“เปี่ยมไปด้วยความศรัทธา สมคุณค่าแห่งเธอ เพราะตัวเธอคือกุลสตรี" ชุติมา นัยนา นางสาวไทย 2530 นางงามตัวแสบ

ชุติมา นัยนา นางสาวไทย 2530 นางงามตัวแสบ


“เปี่ยมไปด้วยความศรัทธา สมคุณค่าแห่งเธอ เพราะตัวเธอคือกุลสตรี กิริยาน่าชม เหมาะสมในท่วงที สิ่งเหล่านี้ ล้วนมีอยู่ในเธอ”

หากคุณสมบัติของนางงามต้องเป็นอย่างเนื้อเพลงข้างต้น นางสาวไทยที่สวมมงกุฎในปี พ.ศ. 2530  ‘เอ้-ชุติมา นัยนา’  คงแหกกฎไปไหลเสียหลายกิโลฯ เสียงแหลม ๆ และ  ‘ภาพ’  ของนางร้ายที่แว่วมาให้ได้ยิน ได้ชมตลอดสิบกว่าปี บวกกรณีพิพาทกับนิตยสายแท็บลอยด์ฉบับหนึ่งที่กล่าวหาว่า เอ้เปิดโมเดลลิ่งส่งเด็กสาวให้เสี่ย และเก็บเด็กหนุ่มไว้บริโภคเอง ช่างดูไม่น่าจะไปได้กับ  ‘ภาพ’  ที่ควรจะเป็นของนางสาวไทยเลยแม้แต่น้อย

นางงาม – นางร้าย – แม่เล้า –กินเด็ก
ความจริง – ความลวง – ภาพ –สร้างภาพ

อย่างไหนกันแน่คือตัวจริงของเอ้ เธอพร้อมให้การแล้ว


บ่ายวันจันทร์ 14.40 นาฬิกา

“หมายเลขที่ท่านเรียกไม่สามารถติดต่อได้ในขณะนี้” 

ผมกดวางสาย อดถามตัวเองไม่ได้ว่านี่เป็นครั้งที่เท่าไหร่กันนะที่กดโทรศัพท์หาเอ้และได้ยินเสียงตอบรับเช่นนี้ เรานัดเวลากันไว้เมื่อวาน เหลือก็แต่ยังไม่ได้นัดสถานที่ เอ้บอกผมให้โทร.หาเธอบ่ายวันนี้ เพื่อตกลงเรื่องสถานที่นัดพบ การใช้เวลากว่า 2 ชั่วโมงติดต่อเธอทุกวิถีทางทำให้ผมเริ่มถอดใจ โดนนางร้ายเล่นเอาเสียแล้วไหมละ ผมคิด แต่

15.15 นาฬิกา

เสียงริงโทนดัง หน้าจอโทรศัพท์ปรากฏเบอร์ไม่คุ้นตา ผมกดรับ

“สวัสดีค่ะนี่เอ้เองนะคะ”

เอ้อธิบายว่าโทรศัพท์ของเธอมีปัญหา และการถ่ายรายการที่ยืดเยื้อทำให้เพิ่งติดต่อกลับมาได้ พร้อมทั้งกล่าวขอโทษ น้ำเสียงร้อนรนที่แว่วมาตามสายทำให้ผมรู้สึกผิดที่มองเธอในแง่ร้าย


17.20 นาฬิกา

ในที่สุดเราสองคนก็มานั่งอยู่ที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งบนถนนเลียบทางด่วนเกษตร-นวมินทร์ เอ้อยู่ในเสื้อเปิดไหล่สีดำแซมลายดอกไม้สีชมพู เข้ากับสีของต่างหูและเล็บ ใบหน้าแต่งแต้มด้วยเครื่องสำอางค่อนข้างหนาเพราะเพิ่งเสร็จจากการเข้ากล้องถ่ายทำรายการโทรทัศน์

เพื่อให้เข้าใจถึง  ‘ภาพ’  ในวันนี้ของเธอชัดเจนมากยิ่งขึ้นเอ้เริ่มต้นด้วยการบรรยายภาพวัยเด็กให้ฟังว่าถูกแต่งแต้มมาอย่างไร หญิงสาวเล่าว่าเธอเกิดที่กรุงเทพฯ แต่ไปโตที่สัตหีบเพราะทั้งคุณพ่อคุณแม่รับราชการเป็นนายทหารชั้นผู้ใหญ่อยู่ที่นั่นกันทั้งคู่ เอ้มีพี่สาวหนึ่งคน ตัวเธอเป็นคนสุดท้อง


“หมู่บ้านที่เอ้อยู่ชื่อสรวลเส มีเด็ก ๆ รุ่นเดียวกันเป็นผู้ชายเสียส่วนใหญ่ ซึ่งเอ้จะไม่ชอบเล่นตุ๊กตาหรือหม้อข้าวหม้อแกงเหมือนเด็กผู้หญิงคนอื่น แต่ชอบเตะฟุตบอลเตะตะกร้อ ยิงปืนอัดลม ทอยเส้น โยนตุ๊กตากินเงินกับพวกเด็กผู้ชายค่ะ อู๊ย ชีวิตมันมาก ออกจะเป็นทอมบอยซน ๆ (หัวเราะสนุก)

