ทารกลืมตาดูโลกวันที่ 02/02/2020 เวลา 20.02
คุณแม่มือใหม่ได้ให้กำเนิดลูกคนแรกในวันอาทิตย์ที่ 2 ก.พ.2020 ที่ผ่านมา และถูกยกให้เป็นอีกหนึ่งในหน้าประวัติศาสตร์ เพราะถือเป็นวันหายากที่เรียกว่าวัน Palindrome Day ซึ่งเราสามารถอ่านตัวเลข 02/02/2020 จากหน้าไปหลัง หรือหลังไปหน้า ก็จะได้เป็นตัวเลขเดียวกัน
และหากย้อนไปดูวันที่ถือว่าเป็นวัน Palindrome Day ครั้งล่าสุด ก็ต้องย้อนไปเมื่อ 909 ปีก่อนนู่นเลย ซึ่งตรงกับวันที่ 11/11/1111 และจะเกิดขึ้นอีกครั้งหนึ่งในอีก 101 ปีข้างหน้า ในวันที่ 12/12/2121
คุณแม่ท้องแก่นามว่า เลเกน มาสเตอร์ (Laken Masters) จากรัฐเคนทักกี สหรัฐอเมริกา เธอคาดหวังว่าจะให้กำเนิดลูกสาวตัวน้อยในวันจันทร์หรือไม่ก็วันอังคาร แต่ทุกอย่างมันกลับเร็วกว่าที่เธอคิด สุดท้ายเธอต้องคลอดลูกสาวในคืนวันอาทิตย์แทน ทำให้เธอทั้งตกใจและแอบเป็นกังวลอยู่ไม่น้อย
คุณแม่มือใหม่ได้กล่าวถึงความรู้สึกแรกที่ลูกสาวตัวน้อยลืมตาบนโลกว่า เธอไม่ได้นึกถึงวันที่ลูกเกิดเลย จนกระทั่งคุณแม่ของเธอเป็นคนแรกที่สังเกตเห็นนาฬิกาในห้องบอกเวลา 20.02 นั่นจึงทำให้รู้ว่ามันเป็นวันที่สุดพิเศษจริง ๆ
หนูน้อย ชาร์ลี (Charlee) ที่ถูกตั้งชื่อตามปู่ทวดของเธอที่ล่วงลับ ก็ถือกำเนิดขึ้นมาในวันที่ 02-02-2020 เวลา 20.02 พอดีเป๊ะ ซึ่งทั้งคุณแม่และลูกมีสุขภาพแข็งแรงทั้งคู่ ท่ามกลางความยินดีของทีมแพทย์ พยาบาล และคนในครอบครัว
ที่มา : unilad
Cr.
https://zpore.com/baby-born-on-02-02-2020-at-2002-013/
หินก้อนนี้ถูกคนขับรถเลี้ยวขึ้นมาเกยนับสิบ จนมีเฟสเป็นของตัวเอง
ย้อนกลับไปเมื่อนานมาแล้ว ลานจอดรถแห่งหนึ่งบริเวณเขตถนน W Maple ทางตะวันตกของเมืองโอมาฮา ในรัฐเนบรัสกา เป็นสถานที่ธรรมดา ๆ ที่ไม่มีใครสนใจ แต่ก็เหมือนกับลานจอดรถทั่ว ๆ ไปที่มักจะมีปัญหาเล็ก ๆ น้อยที่เกิดจากความเห็นแก่ตัวของผู้ขับขี่รถยนต์
แต่ลานจอดรถแห่งนี้มีปัญหาคือ ผู้ขับขี่รถยนต์มักขับรถเลี้ยวตัดหัวมุมของเกาะกลางทับขึ้นมาบนพื้นหญ้า จนเกิดความเสียหายอยู่เป็นประจำ ถึงแม้จะมีการนำก้อนหินก้อนเล็ก ๆ มาวางแทนพื้นหญ้าบริเวณหัวมุมก็ไม่อาจแก้ปัญหาได้ จนในที่สุด เจ้าของสถานที่ดังกล่าวจึงหาทางออกด้วยการนำหินก้อนใหญ่มาวางเอาไว้ เพื่อไม่ให้ใครขับรถขึ้นมาได้อีก
แต่สิ่งที่ไม่น่าเชื่อก็เกิดขึ้น เพราะยังมีรถที่พยายามขับตัดหัวมุมนี้อีกเช่นเคย ราวกับว่าไม่เคยมีก้อนหินก้อนนี้อยู่บนโลก สาเหตุอาจเป็นเพราะ รถของพวกเขาเป็นรถจี๊บที่มีความสูง จึงไม่เห็นก้อนหินก้อนนี้ก็เป็นได้ แต่นั่นไม่ใช่เหตุผล เพราะรถเก๋งธรรมดา ๆ ก็ขึ้นมาปีนก้อนหินก้อนนี้เป็นว่าเล่น คันแล้วคันเล่าที่ต้องมาเกยอยู่บนหินก้อนนี้ เนื่องจากเหลี่ยมมุมของมันทำให้รถที่ขับขึ้นมาต้องไปค้างคาอยู่บนนั้น
