ที่ผ่านมาก็เห็นคนแชร์กันเยอะแยะนะ พวกทริปแนวขึ้นเขา ตั้งแคมป์แบบไม่มีน้ำมีไฟ เราแอบอยากลองบ้าง แต่ก็ไม่เคยกล้า จนครั้งนี้ลองชวน(ลวง)เพื่อนเล่นๆปรากฎว่าตั้งทริปได้จริงๆซะงั้น ไปกัน 6 คนค่ะ ใจจริงคือคิดว่าอาจจะเป็นทริปแรกและทริปสุดท้ายก็ไม่ว่ากัน แค่รู้สึกว่ามันต้องลองสักครั้ง ทริปนี้เป็นปลายเดือนมกราคมค่ะ
ภูบักไดอยู่ที่ อ.ภูเรือ จ. เลย อยู่ในการดูแลของชุมชนปลาบ่า (เพิ่มเติม: มี highlight คือผาหลอกลวงซึ่งสามารถใช้มุมกล้องทำให้ดูเหมือนนั่งบนหินยื่นนอกหน้าผาน่าหวาดเสียวได้ค่ะ) ก่อนไปคือกังวลมาก อ่านหลายรีวิว รู้สึกว่าของมันครบจริงดิ แค่นี้จะรอดจริงหรอ มีอะไรที่เขาไม่ได้บอกมั๊ย ปรากฎว่าสุดท้ายเราค่อนข้างชอบนะ ชอบมากๆๆกว่าที่คิดด้วย กระทู้นี้เลยว่าจะมาพาทุกคนตั้งสติ ใจเย็นๆ จัดกระเป๋าไปขึ้นเขาตั้งแคมป์ มันไม่ได้ยากและน่ากลัวอย่างที่หลายๆคนคิด **หมายเหตุ: การเตรียมตัวทั้งหมดนี้อิงตามสถานการณ์ของภูบักไดนะคะ
หลายคนรีวิวว่าภูบักไดเป็นเทรกที่เหมาะกับ beginner มากๆสำหรับคนที่เที่ยวสายเดินป่าขึ้นเขา ถามว่าเหนื่อยขนาดไหนเราขอใช้ภูกระดึงเป็นตัวเทียบนะ คือถ้าเทียบสองสถานที่เรื่องทางขึ้นภูบักไดคือชิลมาก ก็เหนื่อยอยู่แต่ไม่ได้รู้สึกเหมือนตายซ้ำได้หลายๆครั้งเหมือนภูกระดึง แต่ที่โหดกว่าคือการต้องขนของและน้ำทั้งหมดขึ้นไปเองในขณะที่ภูกระดึงมีลูกหาบ กับข้างบนภูกระดึงนั้นเหมือนเป็นหมู่บ้านขนาดย่อมมีน้ำมีไฟฟ้าครบ ส่วนภูบักไดคือไม่มีอะไรเลยนอกจากป่า ต้นไม้และก้อนหิน
ติดต่อยังไง : ภูบักไดเป็นกลุ่มชาวชุมชนรวมตัวกันบริหารจัดการค่ะ โทรไปติดต่อพี่แสงเดือนได้เลยนะคะ 0964151467 น่ารักใจดีมากๆค่ะ
ราคา : 3,000-3,500 ขึ้นกับขนาดรถและจำนวนคนค่ะ ราคานี้จะมีรถขึ้นไปส่งกับมีคนไปด้วย 1 คนค่ะ ซึ่งพี่ที่ไปด้วยจะช่วย
1.) ขับรถทางหฤโหดให้เรา(เป็นรถอีแต๊ก ถ้าคนไปเยอะอาจได้รถกระบะ)
2.) ชี้ทาง (แค่ชี้จริงๆค่ะ เพราะมีแค่ทางเดียวไม่หลงอยู่แล้ว พี่แกจะปล่อยเราเดินเองไปเจอกันที่ปลายทาง)
