1917 คือหนังที่สนุกและคู่ควรกับการได้ภาพยนตร์ยอดเยี่ยมเวทีออสการ์ปีนี้อย่างยิ่ง
นั่นคือประโยคสรุปสำหรับใครที่ไม่มีเวลาพอจะอ่านอะไรยาวๆ แต่สำหรับคนที่สงสัยว่าหนังมันดีอะไรขนาดนั้นเชียวเหรอ ... เหวี่ยงสายตาตามมา เดี๋ยวจะอวยให้สุดคมเลยครับ
1917 คือหนังที่เล่าเรื่องเหตุการณ์ในระหว่างสงครามโลกครั้งที่ 1 เมื่อทหารหนุ่มสองรายได้รับภารกิจให้เดินทางไปส่งจดหมายถึงแนวหน้าเพื่อรักษาชีวิตของกำลังพลกว่า 1600 นาย โดยมีเวลาให้ทำภารกิจแค่ไม่กี่ชั่วโมงเท่านั้น
ตอนแรกผมไม่ได้ใส่ใจหนังเรื่องนี้มากนัก เพราะเริ่มเบื่อๆ หนังสงครามสะสมมาหลายปี ยิ่งเจอสงครามโลกครั้งที่ 1 แบบดันเคิร์กเข้าไปก็พาลจะไม่อยากดูหนังใน setting แบบนี้แล้ว ... แต่อยู่ๆ ได้ยินว่า 1917 ดีขนาดชนะลูกโลกทองคำแบบ
ไรวะเนี่ย ... ชนะ ไอริชแมน, แมริเอจ สตอรี่ (ที่พี่ไคโล เรน แกเล่นได้อินสัสๆ), เดอะ ทู โป๊ปส์, และที่สำคัญ ชนะ โจ๊กเกอร์ของ วาคิน ฟินิกซ์ ได้อีกด้วย
เมื่อมาลงรายละเอียดแล้ว ผมพบว่า 1917 ไม่ได้ฟลุ๊ก แต่มันสมควรชนะแล้วจริงๆ
1917 คือ หนังที่ถ่ายทำด้วยเทคนิค long take ทั้งเรื่อง หรือหมายถึง หนังจะไม่มีการตัดฉากเป็นซีนๆ เหมือนทั้งทั่วๆ ไป แต่กล้องจะเดินตามตัวละครไปเรื่อยๆ และเจอสถานการณ์ต่างๆ ... (หลังจากดูจบผมก็เพิ่งรู้ว่านอกจาก long take แล้ว หนังยังใช้เทคนิค real time เพิ่มความเทพเข้าไปอีกขั้นด้วย หรือกล่าวคือ 1 นาทีในหนังก็คือ 1 นาทีในโลกจริงที่เรานั่งดูอยู่)
เทคนิคการถ่ายทำก็เรื่องหนึ่ง แต่หากสังเกตดูดีๆ เราจะพบว่า 1917 ของผู้กำกับแซม เมนเดส ใส่ใจในรายละเอียดแบบสุดๆ ทั้งการขุดสนามเพลาะเป็นกิโลๆ ให้นักแสดงเดินผ่าน การจัดแสงไฟตอนกลางคืนแบบอลังการและให้มิติที่สมจริง เรียกว่ามีความเทพซ้อนเทพซ้อนเทพ ทบกันเข้าไปหลายชั้น
จุดอ่อนเดียวของหนังเรื่องนื้คือ เนื้อเรื่อง ... ผมจะไม่แปลกใจหากมีผู้ชมบางส่วนจะรู้สึกไม่อินกับเนื้อเรื่องของมันเท่าไหร่นัก เพราะ 1917 ดำเนินเรื่องให้ผู้ชมเหมือนเป็นตัวเอกอีกคน ที่อยู่ๆ ก็ได้รับภารกิจแบบไม่ทันได้เตรียมตัวเตรียมใจมาก ตกกระไดพลอยโจนวิ่งฝ่าสนามรบไปอีกด้าน และทำทุกอย่างเพื่อแจ้งข่าวสำคัญให้ทันเวลา
