ตั้งแต่จำความได้จนมาถึงตอนนี้ สิ่งดีๆที่คนเป็นพ่อทำให้ครอบครัวน้อยมากแทบจะจำไม่ได้เลย ขี้โมโห พอครอบครัวมีปัญหาไม่เคยเป็นที่ปรึกษาให้ได้เลยเอาแต่โวยวายอย่างเดียว ใจร้อนขอบไล่ลูกเมียออกจากบ้าน สำอางค์ไม่ชอบทำงานหนัก กลับมาบ้านไม่หยิบจับอะไร ต้องคอยทำให้ทุกอย่าง ครั้งไหนไม่ได้ทำให้มีหงุดหงิดชักหน้าโวยวายใส่คนในบ้าน สมัยก่อนชอบตบตีเมียพออายุมากขึ้นก็หยุดทำส่วนนึงอาจจะเพราะเมียเริ่มสู้ ทนไม่ได้แล้ว กับคนในครอบครัวไมาเคยสนใจ เมียป่วย ลูกป่วยไม่เคยดูแล ไม่สนใจแถมทำรำคาญ นึกถึงแต่ตัวเองก่อนไม่ว่าจะทำอะไรจะเรื่องกิน เรื่องสมบัติซึ่งไม่ได้มีสมับติอะไรเลย ไม่เคยอบรมสั่งสอนลูกในเรื่องดีๆมีแต่สอนในสิ่งที่ผิดๆ กับคนในครอบครัวชอบดูถูกเหยียดหยาม อารมณ์เสียใส่ ขี้โม้โอ้อวด หน้าใหญ่กับคนนอกบ้าน ชอบพูดจาอวดฉลาดต่อหน้าคนอื่น กับคนนอกบ้านช่วยเหลือ หยิบยื่นมีน้ำใจ พอมีปัญหากับคนนอกบ้านชอบต่อว่าเมียว่าเป็นคนสร้างปัญหาทั้งๆที่ตัวเองเป็นคนที่ก่อปัญหา ต่อหน้าคนอื่นทำตัวมีวุฒิภาวะและเก็บอารมณ์เก่งมาก คนนอกจะดูไม่ออกเลยว่าเวลาอยู่กับครอบครัวแล้วเป็นตรงกันข้ามทุกอย่าง
สิ่งต่างๆเหล่านี้มันเกิดขึ้นซ้ำไปซ้ำมาวนๆอยู่เป็นสิบๆปีตั้งแต่จำความได้ก็เห็นแต่การทะเลาะเบาะแว้งกันมาโดยตลอด เคยลองคุยดีๆด้วยหลายครั้งแต่พ่อชอบโวยวายไม่ยอมฟังอะไรแล้วก็ด่าหยาบๆคายๆ ประชดประชัน มีอยู่ครั้งนึงโกรธพ่อมากๆไม่คุยกับพ่อไปเป็นเดือนๆจนกลับบ้านไปถึงค่อยเริ่มคุยกัน ความจริงแล้วพ่อเค้ารักเรามากที่สุดเพราะตัวเราเป็นหน้าเป็นตาให้ที่บ้านได้ที่สุด แต่มันทำให้พ่อเอาลูกๆไปเปรีบยเทียบกันแล้วทำให้น้องๆของเราดูแย่และเป็นปมด้อยที่พ่อไม่ภูมิใจในตัวพวกเค้า ซึ่งเราเป็นพี่ได้รับรู้ก็รู้สึกแย่และสงสารน้องทั้งๆที่พวกเค้าต้องคอยดูแลครอบครัวแล้วตัวเราเองอยู่ไกล
แม่เป็นคนที่ต้องคอยรับมือและแก้ปัญหาครอบครัวมาโดยตลอด แม่เครียดมากเพราะส่วนนึงตัวของแม่ปล่อยวางอะไรได้ยากและมีโรคประจำตัวด้วย ตัวเราไม่สนิทกับพ่อเพราะทัศนคติไม่ตรงกันมากๆ และเราเริ่มหมดศรัทธาคนเป็นพ่อลงทุกวัน มันทำให้เราเริ่มพูดจาก้าวร้าวมากขึ้นทั้งๆที่ต่อหน้าเรา นานๆดราถึงจะกลับบ้าน พ่อพยายามที่จะไม่แสดงความเป็นตัวเองออกมา แต่พอด้วยเวลาที่ผ่านล่วงเลย เค้าก็กลายเป็นตัวเองที่ไม่น่าศรัทธา ใจเราเองก็รู้ว่าสิ่งที่เป็นอยู่มันไม่ดีนะ มันบาป มันเป็นสิ่งที่คนเป็นลูกไม่ควรรู้สึกกับบุพการี แต่มันคือชีวิตจริง มันคือเรื่องที่มันเกิดขึ้นซ้ำๆและต้องทนอยู่กับสิ่งนี้ที่มันไม่ถูกต้อง ใจเรามันก็รับไม่ได้ ไม่ต้องถามเลยว่าคนที่บ้านเค้าอยู่กันยังไงอยู่แบบเอือมระอา อดทนแบบกระอักเลือด ตัวเราเลือกที่จะเดินออกมาใช้ชีวิตด้วยตัวเอง
คนเป็นพ่อแม่ก็คน มีถูกมีผิด มีทั้งคนดีคนไม่ดี มีลูกทั้งที่พร้อมและไม่พร้อม การเลี้ยงดูการเติบโตจากครอบครัวที่ต่างกัน ทำให้คนต่างกัน เมื่อมีลูกก็เลี้ยงลูกตัวเองในแบบที่ต่างกัน คือเข้าใจตรรกะเหล่านี้ แต่จะจัดการกับความคิดความรู้สึกตัวเองยังไงดี หรือปรับเปลี่ยนมุมมองไปในทางไหนดี อยากทราบจากคนที่เจอปัญหาเดียวกันและรับมือกับปัญหานี้ได้ เพราะเราไม่อยากจะให้ความคิดความรู้สึกนี้มันกัดกินใจจนลึกไปกว่านี้🙏🙏🙏
จะจัดการความรู้สึกตัวเองยังไงดี ตอนนี้ไม่ศรัทธาคนเป็นพ่อ ใครเคยเจอสถานการณ์แบบนี้แล้วรับมือได้บ้าง?