Ep 1
หวัดดีคับ สมาชิก ... Pantip... 6~02~63
สถาบันครอบครัวเป็นสถาบันที่ผมนับถือมาตลอด
เรื่องมีอยู่ว่าเมื่อปลายปี 62 แม่ของแม่ (ยาย) ผมได้เสียชีวิตลงแล้วผมก้อกลับมาช่วยงานศพ อาบน้ำวันที่ 27~12~62 ก่อนอาบน้ำศพ ก้อมีการเตรียมงาน นู้นนี่นั้น ทำทุกอย่าง เท่าทีตัวเองจะทำได้ เพราะถือว่าเป็นหลานคนที่สองของตระกูล แล้วก้อช่วยมาตลอดแต่กำหนดเผา วันที่ 30~12~62 ก่อนหน้าหนึ่งวัน ผมมีอาการโรคเก๋ากำเริบ เจ็บแทบเดินไม่ได้ เลยนอนอยู่ที่กระท่อม หลังบ้านที่แยกออกมาจากตัวบ้านพ่อแม่ และ ญาติๆ โดยที่ไม่มีใครสนใจว่าผมหายไปไหน มีแต่ลูกพี่ ลูกน้องทางฝ่ายพ่อ เอาเข้าเอาน้ำมาให้ จนมาถึงตอนค่ำ ก้อยังไม่มีใครมาถามไถ่ แต่ผมคิดว่าทุกคนคงยุ่งๆ ไม่มีเวลา แล้วก้อมาถึงวันเผา ไม่มีใครมาอีก ตัวผมก้อนอนอยู่ที่เดิมเพราะเดินเข้าห้องน้ำก้อไม่สะดวก เจ็บ บางทีนอนร้องไห้ กินยาเพื่อบรรเทา ก้อลดไปได้นิดนึงแล้วก้อ แปปเดียว เลยโทไปหาลูกพี่ ลูกน้อง ว่าให้เอาข้าวกับน้ำมาให้หน่อย เวลาล่วงไปแลประมาณเย็นๆ ก้ออาการดีขึ้น แต่ก้อยังเจ็บ แต่สามารถเดินได้แบบขยับๆ จนเขาเคลียงานกันจบ แล้ววันสิ้นปีก้อมาถึง ช่วงเที่ยง พ่อก้อเข้ามาถามว่าเป็นอารัย
พ่อ:เป็นอารัยทำไมไม่ไปช่วยงานยาย ไม่ไปทานข้าว
ผม:เจ็บขา แทบเดินไม่ได้
พ่อ:ไปกินข้าวกินยา กับข้าวเอามาจากวัดให้แล้ว
ผม:คับๆ
แล้วผมก้อพยุงตัวไปทานข้าว แล้วก้อกลับมาพักผ่อน จนถึงเวลาบ่ายสี่โมง เพิ้ลๆกลับมาจาก กทม. จากชลบุรี กลับมาที่บ้านของพวกเขาก้อฉลองกันเป็นธรรมดา แล้วมีเพิ้งที่เป็นทหารก้อมาตามผมไปร่วมวง (ปกติผมไม่ดื่ม)แต่ดื่มเฉพาะเทศกาล ไม่สูบบุหรี่ ไม่เที่ยวกลางคืน ก้อนั่งกินกันจนสี่ทุ่ม ผมเลยขอตัวก่อน กลับไปตั้งหัวถึงหลับยาวเลย คนอื่นเขาเค้าดาว แต่ผมหลับข้ามปีเลย 5555 แล้วรุ่งเช้าของวันปีใหม่ มีประเด็นเรื่องอารัยแล้วผมจำไม่ได้ แต่คำที่แม่พูด เหมือนกับว่า ทำไมไม่ไปช่วยงานยายให้เส็ด คนอื่นเขาทำกันเหนื่อย หลานๆคนอื่นช่วยกันทุกคน มีเพียงแต่ผมที่ไม่ไปช่วย ไม่ไปเผาศพยาย ยายเลี้ยงแกมาตั้งแต่เด็กๆ ไม่รู่จักบุญคุณคน ถ้าไม่ไปนั่งร่วมฉลองกับพากเขาก้อไม่ได้โกรธอารัย ผมนี้คือ......?????? แล้วผมก้อถามเขากลับว่า แล้วไม่สงสัยบ้างหรอ ว่าทามไมสองวันก่อนเผาศพ ทำไมไม่ไปช่วยงาน เจอหน้ากัน แล้วก้อบ่น ต่อว่า ผมเลยยอกว่าเจ็บขา แทบเดินไม่ไหว สัน(ลูกพี่ ลูกน้อง) ฝ่ายพ่อ ไม่ได้บอกหรอ แล้วผมก้อเดินออกจากบ้าน........ จนเวลาผ่านไปประมาณกลางเดือน มกรา 63 ซึ่ง เมย์ (ลูกพี่ ลูกน้อง) ฝ่ายพ่อ ได้ป่วย เป็นไข้เลือดออก ผมและอาๆ หลานทั่งหลายก้อไปเยี่ยมกัน ทำกับข้าวไปให้คนป่วบ แล้วอาก้อถามขึ้นมา
อา:ไหนได้ตังมรดกแล้วพาลูกๆหลานๆ ไปเที่ยวบ้าง ที่ไหนก้อได้
ผม:ตังอารัย ผมไม่เห็นรู้เรื่องไรเลย
อา:ก้อตังที่ยายเสียนั้นแหละ เขาทำไว้ให้หลานๆ เห็นว่าคนละหลายแสน
ผม:ไม่รู้เรื่องเลย แม่ก้อไม่เห็นจะพูดให้ฟัง
แล้วเวลาก้อนผ่านไปจนถึงสิ้นเดือน พล (ลูกพี่ ลูกน้อง) ฝ่ายแม่เข้ามาหาผมที่กระท่อม
พล:เห็นว่าเขาแบ่งเงินกันแล้ว แกได้กี่บาท
ผม:ยังไม่ได้เลย
พล:เห็นว่าเขาโอนไปให้แล้ว โอนให้กับทุกคนแล้ว เหลือแต่พี่คนเดียว ยังไม่ได้ที เพราะพี่ยังไม่ได้ส่งเลขยัญชีให้ที
ผม:ไม่รู้แล ผมเลยไปเข้าแบงค์กิ้งดู แล้วก้อให้พี่ดู มีแต่เงินของผมเองไม่มียอดโอนเข้ามาเลย
พล:แล้วแกรู้ยังว่าแม่แกขายวัวได้ 4 ตัวได้เกือบ 200,000 .- เขาไม่ได้บอกอกหรอ
(พ่อ-แม่ผม หลังเกษียณ แกก้อทำเกษตร เช่น เลี้ยงวัว ปลูกหญ้าวัว ปลูกผัก ปลูกกาแฟ)
ผม:ไม่รู้ทีแล้ว พี่อยู่จากไหน
พล:พ่อแกบอก...??? แล้วเขาไม่ให้ตังแกบ้างหรอ
ผม:ไม่... เขาคงไม่อยากให้เรารู้มั้ง กลัวเราจะไปขอตังแกมั้ง
แล้วเราสองคนก้อได้คุยกันสักพัก แล้วพี่ก้อพูดขึ้นมาว่า
พล:เห็นป้าว่าจะขอช่วยทาสีห้องน้ำ กับ ทำรั้วปลูกผัก ที่ข้างห้องน้ำ แกว่าพี่หยุดงานวันไหนให้มาทำ แล้วเอา พันกับปุ๊มาช่วยทำ
แต่พี่บอกให้ผมไปทำด้วย โดยที่ป้าไม่ได้บอกให้ผมไปช่วย แต่พี่ให้ผมไปช่วยด้วย
ผม:แล้วไปช่วยทำไร
พล:ทาสี ทำรั้ว นั้นแล พุ่งนี้แกไปวัดว่ากี่ตารางเมตร เด๋วพี่คำควณให้ว่าใช้สีเท่าไหร่ (พี่เป็นผู้รับเหมาทาสี)
และคืนนั้น ผมก้อนอนคิดว่า เราคงไม่ได้รับมรดกสินะ ก่อนหน้านี้เห็นน้องสาวผมไปเอาเงินออกจากบัญชีจำนวนหลายแสน โดยที่บอกกับผมว่าจะเอาเงินไปซื้อหุ้นสหกรณ์ครู ผมได้ถามว่าเงินนั้นมากจากไหน น้องเงียบไปสักพักแล้วตอบว่า เงินแม่ กับ เงินน้อง เขาให้ไปซื้อหุ้น แล้วก้อหันหน้าหลบไป ผมก้อเลยสังสัย ว่าน้องกำลังโกหกผมหรือป่าว เพราะเราเป็นพี่น้องกัน รู้นิสัยกัน ค่อนข้าง จะเกือบ 70% ว่าน้องกำลังปิดบังอารัยอยู่ ผมก้อเงียบ
