ROG Zephyrus G นั้นเป็นรุ่นที่ต้องบอกว่าได้รับความนิยมค่อนข้างมากในแง่ของความคุ้มค่า สเปคและการใช้งานในภาพรวม รวมถึงการออกแบบที่เน้นความเรียบง่ายพกพาได้ง่ายบางเบาจึงเป็นรุ่นที่ขายดี และมีความนิยมเยอะมาก อีกทั้งใช้งานหน้าจอเทพ 120Hz ด้วยในรุ่นก่อนหน้าทำให้อะไรหลายๆอย่างมันค่อนข้างลงตัวเลยแหละ ส่วนในครั้งนี้ได้มีการอัพเกรดขึ้นไปอีกคือในเรื่องของหน้าจอเป็น 240Hz ทำงานร่วมกันสเปคที่สามารถขับความลื่นไหลออกมาได้สบายๆแบบ Ryzen 7 +GTX 1660TI MAX-Q พร้อมกับจัดเต็ม RAM 16GB มาให้เลยไม่ต้องทำอะไรเพิ่ม และแน่นอนว่ายังคงใช้งาน SSD 512GB อยู่เลยทำให้ในภาพรวมรุ่นนี้ ครบจบ ไม่ต้องอัพเพิ่มไม่ต้องแกะเครื่องอัพเกรดอะไรแล้ว ซื้อไปจบพร้อมใช้งาน พร้อมสตรีม ได้เลยแค่ลงโปรแกรมแค่นั้นถือว่าจัดเต็มมากๆในงบไม่ถึง 4 หมื่นบาทครับ และในการใช้งานจริงๆนั้นจะเป็นยังไงบ้างในหลายๆด้าน รวมถึงหน้าจอเทพนั้นจะเป็นยังไงไปชมกัน
ROG Zephyrus G GA502DU นั้นเป็นซีรีส์ ROG ที่ค่อนข้างเน้นความบางเพราะมันบางมากๆที่ 19.9 มิลลิเมตร เบาแค่ 2.1 กิโลกรัม และในรุ่นใหม่นี้นั้น มาพร้อมหน้าจอใหม่ที่โหดกว่าเดิม และ สเปคที่ ครบจบ ไม่ต้องอัพอะไรเพิ่ม ซื้อแล้วใช้งานทันทีครับ รุ่นนี้มาพร้อมกับหน้าจอขอบบาง 15.6″ Full HD พาเนล IPS 240Hz ส่วนทางด้านการออกแบบยังคงความสวยงามสไตล์ ROG ไว้ได้อย่างดีและแน่นอนว่าคุณภาพของวัสดุนั้นยังคงไว้ใจได้ครับ ส่วนเรื่องสเปคนั้นก็ค่อนข้างจัดเต็มเลยแหละ เพราะได้ปรับมาใช้ CPU ของค่ายแดงใช้ตัว AMD Ryzen 7 3750H ทำงานร่วมกับการ์ดจอ NVIDIA GeForce GTX 1660 Ti Max-Q พร้อมด้วย RAM 16GB DDR4 และให้ SSD 512GB PCIEe M.2 และ Wi-Fi A + Bluetooth 5.0 รวมถึง Windows 10 แต่ไม่มีกล้องหน้ามาให้รวมถึงตัวปุ่มไฟคีย์บอร์ดนั้นไม่สามารถปรับเปลี่ยนสีได้นะครับจะเป็นสีขาวตามภาพเลยสำหรับรุ่น G นี้
ASUS ROG Zephyrus G GA502 AMD Ryzen 7 3750H NVIDIA GeForce GTX 1660 Ti Max-Q RAM 16GB DDR4 SSD 512GB 15.6 IPS 240HZ ราคาอยู่ที่ 39,990 บาท
UNBOX
