เรื่องนี้เป็นการเล่าประสบการณ์ชีวิตของผม ซึ่งตอนนี้ผมอายุได้ 20 ปีมันอาจดูน้อยเมื่อเทียบกับท่านๆผู้อ่านที่ อายุอาจจะเกินเลขสามเเต่ก็ยังไม่ลงเอยกับชายหรือหญิงใดเสียที ....
มันช่างเป็นเรื่องตลกที่เมื่อเราไม่ได้ไขว้คว้าหาความรัก เเต่ความรักดันไขว้คว้าเเละดึงให้เราต้องตกหลุมรักใครสักคน เเล้วก็ผิดหวัง เจ็บช้ำในจิตใจที่คิดไปเองคนเดียวเสมอ
รักเเรกของผมเกิดขึ้นตั้งเเต่เข้าอนุบาล 1 สาวน้อยที่ผมชอบเป็นเพื่อนร่วมห้องของผมเองชื่อเล่นของเธอคือ "เก้า" เหตุผลที่ผมชอบเธอคงจะเป็นเพราะเธอมีสิ่งที่ผมไม่มี คือ ร่าเริง เเจ่มใส เเละเป็นมิตร ส่วนตัวผมเป็นคนที่เงียบขรึมเเละพูดน้อย บางครั้งจึงถูกกลั่นเเกล้งจากเพื่อนชายร่วมห้องเพราะผมพูดน้อยเเละไม่ค่อยฟ้องครู เเต่ก็ใช่ว่าผมจะไม่สู้ เเต่ด้วยทางนั้นจำนวนเยอะกว่าก็โดนรุมเเกล้งอยู่ร่ำไป
ช่วงอนุบาล 2 ผู้หญิงคนที่ผมรู้สึกชอบ คือ "มุก" ซึ่งเธอเป็นหลานของครูสอนพิเศษที่เเม่ผมส่งผมกับพี่สาวไปเรียน มุกเป็นเด็กต่างจังหวัดเเละอายุเยอะกว่าผม 2 ปี ซึ่งตอนนั้นเธอน่าจะเรียนอยู่ ป.2 ตอนนั้นเป็นปิดเทอมใหญ่เเละตามวิถีชีวิตเด็กต่างจังหวัดที่ถูกส่งมาเรียนที่กรุงเทพ ก็มักจะไปอยู่กับปู่ย่าตายายตอนปิดเทอม เเต่เทอมนี้ผมไม่ได้ไปไหนจึงอยู่กรุงเทพ เเต่ด้วยที่มุกเป็นเด็กต่างจังหวัดจึงถูกส่งมาเที่ยวที่กรุงเทพ อารมณ์ประมาณว่าส่งเด็กๆไปเปิดหูเเละเปิดตาช่วงปิดเทอม อีกทั้งจะได้ไม่ต้องเลี้ยงเด็กไปอีก 2 เดือน (ฮา) มุกมีพี่ชายที่อายุไร่เรี่ยกัน ผมก็มีพี่สาว เราจึงเป็นเพื่อนเล่นกันจนเกิดความผูกพัน เเต่งานเลี้ยงก็ต้องเลิกรา ถึงเเม้ว่ามุกจะรู้ว่าผมชอบเธอ เเต่นั่นเป็นปิดเทอมสุดท้ายที่เธอมาเที่ยวกรุงเทพ
หลังจากวันนั้นผมก็ไม่ได้เจอเธออีกเลย
เปิดเทอมขึ้น ป.1 ผมกลับมาชอบเก้าเหมือนเดิมเพราะเราได้กลับมาอยู่ห้องเดียวกันเหมือนตอนอนุบาลหนึ่ง
