สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 4
อย่างนึงที่ผมรู้สึกว่าหนังทำสำเร็จคือ ทำให้คนดูเกลียดครอบครัวรวย และเอาใจช่วยครอบครัวจน ทั้งที่สิ่งที่ครอบครัวจนทำมันร้ายแรงกว่าอาการดูถูกของครอบครัวรวยอย่างมาก ทั้งหลอกลวง ทำคนอื่นตกงานเสียอนาคตไปสองคน แอบขโมยของเขากิน ดูถูกว่าเป็นคนดีเพราะว่ารวย ฆ่าคนในบ้านเขาและก็ฆ่าเจ้านายเพราะอารมณ์ชั่ววูบอีก แต่รีแอคชั่นจากคนดูหลายคนกลับมองว่าการที่ครอบครัวรวยเหม็นกลิ่นสาบเป็นเรื่องใหญ่เอามากๆ และนอกจากเรื่องนี้ ก็ไม่มีอะไรอย่างอื่นที่ครอบครัวรวยทำแล้วดูแย่อีกเลย
หลายคนลืมไปว่าครอบครัวรวยมาอยู่ต่อจากเจ้าของเดิม พวกเขาจึงไม่รู้ว่าบ้านมีห้องใต้ดิน แม้กระทั่งระบบไฟก็คิดว่าเป็นระบบอัตโนมัติ อีกอย่างครั้งแรกที่เขาเจอคนจากใต้ดิน ก็คือตอนที่คนๆนั้นมาพังงานวันเกิดลูก และทำร้ายลูกสาวคนจนอีก การที่เขาจะไม่ใส่ใจและรังเกียจก็เป็นอะไรที่ปกตินะ ต่างจากคนใกล้ชิดคนอื่น อย่างคนขับรถเก่าเขาก็คิดวิธีพูดดีๆเพื่อเชิญออก ทั้งที่ความผิดดูร้ายแรง หรือกับพ่อคนจนเขาก็ไม่เคยดูถูกต่อหน้าเลย แถมพยายามข่มตัวเองไม่ให้โมโหที่โดนล้ำเส้นด้วย ก็คือถึงเขาจะรู้สึกรังเกียจแต่ก็พยายามวางตัวให้ดีแก่อีกฝ่ายเสมอ
โมเม้นที่ครอบครัวจนรู้ว่าโดนรังเกียจกลิ่นและไม่ชอบให้ล้ำเส้น คือตอนที่ครอบครัวจนไปแอบลุกล้ำที่ส่วนตัวเขา ซึ่งเจ้าของบ้านมีสิทธิที่จะคิดหรือพูดในที่นั้นเวลานั้นได้เพราะเป็นบ้านเขา แต่ตอนที่ครอบครัวจนดูถูกว่าเป็นคนดีได้เพราะรวยกลับเป็นเรื่องเล็กเฉยเลย ทั้งที่เป็นคำดูถูกเหมือนกัน แถมแย่กว่าตรงที่ไปพูดในบ้านเจ้านายอีก เหมือนกินบนเรือนขี้รดบนหลังคา
ที่ว่าครอบครัวรวยไม่สนใจชนชั้นแรงงาน เอาจริงๆต่างฝ่ายต่างไม่สนใจชีวิตคนอื่นนอกจากครอบครัวตัวเองนะ ฉากงานวันเกิดพ่อคนจนต้องกดแผลลูกสาวตัวเอง ส่วนพ่อคนรวยต้องรีบพาลูกชายไป รพ. ภายใน 15 นาที ไม่งั้นจะเสียชีวิต สถานการณ์นี้หนักกับคนทั้งสองกลุ่มพอกันเลย แต่ก็อย่างที่เห็น ฉากนี้ทำให้เราย้อนกลับมาคิดได้ว่า คนรวยรังเกียจคนจน หรือเป็นคนจนที่รังเกียจคนรวยมากกว่ากันแน่
เห็นต่างบางส่วนนะครับ เพราะตอนที่ดูจบ ผมคิดว่าครอบครัวรวยก็ไม่ได้ทำอะไรร้ายแรงให้สมควรตายเลย แต่กลับไม่ค่อยมีใครเห็นใจเท่าครอบครัวจนที่เป็นตัวก่อเรื่องทั้งหมด
