คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 6
ก่อนอื่น ผมเข้าใจในความรู้สึกอึดอัดของคุณ แต่ในความคิดของผม ในสิ่งต่างๆ ที่คุณรู้สึกแย่ นั้น ถ้าคุณมองในแง่ดี มันมีสิ่งดีๆ อยู่มากๆ เหมือนกัน สิ่งดีๆ ที่ผมมองเห็นคือ
1. บ้านคุณมีฐานะค่อนข้างดี จากข้อมูลที่คุณให้มาว่า มีรายได้ จากการขาย ทุเรียน ปีละ 5 ล้าน นอกจากรายได้แล้ว ยังไม่รวมถึงที่ดินที่ พ่อ แม่ คุณมีอีก คงหลายสิบไร่ ถามว่าดีอย่างไร ดีตรงที่ว่า ตัวคุณ มีคนคอย support เรื่องค่าใช้จ่าย ต่างๆ แถมยังไม่ต้องกังวลว่า จบไปแล้วจะหางานทำได้ไหม จบแล้วจะหางานได้ภายในกี่เดือน ต่างกับเพื่อนๆ อีกหลายคนที่ไม่รู้อนาคตของตัวเอง มีความกดดัน แน่ๆ หลังเรียนจบ คุณโชคดีกว่า มนุษย์เงินเดือนอีกหลายคนที่ บางคน ทุกวันนี้ไม่ชอบงาน หรือไม่ชอบ บริษัทที่ทำงานอยู่ แต่ไม่สามารถไปไหนได้เพราะ กังวลเรื่องรายได้ที่จะหายไปช่วงหางานใหม่ บางคนก็กังวลว่า เศรษฐกิจแบบนี้ จะถูกเลิกจ้างไหม ฯลฯ แต่สำหรับคุณ ไม่มีแรงกดดันตรงนี้เลย ถึงคุณจบแล้วหางานไม่ได้ ที่บ้านคุณก็จะไม่ว่าอะไรแน่นอน
2. จากการที่ครอบครัวคุณมี ฐานะดี แต่กลับยอมให้คุณ ซึ่งเป็น ลูกผู้หญิง ได้เรียนต่อในชั้น อุดมศึกษา แถมยังอยู่คนละภาคเลย แสดงให้เห็นว่า พ่อ แม่ คุณ ไม่ได้เป็นคนที่โลกแคบ มีหัวก้าวหน้า ให้โอกาสลูกไป ผจญกับโลกภายนอกตามลำพัง ให้ลูกได้เปิดหูเปิดตา(เพราะฉะนั้นใช้โอกาสนี้ให้เต็มที่ เพื่อนในวัยเรียนเป็นเพื่อนที่น่าคบที่สุดแล้ว เพราะเป็นเพื่อนที่ไม่ค่อยหวังผลประโยชน์เท่าไหร่ ไม่เหมือนเพื่อนในวัยทำงานที่คอยแต่จะหาประโยชน์จากเราเป็นส่วนใหญ่) ในขณะที่บางครอบครัวที่คล้ายคุณ พ่อแม่เขาอาจไม่ต้องการให้ลูกไปเรียน จะเรียนไปทำไม จบไปเงินเดือนก็น้อยกว่าทำสวนที่บ้าน แต่ พ่อ แม่คุณ กลับให้คุณมาเรียน แสดงว่าคุณนั้นโชคดีกว่าหลายคน แน่นอน นั้นแสดงให้เห็นว่า พ่อแม่ คุณ ไม่ได้ ปิดกั้นความคิดคุณ รักคุณมาก และไว้ใจ และ เชื่อมั่นในตัวคุณ พอสมควร
3. เรื่อง เงินเก็บเราก็คือเงินของแม่ ผมพยายามมองในมุมของ แม่คุณ (ที่มีฐานะ) ก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร เพราะคุณไม่ได้เดือดร้อนเรื่องเงิน อยากได้อะไรก็ขอ เขาก็ซื้อให้ ต่างจาก ครอบครัว อื่น ที่อาจมีฐานะน้อยกว่า จะซื้ออะไรก็ต้องเก็บเงินซื้อเอง เพราะถึงขอก็อาจจะไม่ได้ อีกทั้งแม่คุณอาจคิดว่า การที่คุณไม่มีเงินเก็บ จะทำให้ดูแลสอดส่อง เรื่องการใช้เงินของคุณง่ายขึ้น ไม่ไปใช้ในสิ่งที่ไม่มีประโยชน์ เช่น ไม่ซื้อยาเสพติด ไปเล่นการพนัน ฯลฯ เพราะคุณอยู่ไกลจากบ้าน คุณลองบอกแม่คุณสิว่า คุณอยากซื้อโทรศัพท์ใหม่สักเครื่อง แต่อย่างขอลองเก็บจากเงินค่าขนมที่แม่ให้ อยากมีความรู้สึกว่า ได้ซื้อของจากเงินเก็บของตัวเอง ดูสิว่าแม่คุณจะให้ไหม
