คนที่มีปัญหากับแฟนที่ดูท่าทางไม่พร้อมมีลูก มีถึงขั้นต้องเลิกกันเลยไหมคะ

สวัสดีค่ะ ชื่อเจนนะคะ อายุย่างเข้า 36 ปีนี้ เจนขอเล่ารายละเอียดคร่าวๆเกี่ยวกับตัวเจนและแฟน เผื่อว่าจะทำให้ทุกคนเข้าใจสถานภาพของเราในด้านความพร้อมการมีลูกนะคะ เจนกับแฟนเจอกันที่ต่างประเทศ ขอเรียกว่าประเทศ A เจนเป็นแอร์สายบินการบินแห่งชาติของประเทศนี้และแฟนเป็นวิศวกรที่นี่ค่ะ ตัวแฟนเจนเป็น Permanent Resident หรือ PR ของประเทศนี้และตั้งใจที่จะลงหลักปักฐานอยู่นั่นเลยซื้อคอนโดที่นี่ค่ะ หลังจากเราคบกันมาสักระยะเค้าก็ชวนให้เราจดทะเบียนกับเค้าเพื่อให้เราสมัคร PR โดยมีเค้าเป็น Sponcor เผื่อว่านาคตหากเราไม่อยากบินแล้วเราจะได้สามารถหางานอื่นทำได้ง่ายกว่าแค่ถือวีซ่าทำงาน สุดท้ายเจนก็ได้ PR ของประเทศ A มาค่ะ

ช่วง 4 ปีก่อน เจนกับแฟนได้มีโอกาสไปเที่ยวบ้านเพื่อนที่นอร์เวย์ รวมทั้งขับรถออกไปเที่ยวนอกเมือง เจนพูดไปโดยไม่ได้คิดอะไรว่าคงจะดีเนาะถ้าอนาคตเรามีบ้านมีสนามหญ้าให้ลูกวิ่งเล่น ส.-อา. ก็ขับรถไปเที่ยวนอกเมืองแบบนี้ ตอนนั้นพูดไปโดยไม่ได้คิดอะไรจริงๆ ค่ะ ลืมไปแล้วด้วยซ้ำว่าเราพูดคำนี้ไป หลังจากกลับมาจากทริปนอร์เวย์ จู่ๆ วันหนึ่งแฟนก็โทรเรียกให้ไปเซ็นเอกสารในฐานะคู่สมรสเพื่อใช้สมัคร PR ประเทศ B ซึ่งเป็นประเทศที่อยู่อีกซีกโลกไปเลย ในใจก็แอบแปลกใจจนเค้าบอกว่าเพราะเราเคยพูดประโยคนั้น เค้าเลยมาสมัคร PR ประเทศ B เราจะได้ย้ายประเทศนั้นกัน ไปสร้างครอบครัวกันที่นั่น ความรู้สึกในตอนนั้นดีใจที่คิดถึงสิ่งที่เราพูดแต่ก็แอบประหม่าและแอบกลัวกับการย้ายประเทศอยู่หน่อยๆ เพราะเอาเข้าจริงๆ ประเทศ A ที่เจนอยู่ก็ไม่ได้ลำบากอะไร เราพักอาศัยอยู่กันที่คอนโดซึ่งถือว่าโชคดีและสะดวกสบายกว่าคนอื่นๆ ทั่วไปด้วยซ้ำ เพราะคนประเทศนี้ส่วนใหญ่ที่พักอาศัยเป็นแฟลต แต่การจะมีบ้านเดี่ยวที่นี่ถือว่ามีโอกาสน้อยมากซึ่งต้องรวยมากจริงๆ การเดินทางที่นี่สะดวกมากโดยที่ไม่จำเป็นต้องมีรถยนต์เพราะรัฐบาลมุ่งเน้นให้คนในประเทศใช้รถสาธารณะหรือรถไฟฟ้าซึ่งถือว่าคุณภาพการคมนาคมขนส่งที่ดีมีระบบการจัดการที่ดีมากๆ คอนโดที่เราพักอยู่ตรงข้ามสถานีรถไฟฟ้ารวมถึงห้างสรรพสินค้าและซุปเปอร์มาเก็ต อยากกินอะไรก็ได้กิน อยากกินอาหารไทยก็นั่งรถไฟฟ้าไปแป๊บเดียว แอบกลัวว่าถ้าต้องย้ายไปอยู่เมืองฝรั่งจริงๆ อนาคตสามารถซื้อบ้านเดี่ยวได้ก็จริง แต่ชีวิตความเป็นอยู่มันแตกต่างที่นี่มาก ดูแล้วคงต้องเริ่มต้นใหม่หมดปรับชีวิตใหม่ทั้งหมดจริงๆ ผลออกมาสุดท้ายเรา 2 คนก็ได้ PR ประเทศ B ทำให้เราถือ PR ของทั้ง 2 ประเทศ แต่สุดท้ายเรา2 คนก็ตัดสิ่นใจว่าจะยังไม่ย้ายไปเพราะอยากให้อะไรมันลงตัวมากกว่านี้ 

