สำหรับใครหลายๆ คน สงครามโลกครั้งที่ 1 หรือชื่อที่ฝรั่งเรียกก็คือ Great War เป็นสงครามที่เรารู้สึกว่าเป็นเรื่องไกลตัว เนื่องมาจากคนที่ผ่านเรื่องราวเหล่านี้ก็ล้วนจากไปหมดแล้ว เราจึงไม่ค่อยได้มีโอกาสฟังผู้ที่ผ่านเหตุการณ์จริงๆ มาเล่าให้ฟัง ในขณะที่สงครามโลกครั้งที่ 2 ก็ดี สงครามเกาหลี หรือสงครามเวียดนาม ก็ยังพอมีผู้ผ่านเหตุการณ์ที่ยังพอบอกเล่าถ่ายทอดประสบการณ์ให้เราได้รับฟัง แต่สิ่งหนึ่งที่เป็นที่ยอมรับกันก็คือสงครามโลกครั้งที่ 1 เป็นสงครามที่คลาสสิกมากๆ และหนังเรื่องนี้บอกเล่าบรรยากาศในช่วงนั้นให้เราได้เห็นเป็นอย่างดี
1917 เป็นผลงานกำกับของ แซม เมนเดส ผู้กำกับฝีมือขั้นเทพที่เคยฝากฝีมือในบรรดาหนังดังต่างๆ อาทิ เช่น American Beauty (1999), Road to Perdition (2002), หนังเจมส์บอนด์ 007 ภาค Skyfall (2012) และ Spectre (2015) การันตีด้วยการได้รับรางวัลออสการ์และลูกโลกทองคำสาขาผู้กำกับยอดเยี่ยมมาแล้วจากเรื่อง American Beauty โดยเรื่อง 1917 นี้ก็ได้รับเสนอชื่อเข้าชิงในรางวัลออสการ์ทั้งสิ้น 10 สาขา โดยเรื่องนี้นำแสดงโดย จอร์จ แมคเคย์ , ดีน-ชาร์ลส์ แชปแมน และ ริชาร์ด แมดเด้น ร่วมด้วยดาราดังๆ ได้แก่ โคลิน เฟิร์ธ , มาร์ค สตรอง และ เบเนดิกต์ คัมเบอร์แบช
1917 บอกเล่าเรื่องราวภารกิจของทหารสองนาย ได้แก่ หมู่โทมัส เบล้ก ( แชปแมน ) และหมู่วิลเลียม สคอฟิลด์ ( แมคเคย์ ) ที่ได้รับจากนายพลเอรินมอร์ ( เฟิร์ธ ) ให้ไปแจ้งข่าวแก่ผู้พันแมคเคนซี่ แห่ง กองพันที่ 2 กรมทหารราบเดวอนส์ว่าพรุ่งนี้อย่าเข้าตีข้าศึกเป็นอันขาดเพราะข้าศึก(เยอรมัน) ได้วางกับดักไว้รออยู่แล้ว ถ้าหากเข้าตีจะเกิดหายนะครั้งใหญ่ คือต้องสูญเสียกำลังพลไปกว่า 1,600 นายทั้งหมด อีกทั้งพี่ชายของหมู่เบล้ก ซึ่งก็คือ หมวดโจเซฟ เบล้ก ( แมดเด้น ) ก็สังกัดอยู่ในกองพันดังกล่าวด้วย ท่านนายพลจึงมอบหมายให้ทั้งคู่รีบนำสาส์นไปแจ้งให้ทันเวลาก่อนที่รุ่งสางพรุ่งนี้หน่วยจะต้องเข้าตีตามแผนที่วางไว้
หนังดีมากครับ ไม่มีความเยิ่นเย้อ ไม่มีเกริ่นนำอะไรทั้งสิ้น แค่เริ่มจากเรียกหมู่เบล้กไปหานายพล จากนั้นก็ลากยาวไปเลยครับ สนุก ตื่นเต้น ซึ้ง ครบทุกรสตั้งแต่ต้นจนจบ สิ่งหนึ่งที่ผมชอบและโดดเด่นมากๆ นั่นก็คือการถ่ายทำแบบลองเทกที่ทำได้อย่างเยี่ยมยอดและไม่มีสะดุดเลย สะกดเราได้ตั้งแต่ต้นจนจบแทบจะลุ้นระทึกทั้งเรื่องครับ เหมือนเราดูสารคดีติดตามชีวิตคนอะไรอย่างนั้นเลย ส่วนเพลงประกอบถือว่าเป็นส่วนสำคัญสำหรับเรื่องนี้ครับ เลือกได้ลงตัวมากๆ ตอนที่มีฉากตายเกิดขึ้นก็ไม่ได้มีเพลงมาบิ้วท์อารมณ์เหมือนละครน้ำเน่าของบางประเทศที่กว่าจะตาย