หลายคนลืมไปว่าครอบครัวรวยมาอยู่ต่อจากเจ้าของเดิม พวกเขาจึงไม่รู้ว่าบ้านมีห้องใต้ดิน แม้กระทั่งระบบไฟก็คิดว่าเป็นระบบอัตโนมัติ อีกอย่างครั้งแรกที่เขาเจอคนจากใต้ดิน ก็คือตอนที่คนๆนั้นมาพังงานวันเกิดลูก และทำร้ายลูกสาวคนจนอีก การที่เขาจะไม่ใส่ใจและรังเกียจก็เป็นอะไรที่ปกตินะ ต่างจากคนใกล้ชิดคนอื่น อย่างคนขับรถเก่าเขาก็คิดวิธีพูดดีๆเพื่อเชิญออก ทั้งที่ความผิดดูร้ายแรง หรือกับพ่อคนจนเขาก็ไม่เคยดูถูกต่อหน้าเลย แถมพยายามข่มตัวเองไม่ให้โมโหที่โดนล้ำเส้นด้วย ก็คือถึงเขาจะรู้สึกรังเกียจแต่ก็พยายามวางตัวให้ดีแก่อีกฝ่ายเสมอ
โมเม้นที่ครอบครัวจนรู้ว่าโดนรังเกียจกลิ่นและไม่ชอบให้ล้ำเส้น คือตอนที่ครอบครัวจนไปแอบลุกล้ำที่ส่วนตัวเขา ซึ่งเจ้าของบ้านมีสิทธิที่จะคิดหรือพูดในที่นั้นเวลานั้นได้เพราะเป็นบ้านเขา แต่ตอนที่ครอบครัวจนดูถูกว่าเป็นคนดีได้เพราะรวยกลับเป็นเรื่องเล็กเฉยเลย ทั้งที่เป็นคำดูถูกเหมือนกัน แถมแย่กว่าตรงที่ไปพูดในบ้านเจ้านายอีก เหมือนกินบนเรือนขี้รดบนหลังคา
ที่ว่าครอบครัวรวยไม่สนใจชนชั้นแรงงาน เอาจริงๆต่างฝ่ายต่างไม่สนใจชีวิตคนอื่นนอกจากครอบครัวตัวเองนะ ฉากงานวันเกิดพ่อคนจนต้องกดแผลลูกสาวตัวเอง ส่วนพ่อคนรวยต้องรีบพาลูกชายไป รพ. ภายใน 15 นาที ไม่งั้นจะเสียชีวิต สถานการณ์นี้หนักกับคนทั้งสองกลุ่มพอกันเลย แต่ก็อย่างที่เห็น ฉากนี้ทำให้เราย้อนกลับมาคิดได้ว่า คนรวยรังเกียจคนจน หรือเป็นคนจนที่รังเกียจคนรวยมากกว่ากันแน่
เห็นต่างบางส่วนนะครับ เพราะตอนที่ดูจบ ผมคิดว่าครอบครัวรวยก็ไม่ได้ทำอะไรร้ายแรงให้สมควรตายเลย แต่กลับไม่ค่อยมีใครเห็นใจเท่าครอบครัวจนที่เป็นตัวก่อเรื่องทั้งหมด
แสดงความคิดเห็น
[สปอยล้วน] เหตุผลที่ทำให้ Parasite เป็นหนังดี
หมายเหตุ รสนิยมและความชอบเป็นเรื่องส่วนบุคคล ใครไม่ชอบก็มีสิทธิ์วิจารณ์ แต่กรุณาอย่าดูถูกรสนิยมของผู้อื่น
สำหรับเราแค่ประเด็นของหนังที่สื่อออกมาก็มากเกินพอแล้ว
กระทู้นี้เขียนโดยอ้างจากรีวิวของ Insider ซึ่งเราเห็นด้วยทุกประเด็น
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
๑.ปัญหาเดียวกันแต่ได้ผลกระทบต่างกัน
แทบทุกอณูของหนังเรื่องนี้คือการตีแผ่ความแตกต่างระหว่างชนชั้น ไม่ว่าจะเป็นแค่เรื่องฝนตกซึ่งสำหรับครอบครัวพัคเป็นแค่อุปสรรคในการฉลองวันเกิดลูกชาย ทำให้พวกเขาต้องกลับบ้านมานั่งดูฝนสวย ๆ ตัดฉากไปที่ครอบครัวคิม ฝนตกในคืนนั้นคือหายนะของครอบครัว น้ำท่วมบ้าน ข้าวของกระจัดกระจาย ส้วมเต็มขี้พุ่ง เกือบโดนไฟดูดตาย ฝนตกจนน้ำท่วมเกือบมิดเพดาน สุดท้ายทุกคนไม่มีบ้านอยู่ต้องไปนอนที่โรงยิม