จนหินก้อนนี้มีชื่อเป็นของตัวเองว่า W Maple Ohama Rock แค่เพียงไม่นาน ก็มีชาวเน็ตคนหนึ่งสร้างโปรไฟล์เฟสบุ๊คที่มีชื่อก้อนหินก้อนนี้ขึ้นมา
แต่เนื่องจากเฟสบุ๊คไม่อนุญาตให้สร้างโปรไฟล์ที่ไม่ใช่ตัวคนจริง ๆ ประกอบกับมีคนแอดเพื่อนเข้ามาเป็นจำนวนมาก เขาจึงตัดสินใจเปลี่ยนเป็นกลุ่มที่ชื่อ W Maple Ohama Rock เพื่อแบ่งปันประสบการณ์ของหินก้อนนี้ให้กับคนอื่น ๆ ได้เข้ามาชมกัน
ถ้ามีคนขับปีนหินก้อนนี้เพียงแค่ 2-3 คัน มันอาจเป็นเรื่องปกติ แต่ปรากฏว่ามีผู้ขับขี่รถยนต์เป็นสิบ ๆ คันที่ต้องมาเจอชะตากรรมอันเลวร้ายกับหินก้อนนี้
ด้วยความมหัศจรรย์ของหินยักษ์ล่องหนนี้ ทำให้นักข่าวถึงกับต้องมาทำข่าวเลยทีเดียว ชาวเมืองที่รู้ข่าวต่างก็ผ่านมาเซลฟี่กับหินมหัศจรรย์ก้อนนี้กันอย่างคับคั่ง จนหินก้อนนี้กลายเป็นแลนด์มาร์กของเมือง
ที่มา : boredpanda | Facebook | เรียบเรียงโดย เพชรมายา
Cr.
https://petmaya.com/w-maple-ohama-rock
เมืองแห่งนี้ มีสถิติการพบ UFO 300 ครั้งต่อปี
ต.ค. 13, 2019 บอนนี่บริดจ์ คือศูนย์กลางของโลกในด้านของการพบเห็น UFO เฉลี่ย 300 ครั้งต่อปี แม้บอนนี่บริดจ์จะเป็นเมืองเล็ก ๆ ที่มีประชากรเพียง 6,000 คนทางตอนกลางของสก็อตแลนด์ แต่ที่นี่เป็นที่รู้จักกันในเรื่องของสิ่งเร้นลับที่อธิบายไม่ได้ เช่นเดียวกับรอสเวลในนิวเม็กซิโกหรือแม้แต่สามเหลี่ยมเบอร์มิวด้า
สมาชิกสภาเมืองบิลลี่ บูคาแนนเล่าว่า ประชาชนมากมายมาหาเขาในเรื่องของความกังวัลถึงสิ่งที่เกิดบนท้องฟ้าของเมือง จนทำให้เขาต้องยื่นคำร้องขอทำการสืบสวนเรื่องนี้อย่างเร่งด่วนต่อนายกรัฐมนตรีอังกฤษถึงสามสมัยเลยทีเดียว แม้ว่าในตอนนี้ก็ยังไม่มีรายงานการสืบสวนออกมาก็ตาม ทางกระทรวงกลาโหมกล่าวว่า พวกเขาไม่มีหลักฐานใด ๆ ที่บ่งบอกว่าน่านฟ้าอังกฤษถูกรุกรานโดยจานบินหรือกิจกรรมทางท้องฟ้าจากประเทศอื่น แต่ชาวเมืองเชื่อว่า ที่นี่อาจเป็นประตูมิติที่อาจเชื่อมต่อสู่จักรวาลอื่นก็เป็นได้
เรื่องลึกลับภายในเมืองแห่งนี้เกิดขึ้นบ่อยมาก โดยเฉพาะสถานที่ ๆ เรียกว่า “สามเหลี่ยมฟัลเคิร์ก” หรือ “สามเหลี่ยมบอนนี่บริดจ์” ซึ่งเป็นรอยต่อไปยังเมืองสเตอร์ลิงและฟัลเคิร์ก ตั้งแต่รายงานเรื่องลูกบอลปริศนาจนไปถึงการลงจอดของยานอวกาศพร้อมการบันทึกภาพสิ่งที่อธิบายไม่ได้ด้วย
ย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 9 พฤศจิกายน 1979 บ็อบ เทย์เลอร์ ที่ทำงานให้กับบริษัท ลิฟวิงสตัน เดเวลลอฟเมนต์ คอร์ปอเรชัน . เขาเห็นวัตถุทรงกลมขนาดใหญ่ มีพื้นผิวเป็นโลหะสีเงิน มีเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 20 ฟุต และสูง 12 ฟุต อยู่ตรงหน้าเขา
