❤️🙏ก่อนเล่าเรื่องราวประสบการณ์ส่วนตัว พี่ขอไหว้อาลัยแด่ผู้สูญเสียจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในโคราชเมื่อวานที่ผ่านมา ขอให้ทุกดวงวิญญาณไปสู่สุคติ อยู่ในภพภูมิที่ดี และขอเป็นกำลังใจให้พี่น้องคนไทยทุกคน ❤️🙏พร้อมทั้งขอชื่นชมเจ้าหน้าที่และผู้เกี่ยวข้องทุกคนที่ช่วยแก้ปัญหาต่าง ๆ อย่างดีที่สุด❤️🙏👍
พี่เองเคยผ่านประสบการณ์ยิงกันแบบนี้มาครั้งหนึ่ง แต่ไม่รุนแรงมากนัก เพราะเป็นเมืองเล็ก ๆ อย่างที่หลาย ๆ คนเคยได้ยินข่าว Mass shooting ในอเมริกา โดยเฉพาะอย่างยิ่งในห้างและสถานศึกษาต่าง ๆ บางแห่งก็น่ากลัวมาก แค่ดูข่าวก็หดหู่ที่สุด พี่อยากแชร์ประสบการณ์เผื่อมีประโยชน์บ้าง
สมัยที่พี่ทำงานเป็น TA (Teacher Assistant) และ PCS (Personal Care Assistant) ให้กับโรงเรียนแห่งหนึ่งในเมือง Lawton รัฐ Oklahoma ทางศูนย์การศึกษามีการจัดการที่ดีมาก มีการให้ครู นักเรียน บุคลากร ในโรงเรียนฝึกเอาตัวรอดในเหตุการณ์ฉุกเฉิน และเรียนรู้ในการรับมือกับเหตุการณ์เลวร้ายต่าง ๆ ที่อาจจะเกิดขึ้น และรับมือกับพายุต่าง ๆ เช่น พายุทอร์นาโด เป็นต้น
การฝึกนี้ระบบที่นี่จะเรียกว่า Fire Drill ซึ่งทุกโรงเรียนและสถานศึกษาทุกระดับจะต้องมีการฝึกทุก ๆ ปีการศึกษา ตัวพี่เองมีโอกาสได้ทำงานใน Lawton Public School มา 4 ปีเต็ม ๆ และได้ใช้จริงครั้งหนึ่งตอนสมัยเป็น PCA สอนเด็กพิเศษ ตอนนั้นมีเหตุยิงกันที่อพาร์ตเมนต์ใกล้ ๆ โรงเรียนที่พี่สอน
เสียงรถตำรวจและรถดับเพลิงวิ่งผ่านถนนด้านหน้าโรงเรียนเยอะมาก เสียงหวอดังสนั่นไปหมด ขณะนั้นเสียงประกาศ Lockdown ดังลั่นจากแผนกผู้อำนวยการแค่เพียงสามครั้ง พี่กับครูและเพื่อนครูด้วยกันสอนเด็กพิเศษ พอได้ยินเสียงสัญญาณ เรารู้หน้าที่ของตัวเองทันที แม้ว่าเด็ก ๆ จะตกใจ แต่โชคดีเขาไม่ร้องไห้ จะมีก็ทำหน้าเลิ่กลั่กบ้างในความไร้เดียงสาตามประสาเด็ก
ในจังหวะนั้นครูและครูผู้ช่วยทุกคนจะต้องมีสติมาก บอกเด็ก ๆ ให้เงียบเสียง รีบดึงเด็กในความรับผิดชอบมาใกล้ตัว ซึ่งความรับผิดชอบก็คือครูคนหนึ่งจะต้องดูแลเด็กสองคน เราจะรู้ว่าถ้าเด็กคนไหนร้องไห้ เราจะต้องจัดการเอามือปิดปากเด็ก ให้หายใจทางจมูก และกอดเด็กซุกในอกไว้ไม่ให้กลัว และก็ไม่ให้เด็กมองออกไป