ป.ล. หลายคนคงสงสัยว่าทำไมเรา 2 คนถึงได้ PR ประเทศ B ทั้งที่ไม่ได้พักอาศัยหรือทำงานทีนั่น เหตุผลเพราะว่าเจน สมัครโดยใช้ Skilled Migration งานที่แฟนทำอยู่อยู๋ในสายงานที่ประเทศ B ต้องการและตัวแฟนมีคุณสมบัติด้านอื่นๆ ตรงตามที่เค้าต้องการด้วย ทำให้ทางนั้นอนุมัติได้ไม่ยาก

ปี 2018 เจนเคลียภาระที่ไทยของตัวเองได้เรียบร้อยแล้วก็ตัดสินใจลาออกมาเรียนโทที่ประเทศ A นั่นแหละค่ะ เพื่อที่ว่าพอถึงเวลาย้ายประเทศจะได้มีวุฒิการศึกษาไปสมัครงานสู้ฝรั่งเค้าได้บ้าง  พอปี 2019 ก็เป็นช่วงที่ต้องทำ Dissertation ส่งอาจารย์ ไม่มีคลาสเรียนที่ต้องเข้าเรียนแล้ว พอดีกับถึงกำหนด deadline ที่ต้องย้ายไปประเทศ B ไม่งั้น PR จะถูกแคนเซิล เจนได้รู้จักกับเจ้านายคนไทยที่ชักชวนไปทำงานบริษัทอสังหาฯ ของเค้า ทำให้เจนได้มีโอกาสซื้ออพาร์ตเม้นที่ประเทศ B ทันที เพราะบวกลบคูณหารกันแล้วค่าผ่อนแพงพอๆกับค่าเช่า บวกกับที่ว่าเจนจะได้ค่าคอมและส่วนลดสำหรับพนักงานรวมทั้งเงินโบนัสจากรัฐบาลสำหรับ PR ในการซื้อบ้านหลังแรก ทำให้เจนกับแฟนมีกำลังที่จะซื้อโดยไม่ต้องลังเลเลย

 เอาจริงๆ ตอนที่ถูกชักชวนเข้าไปทำงานนั้นเพื่อให้คอยดูแลลูกค้าแต่พอเอาเข้าจริงเค้าต้องการให้เจนไปเป็นเซลขายบ้านโครงการต่างๆ ที่บริษัทดีลไว้ แต่เจนคิดว่าตัวเองไม่เหมาะกับงานเซลอีกทั้งบริษัทเป็นบริษัทที่ไม่มีระบบเข้าขั้นว่าเละเทะทีเดียว เจ้านายเป็นเซลที่เก่งมากๆ แต่เก่งในเรื่องงานขายเท่านั้นเพราะขาดความสามารถในระบบ Leading และ management ขั้นรุนแรง ขาดวุฒิภาวะทางอารมณ์อย่างมากเช่นเดียวกัน ทำให้การไปทำงานของเจนในแต่ละวันคือการไปนั่งฟังเจ้านายและพาร์ทเนอร์ตะโกนทะเลาะกันทุกวันเรื่องเดิมๆ อย่างต่ำครั้งละ 1 ชั่วโมงโดยที่ลูกน้องทุกคนในออฟฟิศทำไรไม่ได้ ใครลุกหนีโดนด่า การทำงานของที่นี่เจ้านายและพาร์ทเนอร์เท่านั้นที่มีกุญแจ ทำให้การทำงานของเราเป็นไปอย่างยากลำบาก นัด 9 โมงมา 11.30 มาถึงก็กินข้าวเสร็จ ทะเลาะกัน ปาไปบ่าย 2-3 ค่อยได้เริ่มงานแล้วก็ต้องให้ทุกคนอยู่ทำงานจนถึง 2 ทุ่ม บางครั้งต้องนั่งรอหน้าออฟฟิศ 3-4 ชั่วโมงเพราะเข้าออฟฟิศไม่ได้ โทรตามเจ้านายก็บอกกำลังจะถึงๆ อย่างนี้ไปเรื่อยๆ ตามประสาคนไม่รักษาเวลา