มันก็ปล่อยลูกบอลทรงกลมที่มีหนาม 2 ลูกลงมา (บ็อบอธิบายว่ามันมีลักษณะคล้ายกับทุ่นระเบิดใต้น้ำแบบเก่า) จากนั้นมันก็ค่อย ๆ กลิ้งตรงมาที่เขา บ็อบพยายามวิ่งหนี แต่เจ้าลูกกลมประหลาดได้จับยึดขากางเกงของเขาเอาไว้ และลากเขากลับไปที่ยานลำใหญ่ บ็อบสลบไปประมาณ 20 นาที เขาเริ่มรู้สึกตัวเนื่องจากได้ยินเสียงหึ่ง ๆ และ UFO ได้หายไปแล้วเรียบร้อย เขาต้องคลานไปจากที่นั่นเกือบ 100 หลา เพื่อกลับไปยังรถกระบะของเขา เนื่องจากเขาไม่สามารถเดินได้ชั่วคราว
จากรายงานดังกล่าว ทำให้ทางบริษัทได้ส่งคนไปตรวจสอบอย่างละเอียด และได้พบกับร่องรอยแปลก ๆ ที่ไม่สามารถอธิบายได้บนพื้นหลายจุด ส่วนทางตำรวจเองก็งงงวยกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นและไม่สามารถหาคำอธิบายได้เช่นกัน
อีกหนึ่งคดีที่น่าสนใจเกิดขึ้นในปี 1992 เมื่อนักธุรกิจชื่อ เจมส์ วอลค์เกอร์ ได้บอกเล่าถึงการพบแสงประหลาดบนท้องฟ้า ในตอนแรกเขาคิดว่ามันคือดวงดาว แต่เขาก็ต้องตกใจเมื่อมันเริ่มเคลื่อนที่และมีรูปร่างเป็นสามเหลี่ยม
ในช่วงเวลาใกล้เคียงกัน ครอบครัวสล็อกเกตได้บอกเล่าถึงการพบ UFO ที่มีลักษณะคล้ายกัน พวกเขาเล่าว่าพบแสงวงกลมเหนือศีรษะระหว่างการเดินเล่น โดยแสงเหล่านั้นปรากฎบนพื้นใกล้ ๆ ทุ่งหญ้า เมื่อครอบครัวเดินทางต่อก็พบวัตถุมทรงกลมที่มีแสงล้อมรอบลอยอยู่เหนือถนนตรงหน้าพวกเขา โดยพวกเขาเล่าต่อว่า UFO ได้เปิดประตูออกมาแล้วมีเสียงโหยหวนเกิดขึ้น ทำให้พวกเขาวิ่งหนีอย่างหวาดกลัว
นับตั้งแต่นั้นเรื่อยมา ก็มีการพบ UFO มากขึ้น ผู้คนมากมายที่อาศัยใกล้บอนนี่บริดจ์เริ่มบันทึกภาพที่แปลก ๆ จากวัตถุที่ลอยเหนือท้องฟ้าของเมือง บ่อยครั้งมีการพบวัตถุเดียวกันจากกลุ่มคนหลายกลุ่มในเวลาเดียวกันอีกด้วย
ผู้เชี่ยวชาญ UFO อย่าง รอน ฮอลิเดย์ บอกเล่าถึงการสืบสวนที่เผยให้เห็นว่าสิ่งที่ผู้คนมากมายที่พบน่าจะเป็นการเข้าใจผิด ถึงเครื่องบิน ดาวเทียม หรือบอลลูนรายงานสภาพอากาศหรือแม้กระทั่งดาวนพเคราะห์ แต่ก็มีบางสิ่งที่เขาไม่อาจอธิบายได้
แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม บอนนี่บริดจ์ ก็ยังคงเป็นเมืองที่มีปริศนาลึกลับที่คอยดึงดูดผู้เชี่ยวชาญด้าน UFO ให้ไปทำการสืบสวนหาที่มาที่ไปของแสงประหลาดบนท้องฟ้าที่เกิดขึ้นมากมายต่อไปเรื่อย ๆ
ที่มา : www.scotlandnow | scotclans | เรียบเรียงโดย เพชรมายา
ขอบคุณเนื้อหา
https://petmaya.com/bonnybridge-ufo-scotland
Cr.
