🔵🔵ค่าใช้จ่ายที่เราใช้ไป หาร 4 นะครับ🔴🔴
👉ค่าอาหารเช้า 1040
👉ค่าฝากจอดรถ 100 
👉ค่าเรือ 160
👉ค่ารถบนเกาะมาส่งที่พัก 120 
👉ค่าเรือ 1500 ตกหมึก
👉ค่าอาหารเที่ยง 490 
👉ค่าอาหารค่ำ 850
👉ค่าเช่ารถบนเกาะ 400
👉ค่าขึ้น เกาะเหลาเหลียง 100
👉ค่าเรือขากลับ 160
👉ค่าที่พัก 800
👉ค่าเรือดูพะยู 500
👉น้ำมัน 600
👉โรตีเช้า 160
👉มื้อเที่ยง 190
👉รวม 7,170 หาร 4 = 1,792‼️

ที่ได้ผิดหวัง เพราะเราจองที่พักไว้ที่นึง แต่เราไม่ได้ห้องที่เราต้องการ คือห้องติดทะเล เพราะผมตั้งใจจะตื่นเช้ามาถ่ายพระอาทิตย์ขึ้น แต่ทางโฮมสเตย์ แจ้งเรามาว่าตอนนี้ห้องพัดลมเต็ม(มันคือSignature ของที่นั้น) เค้าแจ้งมาว่ามีแต่ห้องแอร์แล้วนะ เราก็ โอเคไม่เป็นไรคงติดทะเลเหมือนกันแค่ไม่ใช่ Signature แต่ที่ไหนมาพอมาถึง มันคือคนละทีกันเลย ทางเจ้าของก็ไม่ได้แจ้งเรา อาจจะผิดที่ผมเองด้วยตอนคุยกันไม่ได้ถามรายละเอียดเลยคิดไปเองว่าคือที่เดียวกัน พอไปถึงเค้าแจ้งมาว่าให้เราเช่ารถเลยเพราะไกล ไป-กลับราว 1 กิโล จากที่พักที่เราได้กับที่เค้า แล้วทำไมไม่มีรถรับส่งว่ะเนี่ย เค้าต้องบริการเราป่าวแล้วเราจะออกไปไหนมากินข้าวยังไง ถ้าคนที่มาขับรถไม่เป็นจะทำไงมาถึงก็บังคับให้เราเช่ารถรึ คนที่มากับผมทั้ง 4 คน มีผมขับเป็นคนเดียว และยังโชคดีที่ผมขับ ซาเล้งได้ เราเลยเช่ารถซงเล้ง คนให้เช่า ใน ราคา 500 แต่เราต่อเหลือ 400 ถ้าเป็นมอเตอร์ไซค์วันละ 300 บาท ที่แอบผิดหวังแรก
.
แต่ไม่เป็นไรเราก็ผลิกวิกฤตให้เป็นโอกาส ก็ดีเหมือนกันเราจะได้ขับรถชมรอบๆเกาะไปในตัว ทำให้เราได้รู้ว่าคนบนเกาะอัธยาศัยดีมากๆ และที่นี่น่าเที่ยวมากเพราะนักท่องเที่ยวยังน้อยมากๆ เป็นเพราะมันยังไม่มีสิ่งอำนวยความสะดวกอะไรมากมาย ร้านอาหารก็มีน้อยมา
.
ต่อๆ เรามาถึงที่พักแล้ว ก็เก็บกระเป๋า เตรียมตัวออกมา ตกหมึก แล้วเที่ยวเกาะเหลาเหลียงกัน ก็ขับรถกลับไปที่เดิม ไปรอเรือและทานข้าวไปในตัว แต่ระหว่างทานเราก็ถามว่า เราออกไปจะกลับมาราวๆกี่โมงได้ครับ เค้าก็บอก เกือบค่ำๆ ทางเจ้าของก็แจ้งเรามาว่า คืนนี้มีกรุ๊ปลงกินข้าว ราวๆ 60 คนน่าจะได้ พวกเธอเป็นลูกค้าของเรา ไม่เป็นไรเดียวค่อยกลับมากินข้าวนะ ถ้าไม่ใช่ลูกค้าเรา เราไม่รับแขกแล้ววันนี้ เราก็หืมมมมม.........
 