อุปกรณ์ในกล่องนั้นก็มีมาให้พอใช้งานถือว่าเพียงพอใช้งานทั้งสายชาร์จต่างๆ คู่มือ น้ำหนักและการพกพาโดยรวมนั้นค่อนข้างดีไม่หนักและพกพาได้ดีมากๆ ส่วนการออกแบบดีไซน์กล่องก็ยังคงธีมออกแบบ แบบเดิมไม่ได้หนีจากเดิมครับ แน่นอนว่ามันเป็นรุ่นที่ต่อยอดจาก GA502 ตัวคุ้นรุ่นเดิมแต่ครั้งนี้เปลี่ยน สเปคภายในและหน้าจอโหดขึ้น
DESIGN
แน่นอนว่าดีไซน์แนวคิดนั้นยังคงเป็น ROG ที่ออกแบบมาสำหรับสายทำงานมากๆคือมันลงตัวทั้งความเรียบง่ายและความดุดันไม่มีการเล่นแสงไฟ สีลวดลายอะไรให้มันรกเลยครับ ถือว่ามันเหมือนเป็นความสมมาตรของตัวเครื่องเมื่อมองจากในทุกๆด้านเลยทีเดียว ส่วนตัวไฟด้านหลังตรงโลโก้อะไรก็มีสีแดงนิดหน่อยไม่ได้สว่างอะไรมากครับและ งานประกอบความแน่นหนาของวัสดุนั้นทำได้ดี วัสดุเป็นโลหะปัดลายในส่วนภายนอกทั้งหมดแต่ในส่วนด้านในเป็นพลาสติกคุณภาพสูงเพื่อที่จะทำให้น้ำหนักนั้นเบา รวมๆนั้นถือว่าเก็บงานการออกแบบแน่นหนาแข็งแรงทำได้ดีสมกับ ROG ไม่เคยผิดหวังเลยครับ ดีไซน์ภาพรวมก็แบบเดียวกับรุ่นก่อนหน้าทั้งหมด
การออกแบบตัวเครื่องโดยรวมนั้นถือว่าเป็นความเหลี่ยมที่ลงตัวสมมาตรอย่างที่บอกไปนั้นคือทั้งด้านข้างด้านบนต่างๆนั้นไม่มีส่วนโค้งเว้าอะไร หรือการยกระดับตัวเครื่องอะไรทั้งนั้นครับและรวมถึงการตัดขอบอะไรก็ทำมาเรียบมากๆ ไม่มีการเล่นขอบสีทองแดงหรืออะไรเลย เป็นรุ่นที่เน้นความเรียบง่ายมากๆ แต่ทางด้านฝาหลังนั้นยังมีการเล่น 2 ลวดลายอยู่ยังไม่ได้ทิ้งไปไหน ส่วนการเว้าตรงขอบจอด้านล่างยังมีให้ช่องระบายอยู่ แต่จะเห็นว่าไม่มีกล้องหน้าแล้วนั้นเอง
วัสดุด้านในและตัวฐานของเครื่องนั้นเป็นวัสดุพลาสติกดำด้านไม่ใช่โลหะอะไรน่าจะช่วยในเรื่องของการพกพาน้ำหนักให้มันดีกว่าเดิม ฐานด้านล่างนั้นสามารถอัพเกรด SSD M.2 NVMe ได้อีก 1 ช่องเป็นทั้งหมด 2 และ ส่วนแรมสามารถอัพเพิ่มได้อีก 1 ช่องสูงสุดเป็น 16GB + รวม 8GB ติดเครื่องมาเป็นแบบฝั่งบอร์ดจากที่เป็น เป็น 24GB ส่วน HDD 2.5นิ้ว นั้นไม่รองรับการใส่นะครับ และช่องระบายให้มาค่อนข้างเยอะเลยทีเดียว และส่วนของลำโพงเบสอะไรนั้นให้มาแบบจัดเต็มซ้ายขวาและมีซัฟเข้ามาเพิ่มด้วยนะรู้สึกสั่นได้ดีมากๆ พัดลมระบายตัวนี้มาพร้อมกับ พัดลมขนาดใหญ่ HyperCool และระบบดักฝุ่น Anti-Dust Tunnels และมีฮีทไปป์ 3 เส้นที่ให้มา