3.) ช่วยดูแลการตั้งแคมป์และที่สำคัญยิ่งคือหาฟืนและก่อไฟให้เราค่ะ ถ้าไม่มีพี่เขาเราคงไม่ได้กินข้าว พี่เขาจะหิ้วหม้อมาให้เรา 1 ใบด้วย แล้วก็ช่วยเดินไปกรอกน้ำใช้จากตาน้ำธรรมชาติข้างบนมาให้ แต่น้ำกินยังไงก็ต้องขนเองค่ะ
ลักษณะทาง : ด่านแรกคือนั่งรถ ซึ่งฝุ่นมากๆๆและแดดเต็มๆด้วยค่ะ ควรมีหมวกและหน้ากากป้องกันฝุ่นกับเสื้อแขนยาว/ปลอกแขน ระยะทางนั่งรถ 8 km ใช้เวลาประมาณ 1-1.30 ชม. พอลงจากรถก็เจอด่านสองคือทางชันขึ้นเขาค่ะ ร่มเงาไม่ค่อยมี ตรงนี้น่าจะเหนื่อยสุดแล้ว พอผ่านตรงนี้ไปที่เหลือจะเป็นทางราบตลอดเลยค่ะ เริ่มมีร่มไม้ให้บ้าง เดินสบายมาก แต่แอบเลียบหน้าผาพอสมควร ระยะทางเดินเท้าประมาณ 3 km ใช้เวลาประมาณ 2 ชม. ก็ถึงจุดตั้งแคมป์ค่ะ พวกเรากินข้าวเที่ยงในหมู่บ้านเสร็จก็เดินทางถึงจุดตั้งแคมป์ประมาณบ่ายสามครึ่งค่ะ พี่แสงเดือนแนะนำว่าไม่ควรออกเดินทางช้ากว่าบ่ายสอง
จุดนี้ค่ะที่ชันสุดจากจุดจอดรถก่อนจะเริ่มเป็นทางราบข้างบน
ทางราบแล้ว ใส่แขนยาวก็กันแดดกับกิ่งไม้ดี
วิวนี้สามารถมองเห็นได้ตลอดทางเลย
ชอบๆ
ฤดูไหนดี : พวกเราไปกันปลายเดือนมกราคม เลยจะค่อนข้างแห้งๆแล้งๆหน่อย เห็นควันเผาไร่ แต่ฟ้าจะใสสวยมาก พี่แสงเดือนบอกว่าพี่เขาชอบเดือนตุลาคมที่สุดเพราะเขียวชอุ่มสุด แต่ทากก็เยอะมากเช่นกัน ถ้ากำลังดีน่าจะสักปลายๆพฤศจิกายนที่ฝนกับทากเริ่มน้อยแล้วแต่เขาจะยังเขียวอยู่
เอาอะไรไปบ้างดีนะ??
เต้นท์ : พวกเราเช่าจากพี่แสงเดือนนี่แหละ เต้น/2 คน/100บาท เพื่อความสบายใจพอได้เต้นที่เช่ามาเราก็ควรเช็คก่อนสักหน่อยว่าของครบมั๊ย ซึ่งสิ่งที่ควรมีคือ
-ขาเต้นท์ 2 ขา
-ตัวเต้นท์
-ผ้าคลุมน้ำค้างผืนเล็กๆทรงสี่เหลี่ยม ซึ่งมักหอสมอเต้นท์ 4 อันไว้ด้วยค่ะ
เวลากางเต้นท์พี่เขาแนะนำให้กางในจุดที่มีต้นไม้หรือก้อนหินบังลมสักหน่อย หาพื้นราบๆ แล้วก็อย่าลืมเก็บเศษอะไรที่ทำให้พื้นขรุขระออกก่อนด้วยจะได้นอนสบายๆ ส่วนถ้าจำวิธีกางไม่ได้ก็เดี๋ยวมีใครสักคนบนนั้นช่วยเราเองค่ะ(ฮา)
เครื่องกันหนาว : ต้องหอบเครื่องกันหนาวไปเยอะขนาดไหนถึงจะพออ่ะ ต้องขนไปหมดตู้เลยมั๊ยนิ ก่อนอื่นที่ควรรู้มีสิ่งที่ทำให้หนาวหลักๆมีอยู่ 2 อย่าง คือ 1.)ลม 2.)ตัวอุณหภูมิ ซึ่งเต้นท์ช่วยกันลมให้ค่ะดังนั้นข้างในเต้นท์จะอุ่นแม้มันมีแค่ผ้าใบบางๆ ส่วนเรื่องอุณหภูมิก็มาดูกันว่าเรามีพร๊อบอะไรมากักความอุ่นกันบ้าง