ก็ลากไปสองช่วงโฆษณา อันนี้คือตายก็ตายเงียบๆ อย่างงั้นเลย สมจริงมาก ตัวอย่างหนังเราอาจจะเห็นฉากที่ทหารวิ่งตัดแนวเข้าตียาวๆ อันนั้นแค่เสี้ยวหนึ่งของความตื่นเต้นครับ ของจริงต้องไปดู แจ่มแมวทุกฉาก สถานที่ถ่ายทำและภาพทำได้เนียนตามากครับ สภาพพื้นที่การรบก็สมจริงมากๆ มีทั้งความเสื่อมโทรม ซากปรักหักพัง ศพคน ม้า หมา วัวเกลื่อน สมจริงมากสร้างบรรยากาศขนลุกได้อย่างดี ส่วนฉากธรรมชาติก็สวยงามสัมผัสได้ถึงความผ่อนคลาย และร่มเย็น ส่วนอารมณ์ของนักแสดง โอวมายก็อด อาจจะไม่มีใครเด่นคนใดคนนึงอย่างชัดเจน แต่พูดได้เลยว่าเนียนมาก เหมือนกับคนไปรบในสงครามจริงๆ มีทั้งอารมณ์เศร้า อารมณ์กลัว อารมณ์ตื่นตระหนก มันต้องอย่างนี้แหละครับสงครามจริงๆ
1917 เป็นหนึ่งในหนังสงครามในดวงใจผมซะแล้ว ดีงามมาก ผมขอให้คะแนน 9.5 เต็ม 10 นะครับ ตัดนิดเดียว นิดเดียวจริงๆ สำหรับผม คือจบอาจจะยังไม่สุด คืออยากให้จบแบบเคลียร์ๆ นิดนึงคืออยากรู้ความเป็นไปต่ออีกสักหน่อยว่าจะเป็นอย่างไร แต่อันนี้ความเห็นส่วนตัวครับ ถ้าเทียบกับหนังสงครามที่ผ่านมา พล็อตเรื่องอาจจะดูคล้าย Saving Pritvate Ryan หนังอมตะ การถ่ายภาพอาจจะดูเหมือนเรื่อง Dunkirk แต่จริงๆ แล้วคนละแบบเลยครับ 1917 จะมีความเป็นลักษณะเฉพาะตัวต้องไปดูเอาเองครับ หนังฝากแง่คิดอะไรหลายๆ แง่ เช่น คนหลายๆ คนอาจจะยึดถือหรือชื่นชอบอะไรแค่เปลือก เช่น อยากได้เหรียญตรา เกียรติยศ แต่แท้ที่จริงแล้วสิ่งเหล่านั้นมันกินไม่ได้ มันไม่ได้ทำให้เราอิ่มท้อง มันเติมเต็มไม่ได้ หากเรามองแก่นแท้ของมันจริงๆ ก็จะทำให้เราปล่อยวางตัวตนของเรา มองหาสิ่งที่ใช่สำหรับชีวิตเรา หรือ การที่เราไว้วางใจใครสักคนที่เราไม่ได้รู้จักเขาดีพอ คนคนนั้นอาจจะไม่ได้หวังดีกับเราก็ได้ แท้ที่จริงเขาอาจคืองูพิษที่คอยแว้งกัดเรา เหมือนดั่งชาวนากับงูเห่า และความประมาทมักจะนำเราไปสู่หนทางแห่งความตาย 1917 เป็นหนังที่สะท้อนให้เราเห็นสัจธรรมเรื่องที่กล่าวมาขั้นต้นได้เป็นอย่างดี ขอให้สนุกกับการดูหนังครับ
[CR] [Review] 1917 (2019)