พอคืนนั้น ผมนั่งคิดเรื่องราวทั้งหมด ลองมาปะติปะต่อกัน น้ำตามันก้อไหลออกมา ผมร้องไห้ไปสักพักใหญ่ ทำไมหรอ ผมคงไม่ใช่หลานของตระกูลนี้หรอ ที่คนอื่นเขาได้รับกันหมด ทั้งหลาน และลูกของหลาน ส่วนตัวผมคือได้น้อยได้มากก้อไม่เป็นไร แต่ของให้ได้ เพราะมันไม่ได้เป็นสมบัติของพ่อแม่เราที ขนาดของพ่อแม่ผมยังไม่เคยหวัง สักวันนึงเขาคงให้เอง ไม่ต้องไปเรียกร้องอารัย แต่ผมเคยพูดกับพ่อแม่ผมแล้วว่า " ผมไม่มีเงินเดือนเป็นหมื่นเป็นแสนให้พ่อแม่ภูมิใจ แต่ผมจะดูแลสมบัติที่พ่อกับแม่ให้มาตราบชั่วชีวิต" และผมไม่เคยคิดที่จะขายสมบัติกิน พ่อเคยว่าอา แกจะขายสมบัติ ที่ดิน 12 ไร่ เพราะตัวเองไม่มีทางออก ไม่มีเงิน พ่อเลยด่ากลับว่า "พ่อ(ตา)กว่าจะได้มามันแสนลำบาก แล้วลองหาวิธีอื่น เช่น จำนอง จำนำ ก่อนดีกว่าไหม นั้นแหละเป็นคำสอนที่ผมได้ยินมากจากพ่อ แต่ไม่ใช่ต่อหน้า และผมยังจำมาถึงทุกวันนี้ แต่ญาติทางฝ่ายพ่อดีมากๆเลย แต่ผมไม่เคยจะไปหาพวกเขาเลย แต่ก้อไปช่วยบ้างแต่ไม่ได้บ่อย ส่วนใหญ่ช่วยแต่ทางแม่ เพราะผมอยู่ติดกับญาติฝ่ายแม่มากกว่า ผมเป็นคนที่ช่วยทุกฝ่าย ทำทุกอย่างที่พอจะช่วยได้ แต่ฝ่ายพ่อคือเวลาไปช่วยบางทีก้อได้เงินเยอะ ไปใส่ปุ๋ย 10 กระสอบ แกให้2,000-3,000 ไม่ได้ขอ ถ้าฝ่ายแม่ไปช่วยตัดหญ้าในสวน 25 ไร่ ผมบอกว่าถ้าจ้างก้อไร่ละ 800 =20,000.-(รกมาก) หญ้าสูงกว่าตัวผมอีก เพราะปีนึงตัดครั้งเดียว ผมเลยบอกว่าเอาไร่ละ 400 =10,000.- แต่น้ำมันคนจ้างเป็นคนซื้อ แกว่างแพง ผมเลยเงียบ ปกติผมทามงานฟรีแล้น เกี่ยวกับเครื่องเสียง แสง สี เสียง เวที ให้เช่า แต่เป็นธุรกิจของน้าผมเอง ผมเป็นแค่ลูกน้อง ทำงานรับค่าแรงเป็นจ๊อบและรับเท่ากับลูกน้องคนอื่นๆ ไม่มีอารัยเป็นพิเศษ
ปัณหากับญาติพี่น้องฝ่ายแม่ มีเยอะมาก แล้วเป็นปัญหาคาราคาซัง เพราะเขาไม่ฟังคำพูดที่ผมอธิบาย เขาคิดแบบว่า เขาเป็นผู้ใหญ่กว่า ความคิดเขาต้องเป็นที่ 1 และเป็นที่ยอมรับกับทุกคน ซึ่งไม่ใช่ผม ผมก้อฟังคำที่เขาสอนนะ แต่ผมก้อโตพอที่จะคิดว่าอารัยถูก อารัยผิด
ขอบคุณที่อ่านจนจบ ขอบคุณที่ยอมอ่านเรื่องไร้สาระ
สุดท้ายนี้ขอความเห็นกับ สมาชิก Pantip (พร้อมยอมรับความคิดเห็นของทุกคน)
เด๋วมีอารัยค่อยมาระบายให้ฟังอีกคับ
Mr.Armza
13:42
06~02~63