-ถุงนอน อุ่นกว่าผ้าห่มนะคะ แถมพกง่ายและไม่หนักด้วย ผ้าบางๆนี่แหละแต่ว่าลักษณะความเป็นถุงทำให้มันกักความอุ่นได้เก่งกว่าผ้าห่มค่ะ ใครไม่มีถุงนอนก็เช่ากับพี่แสงเดือนได้นะคะ 50 บาท/ถุง
-ตอนเรานอนอุณหภูมิประมาณ 9 องศา เราใช้แค่เสื้อยืดแขนสั้น เสื้อกันหนาว 1 ตัว หมวกไหมพรม ถุงเท้า กางเกงวอร์มขายาว จบ
กินอะไรดี (ข้าวเย็น-ข้าวเช้า) :
-บะหมี่คัพต่างๆ เป็นของยืนพื้นที่ง่ายมากๆ ทำแค่ต้มน้ำใส่ลงไปก็กินได้ ไม่ต้องพกจานชามอีก
-เสริมด้วยบรรดาไส้กรอก ลูกชิ้น ปูอัด เบค่อน ลวกกินง่ายๆ ส่วนไข่ก็พกไข้ต้ม/ไข่ลวกเซเว่นสะดวกๆ
-จะบรรเจิดขึ้นมาอีกหน่อยคือพวกเราขนเนื้อสดขึ้นไปหมักผงโลโบ้ย่างกันข้างบนด้วย ตะแกรงไม่ได้ขนไปแต่พี่เขาเอาไม้ไผ่แถวนั้นมาหนีบเนื้อย่างให้ พี่เขาเซียนมากอย่างกับที่ดูในหนังเลย แบบประทับใจอ่ะ
-ฟุ้งเฟ้ออีกนิดก็ของหวานค่ะ มาช์เมโล่ย่างปรากฎว่าหาซื้อไม่ได้เลยได้ใช้ไมล์ดี้แทน เราว่ามันเวิร์คนะ ซัดกันไป 3 แพคหมดเกลี้ยง
-พกตะเกียบไปด้วยเยอะๆก็สะดวกดีค่ะ และอย่าลืมถุงใส่ขยะด้วย
เสื้อผ้า&ห้องน้ำ :
-เรื่องอาบน้ำเราอาบที่บ้านพี่แสงเดือนหลังลงมาจากภูบักไดแล้วค่ะ ดังนั้นพวกผ้าเช็ดตัว อุปกรณ์อาบน้ำเลยทิ้งไว้ในรถ
-สิ่งที่เราหอบขึ้นไปมี เสื้อยืด 1 ตัวที่ใส่นอนแล้วก็ใส่ต่อเช้าวันถัดไปเลย มีเสื้อยืดสำรองอีกตัวที่ไว้ใช้เป็นหมอนด้วย กับกางเกงนอนขายาวอีกตัว ส่วนกางเกงยีนก็ใส่ซ้ำเอา
-ทิชชูเปียกเป็นสิ่งจำเป็น เอาไว้ทั้งเช็ดมือและซักแห้งตัวเองแบบประหยัดน้ำ
-แปรงฟัน เรายอม 1 คืน คือพกแค่น้ำยาป้วนปากขวดเล็กขึ้นไป 1 ขวด เพราะรู้สึกว่าการแปรงฟันมันเปลืองน้ำอ่ะ
-ถ้าจะฉี่กันก็ตามสะดวกค่ะ หาที่ชอบๆ ชวนเพื่อนไปเป็นต้นทางก็ดีนะคะ หลายๆรอบจะรู้สึกง่ายขึ้นเอง
-น้ำเป็นอะไรที่สำคัญมาก ยอมแบกหนัก เดะใช้ๆไปจะเบาขึ้นเอง หรือไม่ไหวจริงค่อยเททิ้งก็ได้ ที่ต้องเอาไปพอแน่ๆคือน้ำกิน ส่วนน้ำใช้ปกติพี่เขาจะไปกรอกน้ำจากตาน้ำธรรมชาติมาให้ แต่ช่วงหน้าแล้ง หรือถ้าคนขึ้นไปเยอะๆน้ำตาน้ำอาจจะไม่พอได้ก็ขนเผื่อน้ำใช้ด้วย
อื่นๆ :