4. เรื่อง สังคมนี้มีแต่คนไม่ดี คุณอาจจะมองว่าเป็นคำสอนที่ไม่ถูกต้อง ก็จริง แต่ผมมองว่าถึงไม่ถูกต้อง แต่ก็ไม่ผิด สำหรับสังคมสมัยนี้ มันก็เหมือนกับคำพูดที่ว่า อย่าร้องไห้นะ เดี๋ยว ตำรวจจับ เดี๋ยวหมอฉีดยา ฯลฯ เพราะพอคุณโตขึ้นคุณจะรู้ว่าคำสอนนี้เกินจริง แต่ คำสอนนี้มัน (พ่อแม่คุณหวังว่า)จะช่วยเตือนสติคุณ ไม่ให้เชื่อคนง่ายๆ คุณเห็นกระทู้ใน pantip ไหม มีกี่กระทู้ที่ไปค้ำประกันรถ บ้าน ให้คนอื่น แล้วถูกโกงต้องมาใช้หนี้ให้คนอื่น เพราะเชื่อใจเขา ไว้ใจเขา ฯลฯ มีหนังสือฝรั่งอยู่เล่มหนึ่ง เป็นหนังสือเกี่ยวกับประวัติ นักบริหารที่ยิ่งใหญ่คนหนึ่งของโลก ผมจำไม่ได้ว่าชื่ออะไร เขาเล่าให้ฟ้งว่า ตอนเด็กๆ พ่อเขา อุ้มเขาขึ้นไปบนโต๊ะ แล้วก็บอกเขาว่า โดดลงมาเลย เดี๋ยวพ่อรับเอง ด้วยความเชื่อใจ เขาก็กระโดดลงมาเลย แต่ปรากฏว่า พ่อเขา ปล่อยให้เขาตกลงมาโดยที่ไม่ได้รับ สุดท้ายพ่อเขาสอนว่า จำเอาไว้ อย่าเชื่อใจใครมากเกินไป โลกนี้ไม่ใช่มีแต่ คนดี ถ้าเราเชื่อใจใครมากไปอาจถูกหลอก มันจะทำให้เราเจ็บดัวได้
5. แม่ชอบบูลลี่ ผมอ่านดูแล้ว ผมคิดว่าไม่นะ ผมว่าเป็นธรรมดาของผู้ใหญ่ที่เอาแต่ทำงานไม่ค่อยไปไหน ที่ชอบให้ลูกๆ แต่งตัวแบบที่ตัวเองเห็นว่าดี แต่ในกรณีนี้ การที่ พ่อแม่ คุณไม่ค่อยได้ไปไหนมาไหน ไม่เล่น เนต ทำให้การเลือกรูปแบบเสื้อผ้าเลยไม่เข้ากับสมัยก็เท่านั้น แต่ผมก็ยังเห็นอีกครั้งแล้ว ว่าแม่คุณ ไม่ได้ปิดกั้นไม่ฟังความคิดเห็นจากคุณ จากการที่แม่คุณยอมให้คุณเลือกชั้นในเอง โดยแค่แซวเล่นขำๆ แค่นั้น (อย่าคิดมาก)
6. เรียนไปก็ไปเป็นลูกจ้างเขา ก็เป็นคำพูดที่ถูกต้อง เพราะไม่มีลูกจ้างคนใดมีฐานะดีกว่า นายจ้าง แน่นอน (ยกเว้น ลูกจ้างคนนั้นมีครอบครับเป็นมหาเศรษฐีนะ) คุณลองคิดดูนะ ทุกวันนี้ ค่าเทอมของเด็ก อนุบาล ไปจน จบปริญญาตรี ประมาณ 22 ปี ถ้าเป็นเอกชนทั้งหมด ไม่น่าต่ำกว่า 2-5 ล้านบาท จบมา เงินเดือนขั้นต่ำ 15,000 ทำงานกี่ปีกว่าจะคุ้มทุน เงินเดือนหักค่ากินค่าใช้แล้ว เหลือเดือนละ 5,000 เก็บกี่ปีกว่าจะ ได้ 2 ล้านบาท มันผิดปกติจริง (สู้เอาเงิน 2-5 ล้านไปฝาก ธนาคาร ซื้อกองทุนรวม ป่านนี้ มีเงินเก็บไม่ต่ำกว่า 5 ล้านแล้ว จริงไหม) เราสับสนมากว่าเราควรตั้งใจเรียนเพื่อหางานบริษัททำแต่เป็นลูกจ้างคนอื่น หรือไม่ต้องใจเรียน ไม่ต้องสับสนครับ เรียนให้เต็มที่ และเรียนรู้ สังคม ทั้ง เพื่อน กิจกรรม การเข้ากับคนอื่น มันไม่เกี่ยวกันกับการที่ จะเป็น หรือไม่เป็นลูกจ้าง แต่มันคือโอกาสครับ ในการเรียนในสิ่งที่เราชอบ และมันก็สามารถไปต่อยอด กิจการของครอบครัวคุณได้ คุณจบแล้ว อาจจะไปหาตลาดใหม่ๆ ในการขายทุเรียน ให้ชาวต่างชาติที่ไม่ใช้จีน อาจเป็นชาวยุโรป ฯลฯ ได้ด้วยความสามารด้านภาษาของคุณก็ได้นี่