ตัวเครื่องรวมๆนั้นจะเป็นวัสดุพลาสติกดำ เมื่อมาดูที่ด้านข้างนั้นจะเห็นช่องระบายความร้อนต่างๆ และตัวข้อพับหน้าจอที่ค่อนข้างแข็งแรง แม้จะไม่มีระบบยกตัวเครื่องอะไรแบบรุ่นพี่แต่ก็ระบายความร้อนได้ดีพอสมควรเลยแหละ ส่วนตรงหน้าจอด้านหน้านั้นจะเขียนชื่อรุ่นสีดำเงาเล็กๆครับไม่ได้เด่นอะไรมาก แต่ที่น่าสนใจนั้นในรุ่นใหม่ๆทั้งหมดเริ่มจะไม่มีกล้องหน้ามาให้แล้วนะ คือตัดออกไปเลยไม่ได้ไว้ขอบล่างอะไรทั้งนั้นคือไม่มีเลยนั้นเองเพื่อความบางของหน้าจอโดยรวม และตรงแป้นคีย์บอร์ดนั้นจะเป็นเป็นช่องระบายความร้อนเฉียงๆนั้น ก็ทำงานโดยการระบายความร้อนออกไปข้างหลังนั่นเอง
ด้านหลังส่วนที่เว้าไปนั้นยังคงการออกแบบที่ให้เห็นไฟสถานะอยู่เช่นเดิมมีไฟ 3 ดวงบอกสถานะการชาร์จไฟ การทำงานต่างๆครับจะเป็นจุดเว้าที่ช่วยในเรื่องของการระบายความร้อนออกไปด้านด้านหลังด้วย และในตำแหน่งเดียวกับเมื่อมองจากทางด้านหลังนั้นจะเป็นช่องระบายลมหลักๆของตัวเครื่องทั้งซ้าย และขวาของตัวเครื่องพร้อมกับโลโก้ ROG มาในแบบชื่อเต็มครับ ตรงส่วนนี้จะยกขึ้นสูงนิดหน่อยจะเห็นว่ามีช่องให้อากาศเข้าไปได้สะดวกและดีกว่าเดิม
ตัวโลโก้นั้นจะเป็นไฟสีแดงแบบไม่ได้แรงมากนักดูค่อนข้างยากถ้าใช้งานกลางวัน แต่ถ้าที่มืดๆนั้นก็จะเห็นค่อนข้างชัดเลยแหละ ส่วนวัสดุนั้นเป็นการปัดลายกันคนละแบบและเป็นวัสดุโลหะทั้งหมดในส่วนของฝาหลังขึ้นชิ้นมาเต็มๆ เมื่อมาด้านหน้านั้นขอบจอค่อนข้างบางมากๆ และการที่ตัดกล้องหน้าออกไปทำให้ขอบด้านบนนั้นเท่ากับขอบบ้างๆได้อย่างลงตัว แต่มียางรองกันรอบๆหน้าจอได้ค่อนข้างครบและดูแข็งแรงไปในตัว หน้าจอตัวนี้เป็น 15.6 นิ้ว IPS 240HZ ซึ่งหน้าจอตัวนี้แหละคือจุดแตกต่างกับรุ่นก่อนหน้า และ ยังให้สเปค RAM 16GB เสริมเข้ามาด้วยแบบจัดเต็ม
SPEC
- AMD® Ryzen™ 7 3750H Processor, 2.3 GHz (6 M Cache, up to 4.0 GHz)
- ระบบปฏิบัติการ
Windows 10 Home – ASUS recommends Windows 10 Pro.