-ไฟฉาย สะดวกกว่ามือถือนะ ไม่ห่วงแบตหมดด้วย เอาไว้ตั้งวงคุยกันกลางคืน
-เสื่อ/ผ้าใบ ไว้ปูนั่งล้อมวงกัน
หมูย่างไม้ไผ่ by พี่คนขับรถ
หม้อจิ๋วผู้มีส่วนสำคัญในการประกอบอาหารทุกมื้อ
ดาวที่นี่คือชนะเลิศ
ปกติที่ถ่ายรูปที่ผาหลอกลวงกันสวยๆจะเป็นตอนเช้า ส่วนตอนเย็นภาพจะย้อนแสงหนักมาก แต่แนะนำให้ถ่ายตอนเย็นให้เต็มที่เสมือนตอนเช้าจะไม่ได้ถ่ายนะคะ สังเกตมาหลายรีวิวแล้วที่ภูบักไดมักเจอหมอกลงฟ้าปิดกันตอนเช้า ซึ่งเราก็เจอเหมือนกัน(ฮา) มีจังหวะดีที่ฟ้าเปิดให้แค่ประมาณ 10 นาทีเอง
จบแล้วค่ะ ทั้งนี้ต้องขอขอบคุณเพื่อนๆในทริปที่ไปด้วยกันนะ โดยเฉพาะเพื่อนที่ช่วยขนน้ำให้(ฮา)
ปล. เพิ่มเติมเพราะมีคนถามมาเยอะ อันนี้เป็นภาพเต็มๆของผาหลอกลวงนะคะ จริงๆมันสูงจากพื้นแค่เมตรกว่าๆเองจ้าาา
[CR] ภูบักได เอาตัวรอดยังไงเมื่อไม่มีห้องน้ำและไฟฟ้า
ภูบักไดอยู่ที่ อ.ภูเรือ จ. เลย อยู่ในการดูแลของชุมชนปลาบ่า (เพิ่มเติม: มี highlight คือผาหลอกลวงซึ่งสามารถใช้มุมกล้องทำให้ดูเหมือนนั่งบนหินยื่นนอกหน้าผาน่าหวาดเสียวได้ค่ะ) ก่อนไปคือกังวลมาก อ่านหลายรีวิว รู้สึกว่าของมันครบจริงดิ แค่นี้จะรอดจริงหรอ มีอะไรที่เขาไม่ได้บอกมั๊ย ปรากฎว่าสุดท้ายเราค่อนข้างชอบนะ ชอบมากๆๆกว่าที่คิดด้วย กระทู้นี้เลยว่าจะมาพาทุกคนตั้งสติ ใจเย็นๆ จัดกระเป๋าไปขึ้นเขาตั้งแคมป์ มันไม่ได้ยากและน่ากลัวอย่างที่หลายๆคนคิด **หมายเหตุ: การเตรียมตัวทั้งหมดนี้อิงตามสถานการณ์ของภูบักไดนะคะ
หลายคนรีวิวว่าภูบักไดเป็นเทรกที่เหมาะกับ beginner มากๆสำหรับคนที่เที่ยวสายเดินป่าขึ้นเขา ถามว่าเหนื่อยขนาดไหนเราขอใช้ภูกระดึงเป็นตัวเทียบนะ คือถ้าเทียบสองสถานที่เรื่องทางขึ้นภูบักไดคือชิลมาก ก็เหนื่อยอยู่แต่ไม่ได้รู้สึกเหมือนตายซ้ำได้หลายๆครั้งเหมือนภูกระดึง แต่ที่โหดกว่าคือการต้องขนของและน้ำทั้งหมดขึ้นไปเองในขณะที่ภูกระดึงมีลูกหาบ กับข้างบนภูกระดึงนั้นเหมือนเป็นหมู่บ้านขนาดย่อมมีน้ำมีไฟฟ้าครบ ส่วนภูบักไดคือไม่มีอะไรเลยนอกจากป่า ต้นไม้และก้อนหิน
ราคา : 3,000-3,500 ขึ้นกับขนาดรถและจำนวนคนค่ะ ราคานี้จะมีรถขึ้นไปส่งกับมีคนไปด้วย 1 คนค่ะ ซึ่งพี่ที่ไปด้วยจะช่วย