สรุปแล้วผมมองว่า การที่คุณรู้สึกอึดอัด สับสนนั้น อาจเป็นเพราะว่า คุณถูกสอนมาให้อยู่แต่ในกรอบ(เท่าที่คุณเล่ามา คือ ถูกดูแลอย่างใกล้ชิดจากแม่คุณ) ทำให้ คุณมองอะไร ทุกสิ่งทุกอย่าง เป็น สองมุม เท่านั้นคือ ไม่ถูก ก็ต้องผิด ทำให้คุณ สับสน พ่อแม่ ซี่งควรสอนสิ่งที่ถูก แต่ทำไมสอนสิ่งที่ผิด? ผมอยากให้คุณมองโลกทั้งใบใหม่ คือ มองว่า ไม่มีอะไรในโลกนี้ที่ถูกทั้งหมด และ ผิดทั้งหมด ในสิ่งที่ถูกก็มีสิ่งที่ไม่ถูก(ผิด)อยู่ด้วย ในสิ่งที่ผิดก็มีสิ่งที่ถูกแฝงอยู่ด้วย เช่น
การทำบุญเป็นสิ่งที่ดี? จริงหรือ งั้นเราก็ควรให้เงินกับขอทานที่อุ้มเด็กมาขอเงินตามสะพานลอย สิ ซึ่งจริงๆ แล้วไม่ควรให้ เพราะมันจะยิ่งทำให้เกิดการค้ามนุษย์ขึ้น
สังคมนี้มีแต่คนไม่ดี จริงๆ มันเป็นคำสอนที่ผิด? แต่มันก็จริงบางส่วน เพราะคนถูกหลอก มักจะเชื่อใจ ว่าอีกฝ่ายเป็นคนดี ดู คดี แชร์ แม่ๆ ทั้งหลายดู
เพราะฉะนั้น คุณอย่ามีความรู้สึกที่ไม่ดี กับ ตัวคุณเอง แม่ คุณ พ่อคุณ เพื่อนคุณ ขอให้คุณมองโลกในมุมมองใหม่ คือ มุมมองของความเป็นจริง คือ ไม่มีอะไร หรือ ใครในโลกนี้ ดี ถูก หรือไม่ดี ไม่ถูก ทั้งหมด ส่วนอะไรดี ไม่ดี ผมว่า คุณรู้ คุณมีวิจารณญาณ และสามารถ ตัดสินใจเองได้ เพราะสิ่งที่คุณ post มาทำให้ทุกคนรู้สึกได้ว่าคุณเป็นคนมีเหตุผล แต่อาจจะยังสับสนอยู่ เพราะที่ผ่านมาคุณอยู่ในกรอบมานานเกินไป ซึ่งตอนนี้ แม่คุณ ก็ได้พยายาม ขยายกรอบนั้นให้กว้างขึ้นแล้ว คือ ให้ไปเรียนที่ไกลบ้านมากไม่ต้องไปกลับบ้านทุกวัน ตอนนี้คุณควรใช้โอกาสที่มี เรียนรู้สิ่งต่างๆ รอบตัว ให้มากขึ้น พูดเยอะๆ ถามเยอะๆ(ฟังจากที่เล่า คิดว่า คุณคงเป็นคงไม่ค่อยกล้าถาม เป็นคนง่ายๆ ออกจะหัวอ่อน เดานะครับ ถ้าผิดขออภัย) พ่อแม่สอนอะไร ถ้าสงสัย ไม่เข้าใจ ถามเลย เช่น สังคมนี้มีแต่คนเลว คุณก็ถามเลย จริงหรือ คะ ไม่มีคนดีเลยหรือ พ่อแม่คุณ อาจจะหัวเราะแล้วบอกว่า แหม ก็พูดแบบ กว้างๆ เว้อๆ น่ะ มันก็มีแต่มันหายาก (ถ้าสังคมนี้มีแต่คนไม่ดี เขาจะให้คุณมาเรียนในกรุงเทพ หรือ ต่างเมืองหรือ จริงไหมครับ) หรือว่า เรื่องเก็บเงิน บอกแม่ไปเลย หนูอยากมีความรู้สีกที่ได้ซื้อของจากเงินเก็บของหนู อะไรประมาณนี้ เรื่องอื่นๆ ก็ด้วย เช่นการซื้อเสื้อผ้า แสดงความเห็นเลย แต่ต้องแสดงแบบ อ่อนโยนนะครับ เช่น หนูว่าแบบนี้เหมาะกับวัยหนูมากกว่า เพื่อนๆ เขาก็ใส่กันแบบนี้อะไรประมาณนี้ (คุณอาจถูกเขกหัวว่ามาหาว่าแม่แก่ หรือ อันนี้ผมไม่ขอรับผิดชอบนะครับ )
สรุป ผมว่า คุณเป็นคนที่โชคดีมากคนหนึ่งเลย และเป็นคน ที่หลายๆๆๆๆๆ คน อยากเป็นแบบคุณ คือที่บ้านมี ฐานะที่มั่นคง ไม่เดือดร้อน ไม่ต้องรู้สึกกดดัน ในอนาคต การงาน การเงิน พ่อแม่ ใจดี เพียงแต่คุณสับสน ว่า ทำไม พ่อแม่ ซึ่งเป็นควรเป็นบุคคลที่ดีงาม ทำไมสอนลูกในสิ่งที่คุณดูแล้วไม่น่าถูก คุณรู้ไหมครับ ผู้ใหญ่บางครั้งก็พูดออกมาในสิ่งที่ไม่ค่อยตรงกับสิ่งที่คิด หรือความจริง ทุกครั้งหรอกครับ เพราะฉะนั้นสบายใจได้ สิ่งที่ พ่อแม่คุณสอน ไม่ใช่สิ่งที่ถูก แต่ ก็ไม่ผิดทั้งหมด และการที่คุณคิดว่า พ่อแม่คุณ สอน ผิด ก็ไม่ใช่สิ่งที่ผิดอีกเช่นกัน เริ่มต้นใหม่ครับ มองโลกในมุมมองของตัวเองให้มากขึ้น มั่นใจในตัวเองให้มากขึ้น แล้วคุณก็จะรู้ว่า อะไรในโลกนี้ ไม่ว่าจะเป็นคำสอน คน สังคม ฯลฯ ว่ามันดี หรือว่า ไม่ดี หรือว่า มีทั้งดีและไม่ดี มันจะทำให้คุณเข้าใจโลกมากขึ้น และ สบายใจมากขึ้น โชคดีนะครับ