- หน่วยความจำ
16 GB DDR4 2400MHz SDRAM Onboard memory, 1 x SO-DIMM socket for expansion, up to 24 GB SDRAM, Dual-channel
- การแสดงผล
15.6″ (16:9) LED-backlit FHD (1920×1080) 240Hz Anti-Glare IPS-level Panel with 72%
- กราฟิก
NVIDIA® GeForce® GTX 1660TI with Max-Q Design , with 6GB GDDR6 VRAM
- สตอเรจ
Solid state drive:
512GB PCIe® Gen3 SSD M.2
- คีย์บอร์ด
Illuminated chiclet keyboard
- WebCam
External Camera (1080p@60FPS), optional
- เน็ตเวิร์คกิ้ง
Wi-Fi
Integrated Wi-Fi 5 (802.11 ac)
Bluetooth
Bluetooth® 5.0
- อินเตอร์เฟส
1 x COMBO audio jack
1 x Type-C USB 3.1 (Gen 2) with display supportDP1.4
3 x Type-A USB 3.1 (Gen 1)
1 x RJ45 LAN jack for LAN insert
1 x HDMI, HDMI support HDMI 2.0
1 x AC adapter plug
- ออดิโอ
Built-in 1 W Stereo Speakers with Dual-Array Microphone
Smart AMP
Supports Windows 10 Cortana
ASUS Sonic Studio
- แบตเตอรี่
4 -Cell 76 Wh Polymer Battery
- พาวเวอร์ อะแด๊ปเตอร์
Plug type :ø6.0 (mm)
Output :
20 V DC, 9 A, 180 W
Input :
100 -240 V AC, 50/60 Hz universal
- ขนาด
NB:
36 x 25.2 x 1.99 cm (WxDxH)
- น้ำหนัก
NB:
2.1 kg
- VR
VR Ready
PERFORMANCE
ในเรื่องของประสิทธิภาพตัวเครื่องครั้งนี้เป็นการจับคู่กันระหว่าง AMD Ryzen 7 3750H ซึ่งในตัวเองนั้นมีการ์ดจอติดเครื่องมาให้คือ Radeon RX Vega 10 และในส่วนการ์ดจอแยกนั้นเป็นตัวค่ายเขียวกันบ้างเป็นรุ่นใหม่ล่าสุดพร้อมเทคโนโลยีใหม่สุดจากทาง Nvidia ด้วยการใช้งาน GTX 1660 Ti Max-Q 6GB GDDR6 และให้ RAM มาบนเครื่อง 8GB Onboard + 8GB แยกทำให้จัดเต็มกว่าเดิมเป็น 16GB และในด้านหน่วยความจำนั้นเป็น SSD 512GB และสามารถเพิ่มเข้าไปได้อีก 1 ช่องเลยนั้นเองถือว่าสเปคการอัพเกรดนั้นค่อนข้างสะดวกมากๆ
3D MARK นั้น ทำคะแนนเรียกได้ว่าสูง รวมถึงการทดสอบทั้ง 4 แบบนะครับ ตัว TIMESPY ที่เน้นไปเจาะกลุ่มคอมพิวเตอร์ระดับท็อป เกมมิ่ง ทำคะแนนได้ 4318 ถือว่าดีกว่า GTX 1060 แบบชัดเจนและในส่วนของ Firestrike 10438 ต้องบอกว่าผ่านการทดสอบใช้งานระดับสูงๆของ 3D Mark สบายๆ ส่วนในเรื่องความร้อน แอดมินทดสอบต่อเนื่อง 3 แบบและวัดความร้อนนั้นประมาณ CPU 75 และ GPU 67 ไม่มีแอร์ และ ไม่มีพัดลมเปิดช่วยครับผม ถือว่าจัดการได้ดีอยู่
PC MARK นั้นทำคะแนนไปได้ค่อนข้างสูงแต่น้อยกว่าตัว S นิดหน่อยซึ่งตัวนี้ทำไปได้ 3,519 คะแนน จริงๆพวกระดับราคานี้การใช้งานทั่วไปทำงานคงไม่ต้องกังวลตอบโจทย์ทำงาน ทั่วไปแทบจะทุกรูปแบบครับ ไม่ต้องห่วงเลยแหละ ตั้งแต่ Word ไปยังตัดต่อ รองรับได้สบายด้วยความแรงทั้ง CPU -GPU ที่รองรับกันอย่างดีและระบายความร้อนได้ดีด้วย จากการทดสอบเสร็จแล้วนั้น ความร้อนตัวเครื่องวัดได้ที่ CPU – 79 GPU 64 องศาครับผม
[SR] รีวิว ROG Zephyrus G GA502DU จอ 240Hz สเปคครบ RAM 16GB + GTX1660TI ไม่ต้องอัพเพิ่ม !