หัวใจของเรามักจะไขว้คว้าสิ่งที่เราขาด เก้าเป็นเด็ก น่ารัก เป็นมิตร เเละร่าเริง ต่างจากผมทุกอย่างที่เงียบขรึม ไม่พูดจาเท่าไรนัก ช่วงนี้ผมมีเพื่อนสนิทชื่อโป้ง เป็นเด็กอ้วนดำที่กวนเบื้องล่างเเละพูดมากสุดๆ ถึงเเม้ไอโป้งมันจะเป็นพวกนิสัยเอาตัวรอด เเต่บางครั้งมันก็เป็นห่วงผมจากใจจริง ตลอดระยะเวลาที่ผมเรียนที่โรงเรียนนี้นั้นผมมักจะโดนลูกท่านหลานเธอของบุคลากรในโรงเรียนกลั่นเเกล้งเสมอ ด้วยความที่ผมรูปร่างจะออกไปทางอวบเเต่ไม่ถึงอ้วน(เป็นความผิดของเเม่ผมที่ดันทำกับข้าวอร่อย) พวกนี้จะชอบเเกล้งคนที่เเกล้งสนุกเช่น คนอ้วน หรือคนที่ดูอ่อนเเอ ไอโป้งช่วงเเรกก็โดนเเกล้งเเต่มันเป็นคนเอาตัวรอดก็เลยไม่ตกเป็นเป้าหมายของการโดนรังเเก
ช่วงนั้นเองที่ไอโป้งมันไปเป็นพวกที่เเกล้งผม
โดยธรรมชาติในวัยเรียนเวลามีใครชอบกันก็มักจะโดนล้อ เเละผมก็ดันไว้ใจเล่าให้มันฟังว่าผมชอบเก้า
มันก็ล้อจนเก้ารู้ เเละผมก็อายมากที่โดนล้อตอนนั้นผมจึงผลักเก้าล้มลงไปที่พื้นเเละเธอก็ร้องไห้ ครูประจำชั้นเข้ามาพอดี ทุกคนจึงกับเข้าที่นั่งประจำเเละเงียบเพราะครูท่านนี้ดุมาก เพื่อนของเธอปลอบเก้าให้หยุดร้อง เเต่ผมกลับนั่งเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นเเละเรื่องนี้ก็ผ่านไปทั้งที่ยังค้างคา
ช่วง ป.2 ถึง ป.3 ผมไม่ได้ชอบใครอีก ผมยังรู้สึกผิดอยู่ที่ผมไม่ได้ขอโทษเก้า ไอโป้งมันเอาสมุดพกดูเบอร์ผู้ปกครองเเละโทรมาขอโทษ เพราะมันไม่ได้อยากเเกล้งผมหรอก เเต่ตัวมันก็ต้องเอาตัวรอดเพื่อให้ให้โดนรังเเกอีกคน จนตอนนี้ผมเรียน ป.4 ผมพึ่งรู้ว่าเก้าบ้านอยู่ใกล้กันกับไอโป้ง เเละเก้าก็ย้ายโรงเรียนตั้งเเต่ ป.3 ผมจึงฝากไอโป้งไปขอโทษเก้า เเต่ไอโป้งมันก็บอกขึ้นว่าเรื่องมันนานเเล้วเก้าคงจำไม่ได้เเล้วหล่ะ เเละเธอก็จำไม่ได้จริงๆ ตลอด 2-3 ปีมีผมเพียงคนเดียวที่จำมันฝังใจ...