https://board.postjung.com/1196207 / บอร์ด สาระ เกร็ดน่ารู้ โพสท์โดย UmiNami
พระเจ้าหลุยส์ที่ 16 แห่งฝรั่งเศสกับตัวเลขเคราะห์ร้าย
พระเจ้าหลุยส์ที่ 16 แห่งฝรั่งเศส เป็นกษัตริย์ฝรั่งเศสและนาวาร์ตั้งแต่ 10 พฤษภาคม ค.ศ. 1774 - 10 สิงหาคม ค.ศ. 1792 และเป็นกษัตริย์นาวาร์ไปพร้อมๆ กันในช่วงที่อยู่ในราชสมบัติประเทศต้องเจอปัญหาเศรษฐกิจอย่างรุนแรงมากจนเกิดการปฏิวัติฝรั่งเศส ซึ่งพระองค์ถูกประหารชีวิตขณะที่มีอายุเพียง 37 ปี
ครั้งเมื่อพระเจ้าหลุยส์ที่ 16 ยังทรงพระเยาว์ พระองค์ได้ถูกโหราจารย์เตือนอยู่เสมอว่าให้ระวังวันที่ 21 ของทุกเดือนไม่งั้นจะมีเคราะห์ร้าย ซึ่งพระเจ้าหลุยส์กลัวเลขนี้มาก ซึ่งพระองค์จะไม่ทำกิจกรรมอะไรเลยในวันที่ 21 หากแต่เลข 21 ก็นำมาซึ่งเคราะห์ร้ายจนได้
เมื่อวันที่ 21 มิถุนายน 1791 เกิดเหตุการณ์หน้าประวัติศาสตร์ของโลกคือปฏิวัติฝรั่งเศส พระเจ้าหลุยส์ที่ 16 และพระราชินี ถูกจับในได้ที่วาแรนจ์ขนะหลบหนีออกจากฝรั่งเศส จนต้องถูกนำตัวกลับปารีส
เมื่อวันที่ 21 กันยายน 1791 ฝรั่งเศสยกเลิกสถาบันพระมหากษัตริย์และราชวงศ์ออกและประกาศตนเป็นสาธารณรัฐ
และสุดท้ายวันที่ 21 มกราคม 1793 พระเจ้าหลุยส์ที่ 16 ถูกบั่นพระเศียรด้วยกิโยติน
Cr.
https://palungjit.org/threads/เรื่องเหลือเชื่อที่เกิดขึ้นจริง.531628/ ห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' โดย เกตุวดี,
“เรือไม้ปริศนา”เดินทางข้ามมหาสมุทรมาไกลกว่า 3,300 กิโลเมตร
เหลือเชื่อสุดๆ สำหรับเรื่อง “เรือไม้ปริศนา” ลำหนึ่งที่สามารถเดินทางข้ามมหาสมุทรมาไกลกว่า 3,300 กิโลเมตร โดยที่ไม่ถูกคลื่นซัดจนกลายเป็นซากไม้แต่อย่างใด ซ้ำทุกอย่างในเรือยังคงอยู่ครบถ้วนสมบูรณ์เรือไม้ที่มีรูปทรงประหลาด ถูกพบมาเกยตื้นอยู่บริเวณชายฝั่งทางตะวันตกของประเทศไอร์แลนด์
โดยไมเคิล เฮิร์สต์ เจ้าหน้าชายฝั่งจาก Ballyglass Coast Guard ในเมืองเบลมูลเลต รัฐมาโย เป็นผู้พบเรือดังกล่าวเกยตื้นอยู่บริเวณโขดหินริมหน้าผา โดยที่ไม่มีใครอยู่บนนั้น
เขาจึงตัดสินใจเข้าไปสำรวจ แล้วก็พบว่า วัสดุทั้งลำของมันทำมาจากไม้ ข้างในเรือไม่ได้ถูกน้ำพัดแต่อย่างใด และดูเหมือนมันจะไม่ใช่เรือร้าง เพราะมีอุปกรณ์ในการดำรงชีพและเรือยังติดแผงโซลาร์เซลล์เอาไว้อีกด้วย และพบข้อความเขียนเอาไว้ด้วย
จากข้อมูลทำให้ทราบว่า เรือลำดังกล่าวเป็นของ ริก สมอล ชายผู้ใช้ชีวิตเร่ร่อน และเคยใช้จักรยานพลังงานแสงอาทิตย์ที่เขาสร้างขึ้นเอง เดินทางข้ามประเทศแคนาดาด้วยระยะทางกว่า 7,000 กิโลเมตรมาแล้ว และเรือไม้ลำนี้ก็ถูกสร้างขึ้นในแคนาดา ซึ่งเดินทางมาไกลกว่า 3,300 กิโลเมตร ข้ามมหาสมุทรแอตแลนติกเหนือมาได้อย่างเหลือเชื่อ จนกระทั่งมาเกยตื้นที่ชายฝั่งประเทศไอร์แลนด์ในที่สุด
โดยก่อนหน้านี้ ซาแมนธา ทานิธ เคยถ่ายรูปเรือลำดังกล่าวเอาไว้ที่ Portugal’s Cove บนเกาะนิวฟาวด์แลนด์ ประเทศแคนาดา เมื่อวันที่ 29 มิถุนายน หรือเกือบๆ 7 เดือนที่แล้ว ตอนนี้ เรือดังกล่าวถูกกู้ขึ้นมาโดยชาวไอริชกลุ่มหนึ่ง และเปลี่ยนมันให้บรรดานักท่องเที่ยวเข้ามาชมความมหัศจรรย์ของเรือไม้ลำเล็กๆ ที่สามารถเดินทางข้ามมหาสมุทรได้
ขอบคุณที่มา petmaya.com
Cr.