😭😭😭😭ผมควรทำอย่างไรดี ??!!! เมื่อคนในครอบครัวไม่ให้มรดก😭😭😭😭
หวัดดีคับ สมาชิก ... Pantip... 6~02~63
สถาบันครอบครัวเป็นสถาบันที่ผมนับถือมาตลอด
เรื่องมีอยู่ว่าเมื่อปลายปี 62 แม่ของแม่ (ยาย) ผมได้เสียชีวิตลงแล้วผมก้อกลับมาช่วยงานศพ อาบน้ำวันที่ 27~12~62 ก่อนอาบน้ำศพ ก้อมีการเตรียมงาน นู้นนี่นั้น ทำทุกอย่าง เท่าทีตัวเองจะทำได้ เพราะถือว่าเป็นหลานคนที่สองของตระกูล แล้วก้อช่วยมาตลอดแต่กำหนดเผา วันที่ 30~12~62 ก่อนหน้าหนึ่งวัน ผมมีอาการโรคเก๋ากำเริบ เจ็บแทบเดินไม่ได้ เลยนอนอยู่ที่กระท่อม หลังบ้านที่แยกออกมาจากตัวบ้านพ่อแม่ และ ญาติๆ โดยที่ไม่มีใครสนใจว่าผมหายไปไหน มีแต่ลูกพี่ ลูกน้องทางฝ่ายพ่อ เอาเข้าเอาน้ำมาให้ จนมาถึงตอนค่ำ ก้อยังไม่มีใครมาถามไถ่ แต่ผมคิดว่าทุกคนคงยุ่งๆ ไม่มีเวลา แล้วก้อมาถึงวันเผา ไม่มีใครมาอีก ตัวผมก้อนอนอยู่ที่เดิมเพราะเดินเข้าห้องน้ำก้อไม่สะดวก เจ็บ บางทีนอนร้องไห้ กินยาเพื่อบรรเทา ก้อลดไปได้นิดนึงแล้วก้อ แปปเดียว เลยโทไปหาลูกพี่ ลูกน้อง ว่าให้เอาข้าวกับน้ำมาให้หน่อย เวลาล่วงไปแลประมาณเย็นๆ ก้ออาการดีขึ้น แต่ก้อยังเจ็บ แต่สามารถเดินได้แบบขยับๆ จนเขาเคลียงานกันจบ แล้ววันสิ้นปีก้อมาถึง ช่วงเที่ยง พ่อก้อเข้ามาถามว่าเป็นอารัย
พ่อ:เป็นอารัยทำไมไม่ไปช่วยงานยาย ไม่ไปทานข้าว
ผม:เจ็บขา แทบเดินไม่ได้
พ่อ:ไปกินข้าวกินยา กับข้าวเอามาจากวัดให้แล้ว
ผม:คับๆ
แล้วผมก้อพยุงตัวไปทานข้าว แล้วก้อกลับมาพักผ่อน จนถึงเวลาบ่ายสี่โมง เพิ้ลๆกลับมาจาก กทม. จากชลบุรี กลับมาที่บ้านของพวกเขาก้อฉลองกันเป็นธรรมดา แล้วมีเพิ้งที่เป็นทหารก้อมาตามผมไปร่วมวง (ปกติผมไม่ดื่ม)แต่ดื่มเฉพาะเทศกาล ไม่สูบบุหรี่ ไม่เที่ยวกลางคืน ก้อนั่งกินกันจนสี่ทุ่ม ผมเลยขอตัวก่อน กลับไปตั้งหัวถึงหลับยาวเลย คนอื่นเขาเค้าดาว แต่ผมหลับข้ามปีเลย 5555 แล้วรุ่งเช้าของวันปีใหม่ มีประเด็นเรื่องอารัยแล้วผมจำไม่ได้ แต่คำที่แม่พูด เหมือนกับว่า ทำไมไม่ไปช่วยงานยายให้เส็ด คนอื่นเขาทำกันเหนื่อย หลานๆคนอื่นช่วยกันทุกคน มีเพียงแต่ผมที่ไม่ไปช่วย ไม่ไปเผาศพยาย ยายเลี้ยงแกมาตั้งแต่เด็กๆ ไม่รู่จักบุญคุณคน ถ้าไม่ไปนั่งร่วมฉลองกับพากเขาก้อไม่ได้โกรธอารัย ผมนี้คือ......?????? แล้วผมก้อถามเขากลับว่า แล้วไม่สงสัยบ้างหรอ ว่าทามไมสองวันก่อนเผาศพ ทำไมไม่ไปช่วยงาน เจอหน้ากัน แล้วก้อบ่น ต่อว่า ผมเลยยอกว่าเจ็บขา แทบเดินไม่ไหว สัน(ลูกพี่ ลูกน้อง) ฝ่ายพ่อ ไม่ได้บอกหรอ แล้วผมก้อเดินออกจากบ้าน........ จนเวลาผ่านไปประมาณกลางเดือน มกรา 63 ซึ่ง เมย์ (ลูกพี่ ลูกน้อง) ฝ่ายพ่อ ได้ป่วย เป็นไข้เลือดออก ผมและอาๆ หลานทั่งหลายก้อไปเยี่ยมกัน ทำกับข้าวไปให้คนป่วบ แล้วอาก้อถามขึ้นมา
อา:ไหนได้ตังมรดกแล้วพาลูกๆหลานๆ ไปเที่ยวบ้าง ที่ไหนก้อได้
ผม:ตังอารัย ผมไม่เห็นรู้เรื่องไรเลย
อา:ก้อตังที่ยายเสียนั้นแหละ เขาทำไว้ให้หลานๆ เห็นว่าคนละหลายแสน
ผม:ไม่รู้เรื่องเลย แม่ก้อไม่เห็นจะพูดให้ฟัง
แล้วเวลาก้อนผ่านไปจนถึงสิ้นเดือน พล (ลูกพี่ ลูกน้อง) ฝ่ายแม่เข้ามาหาผมที่กระท่อม
พล:เห็นว่าเขาแบ่งเงินกันแล้ว แกได้กี่บาท
ผม:ยังไม่ได้เลย
พล:เห็นว่าเขาโอนไปให้แล้ว โอนให้กับทุกคนแล้ว เหลือแต่พี่คนเดียว ยังไม่ได้ที เพราะพี่ยังไม่ได้ส่งเลขยัญชีให้ที
ผม:ไม่รู้แล ผมเลยไปเข้าแบงค์กิ้งดู แล้วก้อให้พี่ดู มีแต่เงินของผมเองไม่มียอดโอนเข้ามาเลย
พล:แล้วแกรู้ยังว่าแม่แกขายวัวได้ 4 ตัวได้เกือบ 200,000 .- เขาไม่ได้บอกอกหรอ
(พ่อ-แม่ผม หลังเกษียณ แกก้อทำเกษตร เช่น เลี้ยงวัว ปลูกหญ้าวัว ปลูกผัก ปลูกกาแฟ)
ผม:ไม่รู้ทีแล้ว พี่อยู่จากไหน
พล:พ่อแกบอก...??? แล้วเขาไม่ให้ตังแกบ้างหรอ
ผม:ไม่... เขาคงไม่อยากให้เรารู้มั้ง กลัวเราจะไปขอตังแกมั้ง
แล้วเราสองคนก้อได้คุยกันสักพัก แล้วพี่ก้อพูดขึ้นมาว่า
พล:เห็นป้าว่าจะขอช่วยทาสีห้องน้ำ กับ ทำรั้วปลูกผัก ที่ข้างห้องน้ำ แกว่าพี่หยุดงานวันไหนให้มาทำ แล้วเอา พันกับปุ๊มาช่วยทำ
แต่พี่บอกให้ผมไปทำด้วย โดยที่ป้าไม่ได้บอกให้ผมไปช่วย แต่พี่ให้ผมไปช่วยด้วย
ผม:แล้วไปช่วยทำไร
พล:ทาสี ทำรั้ว นั้นแล พุ่งนี้แกไปวัดว่ากี่ตารางเมตร เด๋วพี่คำควณให้ว่าใช้สีเท่าไหร่ (พี่เป็นผู้รับเหมาทาสี)
และคืนนั้น ผมก้อนอนคิดว่า เราคงไม่ได้รับมรดกสินะ ก่อนหน้านี้เห็นน้องสาวผมไปเอาเงินออกจากบัญชีจำนวนหลายแสน โดยที่บอกกับผมว่าจะเอาเงินไปซื้อหุ้นสหกรณ์ครู ผมได้ถามว่าเงินนั้นมากจากไหน น้องเงียบไปสักพักแล้วตอบว่า เงินแม่ กับ เงินน้อง เขาให้ไปซื้อหุ้น แล้วก้อหันหน้าหลบไป ผมก้อเลยสังสัย ว่าน้องกำลังโกหกผมหรือป่าว เพราะเราเป็นพี่น้องกัน รู้นิสัยกัน ค่อนข้าง จะเกือบ 70% ว่าน้องกำลังปิดบังอารัยอยู่ ผมก้อเงียบ