ป.5 เป็นปีที่การกลั่นเเกล้งกันเริ่มหนักขึ้นเรื่อยๆ ผมโดนรุมรังเเกหนักมาก ถึงจะสู้ยังไงเเต่น้ำน้อยย่อมเเพ้ไฟ ด้วยความที่ผมเป็นเด็กเรียนบางทีพวกนี้ก็จะเอางานของผมไปลอกโดยไม่ยินยอม
ช่วงนั้นผมมีเพื่อนอยู่คนนึง ชื่อภูมิ ภูมิเป็นเพื่อนที่นิสัยดีมากเเละมันก็ไม่ต้องกลัวว่าการสนิทกับผมจะทำให้มันโดนรังเเกไปด้วย เพราะพ่อมันค๊อตดุ ใครกล้ารังเเกมันพ่อมันคงมาถล่มห้องปกครองเละเเน่นอน
ผมกับภูมิสนิทกันมาก เราไปเที่ยวรอบๆโรงเรียน ไปตกปลาด้วยกัน ซึ่งผมตกไม่เป็นหรอกเเต่ก็ลงทุนซื้ออุปกรณ์ซะครบเพื่อจะได้หัดตกปลากับเพื่อน ได้บ้างไม่ได้บ้าง เเต่ขอให้ได้ไป ลงทุนซื้อขนมปังกับนมเเมวให้เพื่อนๆเชียวจะป๋าไปไหน (ไอโป้งก็อยู่ด้วยตอนไปตก)
ช่วง ประถมตั้งเเต่ ป.3 ขึ้นมาผมอ่านหนังสือหนักมาก เเต่เป็นหนังสือการ์ตูนนะ ที่ผมอ่านจะเป็นพวกวารสารกลางสัปดาห์ เช่น ขายหัวเราะ มหาสนุก หนูหิ่น ปังปอนด์ เเละเล่มพิเศษต่างๆ จนมีหนังสือรวมๆหลายร้อยเล่มเลยทีเดียว จนผิมคิดว่าจะสะสมไปเรื่อยๆ เเต่ความคิดนั้นก็ต้องหยุดลง เพราะปลวกที่บ้านผมเเทะหนังสือการ์ตูนของผมไปเกือบ 1 ใน 3 เลยทีเดียว
ด้วยความที่ผมซื้อหนังสือการ์ตูนมาอ่านทุกสัปดาห์ จนตอนนั้นเเผงหนังสือเเทบจะออกไม่ทันผมซื้อเลยทีเดียว ผมมักจะพกไปอ่านที่โรงเรียนด้วยเสมอ เพราะผมไม่ค่อยมีเพื่อนมากมายนัก ตอนเที่ยงหรือยามว่างผมมักนั่งอ่านหนังสือการ์ตูนคนเดียว ถึงเเม้ว่าหนังสือการ์ตูนจะดูเป็นช่องๆ เเละตัวหนังสือนิดเดียวตามที่เเม่ผมเข้าใจ เเต่จริงๆ ขายหัวเราะเเละมหาสนุกจะมีนิยายสั้นๆ ราวๆสิบกว่าหน้า ซึ่งเด็กส่วนใหญ่จะอ่านเเต่การ์ตูนสามช่อง เเละข้ามนิยายสั้นกับเรื่องสั้นไป
เมื่อเราไม่ได้ไขว้คว้าหาความรัก ความรักกลับไขว้ขว้าเราเสียอย่างนั้น
"เเวว" เพื่อนร่วมห้องที่ผมไม่ค่อยได้ใส่ใจนักเพราะผมเป็นคนไม่ค่อยสังคมกับใครๆ เธอเป็นผู้หญิงที่สูงที่สุดในห้องเพราะด้วยฮอร์โมนกระมั้งที่ทำให้เธอโตไวมากกว่าเพื่อนรุ่นเดียวกัน
เธอเข้ามาในชีวิตผมด้วยการถามผมว่าอ่านอะไร ขออ่านบ้างสิ หลังจากนั้นผมก็ได้ให้เธอยืมอ่านหนังสือเรื่อยๆ ผมเห็นเธออ่านหนังสือการ์ตูนเเล้วก็หัวเราะมีความสุขผมเองก็มีความสุขไปด้วยซะงั้น
เเววเป็นคนเรียนกลางๆ ไม่อ่อน ไม่เก่ง เเต่ผมเป็นคนหัวค่อนข้างดี จึงช่วยเธอทำโจทย์เลขหรือวิชาอื่นๆ
พอมีตรงไหนที่เเววทำไม่ได้ เเววจะเดินมาถามผม
ผมมีกำลังใจเรียนเเละมีกำลังใจในการใช้ชีวิตมากขึ้น ดูเหมือนความรักจะผลักดันชีวิตผม การวางความรักในจุดที่พอเหมาะ ใช่ว่ามันจะดึงเราให้ถอยลงเสียเมื่อไหร่
จนวันหนึ่งผมตัดสินใจจะให้ของขวัญเเววเป็นจี้รูปหัวใจ ผมเตรียมไว้เเล้ว ใส่กล่องอย่างดี อยากจะบอกความในใจเธอในวันวาเลนไทน์
วันนั้นผมทำตัวเนียนๆเเละคุยเล่นอยู่กับไอโป้ง หาจังหวะที่เเววอยู่คนเดียว เพื่อที่จะได้เข้าไปสารภาพความในใจ
เเต่สิ่งที่ผมเห็นคือ ภูมิเพื่อนของผมได้ให้ดอกกุหลาบกับเธอ เเละไอโป้งก็พูดขึ้นว่า ไอภูมิกับเเววมันเคยเป็นเเฟนกันสงสัยมันจะกลับมาคบกันอีก ไอโป้งพูดไปเเบบนั้นเพราะมันไม่รู้ว่าผมชอบเเวว เพราะผมคงไม่กล้าเล่าความลับให้มันฟังตั้งเเต่มันล้อผมว่าชอบเก้าเเล้วหละ...
