สวัสดีค่ะทุกคน เราชื่อมุกนะคะ วันนี้จะมาแบ่งปันประสบการณ์ทำปากกระจับให้เพื่อนๆได้ฟังกัน เพื่อเป็นแนวทางในการตัดสินใจทำนะคะ ก่อนอื่นต้องบอกก่อนเลยว่าเหตุผลที่มุกอยากทำปากกระจับก็เพราะว่า มุกเป็นคนที่ริมฝีปากหนามากและปากย้วยๆ ไม่เป็นทรง เวลาที่มุกยิ้มจะต้องคอยเกร็งริมฝีปากตลอดเพื่อให้ริมฝีปากตัวเองดูบางลง ทาลิปก็ไม่สวยทำให้ไม่มีความมั่นใจเลย
มุกเลยหาคลินิกทำศัลยกรรมปากกระจับ โดยอ่านรีวิวตามกลุ่มศัลยกรรมต่างๆ ใน facebook แล้วมุกก็ไปสะดุดใจกับโพสของเพื่อนคนนึงในกลุ่มรีวิว ที่แชร์ไลฟ์สดของคุณหมอท่านหนึ่งชื่อว่า "คุณหมออาร์ม" บีพราวด์ คลินิก มุกเลยลองกดเข้าไปดูซักหน่อย ตั้งแต่นั้นมามุกก็ติดตามมาเรื่อยๆเพราะชอบฟังที่คุณหมอพูด ทำให้มุกได้รับความรู้เรื่องการทำปากกระจับ แล้วยังสามารถสอบถามสิ่งที่เราไม่เข้าใจ คุณหมอไล่อ่าน ไล่ตอบหมดทุกคน มุกรู้สึกว่าหมออาร์มดูน่ารักเป็นกันเองดี นอกจากนั้นทางแอดมินของเพจยังคอยไลฟ์สดว่าในแต่ละวันคนที่ทำเสร็จแล้วเปลี่ยนแปลงมากแค่ไหน มุกรู้สึกว่าคลินิกนี้ดูอบอุ่นดีจัง เลยตัดสินใจแบบไม่ลังเลว่าจะทำที่นี่แหละ โทรนัดวัน-เวลา โอนค่ามัดจำเรียบร้อย (ก่อนผ่าตัด 2 อาทิตย์ ทางคลินิกแจ้งว่าให้มุกงดแอลกอฮอลล์ ทุกชนิด วิตามิน คอลลาเจน ของหมักดอง ของดิบ เครื่องดื่มชูกำลัง ถ้าไม่งดจะทำให้เลือดออกมากผิดปกติ ผลการรักษาไม่ดีเท่าที่ควร จะทำให้ต้องเลื่อนการผ่าตัดออกไป)
- วันไปทำ -
มุกไปถึงตั้งแต่ 9 โมงครึ่งเพราะรถไม่ติด การเดินทางค่อนข้างสะดวกเพราะคลินิกอยู่ไม่ห่างจากบีทีเอช พอไปถึงก็ลงทะเบียนรอพบคุณหมออาร์ม (สังเกตว่าคนเยอะแต่เช้าเลย) จากนั้นไม่นานมุกก็ได้เข้าไปคุยรายละเอียด ประเมินโครงสร้างปากกับคุณหมออาร์ม โดยคุณหมอบอกว่าเคสของมุกเป็นคนที่ปากบนหนากว่าปากล่างเยอะมาก เนื้อปากมีความยุ่ย (ทำออกมากระจับอาจไม่ชัดมาก) คุณหมอออกเเบบทรงปากบนให้รับกันกับปากล่าง ดูเป็นธรรมชาติ (ในระหว่างพูดคุยคุณหมอก็ถ่ายภาพใบหน้าของมุก แล้ววาดรูปปากให้ดูว่าจะออกมาประมาณไหน ทำให้มุกพอมองเห็นภาพมากขึ้น)
- เข้าห้องผ่าตัด -