พวกเราไปรวมตัวกันอยู่ในมุมที่ด้านหลังห้องเรียน ปิดไฟทั้งหมด ล็อคประตูแน่นหนา ระบบล็อคในแบบล็อคที่คนนอกเปิดไม่ได้ด้วย คนในเท่านั้นที่เปิดออกได้ ร่วมมือกันปิดเสียงมือถือ ปิดม่านหน้าต่าง หาโต๊ะมากั้นประตูไว้ แล้วหลบอยู่ในมุมเงียบและกำบังที่สุด ยอมรับว่าในตอนนั้น ทั้งตื่นเต้นและกลัวมาก ๆ ความรู้สึกบางเสี้ยววินาที ก็เหมือนวินาทีที่กำลังเป็นและตาย เราต่างก็อดคิดถึงคนรัก คิดถึงครอบครัวไม่ได้ แต่จิตสำนึกของครูมีเต็มเปี่ยม ต่อให้ลึก ๆ กลัวและกังวลแค่ไหน เราจะไม่แสดงความกลัวให้เด็ก ๆ เห็น เพราะกลัวนั้น อาจจะทำให้เขาแตกตื่น แต่ก็บอกกับตัวเองเสมอว่า “อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด พวกเราจะดูแลเด็กนักเรียนให้ดีที่สุด” ❤️🥰(เด็กที่พี่สอนนั้น จะเป็นเด็กพิเศษเป็นหลัก ขอให้นึกถึงภาพเด็กอายุ 3-4 ขวบ เด็กดาวน์ซินโดรม เด็กพัฒนาการช้า ADD ADHD เด็กพิการทางร่างกาย เด็กออทิสติค เด็กพิเศษที่ไม่สามารถสื่อสารใด ๆ ได้ เด็กตาบอด รวมความพิเศษต่าง ๆ ของเด็กในห้องที่พี่สอน) ช่วงนั้นพวกเราพากันหลบอยู่ประมาณสิบกว่านาทีได้ ก็มีผู้อำนวยการมาเคาะประตูบอกยกเลิก ทุกอย่างปลอดภัย ให้ออกมาได้ โชคดีเหตุการณ์วันนั้นตำรวจจับคนร้ายได้เร็ว ทำให้รอดมาได้ ในขณะที่เราหลบอยู่ ทางการก็ส่งตำรวจมาคอยดูแลที่โรงเรียนด้วย
จากประสบการณ์การทำงานในระบบของโรงเรียนที่อเมริกา สอนให้พี่เรียนรู้หลายอย่าง และก็ชื่นชมระบบที่นี่ว่ามีการสอนและเตรียมความพร้อมรับมือทุกเหตุการณ์ฉุกเฉินได้อย่างดีมาก เด็ก ๆ ได้มีการฝึกฝนอย่างต่อเนื่องในโรงเรียน และทุก ๆ เทอมจะมีการเทรนเรื่องนี้เรื่อย ๆ
นอกจากนั้น ในทุก ๆ ปีก็มีการส่งครูและครูผู้ช่วยทุกคนลงเรียนคลาสปฐมพยาบาลเบื้องต้นอย่างน้อย 1-2 วัน เพื่อเอาใบประกาศนียบัตรว่าผ่านการอบรมมาจริง ถ้ามีเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดเกิดขึ้น เราสามารถรับมือได้อย่างดี
❤️❤️พี่อยากเห็นระบบการศึกษาที่เมืองไทยและองค์กรที่ทำงานทุกแห่งนำเคสเหตุการณ์ที่โคราชมาใช้ให้เป็นประโยชน์ อยากให้มีการฝึก Fire Drill หลาย ๆ เคสเอาไว้เพื่อเตรียมพร้อมในการรับมือในโรงเรียนและองค์กรอย่างจริงจัง มีการสอนเรื่องทำอย่างไรเพื่อเอาตัวรอดจากเหตุการณ์แบบนี้ และสร้างหลักสามัคคีช่วยเหลือกันในยามฉุกเฉิน มองความปลอดภัยในสังคมส่วนรวมเป็นหลัก เคารพกฏหมู่และกฏสังคม มีจิตสำนึกที่ดี และในยามฉุกเฉินเน้นความสามัคคีเป็นที่หนึ่ง❤️❤️