วันทั้งวันผมเเทบไม่พูดไม่จากับใคร ผมพยายามกลั้นน้ำตาไว้ตลอดเวลา คนนึงก็เพื่อนรักที่มีไม่กี่คน อีกคนก็สาวที่ชอบมากๆในรอบหลายปี (จริงๆก็เเค่2-3ปีอ่ะเเหละ)
มันทำให้ผมไม่อยากมองหน้าทั้งสองคน หลบสายตาจนเเววมองผมเหมือนอยากจะพูดอะไรสักอย่าง
เย็นวันนั้นผมได้ให้จี้หัวใจให้เพื่อนผู้หญิงคนหนึ่ง ซึ่งเป็นคนที่ผมไม่ค่อยสนิทด้วย โดยให้ไปเเละบอกว่าไม่รู้จะให้ใคร
วันวาเลนไทน์ครั้งนั้น เจ็บใจสุดๆเลยครับ
ด้วยกิจการค้าขายทางบ้านเริ่มทำให้ครอบครัวผมมีฐานะมากขึ้น ด้วยเเม่ผมทราบว่าผมโดนรังเเกหนักมากจึงอยากให้ผมย้ายจากโรงเรียนรัฐไปเอกชน เเต่ใจจริงผมก็อยากเรียนให้จบที่นี่จน ป.6 ไปเลย เพราะทนมาตั้งนานเเล้ว ..อีกปีจะเป็นไรเสีย
เล่าประสบการณ์ชายผู้ไม่เคยสมหวังในความรักเลยตลอดเวลาเกือบทั้งชีวิต
มันช่างเป็นเรื่องตลกที่เมื่อเราไม่ได้ไขว้คว้าหาความรัก เเต่ความรักดันไขว้คว้าเเละดึงให้เราต้องตกหลุมรักใครสักคน เเล้วก็ผิดหวัง เจ็บช้ำในจิตใจที่คิดไปเองคนเดียวเสมอ
รักเเรกของผมเกิดขึ้นตั้งเเต่เข้าอนุบาล 1 สาวน้อยที่ผมชอบเป็นเพื่อนร่วมห้องของผมเองชื่อเล่นของเธอคือ "เก้า" เหตุผลที่ผมชอบเธอคงจะเป็นเพราะเธอมีสิ่งที่ผมไม่มี คือ ร่าเริง เเจ่มใส เเละเป็นมิตร ส่วนตัวผมเป็นคนที่เงียบขรึมเเละพูดน้อย บางครั้งจึงถูกกลั่นเเกล้งจากเพื่อนชายร่วมห้องเพราะผมพูดน้อยเเละไม่ค่อยฟ้องครู เเต่ก็ใช่ว่าผมจะไม่สู้ เเต่ด้วยทางนั้นจำนวนเยอะกว่าก็โดนรุมเเกล้งอยู่ร่ำไป
ช่วงอนุบาล 2 ผู้หญิงคนที่ผมรู้สึกชอบ คือ "มุก" ซึ่งเธอเป็นหลานของครูสอนพิเศษที่เเม่ผมส่งผมกับพี่สาวไปเรียน มุกเป็นเด็กต่างจังหวัดเเละอายุเยอะกว่าผม 2 ปี ซึ่งตอนนั้นเธอน่าจะเรียนอยู่ ป.2 ตอนนั้นเป็นปิดเทอมใหญ่เเละตามวิถีชีวิตเด็กต่างจังหวัดที่ถูกส่งมาเรียนที่กรุงเทพ ก็มักจะไปอยู่กับปู่ย่าตายายตอนปิดเทอม เเต่เทอมนี้ผมไม่ได้ไปไหนจึงอยู่กรุงเทพ เเต่ด้วยที่มุกเป็นเด็กต่างจังหวัดจึงถูกส่งมาเที่ยวที่กรุงเทพ อารมณ์ประมาณว่าส่งเด็กๆไปเปิดหูเเละเปิดตาช่วงปิดเทอม อีกทั้งจะได้ไม่ต้องเลี้ยงเด็กไปอีก 2 เดือน (ฮา) มุกมีพี่ชายที่อายุไร่เรี่ยกัน ผมก็มีพี่สาว เราจึงเป็นเพื่อนเล่นกันจนเกิดความผูกพัน เเต่งานเลี้ยงก็ต้องเลิกรา ถึงเเม้ว่ามุกจะรู้ว่าผมชอบเธอ เเต่นั่นเป็นปิดเทอมสุดท้ายที่เธอมาเที่ยวกรุงเทพ