ฉะนั้นเราจะรู้แบบคร่าวๆ เท่านั้นว่า ตัวเอกเป็นใคร ชื่ออะไร มีปมให้พอชวนคิดบ้างเล็กน้อย แต่นอกเหนือจากนั้น หนังไม่ได้สร้างประเด็นอะไรใหญ่ๆ แบบชัดเจนให้เราสัมผัสได้ว่า มันกำลังขยี้เรื่องนี้อยู่ เหมือนแซม เมนเดส จับ 1917 มาขายเทคนิคการถ่ายทำและสร้างเป็นแบบเรียนให้กับภาควิชาภาพยนตร์ในมหาวิทยาลัยต่อไป
อย่างไรก็ดี 1917 เป็นหนังที่สนุก เป็นความบันเทิงแบบที่หนังควรจะมอบให้ผู้ชม เราได้ลุ้นระทึก ตื่นเต้น และคอยเอาใจช่วยตัวเอกให้ฝ่าฟันอุปสรรคต่างๆ ไปให้ถึงจุดหมาย มีซีนที่เกินคาดเดาเกิดขึ้น ...เหมือนชีวิตจริงในสงครามที่เราไม่รู้ว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นเมื่อไหร่ ได้เจอใครและต้องจากลาใคร
แม้จะตัดคะแนนด้านความลึกของเนื้อเรื่องออกไป แต่ 1917 ก็ยังยอดเยี่ยมและทำให้ได้จดจ่ออยู่กับจังหวะของหนัง จนบางทีก็ลืมว้าวกับเทคนิคต่างๆ (เพราะมันเรียลจนไม่รู้สึกว่าเป็นเทคนิคอะไร) นี่คืองานที่คราฟท์มาอย่างดี และสร้างมาเพื่อเดินสายรับรางวัลอย่างแท้จริง ...
(แต่ถ้าไปแพ้ ปรสิต ก็ตัวใครตัวมันนะ ถถถถถ)
[CR] 1917 (ว่าที่) หนังออสการ์ที่มาแบบ "มีสลึงคลึงให้โป่ง" ลุยรวดม้วนเดียวจบ
นั่นคือประโยคสรุปสำหรับใครที่ไม่มีเวลาพอจะอ่านอะไรยาวๆ แต่สำหรับคนที่สงสัยว่าหนังมันดีอะไรขนาดนั้นเชียวเหรอ ... เหวี่ยงสายตาตามมา เดี๋ยวจะอวยให้สุดคมเลยครับ
1917 คือหนังที่เล่าเรื่องเหตุการณ์ในระหว่างสงครามโลกครั้งที่ 1 เมื่อทหารหนุ่มสองรายได้รับภารกิจให้เดินทางไปส่งจดหมายถึงแนวหน้าเพื่อรักษาชีวิตของกำลังพลกว่า 1600 นาย โดยมีเวลาให้ทำภารกิจแค่ไม่กี่ชั่วโมงเท่านั้น
ตอนแรกผมไม่ได้ใส่ใจหนังเรื่องนี้มากนัก เพราะเริ่มเบื่อๆ หนังสงครามสะสมมาหลายปี ยิ่งเจอสงครามโลกครั้งที่ 1 แบบดันเคิร์กเข้าไปก็พาลจะไม่อยากดูหนังใน setting แบบนี้แล้ว ... แต่อยู่ๆ ได้ยินว่า 1917 ดีขนาดชนะลูกโลกทองคำแบบ ไรวะเนี่ย ... ชนะ ไอริชแมน, แมริเอจ สตอรี่ (ที่พี่ไคโล เรน แกเล่นได้อินสัสๆ), เดอะ ทู โป๊ปส์, และที่สำคัญ ชนะ โจ๊กเกอร์ของ วาคิน ฟินิกซ์ ได้อีกด้วย
เมื่อมาลงรายละเอียดแล้ว ผมพบว่า 1917 ไม่ได้ฟลุ๊ก แต่มันสมควรชนะแล้วจริงๆ
