#saveKorat วิเคราะห์และข้อสังเกตของ จุดเกิดเหตุ สถานีตำรวจ เส้นทาง และการเข้าระงับเหตุ

จุดที่เกิดขึ้นในวัดศรัทธารวม ถือเป็นจุดอาจจะเปลี่ยนเกมส์ได้เลย เพราะคนร้ายใช้เวลาเป็น ชม. ในการปฏิบัติการ 
และที่สำคัญเข้ามาอยู่ในเขตเมือง ที่จนท.สามารถรับแจ้ง ประสานงานระหว่างกัน ส่งต่อให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องและเชี่ยวชาญ และเข้ามาจัดการได้อย่างรวดเร็ว
จนนำมาสู่การปะทะคร้ังแรกกับตำรวจที่วัดศรัทธารวม  
แต่ก็น่าจะประมาณเวลาเกือบ 2 ชม. กว่าที่จนท.จะเข้าระงับเหตุ 
ซึ่งจะเห็นว่าจุดนี้อยู่ในรัศมี ของ สภ.เมืองนครฯ และป้อมตำรวจ ที่หัวทะเล
และก็ถือว่าเข้าสกัดได้ตามทฤษฎีและมาตรฐานที่กำหนดไว้ 
เพียงแต่ศักยภาพของอาวุธและยุทธวิธีมันต่างกันเกินไป จนนำมาสู่ความสูญเสียตามที่รับทราบกัน
หลังจากนั้นคนร้ายใช้เส้นทางหลักเข้าสู่ใจกลางเมือง ผ่านสถานีและจุดตรวจหลายแห่ง 
ไม่ปรากฏข่าวว่ามีการปะทะ หรือเข้าสกัด...
จนมาเกิดเหตุครั้งใหญ่ที่ Terminal 21 ( 17.30) นำมาสู่เหตุการณ์ดังกล่าว..

จากเห็นข้อมูลและการเชื่อมโยงที่ผมทำภายใต้ความสามารถเท่าที่มี จนเกิดคำถามว่า มีการประสานงาน ระหว่างตร.ท้องที่กับหน่วยที่มีศักยภาพในการรับมือสูงกว่าหรือไม่ เพราะทราบว่า ตำรวจท้องที่ต้องรับมือกับผู้ร้ายเป็นเวลานับชม.  มีการประสานเหตุการณ์และการรับมือเหตุฉุกเฉินระหว่างทหารและตำรวจหรือไม่ เพราะนี้ไม่ใช่เหตุที่เพิ่งเกิด จะเรียกว่าการปล้นปืนก็ได้ เพียงแต่ผู้ก่อเหตุเอาอาวุธมาใช้งานเลยทันที 

ขอแสดงความเสียใจแก่ครอบครัวผู้ประสบเหตุทุกท่าน
และขอสดุดีเจ้าหน้าที่ผู้กล้าหาญ เข้าเผชิญเหตุ เอาชีวิตเข้าแลกเพื่อความปลอดภัยของประชาชน และความศักสิทธิ์ของกฏหมาย

ปล. ข้อสังเกตดังกล่าวเกิดบนพื้นฐานของการรวบรวมข้อมูลเท่าที่มี และมีเจตนาอันบริสุทธิ์เพื่อการหารือในเชิง Tactics หรือมาตรการรับเหตุเท่านั้น
เพราะจากเหตุการณ์ดังกล่าว มันคือการนับ "1" ของเหตุการณ์ Mass Shooting ในเมืองไทย ที่ไม่ควรเกิดขึ้นอีก หรือ ต้องรับมือได้ดีกว่านี้

ปล.เนื่องจากมีท่านสมาชิกได้แจ้งว่าแผนที่มีความผิดพลาดหลายจุด จึงขอลบออกไปก่อนครับ
ขอบคุณครับ
แก้ไขข้อความเมื่อ
คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 10
จุดบอดของเรื่องนี้คือค่ายทหารนะแหละครับ หลังจากเหตุการที่จุดแรกคนร้ายเข้าค่าย และในค่ายก็ไม่รู้หรอกว่าคนร้ายเพิ่งก่อเหตุมา พอเข้าค่ายทหารเท่านั้นแหละแทบจะเหมือนหายเข้ากลีบเมฆเพราะทหารเขาไม่ให้ตำรวจเข้าไปตรวจง่ายๆอยู่แล้วถ้าไม่มีการรับอนุญาติเป็นเรื่องเป็นราว ตำรวจก็สืบได้แค่เส้นทางจากบ้านจุดเกิดเหตุไปตามเส้นทางทางหลักอื่นๆที่เป็นไปได้เท่านั้น เพราะปืนที่ใช้ก่อเหตุและรถที่ใช้ก่อเหตุก็คนละเรื่องกับปืนทหารและรถทหารเลย เหมือนต้องนับ 1 ใหม่หลังจากที่คนร้ายขับรถออกมาก่อเหตุที่วัด ซึ่งไม่ใช่ถนนหลักอีกและไม่มีคนพลุกพล่าน กว่าจะมาสกัดที่วัดได้ด้วยกำลังตำรวจและอาวุธน้อยนิดก็ไม่ทันการณ์แล้ว
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่