หลังจากวันนั้นผมก็ไม่ได้เจอเธออีกเลย
เปิดเทอมขึ้น ป.1 ผมกลับมาชอบเก้าเหมือนเดิมเพราะเราได้กลับมาอยู่ห้องเดียวกันเหมือนตอนอนุบาลหนึ่ง
หัวใจของเรามักจะไขว้คว้าสิ่งที่เราขาด เก้าเป็นเด็ก น่ารัก เป็นมิตร เเละร่าเริง ต่างจากผมทุกอย่างที่เงียบขรึม ไม่พูดจาเท่าไรนัก ช่วงนี้ผมมีเพื่อนสนิทชื่อโป้ง เป็นเด็กอ้วนดำที่กวนเบื้องล่างเเละพูดมากสุดๆ ถึงเเม้ไอโป้งมันจะเป็นพวกนิสัยเอาตัวรอด เเต่บางครั้งมันก็เป็นห่วงผมจากใจจริง ตลอดระยะเวลาที่ผมเรียนที่โรงเรียนนี้นั้นผมมักจะโดนลูกท่านหลานเธอของบุคลากรในโรงเรียนกลั่นเเกล้งเสมอ ด้วยความที่ผมรูปร่างจะออกไปทางอวบเเต่ไม่ถึงอ้วน(เป็นความผิดของเเม่ผมที่ดันทำกับข้าวอร่อย) พวกนี้จะชอบเเกล้งคนที่เเกล้งสนุกเช่น คนอ้วน หรือคนที่ดูอ่อนเเอ ไอโป้งช่วงเเรกก็โดนเเกล้งเเต่มันเป็นคนเอาตัวรอดก็เลยไม่ตกเป็นเป้าหมายของการโดนรังเเก
ช่วงนั้นเองที่ไอโป้งมันไปเป็นพวกที่เเกล้งผม
โดยธรรมชาติในวัยเรียนเวลามีใครชอบกันก็มักจะโดนล้อ เเละผมก็ดันไว้ใจเล่าให้มันฟังว่าผมชอบเก้า
มันก็ล้อจนเก้ารู้ เเละผมก็อายมากที่โดนล้อตอนนั้นผมจึงผลักเก้าล้มลงไปที่พื้นเเละเธอก็ร้องไห้ ครูประจำชั้นเข้ามาพอดี ทุกคนจึงกับเข้าที่นั่งประจำเเละเงียบเพราะครูท่านนี้ดุมาก เพื่อนของเธอปลอบเก้าให้หยุดร้อง เเต่ผมกลับนั่งเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นเเละเรื่องนี้ก็ผ่านไปทั้งที่ยังค้างคา
ช่วง ป.2 ถึง ป.3 ผมไม่ได้ชอบใครอีก ผมยังรู้สึกผิดอยู่ที่ผมไม่ได้ขอโทษเก้า ไอโป้งมันเอาสมุดพกดูเบอร์ผู้ปกครองเเละโทรมาขอโทษ เพราะมันไม่ได้อยากเเกล้งผมหรอก เเต่ตัวมันก็ต้องเอาตัวรอดเพื่อให้ให้โดนรังเเกอีกคน จนตอนนี้ผมเรียน ป.4 ผมพึ่งรู้ว่าเก้าบ้านอยู่ใกล้กันกับไอโป้ง เเละเก้าก็ย้ายโรงเรียนตั้งเเต่ ป.3 ผมจึงฝากไอโป้งไปขอโทษเก้า เเต่ไอโป้งมันก็บอกขึ้นว่าเรื่องมันนานเเล้วเก้าคงจำไม่ได้เเล้วหล่ะ เเละเธอก็จำไม่ได้จริงๆ ตลอด 2-3 ปีมีผมเพียงคนเดียวที่จำมันฝังใจ...