❣️❣️โรงเรียนที่นี่หลายแห่งออกกฏครูห้ามใช้โทรศัพท์มือถือในเวลางาน👍👍โดยเฉพาะที่ไม่เกี่ยวข้องกับงานที่ทำอยู่
❣️❣️ไม่มีการถ่ายรูปและวีดีโอ ไลฟ์สด ภาพของเด็กนักเรียนลงในสื่อโซเชี่ยลใด ๆ ในอินเตอร์เน็ต👍👍เพราะผิดกฏระเบียบและอาจจะผิดกฏหมายด้วย
❣️❣️เด็กนักเรียนไม่มีโทรศัพท์ส่วนตัวใช้เวลามาเรียนหนังสือ หากผู้ปกครองต้องการติดต่อ ก็ติดต่อครูประจำชั้นทางอีเมลหรือโทรเข้าเบอร์ของโรงเรียนโดยตรง
❣️❣️ถ้ากรณีฉุกเฉินในเด็กพิเศษ สามารถติดต่อครูประจำชั้นจากมือถือได้เลย
❣️❣️ห้ามครูทุกคนเป็นเพื่อนในเฟสบุ๊คและสื่อต่าง ๆ กับเด็กนักเรียนโดยตรง แต่ถ้าผู้ปกครองเป็นเพื่อนกับครูได้ เพราะไม่มีกฏห้ามใด ๆ
❣️❣️และอีกหลาย ๆ กฏที่มีเพื่อปกป้องสิทธิเด็กและความปลอดภัยเป็นหลัก
💕💕ถ้าทุกคนได้รับการฝึกฝนมาแบบจริงจังอย่างต่อเนื่อง บางครั้งเหตุการณ์ที่เลวร้ายก็อาจจะไม่ร้ายไปมากกว่านี้
❤️❤️ขอให้ความเจ็บปวดเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น จงใช้เป็นบทเรียนที่ดีที่สอนพวกเราหลายอย่าง🙏🙏🙏นำสิ่งที่ผิดพลาดปรับปรุงพัฒนาให้ดีขึ้น❤️❤️
❤️🙏พี่ขอภาวนาอย่าให้เรื่องเลวร้ายแบบนี้เกิดขึ้นอีก❤️🙏
ประสบการณ์จากอดีตครูผู้ช่วยในการรับมือเหตุการณ์ยิงกันที่อเมริกา
พี่เองเคยผ่านประสบการณ์ยิงกันแบบนี้มาครั้งหนึ่ง แต่ไม่รุนแรงมากนัก เพราะเป็นเมืองเล็ก ๆ อย่างที่หลาย ๆ คนเคยได้ยินข่าว Mass shooting ในอเมริกา โดยเฉพาะอย่างยิ่งในห้างและสถานศึกษาต่าง ๆ บางแห่งก็น่ากลัวมาก แค่ดูข่าวก็หดหู่ที่สุด พี่อยากแชร์ประสบการณ์เผื่อมีประโยชน์บ้าง
สมัยที่พี่ทำงานเป็น TA (Teacher Assistant) และ PCS (Personal Care Assistant) ให้กับโรงเรียนแห่งหนึ่งในเมือง Lawton รัฐ Oklahoma ทางศูนย์การศึกษามีการจัดการที่ดีมาก มีการให้ครู นักเรียน บุคลากร ในโรงเรียนฝึกเอาตัวรอดในเหตุการณ์ฉุกเฉิน และเรียนรู้ในการรับมือกับเหตุการณ์เลวร้ายต่าง ๆ ที่อาจจะเกิดขึ้น และรับมือกับพายุต่าง ๆ เช่น พายุทอร์นาโด เป็นต้น
