากโรงยาบาลพร้อมบิลใบแรกจากER 4,900 โครนบริษัทประกันก็ดำเนินเรื่องให้เรียบร้อยขาดแต่บิลที่สองที่นอนโรงพยาบาล
ผ่านไป2 เดือนก็ยังไม่ได้บิลจนแฟนเราต้องโทรไปถามที่โรงพยาบาลๆบอกว่าส่งไปที่ไทยเเล้วโดนตีกลับแล้วส่งไปที่บ้านแฟนเเล้วแต่เราไม่เคยได้บิลเลยเค้าบอกจะส่งให้อีกรอบผ่านไป2 อาทิตย์ก็ยังไม่มีบิลมาแฟนก็โทรไปอีกรอบก็ยังไม่ได้คือมันวุ่นวายสุดๆระบบเค้างงๆอ่ะถามใครไม่มีใครรู้เลยจนเรากลับมาไทยได้บิลตอนอาทิตย์ที่2 ของกุมภาพันธ์2563 เราก็ส่งให้ประกันใช้เวลาประมาณ1 อาทิตย์ก็สำเร็จจ่ายครบเรียบร้อยในราคา47,541 โครนนี่ถ้าเราไม่มีประกันก็เจ็บหนักอีกแสนห้า
สรุปป่วยครั้งนี้ประมาน170,000 บาทประกันจ่ายหมด
ฝากบอกเพื่อนๆพี่ๆน้องๆ
1.ซื้อประกันการเดินทางสำคัญมากไม่ว่าที่ไหนมันมีประโยชน์สุดๆ
2.หาข้อมูลโรงพยาบาลของบริษัทประกันว่ามีที่ไหนบ้าง
3.อันนี้ของทิพยประกันภัยค่ะ
[CR] ประสบการณ์การเข้าโรงพยาบาลครั้งเเรกที่สวีเดน
ประสบการณ์การป่วยครั้งแรกและอยากให้เป็นครั้งสุดท้ายมันแย่ที่สุดในชีวิตเลยก็ว่าได้ไม่เคยป่วยนอนโรงพยาบาลมีมากสุดก็คือไข้ทับฤดูกินน้ำต้มฟ้าทะลายโจรก็หายแล้วอ่ะ
ท้าวความ...เราไปสวีเดนด้วยวีซ่าเยี่ยมแฟน 3 เดือนค่ะช่วงพฤศจิกายน 2019 - มกราคม 2020
เราไปลงที่โคเปนเฮเกนอยู่เที่ยว 3 วันแล้วก็นั่งรถไฟข้ามไปสวีเดนเพื่อไปบ้านแฟนประมาณวันที่ 4 พฤศจิกายนอยู่ที่นั่นแบบโลกสวยจนประมาณวันที่ 11 พฤศจิกายน เริ่มมีอาการปวดหัวตอนกินข้าวเย็นวัดไข้ 37.5 เลยคิดว่าเดี๋ยวกินยาแก้ไขกันไว้เลยไม่เป็นไรหรอกแล้วคืนนั้นเอง....
อ้วกทั้งคืนค่ะอ้วกจนไม่มีอะไรจะออกมามันคลื่นไส้อยากอ้วกแต่มันไม่มีอะไรจะออกมาอ่ะเราต้องล้วงคอให้มันออกมันก็ไม่ออกเป็นอย่างนั้นทั้งคืนค่ะแล้วเราก็นอนแฟนปลุกมากินข้าวเช้าเราก็กินไม่เข้ามันเหม็นมันคลื่นไส้ไปหมดตอนแรกยาที่กินก็มีอย่างเดียวคือพาราเรามีอาการร่วมคือเวลาฉี่เราจะปวดแสบร้อนเรารู้ตัวเลยว่าเราต้องเป็นกระเพาะปัสสาวะอักเสบแน่นอนแต่ว่าเราไม่มียาแก้อักเสบกิน(antibiotic) มันหาซื้อตามร้านขายยาเองไม่ได้ต้องให้แพทย์สั่งแล้วถ้าเราไปหาหมอเพื่อให้เค้าออกไปสั่งยาให้จะเสียประมาณ3,000 โครน(ประมาณ10,000 บาท) เราก็เลยไม่ไปเพราะคิดว่าเดี๋ยวจะหาย....พี่สาวแฟนให้ยาสมุนไพรมากินเราก็กินตอนนั้นกินยาไปเยอะมากพารายาสมุนไพรแล้วตอนนั้นทุกคนในบ้านพี่สาวแฟนเพื่อนพี่สาวต่างคิดว่าเราเป็นไข้ฤดูหนาวซึ่งจะหายในไม่ช้าซึ่งเราก็คิดว่าแบบนั้น
เรานอนซมกินข้าวไม่ได้หลับทั้งวันปวดหัวเเทบระเบิดอ้วกละเมอเราร้องไห้หาแม่เศร้ามากตอนนั้นแฟนเราก็นอนไม่หลับกินข้าวไม่ได้ไม่ได้ไปทำงานดูแลเช็ดตัวเราอยู่อย่างั้นเป็นเวลา 4 วันตอนนั้นเข้าใจคนที่เจ็บมากๆจนอยากตายอ่ะมันความรู้สึกนั้นจริงๆนะ
จนวันที่ 15 ประมาณตี 3 เราบอกแฟนว่าเราไม่ไหวเเล้วพาเราไปหาหมอทีเรากลั้นใจรวบรวมแรงที่มีโทรกลับไปบริษัทประกันที่ไทยได้ความว่าเราสามารถไปโรงพยาบาลไหนก็ได้แต่ต้องออกเงินไปก่อนและเอาใบเสร็จกลับไปเคลมแต่ถ้าโรงพยาบาลในเครือคืออยู่ไกลจากเมืองที่เราอยู่อีก20 โลไม่ต้องสำรองจ่ายเราตกลงไปโรงพยาบาลนั้นทันที
บริษัทประกันส่งข้อมูลโรงพยาบาลมาให้เราทางอีเมลและเราต้องส่งอีเมลหน้าพาสปอตกับตั๋วเครื่องบินเรากลับไปบริษัทประกันบอกว่าจะโทรไปแจ้งที่โรงพยาบาลให้แฟนเราเรียกแท็กซี่ไปโรงพยาบาลหมดไปอีก 700 โครนค่าแท็กซี่โหดมาก
พอถึงโรงพยาบาลถามเค้าว่ามีคนโทรมาหาหรือยังบริษัทประกันบอกว่าจะโทรมาเราได้ยินเค้าคุยกันแล้วพยาบาลก็ให้เซนเอกสารไรไม่รู้ส่วนตัวเรานอนแหมบอยู่ที่เก้าอี้เพราะมันไม่มีแรงอ่ะ
หลังจากนั้นเราต้องเดินไปเพื่อไปห้องฉุกเฉินเป็นห้องสี่เหลี่ยมผืนผ้าเล็กๆมีห้องน้ำในตัวมีพยาบาลมาเจาะเลือดให้น้ำเกลือให้ยาอะไรไม่รู้แต่เราเริ่มมีแรงหลังจากให้น้ำเกลือมีหมอมาตรวจตอนหกโมงเช้าหลังจากนั้นเราต้องแอดมิดเข้าโรงพยาบาลกว่าจะได้เข้าห้องผู้ป่วยตอนบ่าย3
บิลในห้องฉุกเฉินได้มาในราคา 4,900 โครน (15,000 บาท) กับยา 1 ถุง น้ำเกลือ และการเจาะเลือด
เค้าเราเข้าไปในโซนของผู้ป่วยที่ต้องดูแลพิเศษ ตึกที่เค้าต้องฆ่าเชื้อ เพราะเรามาจากไทย
พอเข้าห้องพยาบาลก็เข้ามาตรวจบอกว่าต้องตรวจหาเชื้อว่าตกลงเราเป็นอะไรเจอพี่พยาบาลคนไทยเค้าก็อธิบายให้ฟังว่าจะต้องเอาส่วนไหนไปตรวจบ้างเค้าเอาสำลีที่พันไม้มาเช็ดด้านในจมูกเราลิ้นน้องน้อยแล้วก็ตรงก้นบอกรอผลตรวจอีก2-3 วัน
เราได้น้ำเกลือยาแก้อักเสบแล้วก็ยาอีกหลายขนานเป็นเวลา2 คืน3 วันทรมานมากแต่ไม่เท่าตอนอยู่ที่บ้านอาการอยากอาหารไม่มีเลยอาหารที่โรงพยาบาลดีมากแซลมอนสเต็กสตูวคือไม่มีความอยากกินอะไรทั้งนั้นเจอหมอ2 ครั้งมาตรวจฟังหัวใจปอดนอกนั้นก็พยาบาลเอายามาเปลี่ยนทุก4-6 ชม.