สำหรับใครหลายๆ คน สงครามโลกครั้งที่ 1 หรือชื่อที่ฝรั่งเรียกก็คือ Great War เป็นสงครามที่เรารู้สึกว่าเป็นเรื่องไกลตัว เนื่องมาจากคนที่ผ่านเรื่องราวเหล่านี้ก็ล้วนจากไปหมดแล้ว เราจึงไม่ค่อยได้มีโอกาสฟังผู้ที่ผ่านเหตุการณ์จริงๆ มาเล่าให้ฟัง ในขณะที่สงครามโลกครั้งที่ 2 ก็ดี สงครามเกาหลี หรือสงครามเวียดนาม ก็ยังพอมีผู้ผ่านเหตุการณ์ที่ยังพอบอกเล่าถ่ายทอดประสบการณ์ให้เราได้รับฟัง แต่สิ่งหนึ่งที่เป็นที่ยอมรับกันก็คือสงครามโลกครั้งที่ 1 เป็นสงครามที่คลาสสิกมากๆ และหนังเรื่องนี้บอกเล่าบรรยากาศในช่วงนั้นให้เราได้เห็นเป็นอย่างดี
1917 เป็นผลงานกำกับของ แซม เมนเดส ผู้กำกับฝีมือขั้นเทพที่เคยฝากฝีมือในบรรดาหนังดังต่างๆ อาทิ เช่น American Beauty (1999), Road to Perdition (2002), หนังเจมส์บอนด์ 007 ภาค Skyfall (2012) และ Spectre (2015) การันตีด้วยการได้รับรางวัลออสการ์และลูกโลกทองคำสาขาผู้กำกับยอดเยี่ยมมาแล้วจากเรื่อง American Beauty โดยเรื่อง 1917 นี้ก็ได้รับเสนอชื่อเข้าชิงในรางวัลออสการ์ทั้งสิ้น 10 สาขา โดยเรื่องนี้นำแสดงโดย จอร์จ แมคเคย์ , ดีน-ชาร์ลส์ แชปแมน และ ริชาร์ด แมดเด้น ร่วมด้วยดาราดังๆ ได้แก่ โคลิน เฟิร์ธ , มาร์ค สตรอง และ เบเนดิกต์ คัมเบอร์แบช
1917 บอกเล่าเรื่องราวภารกิจของทหารสองนาย ได้แก่ หมู่โทมัส เบล้ก ( แชปแมน ) และหมู่วิลเลียม สคอฟิลด์ ( แมคเคย์ ) ที่ได้รับจากนายพลเอรินมอร์ ( เฟิร์ธ ) ให้ไปแจ้งข่าวแก่ผู้พันแมคเคนซี่ แห่ง กองพันที่ 2 กรมทหารราบเดวอนส์ว่าพรุ่งนี้อย่าเข้าตีข้าศึกเป็นอันขาดเพราะข้าศึก(เยอรมัน) ได้วางกับดักไว้รออยู่แล้ว ถ้าหากเข้าตีจะเกิดหายนะครั้งใหญ่ คือต้องสูญเสียกำลังพลไปกว่า 1,600 นายทั้งหมด อีกทั้งพี่ชายของหมู่เบล้ก ซึ่งก็คือ หมวดโจเซฟ เบล้ก ( แมดเด้น ) ก็สังกัดอยู่ในกองพันดังกล่าวด้วย ท่านนายพลจึงมอบหมายให้ทั้งคู่รีบนำสาส์นไปแจ้งให้ทันเวลาก่อนที่รุ่งสางพรุ่งนี้หน่วยจะต้องเข้าตีตามแผนที่วางไว้
หนังดีมากครับ ไม่มีความเยิ่นเย้อ ไม่มีเกริ่นนำอะไรทั้งสิ้น แค่เริ่มจากเรียกหมู่เบล้กไปหานายพล จากนั้นก็ลากยาวไปเลยครับ สนุก ตื่นเต้น ซึ้ง ครบทุกรสตั้งแต่ต้นจนจบ สิ่งหนึ่งที่ผมชอบและโดดเด่นมากๆ นั่นก็คือการถ่ายทำแบบลองเทกที่ทำได้อย่างเยี่ยมยอดและไม่มีสะดุดเลย สะกดเราได้ตั้งแต่ต้นจนจบแทบจะลุ้นระทึกทั้งเรื่องครับ เหมือนเราดูสารคดีติดตามชีวิตคนอะไรอย่างนั้นเลย ส่วนเพลงประกอบถือว่าเป็นส่วนสำคัญสำหรับเรื่องนี้ครับ เลือกได้ลงตัวมากๆ ตอนที่มีฉากตายเกิดขึ้นก็ไม่ได้มีเพลงมาบิ้วท์อารมณ์เหมือนละครน้ำเน่าของบางประเทศที่กว่าจะตายก็ลากไปสองช่วงโฆษณา อันนี้คือตายก็ตายเงียบๆ อย่างงั้นเลย สมจริงมาก ตัวอย่างหนังเราอาจจะเห็นฉากที่ทหารวิ่งตัดแนวเข้าตียาวๆ อันนั้นแค่เสี้ยวหนึ่งของความตื่นเต้นครับ ของจริงต้องไปดู แจ่มแมวทุกฉาก สถานที่ถ่ายทำและภาพทำได้เนียนตามากครับ สภาพพื้นที่การรบก็สมจริงมากๆ มีทั้งความเสื่อมโทรม ซากปรักหักพัง ศพคน ม้า หมา วัวเกลื่อน สมจริงมากสร้างบรรยากาศขนลุกได้อย่างดี ส่วนฉากธรรมชาติก็สวยงามสัมผัสได้ถึงความผ่อนคลาย และร่มเย็น ส่วนอารมณ์ของนักแสดง โอวมายก็อด อาจจะไม่มีใครเด่นคนใดคนนึงอย่างชัดเจน แต่พูดได้เลยว่าเนียนมาก เหมือนกับคนไปรบในสงครามจริงๆ มีทั้งอารมณ์เศร้า อารมณ์กลัว อารมณ์ตื่นตระหนก มันต้องอย่างนี้แหละครับสงครามจริงๆ
1917 เป็นหนึ่งในหนังสงครามในดวงใจผมซะแล้ว ดีงามมาก ผมขอให้คะแนน 9.5 เต็ม 10 นะครับ ตัดนิดเดียว นิดเดียวจริงๆ สำหรับผม คือจบอาจจะยังไม่สุด คืออยากให้จบแบบเคลียร์ๆ นิดนึงคืออยากรู้ความเป็นไปต่ออีกสักหน่อยว่าจะเป็นอย่างไร แต่อันนี้ความเห็นส่วนตัวครับ ถ้าเทียบกับหนังสงครามที่ผ่านมา พล็อตเรื่องอาจจะดูคล้าย Saving Pritvate Ryan หนังอมตะ การถ่ายภาพอาจจะดูเหมือนเรื่อง Dunkirk แต่จริงๆ แล้วคนละแบบเลยครับ 1917 จะมีความเป็นลักษณะเฉพาะตัวต้องไปดูเอาเองครับ หนังฝากแง่คิดอะไรหลายๆ แง่ เช่น คนหลายๆ คนอาจจะยึดถือหรือชื่นชอบอะไรแค่เปลือก เช่น อยากได้เหรียญตรา เกียรติยศ แต่แท้ที่จริงแล้วสิ่งเหล่านั้นมันกินไม่ได้ มันไม่ได้ทำให้เราอิ่มท้อง มันเติมเต็มไม่ได้ หากเรามองแก่นแท้ของมันจริงๆ ก็จะทำให้เราปล่อยวางตัวตนของเรา มองหาสิ่งที่ใช่สำหรับชีวิตเรา หรือ การที่เราไว้วางใจใครสักคนที่เราไม่ได้รู้จักเขาดีพอ คนคนนั้นอาจจะไม่ได้หวังดีกับเราก็ได้ แท้ที่จริงเขาอาจคืองูพิษที่คอยแว้งกัดเรา เหมือนดั่งชาวนากับงูเห่า และความประมาทมักจะนำเราไปสู่หนทางแห่งความตาย 1917 เป็นหนังที่สะท้อนให้เราเห็นสัจธรรมเรื่องที่กล่าวมาขั้นต้นได้เป็นอย่างดี ขอให้สนุกกับการดูหนังครับ
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้