1. บ้านคุณมีฐานะค่อนข้างดี จากข้อมูลที่คุณให้มาว่า มีรายได้ จากการขาย ทุเรียน ปีละ 5 ล้าน นอกจากรายได้แล้ว ยังไม่รวมถึงที่ดินที่ พ่อ แม่ คุณมีอีก คงหลายสิบไร่ ถามว่าดีอย่างไร ดีตรงที่ว่า ตัวคุณ มีคนคอย support เรื่องค่าใช้จ่าย ต่างๆ แถมยังไม่ต้องกังวลว่า จบไปแล้วจะหางานทำได้ไหม จบแล้วจะหางานได้ภายในกี่เดือน ต่างกับเพื่อนๆ อีกหลายคนที่ไม่รู้อนาคตของตัวเอง มีความกดดัน แน่ๆ หลังเรียนจบ คุณโชคดีกว่า มนุษย์เงินเดือนอีกหลายคนที่ บางคน ทุกวันนี้ไม่ชอบงาน หรือไม่ชอบ บริษัทที่ทำงานอยู่ แต่ไม่สามารถไปไหนได้เพราะ กังวลเรื่องรายได้ที่จะหายไปช่วงหางานใหม่ บางคนก็กังวลว่า เศรษฐกิจแบบนี้ จะถูกเลิกจ้างไหม ฯลฯ แต่สำหรับคุณ ไม่มีแรงกดดันตรงนี้เลย ถึงคุณจบแล้วหางานไม่ได้ ที่บ้านคุณก็จะไม่ว่าอะไรแน่นอน
2. จากการที่ครอบครัวคุณมี ฐานะดี แต่กลับยอมให้คุณ ซึ่งเป็น ลูกผู้หญิง ได้เรียนต่อในชั้น อุดมศึกษา แถมยังอยู่คนละภาคเลย แสดงให้เห็นว่า พ่อ แม่ คุณ ไม่ได้เป็นคนที่โลกแคบ มีหัวก้าวหน้า ให้โอกาสลูกไป ผจญกับโลกภายนอกตามลำพัง ให้ลูกได้เปิดหูเปิดตา(เพราะฉะนั้นใช้โอกาสนี้ให้เต็มที่ เพื่อนในวัยเรียนเป็นเพื่อนที่น่าคบที่สุดแล้ว เพราะเป็นเพื่อนที่ไม่ค่อยหวังผลประโยชน์เท่าไหร่ ไม่เหมือนเพื่อนในวัยทำงานที่คอยแต่จะหาประโยชน์จากเราเป็นส่วนใหญ่) ในขณะที่บางครอบครัวที่คล้ายคุณ พ่อแม่เขาอาจไม่ต้องการให้ลูกไปเรียน จะเรียนไปทำไม จบไปเงินเดือนก็น้อยกว่าทำสวนที่บ้าน แต่ พ่อ แม่คุณ กลับให้คุณมาเรียน แสดงว่าคุณนั้นโชคดีกว่าหลายคน แน่นอน นั้นแสดงให้เห็นว่า พ่อแม่ คุณ ไม่ได้ ปิดกั้นความคิดคุณ รักคุณมาก และไว้ใจ และ เชื่อมั่นในตัวคุณ พอสมควร
3. เรื่อง เงินเก็บเราก็คือเงินของแม่ ผมพยายามมองในมุมของ แม่คุณ (ที่มีฐานะ) ก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร เพราะคุณไม่ได้เดือดร้อนเรื่องเงิน อยากได้อะไรก็ขอ เขาก็ซื้อให้ ต่างจาก ครอบครัว อื่น ที่อาจมีฐานะน้อยกว่า จะซื้ออะไรก็ต้องเก็บเงินซื้อเอง เพราะถึงขอก็อาจจะไม่ได้ อีกทั้งแม่คุณอาจคิดว่า การที่คุณไม่มีเงินเก็บ จะทำให้ดูแลสอดส่อง เรื่องการใช้เงินของคุณง่ายขึ้น ไม่ไปใช้ในสิ่งที่ไม่มีประโยชน์ เช่น ไม่ซื้อยาเสพติด ไปเล่นการพนัน ฯลฯ เพราะคุณอยู่ไกลจากบ้าน คุณลองบอกแม่คุณสิว่า คุณอยากซื้อโทรศัพท์ใหม่สักเครื่อง แต่อย่างขอลองเก็บจากเงินค่าขนมที่แม่ให้ อยากมีความรู้สึกว่า ได้ซื้อของจากเงินเก็บของตัวเอง ดูสิว่าแม่คุณจะให้ไหม