1917 คือ หนังที่ถ่ายทำด้วยเทคนิค long take ทั้งเรื่อง หรือหมายถึง หนังจะไม่มีการตัดฉากเป็นซีนๆ เหมือนทั้งทั่วๆ ไป แต่กล้องจะเดินตามตัวละครไปเรื่อยๆ และเจอสถานการณ์ต่างๆ ... (หลังจากดูจบผมก็เพิ่งรู้ว่านอกจาก long take แล้ว หนังยังใช้เทคนิค real time เพิ่มความเทพเข้าไปอีกขั้นด้วย หรือกล่าวคือ 1 นาทีในหนังก็คือ 1 นาทีในโลกจริงที่เรานั่งดูอยู่)
เทคนิคการถ่ายทำก็เรื่องหนึ่ง แต่หากสังเกตดูดีๆ เราจะพบว่า 1917 ของผู้กำกับแซม เมนเดส ใส่ใจในรายละเอียดแบบสุดๆ ทั้งการขุดสนามเพลาะเป็นกิโลๆ ให้นักแสดงเดินผ่าน การจัดแสงไฟตอนกลางคืนแบบอลังการและให้มิติที่สมจริง เรียกว่ามีความเทพซ้อนเทพซ้อนเทพ ทบกันเข้าไปหลายชั้น
จุดอ่อนเดียวของหนังเรื่องนื้คือ เนื้อเรื่อง ... ผมจะไม่แปลกใจหากมีผู้ชมบางส่วนจะรู้สึกไม่อินกับเนื้อเรื่องของมันเท่าไหร่นัก เพราะ 1917 ดำเนินเรื่องให้ผู้ชมเหมือนเป็นตัวเอกอีกคน ที่อยู่ๆ ก็ได้รับภารกิจแบบไม่ทันได้เตรียมตัวเตรียมใจมาก ตกกระไดพลอยโจนวิ่งฝ่าสนามรบไปอีกด้าน และทำทุกอย่างเพื่อแจ้งข่าวสำคัญให้ทันเวลา
ฉะนั้นเราจะรู้แบบคร่าวๆ เท่านั้นว่า ตัวเอกเป็นใคร ชื่ออะไร มีปมให้พอชวนคิดบ้างเล็กน้อย แต่นอกเหนือจากนั้น หนังไม่ได้สร้างประเด็นอะไรใหญ่ๆ แบบชัดเจนให้เราสัมผัสได้ว่า มันกำลังขยี้เรื่องนี้อยู่ เหมือนแซม เมนเดส จับ 1917 มาขายเทคนิคการถ่ายทำและสร้างเป็นแบบเรียนให้กับภาควิชาภาพยนตร์ในมหาวิทยาลัยต่อไป
อย่างไรก็ดี 1917 เป็นหนังที่สนุก เป็นความบันเทิงแบบที่หนังควรจะมอบให้ผู้ชม เราได้ลุ้นระทึก ตื่นเต้น และคอยเอาใจช่วยตัวเอกให้ฝ่าฟันอุปสรรคต่างๆ ไปให้ถึงจุดหมาย มีซีนที่เกินคาดเดาเกิดขึ้น ...เหมือนชีวิตจริงในสงครามที่เราไม่รู้ว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นเมื่อไหร่ ได้เจอใครและต้องจากลาใคร
แม้จะตัดคะแนนด้านความลึกของเนื้อเรื่องออกไป แต่ 1917 ก็ยังยอดเยี่ยมและทำให้ได้จดจ่ออยู่กับจังหวะของหนัง จนบางทีก็ลืมว้าวกับเทคนิคต่างๆ (เพราะมันเรียลจนไม่รู้สึกว่าเป็นเทคนิคอะไร) นี่คืองานที่คราฟท์มาอย่างดี และสร้างมาเพื่อเดินสายรับรางวัลอย่างแท้จริง ...
(แต่ถ้าไปแพ้ ปรสิต ก็ตัวใครตัวมันนะ ถถถถถ)
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้