ป.5 เป็นปีที่การกลั่นเเกล้งกันเริ่มหนักขึ้นเรื่อยๆ ผมโดนรุมรังเเกหนักมาก ถึงจะสู้ยังไงเเต่น้ำน้อยย่อมเเพ้ไฟ ด้วยความที่ผมเป็นเด็กเรียนบางทีพวกนี้ก็จะเอางานของผมไปลอกโดยไม่ยินยอม
ช่วงนั้นผมมีเพื่อนอยู่คนนึง ชื่อภูมิ ภูมิเป็นเพื่อนที่นิสัยดีมากเเละมันก็ไม่ต้องกลัวว่าการสนิทกับผมจะทำให้มันโดนรังเเกไปด้วย เพราะพ่อมันค๊อตดุ ใครกล้ารังเเกมันพ่อมันคงมาถล่มห้องปกครองเละเเน่นอน
ผมกับภูมิสนิทกันมาก เราไปเที่ยวรอบๆโรงเรียน ไปตกปลาด้วยกัน ซึ่งผมตกไม่เป็นหรอกเเต่ก็ลงทุนซื้ออุปกรณ์ซะครบเพื่อจะได้หัดตกปลากับเพื่อน ได้บ้างไม่ได้บ้าง เเต่ขอให้ได้ไป ลงทุนซื้อขนมปังกับนมเเมวให้เพื่อนๆเชียวจะป๋าไปไหน (ไอโป้งก็อยู่ด้วยตอนไปตก)
ช่วง ประถมตั้งเเต่ ป.3 ขึ้นมาผมอ่านหนังสือหนักมาก เเต่เป็นหนังสือการ์ตูนนะ ที่ผมอ่านจะเป็นพวกวารสารกลางสัปดาห์ เช่น ขายหัวเราะ มหาสนุก หนูหิ่น ปังปอนด์ เเละเล่มพิเศษต่างๆ จนมีหนังสือรวมๆหลายร้อยเล่มเลยทีเดียว จนผิมคิดว่าจะสะสมไปเรื่อยๆ เเต่ความคิดนั้นก็ต้องหยุดลง เพราะปลวกที่บ้านผมเเทะหนังสือการ์ตูนของผมไปเกือบ 1 ใน 3 เลยทีเดียว
ด้วยความที่ผมซื้อหนังสือการ์ตูนมาอ่านทุกสัปดาห์ จนตอนนั้นเเผงหนังสือเเทบจะออกไม่ทันผมซื้อเลยทีเดียว ผมมักจะพกไปอ่านที่โรงเรียนด้วยเสมอ เพราะผมไม่ค่อยมีเพื่อนมากมายนัก ตอนเที่ยงหรือยามว่างผมมักนั่งอ่านหนังสือการ์ตูนคนเดียว ถึงเเม้ว่าหนังสือการ์ตูนจะดูเป็นช่องๆ เเละตัวหนังสือนิดเดียวตามที่เเม่ผมเข้าใจ เเต่จริงๆ ขายหัวเราะเเละมหาสนุกจะมีนิยายสั้นๆ ราวๆสิบกว่าหน้า ซึ่งเด็กส่วนใหญ่จะอ่านเเต่การ์ตูนสามช่อง เเละข้ามนิยายสั้นกับเรื่องสั้นไป
เมื่อเราไม่ได้ไขว้คว้าหาความรัก ความรักกลับไขว้ขว้าเราเสียอย่างนั้น
"เเวว" เพื่อนร่วมห้องที่ผมไม่ค่อยได้ใส่ใจนักเพราะผมเป็นคนไม่ค่อยสังคมกับใครๆ เธอเป็นผู้หญิงที่สูงที่สุดในห้องเพราะด้วยฮอร์โมนกระมั้งที่ทำให้เธอโตไวมากกว่าเพื่อนรุ่นเดียวกัน