เจนทำงานกับบริษัทนี้มาตั้งแต่มีนาคมจนถึงพฤศจิกายนได้เงินจากที่นี่มาครั้งเดียวคือ $10,000 แล้วก็ไม่ได้อีกเลย เพราะอย่างที่บอกบริษัทขาดสภาพคล่องทางการเงินอย่างรุนแรง พอเจนรู้แล้วว่างานขายบ้านไม่เหมาะกับเราเลย เพราะเราไม่รู้พื้นที่ของเมืองนั้นเลย ไม่มีคอนเน็คชั่นในการหาลูกค้าเพราะเราเพิ่งย้ายประเทศมา ครั้นจะต้องเทรนการขายกับเจ้านายก็ต้องมารอว่าเมื่อไรเจ้านายจะมีเวลาเทรน เพราะกว่าจะได้เริ่มงานก็บ่าย 2-3 แล้ว เราเลยทำได้แค่ไปเป็นผู้ช่วยเจ้านายในการจัดสัมมนาขายบ้านโครงการต่างๆ อีกทั้งทำงานไปโดยที่ไม่รู้ว่าเมื่อไรจะได้รับเงินจากบริษัท สุดท้ายตัดสินใจออกจากงานนี้มาจนได้ ส่วนพนักงานคนอื่น 3-4 คน ที่อยู่ต่อก็อยู่กันแบบมีความหวังไปวันๆ เพราะไม่รู้จะออกไปทำไรกัน บางคนก็มีที่บ้านคอยดูแลหรือมีอาชีพเสริมเลยยังไม่ลำบากเรื่องเงินมากนัก

พอออกมาก็สมัครงานไปหลายที่มาก แต่ก็ยังไม่ได้สักที พอมีโอกาสได้คุยกับเอเจนหางานที่นี่เค้าก็บอกให้อดทน สมัครไปเรื่อยๆ เพราะงานที่นี่ส่วนใหญ่ต้องการคนที่มีประสบการณ์ทำงานในประเทศนี้ 2-3 ปีอย่างต่ำ

ปัญหาที่กล่าวมาทั้งหมดทำให้ภาระในการผ่อนอพาร์ทเม้นที่นี่ ผ่อนคอนโดที่ประเทศA และการกินอยู่ของเราไปตกที่แฟนทั้งหมด อีกทั้งแฟนยังต้องผ่อนตึกแถวที่ไทยให้ครอบครัวเค้าอีกด้วย