ก่อนเข้าห้องมุกก็ล้างเครื่องสำอางค์ที่หน้าออกให้สะอาด ใส่หมวก ใส่ชุด เตรียมตัวขึ้นเขียงค่ะ มุกตื่นเต้นมาก แค่ขึ้นชื่อว่าห้องผ่าตัดมุกก็กลัวแล้วค่ะทุกคน แต่พอเข้าไปปุ๊ป ทุกคนเชื่อมั้ยว่าบรรยากาศภายในห้องคือไม่น่ากลัวเลย เพราะคุณหมออาร์มเปิดเพลงฟังไปด้วย ร้องเพลงไปด้วย มันทำให้มุกโล่งไประดับนึง จากนั้นคุณหมอก็เอาดินสอมาวาดที่ริมฝีปากมุกแล้วก็เอากระจกให้ดูอีกรอบว่าทรงมันจะออกมาประมาณนี้นะ และคุณหมอก็ทำการฉีดยาชาเพื่อบล็อกเส้นประสาท สำหรับมุกไม่ได้เจ็บขนาดนั้น แต่ในใจคือกลัวว่ามันจะชาตลอดช่วงที่คุณหมอทำรึป่าวนะ กลัวว่าเดี๋ยวยาชาหมดฤทธิ์จะเจ็บ แต่ปรากฏว่ายาชาก็คือชามาก (มุกกลับถึงบ้านยังชาอยู่เลย ชาไปครึ่งหน้า) เพราะฉะนั้นไม่ต้องกลัวเจ็บเลยค่า ระหว่างการทำคุณหมออาร์มก็จะชวนคุยเป็นระยะๆ ถามเราว่าเจ็บมั้ย ร้องเพลงให้เราฟัง แล้วยังมีพี่พยาบาลคอยนวดขาให้ยิ่งทำให้ผ่อนคลายมากขึ้นไปอีก
- หลังผ่าตัด -
คุณหมอเอากระจกมาให้มุกดูแล้วถามว่าชอบมั้ย ไม่อยากจะเชื่อเลยว่ารอยยิ้มของมุกดูเปลี่ยนไป จากที่แต่ก่อนต้องยิ้มแบบเกร็งริมฝีปากตัวเอง แต่ตอนนี้มุกสามารถยิ้มได้แบบปกติ รอยยิ้มสวยๆ แบบเป็นธรรมชาติมุกพึ่งสัมผัสได้ก็วันนี้แหละ (มีรูปมายืนยันนะคะ)
- ก่อนกลับบ้าน -
ทางคลินิกก็จ่ายยาและสอนวิธีการดูแลรักษาปากกระจับให้กับมุกเป็นอย่างดีเลย
ต่อไปมุกจะมาสอน
วิธีการล้างแผลให้นะคะ ง่ายๆเลยไม่ยุ่งยาก (เตรียมสำลีก้าน เบตาดีน ผ้าก๊อต น้ำเกลือ เอาไว้)
1. ใช้น้ำเกลือหยดลงบนสำลีก้าน เช็ดที่แผลและรอยเย็บทั้งหมด ล้างจนแน่ใจว่าไม่มีคราบเลือดติดปมไหม
2. หยดเบตาดีนใส่สำลีก้าน เช็ดที่รอยเย็บเท่านั้น ทิ้งไว้ 1-2 นาที จากนั้นหยดน้ำเกลือใส่สำลีก้านเพื่อล้างเบตาดีนออก
3. เสร็จแล้วค่าทุกคน แต่ถ้าซื้อยาลดรอยแผลเป็นสแตรทตาเมด(หลอดสีฟ้า) มาด้วยอย่าลืมทาทับตรงรอยเย็บหลังล้างแผลเสร็จนะคะ
*ถ้ามีคราบเลือดเกาะ หรือคราบแผ่นสีขาวแข็งๆ ให้ใช้น้ำเกลือเทใส่สำลี หรือผ้าก๊อตเปียกๆ
โป๊ะตรงคราบที่มีทิ้งไว้ 5-10 นาที ให้คราบนิ่มแล้วค่อยเอาออกหรือเช็ดคราบ
วิธีการดูแลตัวเองหลังผ่าตัด
1.ประคบเย็น 3 วันแรกให้มากที่สุด วันที่ 4 ประคบอุ่นไปเรื่อยจนเข้าที่
2.นอนหมอนสูงในช่วง 1 เดือน
3.งดล้างหน้า 7 วันสามารถแต่งหน้าได้ แต่ใช้โทนเนอร์หรือน้ำเกลือทำความสะอาด ห้ามให้แผลโดนน้ำ 4.อาหารต้องห้าม 1 เดือนนะคะ
- ส้มตำ น้ำพริกกระปิ หน่อไม้ ขนมจีน ของหมักดอง ของแสลง
- อาหารทะเลทุกชนิด อาหารสุกๆดิบๆ
- โจ๊กสำเร็จรูป มาม่า เพราะมีเกลือเยอะ
- ไข่ เนื้อไก่
- อาหารรสจัด
5.บ้วนปากทุกครั้งหลังทานอาหาร
6.งดแปรงฟัน 5 วันแรก (ใช้น้ำยาบ้วนปาก C20 ผสมน้ำเกลืออัตราส่วน 1:1)
7.งดอ้าปากกว้างๆ ในช่วง 14 วันแรก จัดฟันดึงฟันได้หลังทำปากครบ 1 เดือน
