ยิ่งใหญ่ตลอดกาล!หงส์เปิดรูปปั้นเพสลี่ย์ & รัชชี้ด้านที่คล็อปป์เหมือนเพสลี่ย์ & แมตช์ต่อแมตช์ก่อนเกมชี้ชะตาแชมป์หงส์vเรือ

ผู้ยิ่งใหญ่ตลอดกาล!หงส์เปิดรูปปั้นบ็อบเพสลี่ย์

เหล่าตำนานลิเวอร์พูล ร่วมทำพิธีเปิดตัวรูปปั้น บ็อบ เพสลี่ย์ สุดยอดกุนซือนำสโมสรประสบความสำเร็จมากมายมหาศาล เมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา โดยเป็นการเชิดชูความสำเร็จ และให้เด็กรุ่นหลังได้รับรู้ว่านี่คือหนึ่งในผู้จัดการทีมที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในวงการลูกหนังเมืองผู้ดี

ลิเวอร์พูล สโมสรขวัญใจมหาชนแห่งศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ทำพิธีเปิดรูปปั้น บ็อบ เพสลี่ย์ ตำนานผู้จัดการทีม "หงส์แดง" ที่นำความสำเร็จมาสู่ถิ่นแอนฟิลด์ มากที่สุดตลอดกาล โดยมีอดีตผู้เล่นชั้นยอดอยู่ร่วมแสดงความยินดี เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 30 มกราคมที่ผ่านมา

เพสลี่ย์ เคยเป็นอดีตนักเตะลิเวอร์พูล และคว้าแชมป์ลีกสูงสุดในซีซั่น 1946/47 จากนั้นเมื่อเข้ารับหน้าที่เป็นผู้จัดการทีม เขาสามารถนำสโมสรประสบความสำเร็จมากมาย อย่างเช่นแชมป์ลีกได้ถึง 6 สมัย, ยูฟ่า คัพ (ยูฟ่า ยูโรปา ลีก) 1 สมัย และแชมป์ยูโรเปี้ยน คัพ (ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก) 3 สมัย เป็นต้น 
 
สำหรับงานเปิดรูปปั้นของ เพสลี่ย์ ซึ่งเป็นภาพที่เขาแบก  เอมลีน ฮิวจ์ส ออกจากสนาม มีตำนานของ "เดอะ เร้ดส์" มาร่วมพิธีมากมายได้แก่ ฟิล ธอมป์สัน, เซอร์เคนนี่ ดัลกลิช และ เอียน รัช รวมทั้งอดีตแข้งอีกหลายคนที่อยู่ในเหตุการณ์สำคัญนี้

ปีเตอร์ มัวร์ ประธานบริหาร "หงส์แดง" กล่าวว่า "บ็อบ เพสลี่ย์ เป็นหนึ่งในผู้จัดการทีมฟุตบอลที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดในอังกฤษ และนำทีมของเขายิ่งใหญ่หลายต่อหลายครั้ง ผลงานและทุ่มเทของเขาที่ทำไว้กับสโมสรลิเวอร์พูล เป็นส่วนหนึ่งในหน้าประวัติศาสตร์ที่ยิ่งใหญ่ของสโมสรแห่งนี้ ดังนั้นนี่คือการสรรเสริญยกย่องที่เหมาะสมสำหรับตำนานของเขา ด้วยการเปิดรูปปั้นที่เพสลี่ย์ สแควร์ ในแอนฟิลด์"



cr : www.siamsport.co.th

แด่ยอดกุนซือ! หงส์ เปิดตัวรูปปั้น 'บ็อบ เพสลี่ย์' ที่ แอนฟิลด์

ลิเวอร์พูล จัดงานเปิดตัวรูปปั้นของ บ็อบ เพสลี่ย์ ที่สนาม แอนฟิลด์ ในวันนี้(พฤหัสบดี) เพื่อเป็นเกียรติให้กับอดีตผู้จัดการทีมที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดของสโมสร

สแตนดาร์ด ชาร์เตอร์ด สปอนเซอร์หลักของสโมสรเป็นผู้สร้างรูปปั้นนี้มามอบให้กับ "หงส์แดง" เพื่อเป็นส่วนหนึ่งของการฉลองครบรอบความสัมพันธ์ 10 ปี

พวกเขาเลือกใช้รูปอันโด่งดังของ เพสลี่ย์ ที่กำลังแบก เอ็มลีน ฮิวจ์ส ออกจากสนามหลังได้รับบาดเจ็บ มาทำเป็นรูปปั้นให้กับอดีตกุนซือของพวกเขา
การเปิดตัวรูปปั้นยังมีอดีตนักเตะมาร่วมงานหลายคนเลย เช่น ฟิล ธอมป์สัน, เคนนี่ ดัลกลิช และ เอียน รัช รวมถึง แกรห์ม ลูกชายของ เพสลี่ย์ เองด้วย

ปีเตอร์ มัวร์ ซีอีโอของทีมกล่าวว่า "บ็อบ เพสลี่ย์ เป็นหนึ่งในผู้จัดการทีมชาวอังกฤษที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดตลอดกาล และพาทีมของเขาพบกับความยิ่งใหญ่ครั้งแล้วครั้งเล่า"