http://tdaily.us/16230-20190307.html
(ขอขอบคุณที่มาของข้อมูลทั้งหมดและขออนุญาตนำมา)
เรื่องราวที่ไม่น่าเกิดขึ้นได้
คุณแม่มือใหม่ได้ให้กำเนิดลูกคนแรกในวันอาทิตย์ที่ 2 ก.พ.2020 ที่ผ่านมา และถูกยกให้เป็นอีกหนึ่งในหน้าประวัติศาสตร์ เพราะถือเป็นวันหายากที่เรียกว่าวัน Palindrome Day ซึ่งเราสามารถอ่านตัวเลข 02/02/2020 จากหน้าไปหลัง หรือหลังไปหน้า ก็จะได้เป็นตัวเลขเดียวกัน
และหากย้อนไปดูวันที่ถือว่าเป็นวัน Palindrome Day ครั้งล่าสุด ก็ต้องย้อนไปเมื่อ 909 ปีก่อนนู่นเลย ซึ่งตรงกับวันที่ 11/11/1111 และจะเกิดขึ้นอีกครั้งหนึ่งในอีก 101 ปีข้างหน้า ในวันที่ 12/12/2121
คุณแม่ท้องแก่นามว่า เลเกน มาสเตอร์ (Laken Masters) จากรัฐเคนทักกี สหรัฐอเมริกา เธอคาดหวังว่าจะให้กำเนิดลูกสาวตัวน้อยในวันจันทร์หรือไม่ก็วันอังคาร แต่ทุกอย่างมันกลับเร็วกว่าที่เธอคิด สุดท้ายเธอต้องคลอดลูกสาวในคืนวันอาทิตย์แทน ทำให้เธอทั้งตกใจและแอบเป็นกังวลอยู่ไม่น้อย
คุณแม่มือใหม่ได้กล่าวถึงความรู้สึกแรกที่ลูกสาวตัวน้อยลืมตาบนโลกว่า เธอไม่ได้นึกถึงวันที่ลูกเกิดเลย จนกระทั่งคุณแม่ของเธอเป็นคนแรกที่สังเกตเห็นนาฬิกาในห้องบอกเวลา 20.02 นั่นจึงทำให้รู้ว่ามันเป็นวันที่สุดพิเศษจริง ๆ
หนูน้อย ชาร์ลี (Charlee) ที่ถูกตั้งชื่อตามปู่ทวดของเธอที่ล่วงลับ ก็ถือกำเนิดขึ้นมาในวันที่ 02-02-2020 เวลา 20.02 พอดีเป๊ะ ซึ่งทั้งคุณแม่และลูกมีสุขภาพแข็งแรงทั้งคู่ ท่ามกลางความยินดีของทีมแพทย์ พยาบาล และคนในครอบครัว
ที่มา : unilad
Cr.https://zpore.com/baby-born-on-02-02-2020-at-2002-013/
หินก้อนนี้ถูกคนขับรถเลี้ยวขึ้นมาเกยนับสิบ จนมีเฟสเป็นของตัวเอง
ย้อนกลับไปเมื่อนานมาแล้ว ลานจอดรถแห่งหนึ่งบริเวณเขตถนน W Maple ทางตะวันตกของเมืองโอมาฮา ในรัฐเนบรัสกา เป็นสถานที่ธรรมดา ๆ ที่ไม่มีใครสนใจ แต่ก็เหมือนกับลานจอดรถทั่ว ๆ ไปที่มักจะมีปัญหาเล็ก ๆ น้อยที่เกิดจากความเห็นแก่ตัวของผู้ขับขี่รถยนต์
แต่ลานจอดรถแห่งนี้มีปัญหาคือ ผู้ขับขี่รถยนต์มักขับรถเลี้ยวตัดหัวมุมของเกาะกลางทับขึ้นมาบนพื้นหญ้า จนเกิดความเสียหายอยู่เป็นประจำ ถึงแม้จะมีการนำก้อนหินก้อนเล็ก ๆ มาวางแทนพื้นหญ้าบริเวณหัวมุมก็ไม่อาจแก้ปัญหาได้ จนในที่สุด เจ้าของสถานที่ดังกล่าวจึงหาทางออกด้วยการนำหินก้อนใหญ่มาวางเอาไว้ เพื่อไม่ให้ใครขับรถขึ้นมาได้อีก
แต่สิ่งที่ไม่น่าเชื่อก็เกิดขึ้น เพราะยังมีรถที่พยายามขับตัดหัวมุมนี้อีกเช่นเคย ราวกับว่าไม่เคยมีก้อนหินก้อนนี้อยู่บนโลก สาเหตุอาจเป็นเพราะ รถของพวกเขาเป็นรถจี๊บที่มีความสูง จึงไม่เห็นก้อนหินก้อนนี้ก็เป็นได้ แต่นั่นไม่ใช่เหตุผล เพราะรถเก๋งธรรมดา ๆ ก็ขึ้นมาปีนก้อนหินก้อนนี้เป็นว่าเล่น คันแล้วคันเล่าที่ต้องมาเกยอยู่บนหินก้อนนี้ เนื่องจากเหลี่ยมมุมของมันทำให้รถที่ขับขึ้นมาต้องไปค้างคาอยู่บนนั้น