4. เรื่อง สังคมนี้มีแต่คนไม่ดี คุณอาจจะมองว่าเป็นคำสอนที่ไม่ถูกต้อง ก็จริง แต่ผมมองว่าถึงไม่ถูกต้อง แต่ก็ไม่ผิด สำหรับสังคมสมัยนี้ มันก็เหมือนกับคำพูดที่ว่า อย่าร้องไห้นะ เดี๋ยว ตำรวจจับ เดี๋ยวหมอฉีดยา ฯลฯ เพราะพอคุณโตขึ้นคุณจะรู้ว่าคำสอนนี้เกินจริง แต่ คำสอนนี้มัน (พ่อแม่คุณหวังว่า)จะช่วยเตือนสติคุณ ไม่ให้เชื่อคนง่ายๆ คุณเห็นกระทู้ใน pantip ไหม มีกี่กระทู้ที่ไปค้ำประกันรถ บ้าน ให้คนอื่น แล้วถูกโกงต้องมาใช้หนี้ให้คนอื่น เพราะเชื่อใจเขา ไว้ใจเขา ฯลฯ มีหนังสือฝรั่งอยู่เล่มหนึ่ง เป็นหนังสือเกี่ยวกับประวัติ นักบริหารที่ยิ่งใหญ่คนหนึ่งของโลก ผมจำไม่ได้ว่าชื่ออะไร เขาเล่าให้ฟ้งว่า ตอนเด็กๆ พ่อเขา อุ้มเขาขึ้นไปบนโต๊ะ แล้วก็บอกเขาว่า โดดลงมาเลย เดี๋ยวพ่อรับเอง ด้วยความเชื่อใจ เขาก็กระโดดลงมาเลย แต่ปรากฏว่า พ่อเขา ปล่อยให้เขาตกลงมาโดยที่ไม่ได้รับ สุดท้ายพ่อเขาสอนว่า จำเอาไว้ อย่าเชื่อใจใครมากเกินไป โลกนี้ไม่ใช่มีแต่ คนดี ถ้าเราเชื่อใจใครมากไปอาจถูกหลอก มันจะทำให้เราเจ็บดัวได้
5. แม่ชอบบูลลี่ ผมอ่านดูแล้ว ผมคิดว่าไม่นะ ผมว่าเป็นธรรมดาของผู้ใหญ่ที่เอาแต่ทำงานไม่ค่อยไปไหน ที่ชอบให้ลูกๆ แต่งตัวแบบที่ตัวเองเห็นว่าดี แต่ในกรณีนี้ การที่ พ่อแม่ คุณไม่ค่อยได้ไปไหนมาไหน ไม่เล่น เนต ทำให้การเลือกรูปแบบเสื้อผ้าเลยไม่เข้ากับสมัยก็เท่านั้น แต่ผมก็ยังเห็นอีกครั้งแล้ว ว่าแม่คุณ ไม่ได้ปิดกั้นไม่ฟังความคิดเห็นจากคุณ จากการที่แม่คุณยอมให้คุณเลือกชั้นในเอง โดยแค่แซวเล่นขำๆ แค่นั้น (อย่าคิดมาก)
6. เรียนไปก็ไปเป็นลูกจ้างเขา ก็เป็นคำพูดที่ถูกต้อง เพราะไม่มีลูกจ้างคนใดมีฐานะดีกว่า นายจ้าง แน่นอน (ยกเว้น ลูกจ้างคนนั้นมีครอบครับเป็นมหาเศรษฐีนะ) คุณลองคิดดูนะ ทุกวันนี้ ค่าเทอมของเด็ก อนุบาล ไปจน จบปริญญาตรี ประมาณ 22 ปี ถ้าเป็นเอกชนทั้งหมด ไม่น่าต่ำกว่า 2-5 ล้านบาท จบมา เงินเดือนขั้นต่ำ 15,000 ทำงานกี่ปีกว่าจะคุ้มทุน เงินเดือนหักค่ากินค่าใช้แล้ว เหลือเดือนละ 5,000 เก็บกี่ปีกว่าจะ ได้ 2 ล้านบาท มันผิดปกติจริง (สู้เอาเงิน 2-5 ล้านไปฝาก ธนาคาร ซื้อกองทุนรวม ป่านนี้ มีเงินเก็บไม่ต่ำกว่า 5 ล้านแล้ว จริงไหม) เราสับสนมากว่าเราควรตั้งใจเรียนเพื่อหางานบริษัททำแต่เป็นลูกจ้างคนอื่น หรือไม่ต้องใจเรียน ไม่ต้องสับสนครับ เรียนให้เต็มที่ และเรียนรู้ สังคม ทั้ง เพื่อน กิจกรรม การเข้ากับคนอื่น มันไม่เกี่ยวกันกับการที่ จะเป็น หรือไม่เป็นลูกจ้าง แต่มันคือโอกาสครับ ในการเรียนในสิ่งที่เราชอบ และมันก็สามารถไปต่อยอด กิจการของครอบครัวคุณได้ คุณจบแล้ว อาจจะไปหาตลาดใหม่ๆ ในการขายทุเรียน ให้ชาวต่างชาติที่ไม่ใช้จีน อาจเป็นชาวยุโรป ฯลฯ ได้ด้วยความสามารด้านภาษาของคุณก็ได้นี่
