เป็นการรีบู๊ท รีเมค หรือรีอะเร้นจ์ อะไรก็แล้วแต่ ภาคที่เท่าไหร่แล้วก็จำไม่ได้ แต่ The Grudge หรือ ผี Ju-On ก็กลับมาอีกครั้ง ครั้งนี้มาแบบเงียบๆ ไม่โปรโมทโฉ่งฉ่างอะไรมากมาย แต่ก็ยังมีหลายๆ คนคาดหวังอะไรบางอย่างจากการทำใหม่ครั้งนี้ แต่อีกหลายคนก็ลังเลที่จะดู เพราะผิดหวังมาแล้วหลายครั้ง ผมก็เป็นคนหนึ่งที่ลังเลมากๆ ที่จะดู พอมีทางเลือกอื่นก็ดูเรื่องอื่นก่อน และแล้วก็ไม่รู้จะดูอะไร ก็มาถึงคิวเรื่องนี้จนได้
เรื่องราวของผี Ju-On ที่ติดตามครอบครัวหนึ่งมาจากโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น สู่บ้านหลังหนึ่งใน Pennsylvania ประเทศอเมริกา ผีที่มีแรงอาฆาตสูง สิงอยู่ในบ้านเลขที่ 44 เรย์เบิร์น ซึ่งใครก็ตามที่ได้ย่างก้าวเข้าสู่บ้านหลังนี้ ก็จะต้องถูกวิญญาณตนนั้นตามอาฆาตไปจนตาย และไม่มีทางที่จะหนีพ้น
หนังเล่าเรื่องสลับละหว่างอดีตกับปัจจุบัน ซึ่งระยะเวลาในเรื่องห่างกันแค่ 2 ปี โดยเดินเรื่องผ่านตัวละครหลัก คือนักสืบสาว ที่พยายามค้นหาเรื่องราวความเร้นลับของบ้านเลขที่ 44 นี้ ซึ่งพอยิ่งค้นก็จะเจอเรื่องแปลกๆ ที่เกิดขึ้นออกมาเรื่อยๆ ซึ่งตรงจุดที่หนังเริ่มค้นหาสิ่งต่างๆ หนังก็จะตัดไปเล่าเรื่องราวในอดีตให้คนดูได้ทำความเข้าใจไปกับมันด้วย ในส่วนนี้สำหรับผมถือว่าหนังเล่าเรื่องได้ดีน่าติดตามและตัดสลับแบบไม่งงด้วย แถมจุดที่หนังเอาช่วงเวลาแต่ละช่วงมาเชื่อมกันผมว่าทำได้ดีเลยทีเดียว แม้ว่าบทจะเชยไปหน่อย
ถึงแม้หนังจะปูเรื่องมาดีแค่ไหน แต่สิ่งที่ทำร้ายหนังแบบเห็นได้อย่างชัดเจนคือ การที่หนังเอาเหล่าวิญญาณผีร้ายมาเล่นแบบไม่มีเหตุผล ไม่มีปี่มีขลุ่ย ผีสามารถออกมากลางแจ้งแดดเปรี้ยงๆ หรือไปไหนก็ได้ที่ไม่ใช่อยู่แค่ในบ้าน ผีสามารถออกมาโจมตีคนนั้นคนนี้ได้อย่างไม่ต้องมีอะไรเชื่อมโยงกัน แค่แวะไปที่บ้าน ผีก็โกรธแล้ว เดี๋ยวนะ...ผีจะขี้โมโหไปไหน แล้วที่ตลกมากคือ ผีสามารถย้ายข้ามประเทศ ข้ามอารยธรรมกันได้ขนาดนั้นเลยเหรอ
เรื่องความหลอน สำหรับใครที่ชอบผีตุ้งแช่ เวอร์ชั่นนี้ถือว่าตอบโจทย์ได้ดีเลยทีเดียว จังหวะจะโคนของการหลอกหลอน ถือว่าดี แถมบวกด้วยฉากสยองที่ค่อนข้างรุนแรงนิดนึงตามเรทหนัง และยังมีผีที่แต่งออกมาแนวเหมือนซอมบี้ ก็ถือว่าเป็นการฟิวชั่นผีฝรั่งกับผีเอเชียเข้าด้วยกัน สร้างความแปลกใหม่กว่าภาคก่อนๆ ที่เล่นแต่ผีหน้าขาวแบบญี่ปุ่นอย่างเดียวได้พอสมควร
ก็ต้องบอกว่าพอเราไม่ได้คาดหวังอะไรกับมันเยอะ แล้วเข้าไปนั่งดูแบบหัวโล่งๆ หนังมันก็หลอนได้ใจ แต่ไม่ถึงกับสุดขีดจนสะดุ้งเก้าอี้โยกอะไรขนาดนั้น เพียงแต่ว่าหนังมันเล่นกับจังหวะตุ้งแช่ได้ดี บวกกับผีที่ทำออกมาน่ากลัวในแบบผสมผสาน จุดนี้ตอบโจทย์คนชอบหนังผีได้ แต่อย่างที่บอกว่าเนื้อเรื่องมันค่อนข้างไม่มีอะไรใหม่ บทเชยๆ กลวงๆ จบแบบงงๆ ก็ดูเพลินๆ ละกันนะครับ
ฝากเพจหนังเล็กๆ ด้วยนะครับ >>>
https://www.facebook.com/DooNangGunMai/
[CR] [#Review] The Grudge บ้านผีดุ - ความหลอนของผีฟิวชั่น กับเรื่องราวที่ไม่มีเหตุผล