ROG Zephyrus G นั้นเป็นรุ่นที่ต้องบอกว่าได้รับความนิยมค่อนข้างมากในแง่ของความคุ้มค่า สเปคและการใช้งานในภาพรวม รวมถึงการออกแบบที่เน้นความเรียบง่ายพกพาได้ง่ายบางเบาจึงเป็นรุ่นที่ขายดี และมีความนิยมเยอะมาก อีกทั้งใช้งานหน้าจอเทพ 120Hz ด้วยในรุ่นก่อนหน้าทำให้อะไรหลายๆอย่างมันค่อนข้างลงตัวเลยแหละ ส่วนในครั้งนี้ได้มีการอัพเกรดขึ้นไปอีกคือในเรื่องของหน้าจอเป็น 240Hz ทำงานร่วมกันสเปคที่สามารถขับความลื่นไหลออกมาได้สบายๆแบบ Ryzen 7 +GTX 1660TI MAX-Q พร้อมกับจัดเต็ม RAM 16GB มาให้เลยไม่ต้องทำอะไรเพิ่ม และแน่นอนว่ายังคงใช้งาน SSD 512GB อยู่เลยทำให้ในภาพรวมรุ่นนี้ ครบจบ ไม่ต้องอัพเพิ่มไม่ต้องแกะเครื่องอัพเกรดอะไรแล้ว ซื้อไปจบพร้อมใช้งาน พร้อมสตรีม ได้เลยแค่ลงโปรแกรมแค่นั้นถือว่าจัดเต็มมากๆในงบไม่ถึง 4 หมื่นบาทครับ และในการใช้งานจริงๆนั้นจะเป็นยังไงบ้างในหลายๆด้าน รวมถึงหน้าจอเทพนั้นจะเป็นยังไงไปชมกัน
ROG Zephyrus G GA502DU นั้นเป็นซีรีส์ ROG ที่ค่อนข้างเน้นความบางเพราะมันบางมากๆที่ 19.9 มิลลิเมตร เบาแค่ 2.1 กิโลกรัม และในรุ่นใหม่นี้นั้น มาพร้อมหน้าจอใหม่ที่โหดกว่าเดิม และ สเปคที่ ครบจบ ไม่ต้องอัพอะไรเพิ่ม ซื้อแล้วใช้งานทันทีครับ รุ่นนี้มาพร้อมกับหน้าจอขอบบาง 15.6″ Full HD พาเนล IPS 240Hz ส่วนทางด้านการออกแบบยังคงความสวยงามสไตล์ ROG ไว้ได้อย่างดีและแน่นอนว่าคุณภาพของวัสดุนั้นยังคงไว้ใจได้ครับ ส่วนเรื่องสเปคนั้นก็ค่อนข้างจัดเต็มเลยแหละ เพราะได้ปรับมาใช้ CPU ของค่ายแดงใช้ตัว AMD Ryzen 7 3750H ทำงานร่วมกับการ์ดจอ NVIDIA GeForce GTX 1660 Ti Max-Q พร้อมด้วย RAM 16GB DDR4 และให้ SSD 512GB PCIEe M.2 และ Wi-Fi A + Bluetooth 5.0 รวมถึง Windows 10 แต่ไม่มีกล้องหน้ามาให้รวมถึงตัวปุ่มไฟคีย์บอร์ดนั้นไม่สามารถปรับเปลี่ยนสีได้นะครับจะเป็นสีขาวตามภาพเลยสำหรับรุ่น G นี้
ASUS ROG Zephyrus G GA502 AMD Ryzen 7 3750H NVIDIA GeForce GTX 1660 Ti Max-Q RAM 16GB DDR4 SSD 512GB 15.6 IPS 240HZ ราคาอยู่ที่ 39,990 บาท
UNBOX