ทุกๆ คนคงพอจะทราบแล้วว่าตอนนี้สถานภาพของเจนและแฟนเป็นอย่างไรนะคะ ทุกอย่างที่ว่ามานี้มันอาจจะส่งผลให้แฟนเจนไม่พร้อมที่จะมีลูก แต่เค้าไม่เคยพูดคำนี้นะคะ ทำให้เราคิดเข้าข้างตัวเองอยู่บางครั้ง ว่าถ้าเค้าไม่อยากมีหรือยังไม่พร้อมเค้าคงบอกเราแล้ว สำหรับตัวเจนเองคิดว่ายังไงๆ เราคงจะต้องหางานทำได้อยู่แล้วแค่อาจจะต้องใช้เวลา แต่มดลูกของเจนมันรอเวลาไม่ได้ คิดดูว่าก่อนหน้านี้เจนปล่อยมา 2-3 ปีแล้วแต่ลูกก็ยังไม่มาหากจะต้องรอให้แฟนรู้สึกว่าพร้อมคิดว่าน่าจะ 5 ปี เพราะแฟนเป็นพวก Perfectionist เป็นคนเป๊ะ วางแผนทุกอย่าง จุกจิก ขี้บ่น จนเราอึดอัด อีกทั้งเรื่องบนเตียงแฟนไม่ให้ความสำคัญเลย ยกตัวอย่างนะคะ ตอนอยู่ประเทศ A แฟนเข้าฟิตเนสวันเว้นวัน พอวันเสาร์เช้าตีกอล์ฟ บ่ายตีสควอช ทุกวันเวลา 4 ทุ่มแฟนจะอ่านหนังสือ เตรียมตัวสำหรับงานวันต่อไปหรือไม่ก็อ่านเตรียมสอบเอาใบเซอร์ต่างๆ เพื่อประดับโปรไฟล์ รายรับรายจ่ายทุกเดือนต้องพิมพ์ใส่ Excel เป็นระบบ เวลากินข้าวทุกมื้อต้องมีไอแพดอ่านการ์ตูนและไม่คุยกัน เล่นเกมออนไลน์ในมือถือเพื่อการผ่อนคลาย เปิดทิ้งไว้ตลอดเวลา เอาจริงๆ น้อยมากที่เราจะมีโอกาสแทรกเข้าไปอยู่ในเวลาของเค้าได้ การปฏิบัติภารกิจบนเตียงต้องเป็นตอนศุกร์-เสาร์-อาทิตย์เท่านั้น หาก 3 วันนั้นออกกกำลังกายแล้วเหนื่อยก็สะกิดไม่ได้ อย่างที่บอกตัวเค้าเองเป็นคนจริงจังไม่ค่อยยื่นหยุ่น ทุกเวลาทุกนาทีของเค้าคือการทำอะไรสักอย่างที่มีประโยชน์ เลิกงานกลับบ้านมาคำถามแรกจะถามเราว่าวันนี้ทำอะไรบ้างจ๊ะ ทำอะไรที่เป็นประโยชน์บ้างหรือเปล่า ถามอย่างนี้มาตั้งแต่สมัยเราเป็นแอร์ หรือสมัยที่เรามีงานการทำนะคะ ไม่ใช่เพิ่งมาถามพอเราตกงานก็จะมีคำถามเพิ่มว่าสมัครงานไหนไปบ้าง 1 วันควรสมัครให้ครบ 10 งานนะ เค้ารีเควสคุณสมบัติแบบไหน เราควรจะไปหาเรียนคอร์สนู้นนี้เพื่อสอบใบเซอร์ตัวนั้นนี้มานะ วันนี้ดูข่าวของประเทศนี้บ้างไหม ดูสารคดีบ้างสิ ลองไปอ่านข้อมูลมาสิว่าตอนนี้เมืองที่เราอยู่มีโครงการพัฒนาอะไรบ้างแล้วมาเล่าให้เค้าฟังหน่อย เปลี่ยนจากการดูยูทูปเรื่อยเปื่อย ลองไปฟังพวกสารคดีระบบสุริยะ อะไรอยู่ในหลุมดำ วิวัฒนาการของโลกในอนาคตมาฟังบ้างดีไหม ลองศึกษาการเล่นหุ้น สร้างองค์ความรู้ที่มันจะสามารถต่อยอดหรือสร้างรายได้กับตัวเองเสมอๆ ดีไหม ลอง เราเข้าใจว่าเค้าหวังดีนะ ถ้าเป็นคนอื่นมาบอกให้เราลองศึกษาเรื่องนู้นเรื่องนี้นานๆ ทีเราพอเข้าใจได้นะ แต่ถ้าบอกเราให้ทำนู่นนี่ทุกวันเราอึดอัดมาก พอจะอ้าปากพูดอะไรก็ไม่ทันเค้า เพราะเค้าเป็นคนเก่งที่ทำอะไรสำเร็จไปซะทุกอย่าง เราเลยเหมือนไม่มีดีไม่เก่งพอที่จะไปต่อล้อต่อเถียงเค้า คำพูดเราเราไม่มีน้ำหนัก คือแบบเรารู้สึกเหมือนตัวเองเป็นนักเรียนที่มีครูมาบอกให้ทำวิจัยตลอดเวลา ทำได้แค่เงียบเข้าหูซ้ายทะลุหูขวา ถามว่าคน 2 คนต่างกันขนาดนี้ทำไมถึงคบกันอยู่ เป็นเพราะเจนมองเห็นความก้าวหน้าของเค้า มองว่าอนาคตคงจะมีฐานะที่สบาย มีความมั่นคงให้แก่ครอบครัว แต่จิตใจจะสบายไหมก็ยังไม่ค่อยแน่ใจเลย ไม่รู้ว่าเจนจะทนความเป๊ะของเค้าจนไปถึงวันนั้นที่ครอบครัวจะสบายได้ไหม

