วันนี้ 17/02/63 ได้ไปขึ้นศาลตามหมายนัดเรื่องผิดนัดเช่าซื้อรถยนต์ กับทางธนาคารกรุงศรีมาค่ะ ตอนแรกก็กลัวไปต่างๆนานาไปคนเดียวด้วยคนค้ำไม่ได้ไป จินตนาการไปในทางร้ายอย่างเดียวเลย แต่ไหนๆก็มาถึงจุดนี้แล้วก็ต้องเป็นไปตามนั้นเพราะเราผิดนัดไม่มีเงินจ่ายค่างวดเขาเอง ค้างมา 3 งวดติด จนมีหนังสือบอกเลิกสัญญามาที่บ้าน ข่มขู่ต่างๆนานา เราเลยต้องปล่อยให้เขาฟ้องตามที่เขาบอกมา หลังจากไม่จ่ายมาสามงวด กว่าเขาจะฟ้อง ผ่านไปเกือบปี คือนานมากอ่ะ แต่ช่วงที่เรารอเขาฟ้องเราก็ไปศึกษาหาข้อมูลไว้บ้างแล้วมีคนจะมายึดรถที่บ้านเราก็ไม่ยอม ด่ามาด่ากลับแล้วเวลานั้น คือจริงๆมันก็ไม่ใช่เรื่องดีนะที่ทำแบบนี้ แต่เราก็ยอมให้ฟ้องแล้วยังจะมาด่าอีก (ออกนอกเรื่องมาเยอะแล้ว) พอไปถึงที่ศาลไปดูที่บอร์ดว่าคดีเราพิจารณาห้องไหนก็ไปตามนั้น ไปถึงนั่งรอหน้าห้องพิจารณาสักพักก็มีทนายจากฝั่งกรุงศรีเข้ามาถามว่าในที่นี้มีใครมาเรื่องกรุงศรีมั้ย ปรากฏว่า นอกจากเราแล้วยังมีอีก 3 ราย ว่าความห้องเดียวกัน ก่อนเข้าไปทนายกรุงศรีคุยกับพวกเราทีละรายเสนอทางออกให้ว่า ถ้าจะให้จบวันนี้จ่ายเลย 350,000 เราบอกไม่มีหรอกเงินขนาดนั้น ทนายกรุงศรีเลยบอกว่างั้นขอเลื่อนพิจารณาไปให้อีกเกือบเดือนแล้วมาเจอกันอีกทีที่เดิม โดยวันที่ 9 มี.ค.63 คือนัดที่ทนายขอเลื่อนให้เรา แล้วให้เรามาทำสัญญาโดยให้เราชำระงวดแรก 13,000 บาทเท่านั้น แล้วต่อไปให้จ่ายงวดละ 4,600 บาทเป็นเวลา 33 งวด เป็นอันจบ นี่คือข้อเสนอของทางกรุงศรี ทนายกรุงศรีถามว่าคุณยอมรับข้อเสนอมั้ย ถ้ายอมก็เซ็นยอมรับหนี้ตามนี้เลยไม่ต้องหาเงิน 350,000 มาปิดไม่ต้องคืนรถ แต่ห้ามผิดนัดชำระรายงวดอีกนะ เราอ่านรายละเอียดสักพักก็ยอมเซ็นต์ไปเพราะว่าจ่ายครั้งแรก 13,000 บาท เดือนต่อไป 4,600 บาท 33 งวดจบ คือเราก็โอเคกับข้อเสนอนี้ อีกสามคนที่เหลือก็โอเค เซ็นต์หน้าห้องเสร็จก็ให้เข้าไปรอในห้องพิจารณาคดี พอเข้าไปนะอารมณ์ตื่นเต้นมาเลย ยิ่งเห็นหน้าผู้พิพากษากับทนายอีกหลายคน(คดีอื่นๆก็พิจารณาห้องนี้ด้วย) ทั้งโจทย์ทั้งจำเลยนั่งกันเต็มห้องเลยค่ะ ศาลเรียกชื่อที่ละคดี พิพากษาทีละคดี พอถึงเราเรียกชื่อก็ลุกไปที่คอกตรงกลางห้องแล้วสอบถามว่าทำไมไม่จ่าย ค้างทำไม รถทำไมไม่คืน เราบอกรถต้องใช้ค่ะแค่นั้น ศาลถามเราว่าแล้วจะทำไง เราบอกยอมชำระตามข้อเสนอของทางฝั่งกรุงศรีค่ะ ศาลก็บอกงั้นศาลบันทึกตามนี้นะ เราก็ตอบไปว่าค่ะ ศาลบอกงั้นกลับไปนั่งที่ได้ รอเซ็นต์รับทราบอีกทีก็กลับบ้าน คือไอ้ที่จะบอกเนี้ยว่า การไปขึ้นศาลไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิด ถ้าเราถึงจุดๆนึงที่ต้องโดนฟ้องก็ฟ้องไป เราแค่ไปตามศาลนัดให้ตรง เราสามารถได้ทางออกที่เหมือนว่าจะดีกว่าเดิมนะ ออกจากศาลมานี่คือ โล่งเว้ย หายใจคล่องเลยล่ะ แต่เราก็ถามทนายกรุงศรีนะว่าธนาคารอื่นไฟแนนซ์อื่นมีข้อเสนอแบบนี้มั้ย ทนายบอกว่าไฟแนนซ์อื่นไม่เหมือนกันนะ ถ้าของโตโยต้าลิสซิ่ง ต้องจ่ายงวดแรก 30% ของทุนฟ้อง คือถ้าฟ้อง 350,000 ต้องจ่ายงวดแรก แสนกว่าบาท แล้วผ่อนรายงวดเท่าที่เคยผ่อนด้วย แสนกว่าบาทนี่จ่ายเป็นเงินก้อนนะไม่มีผ่อน โตโยต้าลิสซิ่งโหดอ่ะเราบอกเลย ทนายกรุงศรีบอกเราว่าธนาคารกรุงศรีไม่ได้อยากได้รถ แต่อยากได้เงินเท่านั้น ถ้าเรายื้อที่จะไม่คืนรถก็คือปล่อยฟ้อง ฟ้องแล้วก็มีข้อเสนอดีๆให้ คือในความโชคร้ายก็มีความโชคดีอยู่บ้างเหมือนกัน ถ้ามีใครมีประสบการณ์เดียวกันก็สู้ๆนะคะ ใจเย็นๆ ค่อยๆคิด กันนะคะ ขอบคุณที่เข้ามาอ่านกันค่ะ
มาเล่าประสบการณ์ไปขึ้นศาลเรื่องคดีผิดนัดเช่าซื้อรถยนต์