[SR] [แชร์ประสบการณ์] เรียนต่อหรือทำงาน - ปัจจัย การตัดสินใจ และผลที่ได้รับ

สวัสดีค่ะเพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ หรือผู้ปกครองที่หลงเข้ามากระทู้นี้ 
นี่เป็นความตั้งใจตั้งแต่ปีที่แล้วว่าอยากจะเล่าประสบการณ์​หนึ่งในจุดเปลี่ยนชีวิตหลังจบปริญญาตรี​ของเรา เผื่อจะมีประโยชน์สำหรับคนอื่นๆ นะคะ

[พื้นเพ]​ ปีนี้เราจะอายุ 23 ค่ะ เราเป็นลูกสาวคนเดียวของคุณแม่เลี้ยงเดี่ยวท่านหนึ่ง คุณแม่ต้องทำงานหนักและเปลี่ยนงานบ่อยมาก ฐานะทางบ้านไม่ค่อยดีนัก แบบที่ต้องอาศัยอยู่บ้านคุณตาคุณยาย​ ไม่มีรถยนต์ และบ้านไม่มีแอร์

[จุดเปลี่ยน]​ เราจบปริญญาตรี​จากคณะเศรษฐศาสตร์​ค่ะ หลังจากจบการศึกษา​เมื่อปีที่แล้ว เราพยายามอย่างมากที่จะหางานที่ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้เพื่อช่วยฐานะทางบ้าน หรือ หาทุนการศึกษาที่ดีเรียนต่อค่ะ ช่วงเดือน มิ.ย. จนถึง ส.ค. เราได้ไปสัมภาษณ์​งานที่บริษัททั้งไทยและต่างประเทศ​น่าจะร่วม 10 ที่ได้ ล้มลุกคลุกคลานทีเดียว โดยปฏิเสธมามาก เสียใจก็แล้ว ท้อใจก็มี แต่ก็ลุกขึ้นมาสู้ต่อ เอาสนามที่ผิดพลาดมาเป็นการฝึกฝน จนในที่สุด ได้ Job offer เสนอเงินเดือนเริ่มต้นให้เรา 1 แสนบาทค่ะ
ในช่วงเวลาเดียวกันนั้น เราสอบทุนรัฐบาลเพื่อไปต่อปริญญาโทที่ต่างประเทศด้วย และโชคดีที่ได้รับคัดเลือกให้ไปเรียนต่อที่สหรัฐอเมริกาค่ะ
นี่คือจุดเปลี่ยนที่สำคัญมากจุดนึง และเชื่อว่าเป็นปัญหาของนักเรียนหลายๆ คนเช่นกันว่า ''​จะเรียนต่อหรือทำงานดี''​ ซึ่งเราเองใช้เวลาตัดสินใจเป็นสัปดาห์ ระดมความคิดจากทั้งครอบครัว รุ่นพี่ และเพื่อนๆ ค่ะ ท้ายที่สุดเราตัดสินใจเลือกการรับทุนรัฐบาลและกลับมาทำงาน 2 เท่าของเวลาเรียนค่ะ

[ปัจจัย]​ ที่เราคิดในตอนเลือกทางนี้นะคะ
1. ความฝันของตัวเอง (เราชอบไปต่างประเทศและอยากเรียนต่างประเทศ​มาเสมอ //เด็กไม่มีตังไปเที่ยวเองอ่ะเนอะ)
2. ความสบายใจของครอบครัว (รุ่นพ่อแม่จะมีความคิดว่าเรียนสูงไว้ก่อนดีกว่าต่ออนาคต)
3. หน่วยงานรัฐ​ที่ต้องกลับมาทำงานใช้ทุน (เป็นที่ๆ เป็นอิสระต่อภาครัฐพอสมควร และมีงานที่น่าสนใจ)

[ผล]​ ชีวิตเราหลังจากการเลือกนั้น
1. ช่วงแรกๆ เรากับครอบครัวก็ยังคิดซ้ำไปมาว่าเราตัดสินใจถูกทางหรือไม่
2. การสอบ GMAT เพื่อยื่นคะแนนสอบเข้ามหาวิทยาลัยที่อเมริกายากมาก โดยเฉพาะ Verbal section เรามีเวลาประมาณ​ 4 เดือนตั้งแต่ตัดสินใจเลือกทุนจนส่งใบสมัครในการเตรียมตัวสอบ เราสอบ 3 ครั้ง (ค่าสอบครั้งละ 7000 )​ คะแนนรวมเพิ่มจาก 620 เป็น 650 ซึ่งได้ verbal section ไม่ถึง 50 percentile
3. คณะที่เราต้องไปเรียนรวมอยู่ใน MBA Program ของหลายมหาวิทยาลัย​ ซึ่งประสบการณ์​การทำงานเป็นส่วนสำคัญในการได้รับคัดเลือกให้เข้าเรียน และเราไม่มี (เพิ่งจบ ป.ตรี) 
4. ปัจจุบันเราเริ่มงานที่หน่วยงานรัฐที่เราจะกลับมาใช้ทุนได้ประมาณ 1 เดือนกว่าแล้ว โชคดีที่พี่ๆ น่ารักและใจดีกับเรามากๆ สนับสนุนทั้งเรื่องงานและการไปเรียนต่อ คอยให้กำลังใจตอนที่เรายังไม่ได้ offer จากมหาวิทยาลัย​ด้วยค่ะ
5. ตอนนี้เรากำลังจะไปเรียนที่มหาลัยแห่งนึงในรัฐ New York แล้วค่ะ โชคดีมากที่มีคนรับเราแล้วเย้ 

[Drawback] ถ้าเราย้อนเวลาไปได้ ปัจจัยที่เราอยากจะคิดให้ครบถ้วนตอนตัดสินใจระหว่างทำงานและรับทุนคือดังนี้ค่ะ
1. ตรวจดูให้ดีก่อนว่าคณะที่ทุนให้เราไปเรียนต้องการคุณสมบัติ​อะไรบ้าง เรามีพร้อมไหม เตรียมตัวทันไหมในเวลาจำกัดที่ทุนกำหนด (ลืมคิดได้ยังไงตอนนั้น)​
2. ถ้าต้องใช้คะแนนสอบ เช่น GMAT TOEFL GRE ให้ลองทำ Mock test ในเว็บก่อน เพื่อดูว่าเราพร้อมไหม เตรียมตัวทันไหม (ยากและค่าสอบแพง TT)​

[ข้อคิด]​ สำหรับตัวเองจากช่วงเวลานั้น
1. เรื่องดีเรื่องร้ายจะเข้ามาสลับปนกันไป ดีใจ และก็เตรียมใจอยู่เสมอ
2. บางเรื่อง คิดให้ตายก็ไม่มีทางรู้ว่าทางไหนจะดีที่สุด เราคิดให้ดีเท่าที่ทำได้ตอนนั้น แล้วทำวันต่อไปให้ดีที่สุดก็พอ

การเล่าและพร่ำเพ้อของเราจบลงเท่านี้ค่ะ หวังว่าจะมีประโยชน์​ต่อผู้อ่านทุกท่าน ถ้ามีข้อผิดพลาดประการใดขออภัย ณ ที่นี้ สวัสดีค่า
ชื่อสินค้า:   เรียนต่อต่างประเทศ
คะแนน:     

SR - Sponsored Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ SR โดยที่เจ้าของกระทู้

  • - ได้รับสินค้ามาใช้รีวิวฟรี โดยต้องคืนสินค้าให้เจ้าของสินค้า
  • - ไม่ได้รับค่าจ้างและผลประโยชน์ใดๆ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่