อุปกรณ์ในกล่องนั้นก็มีมาให้พอใช้งานถือว่าเพียงพอใช้งานทั้งสายชาร์จต่างๆ คู่มือ น้ำหนักและการพกพาโดยรวมนั้นค่อนข้างดีไม่หนักและพกพาได้ดีมากๆ ส่วนการออกแบบดีไซน์กล่องก็ยังคงธีมออกแบบ แบบเดิมไม่ได้หนีจากเดิมครับ แน่นอนว่ามันเป็นรุ่นที่ต่อยอดจาก GA502 ตัวคุ้นรุ่นเดิมแต่ครั้งนี้เปลี่ยน สเปคภายในและหน้าจอโหดขึ้น
DESIGN
แน่นอนว่าดีไซน์แนวคิดนั้นยังคงเป็น ROG ที่ออกแบบมาสำหรับสายทำงานมากๆคือมันลงตัวทั้งความเรียบง่ายและความดุดันไม่มีการเล่นแสงไฟ สีลวดลายอะไรให้มันรกเลยครับ ถือว่ามันเหมือนเป็นความสมมาตรของตัวเครื่องเมื่อมองจากในทุกๆด้านเลยทีเดียว ส่วนตัวไฟด้านหลังตรงโลโก้อะไรก็มีสีแดงนิดหน่อยไม่ได้สว่างอะไรมากครับและ งานประกอบความแน่นหนาของวัสดุนั้นทำได้ดี วัสดุเป็นโลหะปัดลายในส่วนภายนอกทั้งหมดแต่ในส่วนด้านในเป็นพลาสติกคุณภาพสูงเพื่อที่จะทำให้น้ำหนักนั้นเบา รวมๆนั้นถือว่าเก็บงานการออกแบบแน่นหนาแข็งแรงทำได้ดีสมกับ ROG ไม่เคยผิดหวังเลยครับ ดีไซน์ภาพรวมก็แบบเดียวกับรุ่นก่อนหน้าทั้งหมด
การออกแบบตัวเครื่องโดยรวมนั้นถือว่าเป็นความเหลี่ยมที่ลงตัวสมมาตรอย่างที่บอกไปนั้นคือทั้งด้านข้างด้านบนต่างๆนั้นไม่มีส่วนโค้งเว้าอะไร หรือการยกระดับตัวเครื่องอะไรทั้งนั้นครับและรวมถึงการตัดขอบอะไรก็ทำมาเรียบมากๆ ไม่มีการเล่นขอบสีทองแดงหรืออะไรเลย เป็นรุ่นที่เน้นความเรียบง่ายมากๆ แต่ทางด้านฝาหลังนั้นยังมีการเล่น 2 ลวดลายอยู่ยังไม่ได้ทิ้งไปไหน ส่วนการเว้าตรงขอบจอด้านล่างยังมีให้ช่องระบายอยู่ แต่จะเห็นว่าไม่มีกล้องหน้าแล้วนั้นเอง
วัสดุด้านในและตัวฐานของเครื่องนั้นเป็นวัสดุพลาสติกดำด้านไม่ใช่โลหะอะไรน่าจะช่วยในเรื่องของการพกพาน้ำหนักให้มันดีกว่าเดิม ฐานด้านล่างนั้นสามารถอัพเกรด SSD M.2 NVMe ได้อีก 1 ช่องเป็นทั้งหมด 2 และ ส่วนแรมสามารถอัพเพิ่มได้อีก 1 ช่องสูงสุดเป็น 16GB + รวม 8GB ติดเครื่องมาเป็นแบบฝั่งบอร์ดจากที่เป็น เป็น 24GB ส่วน HDD 2.5นิ้ว นั้นไม่รองรับการใส่นะครับ และช่องระบายให้มาค่อนข้างเยอะเลยทีเดียว และส่วนของลำโพงเบสอะไรนั้นให้มาแบบจัดเต็มซ้ายขวาและมีซัฟเข้ามาเพิ่มด้วยนะรู้สึกสั่นได้ดีมากๆ พัดลมระบายตัวนี้มาพร้อมกับ พัดลมขนาดใหญ่ HyperCool และระบบดักฝุ่น Anti-Dust Tunnels และมีฮีทไปป์ 3 เส้นที่ให้มา