สรุปแล้วผมมองว่า การที่คุณรู้สึกอึดอัด สับสนนั้น อาจเป็นเพราะว่า คุณถูกสอนมาให้อยู่แต่ในกรอบ(เท่าที่คุณเล่ามา คือ ถูกดูแลอย่างใกล้ชิดจากแม่คุณ) ทำให้ คุณมองอะไร ทุกสิ่งทุกอย่าง เป็น สองมุม เท่านั้นคือ ไม่ถูก ก็ต้องผิด ทำให้คุณ สับสน พ่อแม่ ซี่งควรสอนสิ่งที่ถูก แต่ทำไมสอนสิ่งที่ผิด? ผมอยากให้คุณมองโลกทั้งใบใหม่ คือ มองว่า ไม่มีอะไรในโลกนี้ที่ถูกทั้งหมด และ ผิดทั้งหมด ในสิ่งที่ถูกก็มีสิ่งที่ไม่ถูก(ผิด)อยู่ด้วย ในสิ่งที่ผิดก็มีสิ่งที่ถูกแฝงอยู่ด้วย เช่น
การทำบุญเป็นสิ่งที่ดี? จริงหรือ งั้นเราก็ควรให้เงินกับขอทานที่อุ้มเด็กมาขอเงินตามสะพานลอย สิ ซึ่งจริงๆ แล้วไม่ควรให้ เพราะมันจะยิ่งทำให้เกิดการค้ามนุษย์ขึ้น
สังคมนี้มีแต่คนไม่ดี จริงๆ มันเป็นคำสอนที่ผิด? แต่มันก็จริงบางส่วน เพราะคนถูกหลอก มักจะเชื่อใจ ว่าอีกฝ่ายเป็นคนดี ดู คดี แชร์ แม่ๆ ทั้งหลายดู
เพราะฉะนั้น คุณอย่ามีความรู้สึกที่ไม่ดี กับ ตัวคุณเอง แม่ คุณ พ่อคุณ เพื่อนคุณ ขอให้คุณมองโลกในมุมมองใหม่ คือ มุมมองของความเป็นจริง คือ ไม่มีอะไร หรือ ใครในโลกนี้ ดี ถูก หรือไม่ดี ไม่ถูก ทั้งหมด ส่วนอะไรดี ไม่ดี ผมว่า คุณรู้ คุณมีวิจารณญาณ และสามารถ ตัดสินใจเองได้ เพราะสิ่งที่คุณ post มาทำให้ทุกคนรู้สึกได้ว่าคุณเป็นคนมีเหตุผล แต่อาจจะยังสับสนอยู่ เพราะที่ผ่านมาคุณอยู่ในกรอบมานานเกินไป ซึ่งตอนนี้ แม่คุณ ก็ได้พยายาม ขยายกรอบนั้นให้กว้างขึ้นแล้ว คือ ให้ไปเรียนที่ไกลบ้านมากไม่ต้องไปกลับบ้านทุกวัน ตอนนี้คุณควรใช้โอกาสที่มี เรียนรู้สิ่งต่างๆ รอบตัว ให้มากขึ้น พูดเยอะๆ ถามเยอะๆ(ฟังจากที่เล่า คิดว่า คุณคงเป็นคงไม่ค่อยกล้าถาม เป็นคนง่ายๆ ออกจะหัวอ่อน เดานะครับ ถ้าผิดขออภัย) พ่อแม่สอนอะไร ถ้าสงสัย ไม่เข้าใจ ถามเลย เช่น สังคมนี้มีแต่คนเลว คุณก็ถามเลย จริงหรือ คะ ไม่มีคนดีเลยหรือ พ่อแม่คุณ อาจจะหัวเราะแล้วบอกว่า แหม ก็พูดแบบ กว้างๆ เว้อๆ น่ะ มันก็มีแต่มันหายาก (ถ้าสังคมนี้มีแต่คนไม่ดี เขาจะให้คุณมาเรียนในกรุงเทพ หรือ ต่างเมืองหรือ จริงไหมครับ) หรือว่า เรื่องเก็บเงิน บอกแม่ไปเลย หนูอยากมีความรู้สีกที่ได้ซื้อของจากเงินเก็บของหนู อะไรประมาณนี้ เรื่องอื่นๆ ก็ด้วย เช่นการซื้อเสื้อผ้า แสดงความเห็นเลย แต่ต้องแสดงแบบ อ่อนโยนนะครับ เช่น หนูว่าแบบนี้เหมาะกับวัยหนูมากกว่า เพื่อนๆ เขาก็ใส่กันแบบนี้อะไรประมาณนี้ (คุณอาจถูกเขกหัวว่ามาหาว่าแม่แก่ หรือ อันนี้ผมไม่ขอรับผิดชอบนะครับ )
สรุป ผมว่า คุณเป็นคนที่โชคดีมากคนหนึ่งเลย และเป็นคน ที่หลายๆๆๆๆๆ คน อยากเป็นแบบคุณ คือที่บ้านมี ฐานะที่มั่นคง ไม่เดือดร้อน ไม่ต้องรู้สึกกดดัน ในอนาคต การงาน การเงิน พ่อแม่ ใจดี เพียงแต่คุณสับสน ว่า ทำไม พ่อแม่ ซึ่งเป็นควรเป็นบุคคลที่ดีงาม ทำไมสอนลูกในสิ่งที่คุณดูแล้วไม่น่าถูก คุณรู้ไหมครับ ผู้ใหญ่บางครั้งก็พูดออกมาในสิ่งที่ไม่ค่อยตรงกับสิ่งที่คิด หรือความจริง ทุกครั้งหรอกครับ เพราะฉะนั้นสบายใจได้ สิ่งที่ พ่อแม่คุณสอน ไม่ใช่สิ่งที่ถูก แต่ ก็ไม่ผิดทั้งหมด และการที่คุณคิดว่า พ่อแม่คุณ สอน ผิด ก็ไม่ใช่สิ่งที่ผิดอีกเช่นกัน เริ่มต้นใหม่ครับ มองโลกในมุมมองของตัวเองให้มากขึ้น มั่นใจในตัวเองให้มากขึ้น แล้วคุณก็จะรู้ว่า อะไรในโลกนี้ ไม่ว่าจะเป็นคำสอน คน สังคม ฯลฯ ว่ามันดี หรือว่า ไม่ดี หรือว่า มีทั้งดีและไม่ดี มันจะทำให้คุณเข้าใจโลกมากขึ้น และ สบายใจมากขึ้น โชคดีนะครับ