จนหินก้อนนี้มีชื่อเป็นของตัวเองว่า W Maple Ohama Rock แค่เพียงไม่นาน ก็มีชาวเน็ตคนหนึ่งสร้างโปรไฟล์เฟสบุ๊คที่มีชื่อก้อนหินก้อนนี้ขึ้นมา
แต่เนื่องจากเฟสบุ๊คไม่อนุญาตให้สร้างโปรไฟล์ที่ไม่ใช่ตัวคนจริง ๆ ประกอบกับมีคนแอดเพื่อนเข้ามาเป็นจำนวนมาก เขาจึงตัดสินใจเปลี่ยนเป็นกลุ่มที่ชื่อ W Maple Ohama Rock เพื่อแบ่งปันประสบการณ์ของหินก้อนนี้ให้กับคนอื่น ๆ ได้เข้ามาชมกัน
ถ้ามีคนขับปีนหินก้อนนี้เพียงแค่ 2-3 คัน มันอาจเป็นเรื่องปกติ แต่ปรากฏว่ามีผู้ขับขี่รถยนต์เป็นสิบ ๆ คันที่ต้องมาเจอชะตากรรมอันเลวร้ายกับหินก้อนนี้
ด้วยความมหัศจรรย์ของหินยักษ์ล่องหนนี้ ทำให้นักข่าวถึงกับต้องมาทำข่าวเลยทีเดียว ชาวเมืองที่รู้ข่าวต่างก็ผ่านมาเซลฟี่กับหินมหัศจรรย์ก้อนนี้กันอย่างคับคั่ง จนหินก้อนนี้กลายเป็นแลนด์มาร์กของเมือง
ที่มา : boredpanda | Facebook | เรียบเรียงโดย เพชรมายา
Cr.https://petmaya.com/w-maple-ohama-rock
เมืองแห่งนี้ มีสถิติการพบ UFO 300 ครั้งต่อปี
ต.ค. 13, 2019 บอนนี่บริดจ์ คือศูนย์กลางของโลกในด้านของการพบเห็น UFO เฉลี่ย 300 ครั้งต่อปี แม้บอนนี่บริดจ์จะเป็นเมืองเล็ก ๆ ที่มีประชากรเพียง 6,000 คนทางตอนกลางของสก็อตแลนด์ แต่ที่นี่เป็นที่รู้จักกันในเรื่องของสิ่งเร้นลับที่อธิบายไม่ได้ เช่นเดียวกับรอสเวลในนิวเม็กซิโกหรือแม้แต่สามเหลี่ยมเบอร์มิวด้า
สมาชิกสภาเมืองบิลลี่ บูคาแนนเล่าว่า ประชาชนมากมายมาหาเขาในเรื่องของความกังวัลถึงสิ่งที่เกิดบนท้องฟ้าของเมือง จนทำให้เขาต้องยื่นคำร้องขอทำการสืบสวนเรื่องนี้อย่างเร่งด่วนต่อนายกรัฐมนตรีอังกฤษถึงสามสมัยเลยทีเดียว แม้ว่าในตอนนี้ก็ยังไม่มีรายงานการสืบสวนออกมาก็ตาม ทางกระทรวงกลาโหมกล่าวว่า พวกเขาไม่มีหลักฐานใด ๆ ที่บ่งบอกว่าน่านฟ้าอังกฤษถูกรุกรานโดยจานบินหรือกิจกรรมทางท้องฟ้าจากประเทศอื่น แต่ชาวเมืองเชื่อว่า ที่นี่อาจเป็นประตูมิติที่อาจเชื่อมต่อสู่จักรวาลอื่นก็เป็นได้
เรื่องลึกลับภายในเมืองแห่งนี้เกิดขึ้นบ่อยมาก โดยเฉพาะสถานที่ ๆ เรียกว่า “สามเหลี่ยมฟัลเคิร์ก” หรือ “สามเหลี่ยมบอนนี่บริดจ์” ซึ่งเป็นรอยต่อไปยังเมืองสเตอร์ลิงและฟัลเคิร์ก ตั้งแต่รายงานเรื่องลูกบอลปริศนาจนไปถึงการลงจอดของยานอวกาศพร้อมการบันทึกภาพสิ่งที่อธิบายไม่ได้ด้วย
ย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 9 พฤศจิกายน 1979 บ็อบ เทย์เลอร์ ที่ทำงานให้กับบริษัท ลิฟวิงสตัน เดเวลลอฟเมนต์ คอร์ปอเรชัน . เขาเห็นวัตถุทรงกลมขนาดใหญ่ มีพื้นผิวเป็นโลหะสีเงิน มีเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 20 ฟุต และสูง 12 ฟุต อยู่ตรงหน้าเขา