เป็นการรีบู๊ท รีเมค หรือรีอะเร้นจ์ อะไรก็แล้วแต่ ภาคที่เท่าไหร่แล้วก็จำไม่ได้ แต่ The Grudge หรือ ผี Ju-On ก็กลับมาอีกครั้ง ครั้งนี้มาแบบเงียบๆ ไม่โปรโมทโฉ่งฉ่างอะไรมากมาย แต่ก็ยังมีหลายๆ คนคาดหวังอะไรบางอย่างจากการทำใหม่ครั้งนี้ แต่อีกหลายคนก็ลังเลที่จะดู เพราะผิดหวังมาแล้วหลายครั้ง ผมก็เป็นคนหนึ่งที่ลังเลมากๆ ที่จะดู พอมีทางเลือกอื่นก็ดูเรื่องอื่นก่อน และแล้วก็ไม่รู้จะดูอะไร ก็มาถึงคิวเรื่องนี้จนได้
เรื่องราวของผี Ju-On ที่ติดตามครอบครัวหนึ่งมาจากโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น สู่บ้านหลังหนึ่งใน Pennsylvania ประเทศอเมริกา ผีที่มีแรงอาฆาตสูง สิงอยู่ในบ้านเลขที่ 44 เรย์เบิร์น ซึ่งใครก็ตามที่ได้ย่างก้าวเข้าสู่บ้านหลังนี้ ก็จะต้องถูกวิญญาณตนนั้นตามอาฆาตไปจนตาย และไม่มีทางที่จะหนีพ้น
หนังเล่าเรื่องสลับละหว่างอดีตกับปัจจุบัน ซึ่งระยะเวลาในเรื่องห่างกันแค่ 2 ปี โดยเดินเรื่องผ่านตัวละครหลัก คือนักสืบสาว ที่พยายามค้นหาเรื่องราวความเร้นลับของบ้านเลขที่ 44 นี้ ซึ่งพอยิ่งค้นก็จะเจอเรื่องแปลกๆ ที่เกิดขึ้นออกมาเรื่อยๆ ซึ่งตรงจุดที่หนังเริ่มค้นหาสิ่งต่างๆ หนังก็จะตัดไปเล่าเรื่องราวในอดีตให้คนดูได้ทำความเข้าใจไปกับมันด้วย ในส่วนนี้สำหรับผมถือว่าหนังเล่าเรื่องได้ดีน่าติดตามและตัดสลับแบบไม่งงด้วย แถมจุดที่หนังเอาช่วงเวลาแต่ละช่วงมาเชื่อมกันผมว่าทำได้ดีเลยทีเดียว แม้ว่าบทจะเชยไปหน่อย
ถึงแม้หนังจะปูเรื่องมาดีแค่ไหน แต่สิ่งที่ทำร้ายหนังแบบเห็นได้อย่างชัดเจนคือ การที่หนังเอาเหล่าวิญญาณผีร้ายมาเล่นแบบไม่มีเหตุผล ไม่มีปี่มีขลุ่ย ผีสามารถออกมากลางแจ้งแดดเปรี้ยงๆ หรือไปไหนก็ได้ที่ไม่ใช่อยู่แค่ในบ้าน ผีสามารถออกมาโจมตีคนนั้นคนนี้ได้อย่างไม่ต้องมีอะไรเชื่อมโยงกัน แค่แวะไปที่บ้าน ผีก็โกรธแล้ว เดี๋ยวนะ...ผีจะขี้โมโหไปไหน แล้วที่ตลกมากคือ ผีสามารถย้ายข้ามประเทศ ข้ามอารยธรรมกันได้ขนาดนั้นเลยเหรอ
เรื่องความหลอน สำหรับใครที่ชอบผีตุ้งแช่ เวอร์ชั่นนี้ถือว่าตอบโจทย์ได้ดีเลยทีเดียว จังหวะจะโคนของการหลอกหลอน ถือว่าดี แถมบวกด้วยฉากสยองที่ค่อนข้างรุนแรงนิดนึงตามเรทหนัง และยังมีผีที่แต่งออกมาแนวเหมือนซอมบี้ ก็ถือว่าเป็นการฟิวชั่นผีฝรั่งกับผีเอเชียเข้าด้วยกัน สร้างความแปลกใหม่กว่าภาคก่อนๆ ที่เล่นแต่ผีหน้าขาวแบบญี่ปุ่นอย่างเดียวได้พอสมควร
ก็ต้องบอกว่าพอเราไม่ได้คาดหวังอะไรกับมันเยอะ แล้วเข้าไปนั่งดูแบบหัวโล่งๆ หนังมันก็หลอนได้ใจ แต่ไม่ถึงกับสุดขีดจนสะดุ้งเก้าอี้โยกอะไรขนาดนั้น เพียงแต่ว่าหนังมันเล่นกับจังหวะตุ้งแช่ได้ดี บวกกับผีที่ทำออกมาน่ากลัวในแบบผสมผสาน จุดนี้ตอบโจทย์คนชอบหนังผีได้ แต่อย่างที่บอกว่าเนื้อเรื่องมันค่อนข้างไม่มีอะไรใหม่ บทเชยๆ กลวงๆ จบแบบงงๆ ก็ดูเพลินๆ ละกันนะครับ
ฝากเพจหนังเล็กๆ ด้วยนะครับ >>> https://www.facebook.com/DooNangGunMai/
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้