พอคืนนั้น ผมนั่งคิดเรื่องราวทั้งหมด ลองมาปะติปะต่อกัน น้ำตามันก้อไหลออกมา ผมร้องไห้ไปสักพักใหญ่ ทำไมหรอ ผมคงไม่ใช่หลานของตระกูลนี้หรอ ที่คนอื่นเขาได้รับกันหมด ทั้งหลาน และลูกของหลาน ส่วนตัวผมคือได้น้อยได้มากก้อไม่เป็นไร แต่ของให้ได้ เพราะมันไม่ได้เป็นสมบัติของพ่อแม่เราที ขนาดของพ่อแม่ผมยังไม่เคยหวัง สักวันนึงเขาคงให้เอง ไม่ต้องไปเรียกร้องอารัย แต่ผมเคยพูดกับพ่อแม่ผมแล้วว่า " ผมไม่มีเงินเดือนเป็นหมื่นเป็นแสนให้พ่อแม่ภูมิใจ แต่ผมจะดูแลสมบัติที่พ่อกับแม่ให้มาตราบชั่วชีวิต" และผมไม่เคยคิดที่จะขายสมบัติกิน พ่อเคยว่าอา แกจะขายสมบัติ ที่ดิน 12 ไร่ เพราะตัวเองไม่มีทางออก ไม่มีเงิน พ่อเลยด่ากลับว่า "พ่อ(ตา)กว่าจะได้มามันแสนลำบาก แล้วลองหาวิธีอื่น เช่น จำนอง จำนำ ก่อนดีกว่าไหม นั้นแหละเป็นคำสอนที่ผมได้ยินมากจากพ่อ แต่ไม่ใช่ต่อหน้า และผมยังจำมาถึงทุกวันนี้ แต่ญาติทางฝ่ายพ่อดีมากๆเลย แต่ผมไม่เคยจะไปหาพวกเขาเลย แต่ก้อไปช่วยบ้างแต่ไม่ได้บ่อย ส่วนใหญ่ช่วยแต่ทางแม่ เพราะผมอยู่ติดกับญาติฝ่ายแม่มากกว่า ผมเป็นคนที่ช่วยทุกฝ่าย ทำทุกอย่างที่พอจะช่วยได้ แต่ฝ่ายพ่อคือเวลาไปช่วยบางทีก้อได้เงินเยอะ ไปใส่ปุ๋ย 10 กระสอบ แกให้2,000-3,000 ไม่ได้ขอ ถ้าฝ่ายแม่ไปช่วยตัดหญ้าในสวน 25 ไร่ ผมบอกว่าถ้าจ้างก้อไร่ละ 800 =20,000.-(รกมาก) หญ้าสูงกว่าตัวผมอีก เพราะปีนึงตัดครั้งเดียว ผมเลยบอกว่าเอาไร่ละ 400 =10,000.- แต่น้ำมันคนจ้างเป็นคนซื้อ แกว่างแพง ผมเลยเงียบ ปกติผมทามงานฟรีแล้น เกี่ยวกับเครื่องเสียง แสง สี เสียง เวที ให้เช่า แต่เป็นธุรกิจของน้าผมเอง ผมเป็นแค่ลูกน้อง ทำงานรับค่าแรงเป็นจ๊อบและรับเท่ากับลูกน้องคนอื่นๆ ไม่มีอารัยเป็นพิเศษ
ปัณหากับญาติพี่น้องฝ่ายแม่ มีเยอะมาก แล้วเป็นปัญหาคาราคาซัง เพราะเขาไม่ฟังคำพูดที่ผมอธิบาย เขาคิดแบบว่า เขาเป็นผู้ใหญ่กว่า ความคิดเขาต้องเป็นที่ 1 และเป็นที่ยอมรับกับทุกคน ซึ่งไม่ใช่ผม ผมก้อฟังคำที่เขาสอนนะ แต่ผมก้อโตพอที่จะคิดว่าอารัยถูก อารัยผิด
ขอบคุณที่อ่านจนจบ ขอบคุณที่ยอมอ่านเรื่องไร้สาระ
สุดท้ายนี้ขอความเห็นกับ สมาชิก Pantip (พร้อมยอมรับความคิดเห็นของทุกคน)
เด๋วมีอารัยค่อยมาระบายให้ฟังอีกคับ
Mr.Armza
13:42
06~02~63