มันก็ปล่อยลูกบอลทรงกลมที่มีหนาม 2 ลูกลงมา (บ็อบอธิบายว่ามันมีลักษณะคล้ายกับทุ่นระเบิดใต้น้ำแบบเก่า) จากนั้นมันก็ค่อย ๆ กลิ้งตรงมาที่เขา บ็อบพยายามวิ่งหนี แต่เจ้าลูกกลมประหลาดได้จับยึดขากางเกงของเขาเอาไว้ และลากเขากลับไปที่ยานลำใหญ่ บ็อบสลบไปประมาณ 20 นาที เขาเริ่มรู้สึกตัวเนื่องจากได้ยินเสียงหึ่ง ๆ และ UFO ได้หายไปแล้วเรียบร้อย เขาต้องคลานไปจากที่นั่นเกือบ 100 หลา เพื่อกลับไปยังรถกระบะของเขา เนื่องจากเขาไม่สามารถเดินได้ชั่วคราว
จากรายงานดังกล่าว ทำให้ทางบริษัทได้ส่งคนไปตรวจสอบอย่างละเอียด และได้พบกับร่องรอยแปลก ๆ ที่ไม่สามารถอธิบายได้บนพื้นหลายจุด ส่วนทางตำรวจเองก็งงงวยกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นและไม่สามารถหาคำอธิบายได้เช่นกัน
อีกหนึ่งคดีที่น่าสนใจเกิดขึ้นในปี 1992 เมื่อนักธุรกิจชื่อ เจมส์ วอลค์เกอร์ ได้บอกเล่าถึงการพบแสงประหลาดบนท้องฟ้า ในตอนแรกเขาคิดว่ามันคือดวงดาว แต่เขาก็ต้องตกใจเมื่อมันเริ่มเคลื่อนที่และมีรูปร่างเป็นสามเหลี่ยม
ในช่วงเวลาใกล้เคียงกัน ครอบครัวสล็อกเกตได้บอกเล่าถึงการพบ UFO ที่มีลักษณะคล้ายกัน พวกเขาเล่าว่าพบแสงวงกลมเหนือศีรษะระหว่างการเดินเล่น โดยแสงเหล่านั้นปรากฎบนพื้นใกล้ ๆ ทุ่งหญ้า เมื่อครอบครัวเดินทางต่อก็พบวัตถุมทรงกลมที่มีแสงล้อมรอบลอยอยู่เหนือถนนตรงหน้าพวกเขา โดยพวกเขาเล่าต่อว่า UFO ได้เปิดประตูออกมาแล้วมีเสียงโหยหวนเกิดขึ้น ทำให้พวกเขาวิ่งหนีอย่างหวาดกลัว
นับตั้งแต่นั้นเรื่อยมา ก็มีการพบ UFO มากขึ้น ผู้คนมากมายที่อาศัยใกล้บอนนี่บริดจ์เริ่มบันทึกภาพที่แปลก ๆ จากวัตถุที่ลอยเหนือท้องฟ้าของเมือง บ่อยครั้งมีการพบวัตถุเดียวกันจากกลุ่มคนหลายกลุ่มในเวลาเดียวกันอีกด้วย
ผู้เชี่ยวชาญ UFO อย่าง รอน ฮอลิเดย์ บอกเล่าถึงการสืบสวนที่เผยให้เห็นว่าสิ่งที่ผู้คนมากมายที่พบน่าจะเป็นการเข้าใจผิด ถึงเครื่องบิน ดาวเทียม หรือบอลลูนรายงานสภาพอากาศหรือแม้กระทั่งดาวนพเคราะห์ แต่ก็มีบางสิ่งที่เขาไม่อาจอธิบายได้
แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม บอนนี่บริดจ์ ก็ยังคงเป็นเมืองที่มีปริศนาลึกลับที่คอยดึงดูดผู้เชี่ยวชาญด้าน UFO ให้ไปทำการสืบสวนหาที่มาที่ไปของแสงประหลาดบนท้องฟ้าที่เกิดขึ้นมากมายต่อไปเรื่อย ๆ
ที่มา : www.scotlandnow | scotclans | เรียบเรียงโดย เพชรมายา
ขอบคุณเนื้อหา https://petmaya.com/bonnybridge-ufo-scotland
Cr.https://board.postjung.com/1196207 / บอร์ด สาระ เกร็ดน่ารู้ โพสท์โดย UmiNami
พระเจ้าหลุยส์ที่ 16 แห่งฝรั่งเศสกับตัวเลขเคราะห์ร้าย
พระเจ้าหลุยส์ที่ 16 แห่งฝรั่งเศส เป็นกษัตริย์ฝรั่งเศสและนาวาร์ตั้งแต่ 10 พฤษภาคม ค.ศ. 1774 - 10 สิงหาคม ค.ศ. 1792 และเป็นกษัตริย์นาวาร์ไปพร้อมๆ กันในช่วงที่อยู่ในราชสมบัติประเทศต้องเจอปัญหาเศรษฐกิจอย่างรุนแรงมากจนเกิดการปฏิวัติฝรั่งเศส ซึ่งพระองค์ถูกประหารชีวิตขณะที่มีอายุเพียง 37 ปี