การฝึกนี้ระบบที่นี่จะเรียกว่า Fire Drill ซึ่งทุกโรงเรียนและสถานศึกษาทุกระดับจะต้องมีการฝึกทุก ๆ ปีการศึกษา ตัวพี่เองมีโอกาสได้ทำงานใน Lawton Public School มา 4 ปีเต็ม ๆ และได้ใช้จริงครั้งหนึ่งตอนสมัยเป็น PCA สอนเด็กพิเศษ ตอนนั้นมีเหตุยิงกันที่อพาร์ตเมนต์ใกล้ ๆ โรงเรียนที่พี่สอน
เสียงรถตำรวจและรถดับเพลิงวิ่งผ่านถนนด้านหน้าโรงเรียนเยอะมาก เสียงหวอดังสนั่นไปหมด ขณะนั้นเสียงประกาศ Lockdown ดังลั่นจากแผนกผู้อำนวยการแค่เพียงสามครั้ง พี่กับครูและเพื่อนครูด้วยกันสอนเด็กพิเศษ พอได้ยินเสียงสัญญาณ เรารู้หน้าที่ของตัวเองทันที แม้ว่าเด็ก ๆ จะตกใจ แต่โชคดีเขาไม่ร้องไห้ จะมีก็ทำหน้าเลิ่กลั่กบ้างในความไร้เดียงสาตามประสาเด็ก
ในจังหวะนั้นครูและครูผู้ช่วยทุกคนจะต้องมีสติมาก บอกเด็ก ๆ ให้เงียบเสียง รีบดึงเด็กในความรับผิดชอบมาใกล้ตัว ซึ่งความรับผิดชอบก็คือครูคนหนึ่งจะต้องดูแลเด็กสองคน เราจะรู้ว่าถ้าเด็กคนไหนร้องไห้ เราจะต้องจัดการเอามือปิดปากเด็ก ให้หายใจทางจมูก และกอดเด็กซุกในอกไว้ไม่ให้กลัว และก็ไม่ให้เด็กมองออกไป
พวกเราไปรวมตัวกันอยู่ในมุมที่ด้านหลังห้องเรียน ปิดไฟทั้งหมด ล็อคประตูแน่นหนา ระบบล็อคในแบบล็อคที่คนนอกเปิดไม่ได้ด้วย คนในเท่านั้นที่เปิดออกได้ ร่วมมือกันปิดเสียงมือถือ ปิดม่านหน้าต่าง หาโต๊ะมากั้นประตูไว้ แล้วหลบอยู่ในมุมเงียบและกำบังที่สุด ยอมรับว่าในตอนนั้น ทั้งตื่นเต้นและกลัวมาก ๆ ความรู้สึกบางเสี้ยววินาที ก็เหมือนวินาทีที่กำลังเป็นและตาย เราต่างก็อดคิดถึงคนรัก คิดถึงครอบครัวไม่ได้ แต่จิตสำนึกของครูมีเต็มเปี่ยม ต่อให้ลึก ๆ กลัวและกังวลแค่ไหน เราจะไม่แสดงความกลัวให้เด็ก ๆ เห็น เพราะกลัวนั้น อาจจะทำให้เขาแตกตื่น แต่ก็บอกกับตัวเองเสมอว่า “อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด พวกเราจะดูแลเด็กนักเรียนให้ดีที่สุด” ❤️🥰(เด็กที่พี่สอนนั้น จะเป็นเด็กพิเศษเป็นหลัก ขอให้นึกถึงภาพเด็กอายุ 3-4 ขวบ เด็กดาวน์ซินโดรม เด็กพัฒนาการช้า ADD ADHD เด็กพิการทางร่างกาย เด็กออทิสติค เด็กพิเศษที่ไม่สามารถสื่อสารใด ๆ ได้ เด็กตาบอด รวมความพิเศษต่าง ๆ ของเด็กในห้องที่พี่สอน) ช่วงนั้นพวกเราพากันหลบอยู่ประมาณสิบกว่านาทีได้ ก็มีผู้อำนวยการมาเคาะประตูบอกยกเลิก ทุกอย่างปลอดภัย ให้ออกมาได้ โชคดีเหตุการณ์วันนั้นตำรวจจับคนร้ายได้เร็ว ทำให้รอดมาได้ ในขณะที่เราหลบอยู่ ทางการก็ส่งตำรวจมาคอยดูแลที่โรงเรียนด้วย