1.) ขับรถทางหฤโหดให้เรา(เป็นรถอีแต๊ก ถ้าคนไปเยอะอาจได้รถกระบะ)
2.) ชี้ทาง (แค่ชี้จริงๆค่ะ เพราะมีแค่ทางเดียวไม่หลงอยู่แล้ว พี่แกจะปล่อยเราเดินเองไปเจอกันที่ปลายทาง)
3.) ช่วยดูแลการตั้งแคมป์และที่สำคัญยิ่งคือหาฟืนและก่อไฟให้เราค่ะ ถ้าไม่มีพี่เขาเราคงไม่ได้กินข้าว พี่เขาจะหิ้วหม้อมาให้เรา 1 ใบด้วย แล้วก็ช่วยเดินไปกรอกน้ำใช้จากตาน้ำธรรมชาติข้างบนมาให้ แต่น้ำกินยังไงก็ต้องขนเองค่ะ
ลักษณะทาง : ด่านแรกคือนั่งรถ ซึ่งฝุ่นมากๆๆและแดดเต็มๆด้วยค่ะ ควรมีหมวกและหน้ากากป้องกันฝุ่นกับเสื้อแขนยาว/ปลอกแขน ระยะทางนั่งรถ 8 km ใช้เวลาประมาณ 1-1.30 ชม. พอลงจากรถก็เจอด่านสองคือทางชันขึ้นเขาค่ะ ร่มเงาไม่ค่อยมี ตรงนี้น่าจะเหนื่อยสุดแล้ว พอผ่านตรงนี้ไปที่เหลือจะเป็นทางราบตลอดเลยค่ะ เริ่มมีร่มไม้ให้บ้าง เดินสบายมาก แต่แอบเลียบหน้าผาพอสมควร ระยะทางเดินเท้าประมาณ 3 km ใช้เวลาประมาณ 2 ชม. ก็ถึงจุดตั้งแคมป์ค่ะ พวกเรากินข้าวเที่ยงในหมู่บ้านเสร็จก็เดินทางถึงจุดตั้งแคมป์ประมาณบ่ายสามครึ่งค่ะ พี่แสงเดือนแนะนำว่าไม่ควรออกเดินทางช้ากว่าบ่ายสอง
เต้นท์ : พวกเราเช่าจากพี่แสงเดือนนี่แหละ เต้น/2 คน/100บาท เพื่อความสบายใจพอได้เต้นที่เช่ามาเราก็ควรเช็คก่อนสักหน่อยว่าของครบมั๊ย ซึ่งสิ่งที่ควรมีคือ
-ขาเต้นท์ 2 ขา
-ตัวเต้นท์
-ผ้าคลุมน้ำค้างผืนเล็กๆทรงสี่เหลี่ยม ซึ่งมักหอสมอเต้นท์ 4 อันไว้ด้วยค่ะ
เวลากางเต้นท์พี่เขาแนะนำให้กางในจุดที่มีต้นไม้หรือก้อนหินบังลมสักหน่อย หาพื้นราบๆ แล้วก็อย่าลืมเก็บเศษอะไรที่ทำให้พื้นขรุขระออกก่อนด้วยจะได้นอนสบายๆ ส่วนถ้าจำวิธีกางไม่ได้ก็เดี๋ยวมีใครสักคนบนนั้นช่วยเราเองค่ะ(ฮา)
เครื่องกันหนาว : ต้องหอบเครื่องกันหนาวไปเยอะขนาดไหนถึงจะพออ่ะ ต้องขนไปหมดตู้เลยมั๊ยนิ ก่อนอื่นที่ควรรู้มีสิ่งที่ทำให้หนาวหลักๆมีอยู่ 2 อย่าง คือ 1.)ลม 2.)ตัวอุณหภูมิ ซึ่งเต้นท์ช่วยกันลมให้ค่ะดังนั้นข้างในเต้นท์จะอุ่นแม้มันมีแค่ผ้าใบบางๆ ส่วนเรื่องอุณหภูมิก็มาดูกันว่าเรามีพร๊อบอะไรมากักความอุ่นกันบ้าง