ตัวเครื่องรวมๆนั้นจะเป็นวัสดุพลาสติกดำ เมื่อมาดูที่ด้านข้างนั้นจะเห็นช่องระบายความร้อนต่างๆ และตัวข้อพับหน้าจอที่ค่อนข้างแข็งแรง แม้จะไม่มีระบบยกตัวเครื่องอะไรแบบรุ่นพี่แต่ก็ระบายความร้อนได้ดีพอสมควรเลยแหละ ส่วนตรงหน้าจอด้านหน้านั้นจะเขียนชื่อรุ่นสีดำเงาเล็กๆครับไม่ได้เด่นอะไรมาก แต่ที่น่าสนใจนั้นในรุ่นใหม่ๆทั้งหมดเริ่มจะไม่มีกล้องหน้ามาให้แล้วนะ คือตัดออกไปเลยไม่ได้ไว้ขอบล่างอะไรทั้งนั้นคือไม่มีเลยนั้นเองเพื่อความบางของหน้าจอโดยรวม และตรงแป้นคีย์บอร์ดนั้นจะเป็นเป็นช่องระบายความร้อนเฉียงๆนั้น ก็ทำงานโดยการระบายความร้อนออกไปข้างหลังนั่นเอง
ด้านหลังส่วนที่เว้าไปนั้นยังคงการออกแบบที่ให้เห็นไฟสถานะอยู่เช่นเดิมมีไฟ 3 ดวงบอกสถานะการชาร์จไฟ การทำงานต่างๆครับจะเป็นจุดเว้าที่ช่วยในเรื่องของการระบายความร้อนออกไปด้านด้านหลังด้วย และในตำแหน่งเดียวกับเมื่อมองจากทางด้านหลังนั้นจะเป็นช่องระบายลมหลักๆของตัวเครื่องทั้งซ้าย และขวาของตัวเครื่องพร้อมกับโลโก้ ROG มาในแบบชื่อเต็มครับ ตรงส่วนนี้จะยกขึ้นสูงนิดหน่อยจะเห็นว่ามีช่องให้อากาศเข้าไปได้สะดวกและดีกว่าเดิม
ตัวโลโก้นั้นจะเป็นไฟสีแดงแบบไม่ได้แรงมากนักดูค่อนข้างยากถ้าใช้งานกลางวัน แต่ถ้าที่มืดๆนั้นก็จะเห็นค่อนข้างชัดเลยแหละ ส่วนวัสดุนั้นเป็นการปัดลายกันคนละแบบและเป็นวัสดุโลหะทั้งหมดในส่วนของฝาหลังขึ้นชิ้นมาเต็มๆ เมื่อมาด้านหน้านั้นขอบจอค่อนข้างบางมากๆ และการที่ตัดกล้องหน้าออกไปทำให้ขอบด้านบนนั้นเท่ากับขอบบ้างๆได้อย่างลงตัว แต่มียางรองกันรอบๆหน้าจอได้ค่อนข้างครบและดูแข็งแรงไปในตัว หน้าจอตัวนี้เป็น 15.6 นิ้ว IPS 240HZ ซึ่งหน้าจอตัวนี้แหละคือจุดแตกต่างกับรุ่นก่อนหน้า และ ยังให้สเปค RAM 16GB เสริมเข้ามาด้วยแบบจัดเต็ม
SPEC
- AMD® Ryzen™ 7 3750H Processor, 2.3 GHz (6 M Cache, up to 4.0 GHz)
- ระบบปฏิบัติการ
Windows 10 Home – ASUS recommends Windows 10 Pro.