ครั้งเมื่อพระเจ้าหลุยส์ที่ 16 ยังทรงพระเยาว์ พระองค์ได้ถูกโหราจารย์เตือนอยู่เสมอว่าให้ระวังวันที่ 21 ของทุกเดือนไม่งั้นจะมีเคราะห์ร้าย ซึ่งพระเจ้าหลุยส์กลัวเลขนี้มาก ซึ่งพระองค์จะไม่ทำกิจกรรมอะไรเลยในวันที่ 21 หากแต่เลข 21 ก็นำมาซึ่งเคราะห์ร้ายจนได้
เมื่อวันที่ 21 มิถุนายน 1791 เกิดเหตุการณ์หน้าประวัติศาสตร์ของโลกคือปฏิวัติฝรั่งเศส พระเจ้าหลุยส์ที่ 16 และพระราชินี ถูกจับในได้ที่วาแรนจ์ขนะหลบหนีออกจากฝรั่งเศส จนต้องถูกนำตัวกลับปารีส
เมื่อวันที่ 21 กันยายน 1791 ฝรั่งเศสยกเลิกสถาบันพระมหากษัตริย์และราชวงศ์ออกและประกาศตนเป็นสาธารณรัฐ
และสุดท้ายวันที่ 21 มกราคม 1793 พระเจ้าหลุยส์ที่ 16 ถูกบั่นพระเศียรด้วยกิโยติน
Cr.https://palungjit.org/threads/เรื่องเหลือเชื่อที่เกิดขึ้นจริง.531628/ ห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' โดย เกตุวดี,
“เรือไม้ปริศนา”เดินทางข้ามมหาสมุทรมาไกลกว่า 3,300 กิโลเมตร
เหลือเชื่อสุดๆ สำหรับเรื่อง “เรือไม้ปริศนา” ลำหนึ่งที่สามารถเดินทางข้ามมหาสมุทรมาไกลกว่า 3,300 กิโลเมตร โดยที่ไม่ถูกคลื่นซัดจนกลายเป็นซากไม้แต่อย่างใด ซ้ำทุกอย่างในเรือยังคงอยู่ครบถ้วนสมบูรณ์เรือไม้ที่มีรูปทรงประหลาด ถูกพบมาเกยตื้นอยู่บริเวณชายฝั่งทางตะวันตกของประเทศไอร์แลนด์
โดยไมเคิล เฮิร์สต์ เจ้าหน้าชายฝั่งจาก Ballyglass Coast Guard ในเมืองเบลมูลเลต รัฐมาโย เป็นผู้พบเรือดังกล่าวเกยตื้นอยู่บริเวณโขดหินริมหน้าผา โดยที่ไม่มีใครอยู่บนนั้น
เขาจึงตัดสินใจเข้าไปสำรวจ แล้วก็พบว่า วัสดุทั้งลำของมันทำมาจากไม้ ข้างในเรือไม่ได้ถูกน้ำพัดแต่อย่างใด และดูเหมือนมันจะไม่ใช่เรือร้าง เพราะมีอุปกรณ์ในการดำรงชีพและเรือยังติดแผงโซลาร์เซลล์เอาไว้อีกด้วย และพบข้อความเขียนเอาไว้ด้วย
จากข้อมูลทำให้ทราบว่า เรือลำดังกล่าวเป็นของ ริก สมอล ชายผู้ใช้ชีวิตเร่ร่อน และเคยใช้จักรยานพลังงานแสงอาทิตย์ที่เขาสร้างขึ้นเอง เดินทางข้ามประเทศแคนาดาด้วยระยะทางกว่า 7,000 กิโลเมตรมาแล้ว และเรือไม้ลำนี้ก็ถูกสร้างขึ้นในแคนาดา ซึ่งเดินทางมาไกลกว่า 3,300 กิโลเมตร ข้ามมหาสมุทรแอตแลนติกเหนือมาได้อย่างเหลือเชื่อ จนกระทั่งมาเกยตื้นที่ชายฝั่งประเทศไอร์แลนด์ในที่สุด
โดยก่อนหน้านี้ ซาแมนธา ทานิธ เคยถ่ายรูปเรือลำดังกล่าวเอาไว้ที่ Portugal’s Cove บนเกาะนิวฟาวด์แลนด์ ประเทศแคนาดา เมื่อวันที่ 29 มิถุนายน หรือเกือบๆ 7 เดือนที่แล้ว ตอนนี้ เรือดังกล่าวถูกกู้ขึ้นมาโดยชาวไอริชกลุ่มหนึ่ง และเปลี่ยนมันให้บรรดานักท่องเที่ยวเข้ามาชมความมหัศจรรย์ของเรือไม้ลำเล็กๆ ที่สามารถเดินทางข้ามมหาสมุทรได้
ขอบคุณที่มา petmaya.com
Cr.http://tdaily.us/16230-20190307.html
(ขอขอบคุณที่มาของข้อมูลทั้งหมดและขออนุญาตนำมา)