ได้เวลาออกไปตกหมึกแล้ว ทะเลมันช่างสวยงดงามจริงๆ


หลังจากกลับมาก็เกิดความผิดหวังอีกแล้ว เรามาถึงราวๆ เกือบ 1 ทุ่ม มาที่เดิม เพื่อจะมาทานข้าว สรุป เค้าให้เรากลับไปก่อนจ้าาาาา บอกให้กลับไปอาบน้ำอะไรก่อนแล้วค่อยมากิน เค้าติดแขก 60 คน เราแค่ 4 คน ซึ่งเราก็เข้าไปถามว่า เรารอแถวนี้ได้ไมไม่อยากกลับไปอาบน้ำแล้ว มันไกล ขี่รถไปมาเดี๋ยวก็ต้องอาบใหม่อีก เค้าก็ให้คำตอบไม่ได้ว่าจะเสร็จเมือไร เพื่อนผมอีกคนก็บอกว่า งี้แหละเรากรุ๊ปเล็กๆ ทำไมเค้าไม่จัดการล็อกทีไว้ให้เรา จัดโต๊ะใหม่ก็ไม่ ตรงไหนก็ได้ ไม่ใสใจเราเลยร้านคนติดและดังแล้วจะลอยแพเราแบบนี้ได้ไง คือถ้าแค่เรื่องที่พักเราโอเค แต่นี้เราทั้งหิวและเหนื่อยมาก รู้อยู่แล้วว่าเราต้องกลับมากินข้าว เราเลยคุยกันว่าในเมื่อเราจะทำเพจ https://www.facebook.com/pg/restday.in.th แล้ว เราก็ต้องทำแบบเรียลๆ ไม่สร้างไม่อวย ก็ทำตามจริงไปเลย สรุป เราก็ทำตามเค้าเรากลับ แต่เรากลับออกไปหาร้านอื่น ซึ่งตามที่บอกครับว่า บนเกาะร้านน้อยมาก เราเลยโทรหาเจ้าของเรือว่ามีร้านไหนแนะนำเราบ้าง เค้าก็ออกมาขับรถพาเราวนหาร้าน สรุปมีแต่ร้านปิด เราเริ่มถอดใจจะหามาม่ากินแล้ว แต่เราลองแวะถามคนระหว่างทาง เค้าก็เหมือนสรรค์เปิดทางให้เรา เค้าพาเราไปที่ระแวงที่เดิม แต่มันมีร้านอาหารใกล้ๆ และเค้าเป็นโฮมสเตย์ด้วย ซึ่งแขกเค้าก็เยอะ แต่เค้ารับเรา เรารอดตายแล้ว



จะบอกว่าน้ำจิ้มสุดมาก อร่อยมากกกแบบที่ผมไม่เคยกินที่ไหนมาก่อน ทั้งหมดนี้ราคา 850 บาทเท่านั้นเอง
แต่.....ถ้าใครอยากจะทางเป็นเช็ทก็ได้ จะมีราคา 150 บาท อาหาร 4 อย่าง , 250 บาท 7 อย่าง(มีปิ้งย่าง) ราคานี้ต่อคนนะครับ ไม่งง นะครับ
ทุกอย่างอร่อยและสดมากคุ้มมาก อิ่มแล้วก็กลับที่พักไปพักผ่อนก่อนนะครับ
.
ตอนเช้าเราก็ตื่นออกมาถ่ายรูปพระอาทิตย์ขึ้น กินน้ำชาโรตีข้าวเหนียวและ เหมาเรือดูปลาพะยูน จริงๆเราจะปีนเขาขึ้นไปดูก็ได้จะเห็นได้ชัดกว่าเยอะ แต่เส้นทางขึ้นชำรุด และในทริปมีผู้หญิงทำให้ลำบากครับ

เสียดายมากที่ เห็นได้นิดเดียวและถ่ายรูปไม่ทัน รอบหน้าว่ากันใหม่
.
หลังจากนั้นเราก็เดินทางไปชมทุ่งหญ้าคา และสะพานหิน แต่เนื่องด้วยเกิดเหตุการณ์ที่ว่าซาเล้งเราไม่มีแรง เพราะเราเครื่องหลวมกำลังอัดน้อย ทำให้ขึ้นไม่ได้ ทำให้เราต้องจอดรถทิ้งไว้ ต้องเดินต่อทำให้เราไปได้แค่สะพานหิน ทุ่งหญ้าคาไม่ได้ไปเพราะต้องเดินไปราวๆ 5-6 กิโล (อ้อการขับซาเล้งขึ้นไปต้องขึ้นและลงคนเดียวนะครับต้องให้คนที่นั่งมาด้วยลงก่อนไม่นั้นอาจจะตกเหวได้ตกมาหลายคันแล้ว)


จบการเดินทางเราแล้วทริปหน้าค่อยว่ากันใหม่

ส่วนรูปเพิ่มเติมหรือทริปอื่นๆติดตามได้ที่เพจของเราเลยนะครับ ขอบคุณครับ
https://www.facebook.com/pg/restday.in.th