เธอเข้ามาในชีวิตผมด้วยการถามผมว่าอ่านอะไร ขออ่านบ้างสิ หลังจากนั้นผมก็ได้ให้เธอยืมอ่านหนังสือเรื่อยๆ ผมเห็นเธออ่านหนังสือการ์ตูนเเล้วก็หัวเราะมีความสุขผมเองก็มีความสุขไปด้วยซะงั้น
เเววเป็นคนเรียนกลางๆ ไม่อ่อน ไม่เก่ง เเต่ผมเป็นคนหัวค่อนข้างดี จึงช่วยเธอทำโจทย์เลขหรือวิชาอื่นๆ
พอมีตรงไหนที่เเววทำไม่ได้ เเววจะเดินมาถามผม
ผมมีกำลังใจเรียนเเละมีกำลังใจในการใช้ชีวิตมากขึ้น ดูเหมือนความรักจะผลักดันชีวิตผม การวางความรักในจุดที่พอเหมาะ ใช่ว่ามันจะดึงเราให้ถอยลงเสียเมื่อไหร่
จนวันหนึ่งผมตัดสินใจจะให้ของขวัญเเววเป็นจี้รูปหัวใจ ผมเตรียมไว้เเล้ว ใส่กล่องอย่างดี อยากจะบอกความในใจเธอในวันวาเลนไทน์
วันนั้นผมทำตัวเนียนๆเเละคุยเล่นอยู่กับไอโป้ง หาจังหวะที่เเววอยู่คนเดียว เพื่อที่จะได้เข้าไปสารภาพความในใจ
เเต่สิ่งที่ผมเห็นคือ ภูมิเพื่อนของผมได้ให้ดอกกุหลาบกับเธอ เเละไอโป้งก็พูดขึ้นว่า ไอภูมิกับเเววมันเคยเป็นเเฟนกันสงสัยมันจะกลับมาคบกันอีก ไอโป้งพูดไปเเบบนั้นเพราะมันไม่รู้ว่าผมชอบเเวว เพราะผมคงไม่กล้าเล่าความลับให้มันฟังตั้งเเต่มันล้อผมว่าชอบเก้าเเล้วหละ...
วันทั้งวันผมเเทบไม่พูดไม่จากับใคร ผมพยายามกลั้นน้ำตาไว้ตลอดเวลา คนนึงก็เพื่อนรักที่มีไม่กี่คน อีกคนก็สาวที่ชอบมากๆในรอบหลายปี (จริงๆก็เเค่2-3ปีอ่ะเเหละ)
มันทำให้ผมไม่อยากมองหน้าทั้งสองคน หลบสายตาจนเเววมองผมเหมือนอยากจะพูดอะไรสักอย่าง
เย็นวันนั้นผมได้ให้จี้หัวใจให้เพื่อนผู้หญิงคนหนึ่ง ซึ่งเป็นคนที่ผมไม่ค่อยสนิทด้วย โดยให้ไปเเละบอกว่าไม่รู้จะให้ใคร
วันวาเลนไทน์ครั้งนั้น เจ็บใจสุดๆเลยครับ
ด้วยกิจการค้าขายทางบ้านเริ่มทำให้ครอบครัวผมมีฐานะมากขึ้น ด้วยเเม่ผมทราบว่าผมโดนรังเเกหนักมากจึงอยากให้ผมย้ายจากโรงเรียนรัฐไปเอกชน เเต่ใจจริงผมก็อยากเรียนให้จบที่นี่จน ป.6 ไปเลย เพราะทนมาตั้งนานเเล้ว ..อีกปีจะเป็นไรเสีย