8.งดแอลกอฮอล์ บุหรี่
9.งดออกกำลังกาย 1 เดือน
อาหารช่วยลดบวมช้ำหลังศัลยกรรมที่คุณหมอแนะนำ
- โจ๊กฟักทอง มีวิตามิน A ช่วยต่อต้านการติดเชื้อ
- สาหร่ายเคลป์หรือสาหร่ายทะเลมีแร่ธาตุและแคลเซียมช่วยลดอาการบวมช้ำได้
- ถั่วดำ ขับพิษทางการขับถ่าย ควรทานหลังการผ่าตัด
(โดยส่วนตัวมุกชอบทานฟังทองนึ่งเพราะหาทานได้ง่าย ราคาถูก หั่นเป็นชิ้นเล็กๆ พอดีคำ ^•^ และก็ทานยาแคปซูลบัวบก ครั้งละ 1 แคปซูล วันละ3 ครั้ง หลังอาหารควบคู่กับยาที่ทางคลินิกจ่ายมา)
อัปเดตปากกระจับหลังผ่าตัดวันที่ 2 - ปากตึงๆบวมๆเล็กน้อย สามารถพูดคุย ทานข้าวได้ปกติ (ใช้ช้อนเล็กทานนะคะ ถ้าดื่มน้ำก็ควรใช้หลอดดูดน้ำค่ะ)
ขอบคุณเพื่อนๆทุกคนนะคะ ที่อ่านมาจนถึงบรรทัดสุดท้าย กระทู้นี้เป็นกระทู้แรกของมุกถ้าผิดพลาดจุดไหนก็ขอโทษนะคะ มุกหวังว่ารีวิวของมุกจะเป็นประโยชน์สำหรับเพื่อนๆในการเตรียมตัว-ดูแลหลังผ่าตัดปากกระจับ และเป็นแนวทางให้กับเพื่อนๆ ในการตัดสินใจอยากทำปากกระจับ แล้วมุกจะมาอัปเดตให้ดูเรื่อยๆนะคะทุกคน….
ทำปากกระจับที่คลินิกชื่อดังย่านสุขุมวิท101 !!!
มุกเลยหาคลินิกทำศัลยกรรมปากกระจับ โดยอ่านรีวิวตามกลุ่มศัลยกรรมต่างๆ ใน facebook แล้วมุกก็ไปสะดุดใจกับโพสของเพื่อนคนนึงในกลุ่มรีวิว ที่แชร์ไลฟ์สดของคุณหมอท่านหนึ่งชื่อว่า "คุณหมออาร์ม" บีพราวด์ คลินิก มุกเลยลองกดเข้าไปดูซักหน่อย ตั้งแต่นั้นมามุกก็ติดตามมาเรื่อยๆเพราะชอบฟังที่คุณหมอพูด ทำให้มุกได้รับความรู้เรื่องการทำปากกระจับ แล้วยังสามารถสอบถามสิ่งที่เราไม่เข้าใจ คุณหมอไล่อ่าน ไล่ตอบหมดทุกคน มุกรู้สึกว่าหมออาร์มดูน่ารักเป็นกันเองดี นอกจากนั้นทางแอดมินของเพจยังคอยไลฟ์สดว่าในแต่ละวันคนที่ทำเสร็จแล้วเปลี่ยนแปลงมากแค่ไหน มุกรู้สึกว่าคลินิกนี้ดูอบอุ่นดีจัง เลยตัดสินใจแบบไม่ลังเลว่าจะทำที่นี่แหละ โทรนัดวัน-เวลา โอนค่ามัดจำเรียบร้อย (ก่อนผ่าตัด 2 อาทิตย์ ทางคลินิกแจ้งว่าให้มุกงดแอลกอฮอลล์ ทุกชนิด วิตามิน คอลลาเจน ของหมักดอง ของดิบ เครื่องดื่มชูกำลัง ถ้าไม่งดจะทำให้เลือดออกมากผิดปกติ ผลการรักษาไม่ดีเท่าที่ควร จะทำให้ต้องเลื่อนการผ่าตัดออกไป)
- วันไปทำ -