สมัยก่อนผู้ใหญ่มักจะไม่ให้ลูกนายทหารชั้นผู้ใหญ่เล่นกับลูกนายทหารชั้นประทวนหรือชั้นน้อยกว่าแต่เอ้แหกกฎ ให้ทหารเอารถจิ๊บออกไปเล่นกับเพื่อน ๆ เป็นประจำ เพราะคิดว่าเป็นคนเหมือนกับเรา คุณพ่อเป็นคนดุมากค่ะ ท่านสอนเสมอว่าห้ามแกล้งหรือข่มเหงใครที่อยู่ในฐานะด้อยกว่า หากทำผิดให้ยอมรับว่าผิดแล้วขอโทษ แต่ถ้าถูกรังแกให้สู้ เอ้จึงเป็นเด็กที่บู๊และมีวีรกรรมเยอะ”


วีรกรรมที่ว่ามีอะไรบ้าง

“สมัยอนุบาลเอ้ต่อยเด็กผู้ชายคนหนึ่ง เพราะอยู่ ๆ เขาเข้ามาหอมแก้ม เอ้ตกใจมากแต่ตบไม่เป็นค่ะ กำหมัดแล้วชกเลย ทำให้โดนอาจารย์ดุตั้งแต่อนุบาล (เปลี่ยนเป็นน้ำเสียงและนัยย์ตาขวางชวนฝันในทันใด) ดิฉันถูกผู้ชายหอมแก้มตอนอยู่อนุบาล 2 ค่ะ อุ๊ยตายแล้ว บอกไปได้อย่างไร”

เธอร้องเสียงหลงประหนึ่งว่าอาย แต่ในใจเราต่างรู้ด้วยกันทั้งคู่ว่าหาเป็นเช่นนั้นไม่ บุคลิกขี้เล่นของเธอ ทำให้บรรยากาศยามโพล้เพล้ ดูสดใสขึ้นมาทันใด เอ้ยิ้มแล้วเล่าต่อ


“เด็กต่างจังหวัดมักชอบตั้งแก๊งกันค่ะ เอ้อยู่แก๊งชื่อ หัวกะโหลกไขว้ ที่ตั้งชื่อนี้เพราะได้มาจากโลโก้ยาฆ่าแมลงซึ่งดูน่ากลัวดี แก๊งเรามีทั้งผู้ชาย ผู้หญิง ตุ๊ด เอ้เป็นหัวโจกเป็นเด็กหญิงที่ผู้ชายยอมให้นำทีม ไม่ได้ทำตัวเหลวไหลนะคะ แต่ก่อนที่เราจะสร้างอิทธิพลจนมาเป็นมาเฟียตัวจ้อยนี่มีสาเหตุค่ะ เพราะที่โรงเรียนมีเด็กชายเกเรชอบรังแกผู้หญิงชอบดึงผม เอากระจกส่องใต้กระโปรงเพื่อดูกางเกงใน เอ้เห็นเพื่อนโดนทำเช่นนั้นแล้วทนไม่ไหว ดึงหัวผู้ชายคนที่แกล้งขึ้นมาโวยแย่งกระจกมาขว้างทิ้ง เขาต่อยเอ้ เอ้สู้นะเรื่องไปถึงครู ปรากฏว่าผิดกันทั้งคู่ ที่กระทบกระทั่งกันเริ่มเป็นแก๊ง คือแก๊งเรากับแก๊งของเขาชื่อแก๊งโจรสลัด ซึ่งเด็กผู้ชายพวกนี้ยิ่งโตยิ่งแย่นะ ชอบเปิดกระโปรง ใช้หนังสติ๊กยิง เตะฟุตบอลอัดท้องผู้หญิง คิดดูสิว่าเราจะยอมโดนรังแกอยุ่ฝ่ายเดียวได้อย่างไร พอขึ้น ป.5-6 พวกเด็กผู้ชายได้เรียนเทควันโด้ เราคิดว่าปล่อยไว้ไม่ได้เสียแล้ว จึงบอกให้แม่หาทหารมาฝึกมวยไทยให้”


“ที่เรือนเพาะชำของโรงเรียนมีกอไผ่สองกอ เรานัดตะลุมบอนกันตรงนั้นตลอด เอ้งัดแม่ไม้มวยไทยมาสู้ แต่อย่างไรก็สู้ผู้ชายไม่ได้หรอกค่ะ อาศัยเราเสียงดังและลีลาเยอะกว่า เลยชนะมาบ้าง ท่าประจำคือนี่เลย”

เธอหยุดเล่าแล้วมองมาที่ผมด้วยสายตาอาฆาต ก่อนจะรู้ตัวว่าอะไรจะเกิดขึ้นหญิงสาวก็ลุกพรวดพร้อมกับยื่นมือทั้งสองข้างมาเคลื่อนไหวสลับกันอย่างรวดเร็วตรงหน้าผม

“ตาลาย ๆ!  ตาลาย ๆ!”

ลูกสาวนายพลส่งเสียงดังลั่น เธออาศัยจังหวะพริบตาเดียวที่ผมเผลอกำหมัดแน่นพร้อมชกให้เห็นก่อนจะคลายมือลง เอ้ใช้สายตานิ่งจ้องตาผมแล้วเอ่ยด้วยนำเสียงเรียบ ๆ “แล้วเอ้ก็ชกมันเลย” เธอยักคิ้ว ดวงตาและยิ้มมีแววเจ้าเล่ห์

อืม...น่ากลัวไม่ใช่เล่นแฮะ ผมนึกในใจ

ขอขอบพระคุณภาพและสัมภาษณ์จากเว็บไซต์ thaimiss.com

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่