วันสุดท้ายวันที่18 เราอาการเราดีขึ้นหมอถามว่าจะอยู่ต่ออีกคืนมั้ยเราบอกหมอเลยว่าเราอยากกลับบ้านเเล้วเราขอกลับบ้านหมอสรุปว่าเราเป็นกระเพาะปัสสาวะอักเสบและติดเชื้อจนเข้ากระเเสเลือด;.; เราได้ยินแต่คำว่าinfection, infection, infection อยู่ในหัวเป็นล้านรอบจนเราขยาดกับคำนี้ไปแล้ววว
เราขอเอกสารจากโรงพยาบาลมีใบรับรองแพทย์ใบที่บอกว่าเราเป็นอะไรมีสองเวอร์ชั่นภาษาสวีดิชกับภาษาอังกฤษมีผลตรวจเเล็บก่อนหน้านั้นทางบริษัทประกันให้เราเซ็นยินยอมเปิดเผยข้อมูลของการรักษาด้วย
โรงพยาบาลจะส่งบิลค่ารักษาทั้งหมดตามมาให้เราที่บ้านแฟนภายใน2 เดือนเราก็เพิ่งรู้ว่าโรงพยาบาลที่ยุโรปเค้าเป็นแบบนี้กลับบ้านได้
เราส่งเอกสารทุกอย่างให้กับบริษัทประกันทุกอย่างที่ได้มาจากโรงยาบาลพร้อมบิลใบแรกจากER 4,900 โครนบริษัทประกันก็ดำเนินเรื่องให้เรียบร้อยขาดแต่บิลที่สองที่นอนโรงพยาบาล
ผ่านไป2 เดือนก็ยังไม่ได้บิลจนแฟนเราต้องโทรไปถามที่โรงพยาบาลๆบอกว่าส่งไปที่ไทยเเล้วโดนตีกลับแล้วส่งไปที่บ้านแฟนเเล้วแต่เราไม่เคยได้บิลเลยเค้าบอกจะส่งให้อีกรอบผ่านไป2 อาทิตย์ก็ยังไม่มีบิลมาแฟนก็โทรไปอีกรอบก็ยังไม่ได้คือมันวุ่นวายสุดๆระบบเค้างงๆอ่ะถามใครไม่มีใครรู้เลยจนเรากลับมาไทยได้บิลตอนอาทิตย์ที่2 ของกุมภาพันธ์2563 เราก็ส่งให้ประกันใช้เวลาประมาณ1 อาทิตย์ก็สำเร็จจ่ายครบเรียบร้อยในราคา47,541 โครนนี่ถ้าเราไม่มีประกันก็เจ็บหนักอีกแสนห้า
สรุปป่วยครั้งนี้ประมาน170,000 บาทประกันจ่ายหมด
ฝากบอกเพื่อนๆพี่ๆน้องๆ
1.ซื้อประกันการเดินทางสำคัญมากไม่ว่าที่ไหนมันมีประโยชน์สุดๆ
2.หาข้อมูลโรงพยาบาลของบริษัทประกันว่ามีที่ไหนบ้าง
3.อันนี้ของทิพยประกันภัยค่ะ
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้