มุกไปถึงตั้งแต่ 9 โมงครึ่งเพราะรถไม่ติด การเดินทางค่อนข้างสะดวกเพราะคลินิกอยู่ไม่ห่างจากบีทีเอช พอไปถึงก็ลงทะเบียนรอพบคุณหมออาร์ม (สังเกตว่าคนเยอะแต่เช้าเลย) จากนั้นไม่นานมุกก็ได้เข้าไปคุยรายละเอียด ประเมินโครงสร้างปากกับคุณหมออาร์ม โดยคุณหมอบอกว่าเคสของมุกเป็นคนที่ปากบนหนากว่าปากล่างเยอะมาก เนื้อปากมีความยุ่ย (ทำออกมากระจับอาจไม่ชัดมาก) คุณหมอออกเเบบทรงปากบนให้รับกันกับปากล่าง ดูเป็นธรรมชาติ (ในระหว่างพูดคุยคุณหมอก็ถ่ายภาพใบหน้าของมุก แล้ววาดรูปปากให้ดูว่าจะออกมาประมาณไหน ทำให้มุกพอมองเห็นภาพมากขึ้น)
- เข้าห้องผ่าตัด -
ก่อนเข้าห้องมุกก็ล้างเครื่องสำอางค์ที่หน้าออกให้สะอาด ใส่หมวก ใส่ชุด เตรียมตัวขึ้นเขียงค่ะ มุกตื่นเต้นมาก แค่ขึ้นชื่อว่าห้องผ่าตัดมุกก็กลัวแล้วค่ะทุกคน แต่พอเข้าไปปุ๊ป ทุกคนเชื่อมั้ยว่าบรรยากาศภายในห้องคือไม่น่ากลัวเลย เพราะคุณหมออาร์มเปิดเพลงฟังไปด้วย ร้องเพลงไปด้วย มันทำให้มุกโล่งไประดับนึง จากนั้นคุณหมอก็เอาดินสอมาวาดที่ริมฝีปากมุกแล้วก็เอากระจกให้ดูอีกรอบว่าทรงมันจะออกมาประมาณนี้นะ และคุณหมอก็ทำการฉีดยาชาเพื่อบล็อกเส้นประสาท สำหรับมุกไม่ได้เจ็บขนาดนั้น แต่ในใจคือกลัวว่ามันจะชาตลอดช่วงที่คุณหมอทำรึป่าวนะ กลัวว่าเดี๋ยวยาชาหมดฤทธิ์จะเจ็บ แต่ปรากฏว่ายาชาก็คือชามาก (มุกกลับถึงบ้านยังชาอยู่เลย ชาไปครึ่งหน้า) เพราะฉะนั้นไม่ต้องกลัวเจ็บเลยค่า ระหว่างการทำคุณหมออาร์มก็จะชวนคุยเป็นระยะๆ ถามเราว่าเจ็บมั้ย ร้องเพลงให้เราฟัง แล้วยังมีพี่พยาบาลคอยนวดขาให้ยิ่งทำให้ผ่อนคลายมากขึ้นไปอีก
- หลังผ่าตัด -
คุณหมอเอากระจกมาให้มุกดูแล้วถามว่าชอบมั้ย ไม่อยากจะเชื่อเลยว่ารอยยิ้มของมุกดูเปลี่ยนไป จากที่แต่ก่อนต้องยิ้มแบบเกร็งริมฝีปากตัวเอง แต่ตอนนี้มุกสามารถยิ้มได้แบบปกติ รอยยิ้มสวยๆ แบบเป็นธรรมชาติมุกพึ่งสัมผัสได้ก็วันนี้แหละ (มีรูปมายืนยันนะคะ)
- ก่อนกลับบ้าน -
ทางคลินิกก็จ่ายยาและสอนวิธีการดูแลรักษาปากกระจับให้กับมุกเป็นอย่างดีเลย
ต่อไปมุกจะมาสอนวิธีการล้างแผลให้นะคะ ง่ายๆเลยไม่ยุ่งยาก (เตรียมสำลีก้าน เบตาดีน ผ้าก๊อต น้ำเกลือ เอาไว้)
1. ใช้น้ำเกลือหยดลงบนสำลีก้าน เช็ดที่แผลและรอยเย็บทั้งหมด ล้างจนแน่ใจว่าไม่มีคราบเลือดติดปมไหม
- โจ๊กฟักทอง มีวิตามิน A ช่วยต่อต้านการติดเชื้อ
- สาหร่ายเคลป์หรือสาหร่ายทะเลมีแร่ธาตุและแคลเซียมช่วยลดอาการบวมช้ำได้
- ถั่วดำ ขับพิษทางการขับถ่าย ควรทานหลังการผ่าตัด
(โดยส่วนตัวมุกชอบทานฟังทองนึ่งเพราะหาทานได้ง่าย ราคาถูก หั่นเป็นชิ้นเล็กๆ พอดีคำ ^•^ และก็ทานยาแคปซูลบัวบก ครั้งละ 1 แคปซูล วันละ3 ครั้ง หลังอาหารควบคู่กับยาที่ทางคลินิกจ่ายมา)