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 8
พีช พชร บ้านรวย ทายาทเซ็นทรัล ทำไมถึงยังทำธุรกิจ potato corner ของตัวเอง ทำไม ลองคิดดู
การเลี้ยงแบบที่แม่คุณทำ มันคือการตีกรอบให้คุณอยู่ในกำมือ เป็นลูกแหง่ ต้องคอยเชื่อฟัง ไม่มีความคิดวิเคราะห์เป็นของตัวเอง เรียนจบแล้ว ไม่ต้องขวนขวาย ไม่ต้องเก็บเงินก็ได้ เพราะบ้านก็มีเงินให้อยู่แล้ว แม้แต่เพื่อนก็ไม่ต้องมี ถ้าแม่คุณยังปลูกฝังแนวคิดการใช้ชีวิตแบบนี้ต่อไป คุณจะมีชีวิตอยู่อย่างมีความสุข ในแบบที่เรียกว่า อยู่ในกรงทอง และไม่เคยสัมผัสกับสิ่งที่เรียกว่า
ชีวิต อย่างแท้จริง
คุณจะไม่มีวันได้พบเจอกับสิ่งที่เรียกว่า ปัญหา รสชาติของการใช้ชีวิต อันนำมาซึ่งการพัฒนารอยหยักในสมอง ทำให้เกิดประสบการณ์ การเรียนรู้ การแก้ไขด้วยตนเอง และนำมาซึ่งปัญญา ยิ่งคุณเจอปัญหา เผชิญมัน และแก้ไขก้าวข้ามมันได้เท่าไหร่ คุณจะยิ่งเติบโต และเกิดปัญญาในการใช้ชีวิต ซึ่งดีต่อตัวคุณเองมากขึ้นเท่านั้น
สิ่งที่แม่คุณพูด ไม่ผิด เรื่องคนไม่ดีในสังคม แต่ถ้าเค้าไม่ปล่อยคุณให้เรียนรู้เรื่องคน คุณจะเอาปัญญา ประสบการณ์ ลูกเล่นที่ไหนไปรับมือกับคนที่ไม่ดี ในอนาคต
การเลี้ยงแบบที่แม่คุณทำ มันคือการตีกรอบให้คุณอยู่ในกำมือ เป็นลูกแหง่ ต้องคอยเชื่อฟัง ไม่มีความคิดวิเคราะห์เป็นของตัวเอง เรียนจบแล้ว ไม่ต้องขวนขวาย ไม่ต้องเก็บเงินก็ได้ เพราะบ้านก็มีเงินให้อยู่แล้ว แม้แต่เพื่อนก็ไม่ต้องมี ถ้าแม่คุณยังปลูกฝังแนวคิดการใช้ชีวิตแบบนี้ต่อไป คุณจะมีชีวิตอยู่อย่างมีความสุข ในแบบที่เรียกว่า อยู่ในกรงทอง และไม่เคยสัมผัสกับสิ่งที่เรียกว่า
ชีวิต อย่างแท้จริง
คุณจะไม่มีวันได้พบเจอกับสิ่งที่เรียกว่า ปัญหา รสชาติของการใช้ชีวิต อันนำมาซึ่งการพัฒนารอยหยักในสมอง ทำให้เกิดประสบการณ์ การเรียนรู้ การแก้ไขด้วยตนเอง และนำมาซึ่งปัญญา ยิ่งคุณเจอปัญหา เผชิญมัน และแก้ไขก้าวข้ามมันได้เท่าไหร่ คุณจะยิ่งเติบโต และเกิดปัญญาในการใช้ชีวิต ซึ่งดีต่อตัวคุณเองมากขึ้นเท่านั้น
สิ่งที่แม่คุณพูด ไม่ผิด เรื่องคนไม่ดีในสังคม แต่ถ้าเค้าไม่ปล่อยคุณให้เรียนรู้เรื่องคน คุณจะเอาปัญญา ประสบการณ์ ลูกเล่นที่ไหนไปรับมือกับคนที่ไม่ดี ในอนาคต
ความคิดเห็นที่ 4
ทุกวันนี้มันมีคลื่นประหลาด ทำให้คนคิดประหลาดๆ เลยกลายไปทำเรื่องเป็นข่าว ตามหน้าหนังสือพิม........ธรรมะเท่านั้นสู้กับมันได้
น้องครับ พ่อแม่ไม่ได้ผิด รายได้ปีละ 5 ล้านเป็นพี่ไม่ทำงานแล้วครับ บริหารเงินดีๆ ลงทุนในหุ้นนิดหน่อย นั่งกินดอกและท่องเที่ยว พอแล้ว