- หน่วยความจำ
16 GB DDR4 2400MHz SDRAM Onboard memory, 1 x SO-DIMM socket for expansion, up to 24 GB SDRAM, Dual-channel
- การแสดงผล
15.6″ (16:9) LED-backlit FHD (1920×1080) 240Hz Anti-Glare IPS-level Panel with 72%
- กราฟิก
NVIDIA® GeForce® GTX 1660TI with Max-Q Design , with 6GB GDDR6 VRAM
- สตอเรจ
Solid state drive:
512GB PCIe® Gen3 SSD M.2
- คีย์บอร์ด
Illuminated chiclet keyboard
- WebCam
External Camera (1080p@60FPS), optional
- เน็ตเวิร์คกิ้ง
Wi-Fi
Integrated Wi-Fi 5 (802.11 ac)
Bluetooth
Bluetooth® 5.0
- อินเตอร์เฟส
1 x COMBO audio jack
1 x Type-C USB 3.1 (Gen 2) with display supportDP1.4
3 x Type-A USB 3.1 (Gen 1)
1 x RJ45 LAN jack for LAN insert
1 x HDMI, HDMI support HDMI 2.0
1 x AC adapter plug
- ออดิโอ
Built-in 1 W Stereo Speakers with Dual-Array Microphone
Smart AMP
Supports Windows 10 Cortana
ASUS Sonic Studio
- แบตเตอรี่
4 -Cell 76 Wh Polymer Battery
- พาวเวอร์ อะแด๊ปเตอร์
Plug type :ø6.0 (mm)
Output :
20 V DC, 9 A, 180 W
Input :
100 -240 V AC, 50/60 Hz universal
- ขนาด
NB:
36 x 25.2 x 1.99 cm (WxDxH)
- น้ำหนัก
NB:
2.1 kg
- VR
VR Ready
PERFORMANCE
ในเรื่องของประสิทธิภาพตัวเครื่องครั้งนี้เป็นการจับคู่กันระหว่าง AMD Ryzen 7 3750H ซึ่งในตัวเองนั้นมีการ์ดจอติดเครื่องมาให้คือ Radeon RX Vega 10 และในส่วนการ์ดจอแยกนั้นเป็นตัวค่ายเขียวกันบ้างเป็นรุ่นใหม่ล่าสุดพร้อมเทคโนโลยีใหม่สุดจากทาง Nvidia ด้วยการใช้งาน GTX 1660 Ti Max-Q 6GB GDDR6 และให้ RAM มาบนเครื่อง 8GB Onboard + 8GB แยกทำให้จัดเต็มกว่าเดิมเป็น 16GB และในด้านหน่วยความจำนั้นเป็น SSD 512GB และสามารถเพิ่มเข้าไปได้อีก 1 ช่องเลยนั้นเองถือว่าสเปคการอัพเกรดนั้นค่อนข้างสะดวกมากๆ
3D MARK นั้น ทำคะแนนเรียกได้ว่าสูง รวมถึงการทดสอบทั้ง 4 แบบนะครับ ตัว TIMESPY ที่เน้นไปเจาะกลุ่มคอมพิวเตอร์ระดับท็อป เกมมิ่ง ทำคะแนนได้ 4318 ถือว่าดีกว่า GTX 1060 แบบชัดเจนและในส่วนของ Firestrike 10438 ต้องบอกว่าผ่านการทดสอบใช้งานระดับสูงๆของ 3D Mark สบายๆ ส่วนในเรื่องความร้อน แอดมินทดสอบต่อเนื่อง 3 แบบและวัดความร้อนนั้นประมาณ CPU 75 และ GPU 67 ไม่มีแอร์ และ ไม่มีพัดลมเปิดช่วยครับผม ถือว่าจัดการได้ดีอยู่
PC MARK นั้นทำคะแนนไปได้ค่อนข้างสูงแต่น้อยกว่าตัว S นิดหน่อยซึ่งตัวนี้ทำไปได้ 3,519 คะแนน จริงๆพวกระดับราคานี้การใช้งานทั่วไปทำงานคงไม่ต้องกังวลตอบโจทย์ทำงาน ทั่วไปแทบจะทุกรูปแบบครับ ไม่ต้องห่วงเลยแหละ ตั้งแต่ Word ไปยังตัดต่อ รองรับได้สบายด้วยความแรงทั้ง CPU -GPU ที่รองรับกันอย่างดีและระบายความร้อนได้ดีด้วย จากการทดสอบเสร็จแล้วนั้น ความร้อนตัวเครื่องวัดได้ที่ CPU – 79 GPU 64 องศาครับผม
SR - Sponsored Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ SR โดยที่เจ้าของกระทู้