-ถุงนอน อุ่นกว่าผ้าห่มนะคะ แถมพกง่ายและไม่หนักด้วย ผ้าบางๆนี่แหละแต่ว่าลักษณะความเป็นถุงทำให้มันกักความอุ่นได้เก่งกว่าผ้าห่มค่ะ ใครไม่มีถุงนอนก็เช่ากับพี่แสงเดือนได้นะคะ 50 บาท/ถุง
-ตอนเรานอนอุณหภูมิประมาณ 9 องศา เราใช้แค่เสื้อยืดแขนสั้น เสื้อกันหนาว 1 ตัว หมวกไหมพรม ถุงเท้า กางเกงวอร์มขายาว จบ
กินอะไรดี (ข้าวเย็น-ข้าวเช้า) :
-บะหมี่คัพต่างๆ เป็นของยืนพื้นที่ง่ายมากๆ ทำแค่ต้มน้ำใส่ลงไปก็กินได้ ไม่ต้องพกจานชามอีก
-เสริมด้วยบรรดาไส้กรอก ลูกชิ้น ปูอัด เบค่อน ลวกกินง่ายๆ ส่วนไข่ก็พกไข้ต้ม/ไข่ลวกเซเว่นสะดวกๆ
-จะบรรเจิดขึ้นมาอีกหน่อยคือพวกเราขนเนื้อสดขึ้นไปหมักผงโลโบ้ย่างกันข้างบนด้วย ตะแกรงไม่ได้ขนไปแต่พี่เขาเอาไม้ไผ่แถวนั้นมาหนีบเนื้อย่างให้ พี่เขาเซียนมากอย่างกับที่ดูในหนังเลย แบบประทับใจอ่ะ
-ฟุ้งเฟ้ออีกนิดก็ของหวานค่ะ มาช์เมโล่ย่างปรากฎว่าหาซื้อไม่ได้เลยได้ใช้ไมล์ดี้แทน เราว่ามันเวิร์คนะ ซัดกันไป 3 แพคหมดเกลี้ยง
-พกตะเกียบไปด้วยเยอะๆก็สะดวกดีค่ะ และอย่าลืมถุงใส่ขยะด้วย
เสื้อผ้า&ห้องน้ำ :
-เรื่องอาบน้ำเราอาบที่บ้านพี่แสงเดือนหลังลงมาจากภูบักไดแล้วค่ะ ดังนั้นพวกผ้าเช็ดตัว อุปกรณ์อาบน้ำเลยทิ้งไว้ในรถ
-สิ่งที่เราหอบขึ้นไปมี เสื้อยืด 1 ตัวที่ใส่นอนแล้วก็ใส่ต่อเช้าวันถัดไปเลย มีเสื้อยืดสำรองอีกตัวที่ไว้ใช้เป็นหมอนด้วย กับกางเกงนอนขายาวอีกตัว ส่วนกางเกงยีนก็ใส่ซ้ำเอา
-ทิชชูเปียกเป็นสิ่งจำเป็น เอาไว้ทั้งเช็ดมือและซักแห้งตัวเองแบบประหยัดน้ำ
-แปรงฟัน เรายอม 1 คืน คือพกแค่น้ำยาป้วนปากขวดเล็กขึ้นไป 1 ขวด เพราะรู้สึกว่าการแปรงฟันมันเปลืองน้ำอ่ะ
-ถ้าจะฉี่กันก็ตามสะดวกค่ะ หาที่ชอบๆ ชวนเพื่อนไปเป็นต้นทางก็ดีนะคะ หลายๆรอบจะรู้สึกง่ายขึ้นเอง
-น้ำเป็นอะไรที่สำคัญมาก ยอมแบกหนัก เดะใช้ๆไปจะเบาขึ้นเอง หรือไม่ไหวจริงค่อยเททิ้งก็ได้ ที่ต้องเอาไปพอแน่ๆคือน้ำกิน ส่วนน้ำใช้ปกติพี่เขาจะไปกรอกน้ำจากตาน้ำธรรมชาติมาให้ แต่ช่วงหน้าแล้ง หรือถ้าคนขึ้นไปเยอะๆน้ำตาน้ำอาจจะไม่พอได้ก็ขนเผื่อน้ำใช้ด้วย
อื่นๆ :
-ไฟฉาย สะดวกกว่ามือถือนะ ไม่ห่วงแบตหมดด้วย เอาไว้ตั้งวงคุยกันกลางคืน
-เสื่อ/ผ้าใบ ไว้ปูนั่งล้อมวงกัน
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้