นี่คือความคิดของพี่ พนักงานบริษัทเอกชน ที่ทำงานมา 15 ปี อายุ 41 พี่เบื่อทำงานแล้ว เบื่อที่สุดคือเบื่อคน
แต่น้องเองยังเด็กและมีความฝัน หยากรู้หยากลอง หยากทำ ลงทำครับทำในสิ่งทที่รักที่ชอบ
พี่ไม่สามารถตอบได้ว่าน้องจะไปไกล ได้แค่ไหนในสายการทำงาน และสนุกเจริญๆได้ขึ้นไปมากกว่า พี่เอง เท่าที่ดูๆน้องเป็นคนต้นทุนดี บ้านมีตัง
1.พ่อแม่ไม่ผิด แต่ท่านแนะนำด้วยความรู้ และมุมมองที่ท่านมี น้องเรียนไปให้มากกว่าท่าน และนำความรู้กลับมาสอนกัน แลกเปลี่ยนความคิดกันเพื่อความเจริญยิ่งๆขึ้นไป
2.ครอยครัวพี่ก็สอนประหลาดๆหลายเรื่อง ทุกครอบครัวเขาประหลาดหมดละครับ ครอบครัวน้องไม่ใช่คนแปลก ประหลาดอะไร แต่เราจะรู้และเข้าใจมากขึ้น เมื่อเราโตขึ้น ครอบครัวพี่สอนอย่ายอมใครและไม่ก้มหัวให้ใคร เอ่อทำแบบนั้นป่านนี้ คงโดนไล่ออกไปเป็น 10 ที่แล้วมั้ง
3.ฟังได้เราพิจารณาเอา ผิดถูกครับ เราฟังทุกคนละ แต่ความถูกต้องนั้นอยู่ที่เราเลือก ผ็นำที่ยิ่งใหญ่เขาก็มีที่ปรึกษาเยอะ ฟังๆๆเราเอาไงเรื่องของเรา
4.น้องแค่รำคาญน่ะ คือไม่ชอบที่มาสอนแบบนี้ ข้องใจสอนแบบนี้ถูกไหม (ไม่หยากเชื่อ) พ่อแม่พูดไม่ได้ผิดครับ ท่านพูดในมุมมองของท่าน
มุมมองของท่านความคิดของท่าน เป็นแค่ความเห็น เราพิจารณาเอาเองและเลือกสิ่งที่ว่าดี
น้องครับ พ่อแม่ไม่ได้ผิด รายได้ปีละ 5 ล้านเป็นพี่ไม่ทำงานแล้วครับ บริหารเงินดีๆ ลงทุนในหุ้นนิดหน่อย นั่งกินดอกและท่องเที่ยว พอแล้ว
นี่คือความคิดของพี่ พนักงานบริษัทเอกชน ที่ทำงานมา 15 ปี อายุ 41 พี่เบื่อทำงานแล้ว เบื่อที่สุดคือเบื่อคน
แต่น้องเองยังเด็กและมีความฝัน หยากรู้หยากลอง หยากทำ ลงทำครับทำในสิ่งทที่รักที่ชอบ
พี่ไม่สามารถตอบได้ว่าน้องจะไปไกล ได้แค่ไหนในสายการทำงาน และสนุกเจริญๆได้ขึ้นไปมากกว่า พี่เอง เท่าที่ดูๆน้องเป็นคนต้นทุนดี บ้านมีตัง
1.พ่อแม่ไม่ผิด แต่ท่านแนะนำด้วยความรู้ และมุมมองที่ท่านมี น้องเรียนไปให้มากกว่าท่าน และนำความรู้กลับมาสอนกัน แลกเปลี่ยนความคิดกันเพื่อความเจริญยิ่งๆขึ้นไป
2.ครอยครัวพี่ก็สอนประหลาดๆหลายเรื่อง ทุกครอบครัวเขาประหลาดหมดละครับ ครอบครัวน้องไม่ใช่คนแปลก ประหลาดอะไร แต่เราจะรู้และเข้าใจมากขึ้น เมื่อเราโตขึ้น ครอบครัวพี่สอนอย่ายอมใครและไม่ก้มหัวให้ใคร เอ่อทำแบบนั้นป่านนี้ คงโดนไล่ออกไปเป็น 10 ที่แล้วมั้ง
3.ฟังได้เราพิจารณาเอา ผิดถูกครับ เราฟังทุกคนละ แต่ความถูกต้องนั้นอยู่ที่เราเลือก ผ็นำที่ยิ่งใหญ่เขาก็มีที่ปรึกษาเยอะ ฟังๆๆเราเอาไงเรื่องของเรา
4.น้องแค่รำคาญน่ะ คือไม่ชอบที่มาสอนแบบนี้ ข้องใจสอนแบบนี้ถูกไหม (ไม่หยากเชื่อ) พ่อแม่พูดไม่ได้ผิดครับ ท่านพูดในมุมมองของท่าน
มุมมองของท่านความคิดของท่าน เป็นแค่ความเห็น เราพิจารณาเอาเองและเลือกสิ่งที่ว่าดี
แสดงความคิดเห็น
โดนพ่อแม่สอนด้วยตรรกะแปลกๆมีปัญหากับสังคมT-T