จากประสบการณ์การทำงานในระบบของโรงเรียนที่อเมริกา สอนให้พี่เรียนรู้หลายอย่าง และก็ชื่นชมระบบที่นี่ว่ามีการสอนและเตรียมความพร้อมรับมือทุกเหตุการณ์ฉุกเฉินได้อย่างดีมาก เด็ก ๆ ได้มีการฝึกฝนอย่างต่อเนื่องในโรงเรียน และทุก ๆ เทอมจะมีการเทรนเรื่องนี้เรื่อย ๆ
นอกจากนั้น ในทุก ๆ ปีก็มีการส่งครูและครูผู้ช่วยทุกคนลงเรียนคลาสปฐมพยาบาลเบื้องต้นอย่างน้อย 1-2 วัน เพื่อเอาใบประกาศนียบัตรว่าผ่านการอบรมมาจริง ถ้ามีเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดเกิดขึ้น เราสามารถรับมือได้อย่างดี
❤️❤️พี่อยากเห็นระบบการศึกษาที่เมืองไทยและองค์กรที่ทำงานทุกแห่งนำเคสเหตุการณ์ที่โคราชมาใช้ให้เป็นประโยชน์ อยากให้มีการฝึก Fire Drill หลาย ๆ เคสเอาไว้เพื่อเตรียมพร้อมในการรับมือในโรงเรียนและองค์กรอย่างจริงจัง มีการสอนเรื่องทำอย่างไรเพื่อเอาตัวรอดจากเหตุการณ์แบบนี้ และสร้างหลักสามัคคีช่วยเหลือกันในยามฉุกเฉิน มองความปลอดภัยในสังคมส่วนรวมเป็นหลัก เคารพกฏหมู่และกฏสังคม มีจิตสำนึกที่ดี และในยามฉุกเฉินเน้นความสามัคคีเป็นที่หนึ่ง❤️❤️
❣️❣️โรงเรียนที่นี่หลายแห่งออกกฏครูห้ามใช้โทรศัพท์มือถือในเวลางาน👍👍โดยเฉพาะที่ไม่เกี่ยวข้องกับงานที่ทำอยู่
❣️❣️ไม่มีการถ่ายรูปและวีดีโอ ไลฟ์สด ภาพของเด็กนักเรียนลงในสื่อโซเชี่ยลใด ๆ ในอินเตอร์เน็ต👍👍เพราะผิดกฏระเบียบและอาจจะผิดกฏหมายด้วย
❣️❣️เด็กนักเรียนไม่มีโทรศัพท์ส่วนตัวใช้เวลามาเรียนหนังสือ หากผู้ปกครองต้องการติดต่อ ก็ติดต่อครูประจำชั้นทางอีเมลหรือโทรเข้าเบอร์ของโรงเรียนโดยตรง
❣️❣️ถ้ากรณีฉุกเฉินในเด็กพิเศษ สามารถติดต่อครูประจำชั้นจากมือถือได้เลย
❣️❣️ห้ามครูทุกคนเป็นเพื่อนในเฟสบุ๊คและสื่อต่าง ๆ กับเด็กนักเรียนโดยตรง แต่ถ้าผู้ปกครองเป็นเพื่อนกับครูได้ เพราะไม่มีกฏห้ามใด ๆ
❣️❣️และอีกหลาย ๆ กฏที่มีเพื่อปกป้องสิทธิเด็กและความปลอดภัยเป็นหลัก
💕💕ถ้าทุกคนได้รับการฝึกฝนมาแบบจริงจังอย่างต่อเนื่อง บางครั้งเหตุการณ์ที่เลวร้ายก็อาจจะไม่ร้ายไปมากกว่านี้
❤️❤️ขอให้ความเจ็บปวดเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น จงใช้เป็นบทเรียนที่ดีที่สอนพวกเราหลายอย่าง🙏🙏🙏นำสิ่งที่ผิดพลาดปรับปรุงพัฒนาให้ดีขึ้น❤️❤️
❤️🙏พี่ขอภาวนาอย่าให้เรื่องเลวร้ายแบบนี้เกิดขึ้นอีก❤️🙏