นอกจากนี้หลังฝนตก คุณนายพัคยังชื่นชมฝนที่ตกเมื่อวานว่าทำให้วันรุ่งขึ้นเป็นวันที่แจ่มใส
ปัญหาเรื่องฝนยังเป็นความจงใจของบงจุนโฮซึ่งต้องการแสดงปัญหาเรื่องโลกร้อนอีกด้วย เล่นเรื่องฝนเรื่องเดียวใช้งานได้สองประเด็น คือโลกร้อนและผลกระทบจากปัญหาที่คนในแต่ละชนชั้นได้รับ
แม้จะเป็นปัญหาเรื่องเดียวกันแต่ผลที่ได้รับกลับแตกต่างกันอย่างมาก
๒.ทัศนคติของคนมีเงินต่อการใช้แรงงานและคนที่ใช้แรงงาน
ครอบครัวพัคตัวแทนของคนมีเงินซึ่งอยู่บนจุดสูงสุดของสังคมได้แสดงความเพิกเฉยต่อคนที่ใช้แรงงานและแรงงานของพวกเขา ถึงแม้ว่าคนเหล่านี้และแรงงานของพวกเขาทำให้ครอบครัวพัคอยู่ได้อย่างสุขสบาย
บงจุนโฮเปรียบการใช้แรงงานของคนชั้นล่างเป็นเหมือนไฟที่ติดได้เองในความคิดของคนมีเงิน คุณผู้ชายครอบครัวพัคเข้าใจผิดว่าไฟตรงบันไดนั้นเป็นแบบอัตโนมัติ แท้จริงแล้วไฟติดเพราะสามีแม่บ้านเปิดให้ต่างหาก และเขายังคิดว่าการคอยเปิดไฟให้เป็นวิธีสดุดีที่เขาจะสามารถทำได้เพื่อตอบแทนพระคุณที่ได้มีที่คุ้มกะลาหัวด้วย
ครอบครัวพัคไม่สนใจสักนิดว่าผู้มอบแรงงานให้เขาจะเป็นอยู่อย่างไร และพยายามทำตัวออกห่างให้มากที่สุด ประโยคที่คุณผู้ชายครอบครัวพัคพูดบ่อย ๆ คือ "ไม่ชอบให้ล้ำเส้น" รวมถึงท่าทีรังเกียจและคำวิจารณ์เรื่อง "กลิ่น" ในฉากต่าง ๆ ได้แสดงจุดยืนนี้อย่างชัดเจน
ความเพิกเฉยขั้นสุดคือ การแสดงออกอย่างไม่แยแสคิจองที่นอนจมกองเลือดกับแม่บ้านคิมที่กำลังสู้กับคนร้ายอย่างจะเป็นจะตาย แล้วเดินไปพลิกร่างสามีแม่บ้านคนเก่าเพื่อเอากุญแจรถ ซ้ำยังทำท่ารังเกียจ "กลิ่น" โศกนาฎกรรมที่ตามมาจึงไม่น่าแปลกใจเลยสักนิด
๓.ความไม่เป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันของชนชั้นแรงงาน (ไปจนถึงชนชั้นกลาง)
นอกจากครอบครัวคิม คู่แม่บ้านคนเก่ากับสามีก็เป็นอีกตัวแทนของชนชั้นล่างและกลาง การต่อสู้อย่างบ้าคลั่งของทั้งสองกลุ่ม คือประเด็นที่บงจุนโฮอยากสะท้อนให้ขบคิด
๔.ตอนจบ
บงจุนโฮเลือดเย็นมากที่จบแบบ surefire kill เป็นหนังที่สมจริงอย่างเหลือร้าย ไม่เหลือความหวังให้คนดูสักนิด
แถมเพลงใน end credit: A Glasss of Soju ยังบอกอีกว่า คีอูต้องใช้เวลาถึง 564 ปี ถึงจะมีปัญญาซื้อบ้าน
๕.หนังตลกที่ปราศจากตัวตลก โศกนาฏกรรมที่ไม่มีตัวร้าย
ดูหนังเรื่องนี้แล้วนึกถึงคำพูดที่ว่า "Good stories do not teach, they reveal; they do not preach, they interpret". ชนชั้นปรสิตเป็นเรื่องที่ดีตามนั้นเลย