เข้าเรื่องบนเตียง การทำภารกิจของคู่อื่นๆ มันคงเป็นการผ่อนคลาย เช่นนอนกอดกันดูทีวีแล้วสปาร์คกัน อาบน้ำด้วยกันแล้วสปาร์คกัน ทำกิจกรรมแปลกใหม่ด้วยกันแล้วสปาร์คกัน แต่คู่ของเจนไม่ใช่เลย แฟนเจนมีโปรโมชั่นในช่วง 1-2 ปีแรก ที่เจนสะกิดเมื่อไรก็จัด จะทำท่วงท่าอะไรก็ได้ตามใจเจน แต่พอหมดโปรนั้นน้ำก็อาบด้วยกันไม่ได้เค้าบอกหนาว อยากรีบอาบคนเดียวเร็วๆ แล้วรีบออกมา นอนกอดกันดูโทรทัศน์ได้แต่ห้ามไปสัมผัสหน้าอกหรือช่วงล่างเค้า คือจะทำการบ้านกันแต่ละทีต้องรอเวลาตกฟากที่แบบเค้าอยากทำ ไม่ลูบไล้ ไม่เกริ่นนำ พอทำก็ทำท่าปกติท่าเดียวเสร็จ ทำกันอยู่เดือนละครั้ง แต่ละครั้งก็จะภาวนาให้เค้าอยากทำวันที่ตรงกับระยะที่ทำให้มีลูกได้ แต่มันก็ไม่เป็นอย่างนั้น พอวันไหนเราสะกิด อยากให้ทำในวันไข่ตก ม้าก็ดันตายกลางคัน จนเราร้องไห้คาเตียง เพราะเราอยากมีลูกมาก เค้าเลยตั้งกฏไว้ว่าอย่าบอกเค้าว่าวันไหนไข่ตก เพราะเค้ากดดันแล้วจะทำไม่ได้

จนมาเมื่อวานนี้ เจนใช้เครื่องตรวจก็พบกว่าตรงกับวันไข่ตก ก็ตั้งหน้าตั้งตารอ อาบน้ำหอมๆ รอแฟนกลับบ้าน พอเค้ามาเราก็สะกิด เค้าก็บอกอยากไปออกกำลังกาย เราก็เลยตามใจเค้าไปออกกำลังกายด้วยกัน แต่บอกเค้าไว้ว่าถ้าออกเสร็จแล้วเราขอรางวัลให้เราด้วยนะ เค้าก็ยิ้มแล้วบอกว่าได้ๆ เป็นอันรู้กัน พอออกกำลังกายเสร็จเค้าก็หิวข้าว อ่ะก็หาข้าวให้เค้ากิน ส่วนเราก็ไปอาบน้ำตัวหอมๆ รอ พอเค้ากินข้าวเสร็จก็อิ่ม อ่ะให้เวลานั่งย่อยไป พอหายอิ่มเค้าก็ไปอาบน้ำ เสร็จปุ๊บออกมาบอกเราว่าอยากดูหนัง เราก็อ่ะ ตามใจเค้าอยากดูหนังก็ดูกันเพราะเราหวังผล หนังก็ดัน 2 ช.ม. กว่าจะจบปาไปเที่ยงคืน สุดท้ายเราทวงรางวัล ก็เริ่มเล่นปูไต่ ไล่จุ๊บขาเค้าขึ้นไปเรื่อยๆ แต่เค้ากลับบอกเราว่าจะมาทำไรตอนเที่ยงคืน มันดึกแล้ว............เฮ้อออออออออออออ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
อ่านกระทู้อื่นที่พูดคุยเกี่ยวกับ  ปัญหาชีวิต ปัญหาครอบครัว
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่