"ผลงานและความทุ่มเทที่เขามอบให้กับ ลิเวอร์พูล ถือเป็นส่วนสำคัญในประวัติศาสตร์อันยิ่งใหญ่ของสโมสรแห่งนี้ การเปิดตัวรูปปั้นที่ตั้งในเพสลี่ย์ สแควร์
ของสนาม แอนฟิลด์ จึงเป็นการเชิดชูเกียรติที่เหมาะสมกับตำนานของเขา"



cr : www.soccersuck.com

รัชชี้ด้านไหนที่คล็อปป์เหมือนเพสลี่ย์

เอียน รัช ตำนานกองหน้าของ ลิเวอร์พูล สโมสรยักษ์ใหญ่แห่งวงการ พรีเมียร์ลีก อังกฤษ กล่าวยกย่อง เจอร์เก้น คล็อปป์ ผู้จัดการทีม "หงส์แดง" ชุดปัจจุบัน ว่าเป็นคนที่มีความเป็นผู้นำที่ยอดเยี่ยมเหมือนกับ บ็อบ เพสลี่ย์ ตำนานกุนซือของทีม

เพสลี่ย์ ได้รับการยกย่องว่าเป็นหนึ่งในกุนซือที่เก่งที่สุดตลอดกาลของ ลิเวอร์พูล หลังจากคุมทีมได้สุดยอดจนทำให้ทีมได้แชมป์เป็นกอบเป็นกำ อย่างเช่น การได้แชมป์ลีก 6 สมัย และแชมป์ ยูโรเปี้ยน คัพ (ชื่อเดิมของ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก) 3 ครั้ง เป็นต้น ขณะที่ คล็อปป์ ก็ได้รับคำชมตลอดช่วงที่ผ่านมาว่าปรับปรุง ลิเวอร์พูล ได้ยอดเยี่ยมจนถึงขั้นพาทีมได้แชมป์ แชมเปี้ยนส์ ลีก เมื่อฤดูกาลก่อน และตอนนี้ก็กำลังมีลุ้นแชมป์ลีกด้วย
 
รัช ซึ่งเคยร่วมงานกับ เพสลี่ย์ อยู่พักหนึ่ง กล่าวในตอนไปร่วมงานเปิดตัวรูปปั้นตัวใหม่ของ เพสลี่ย์ ว่า "เจอร์เก้น มีทีมที่ยอดเยี่ยมให้ใช้งานก็จริง แต่การที่จะทำผลงานให้ออกมาดีน่ะมันต้องมีความเป็นผู้นำด้วย ในอดีต บ็อบ เพสลี่ย์ คือคนที่มีความเป็นผู้นำชั้นยอด และตอนนี้ เจอร์เก้น คล็อปป์ ก็เป็นผู้นำที่ดีเหมือนกัน เขายังเข้ากับแฟนบอลได้ดีด้วย เวลาที่เขาพูดอะไรก็ตาม แฟนบอลก็จะทำตามความต้องการของเขา บรรดานักเตะเองก็ทำแบบนั้นเหมือนกัน ซึ่งสาเหตุที่มันเป็นอย่างนั้นได้ก็เพราะ เจอร์เก้น คล็อปป์ ล้วนๆ"

อดีตแข้งชาวเวลส์แสดงความเชื่อด้วยว่า คล็อปป์ สามารถกลายเป็นหนึ่งในกุนซือระดับตำนานของ ลิเวอร์พูล ได้ โดยพอโดนถามว่าเขาคิดว่า คล็อปป์ มีโอกาสได้อยู่ในกลุ่มดังกล่าวหรือไม่นั้น รัช ก็ตอบว่า "ทำไมถึงจะไม่ได้กันล่ะ ? การที่จะอยู่ในกลุ่มนั้นได้น่ะ คุณก็ต้องประสบความสำเร็จให้ได้ ซึ่งการประสบความสำเร็จที่ว่าก็ไม่ใช่แค่การได้แชมป์ แชมเปี้ยนส์ ลีก แต่เป็นการได้แชมป์ พรีเมียร์ลีก"

"ผู้จัดการทีมทุกคน (ของ ลิเวอร์พูล) พยายามทำอย่างนั้นมาตั้งแต่ปี 1990 และมันก็เป็นของล้ำค่าของทีมชนิดเดียวกับจอกศักดิ์สิทธิ์เลย ถ้าเกิด เจอร์เก้น ทำให้ทีมได้แชมป์ลีกแล้วล่ะก็ เขาก็จะอยู่ในกลุ่มตำนานของทีม และหวังว่าเขาจะอยู่คุมทีมไปอีกหลายปีนะ บ็อบ เพสลี่ย์ มักจะพูดอยู่เสมอว่าสิ่งที่ทำได้ง่ายที่สุดคือการได้แชมป์ลีก ส่วนสิ่งที่ทำได้ยากที่สุดคือการได้แชมป์ลีกอีกสมัย และนั่นก็เป็นเรื่องจริง ฤดูกาลก่อน ลิเวอร์พูล ทำผลงานได้ยอดเยี่ยม ก่อนที่จะจบซีซั่นด้วยการไม่ได้แชมป์ลีก แต่ซีซั่นนี้พวกเขาต้องทำให้ดีขึ้น"



cr : www.siamsport.co.th

แมตช์ต่อแมตช์ ก่อนเกมชี้ชะตาแชมป์ ลิเวอร์พูล VS แมนซิตี้

สถานการณ์ของ ลิเวอร์พูล ในเวลานี้ค่อนข้างจะได้เปรียบ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ อย่างมาก เมื่อ "หงส์แดง" เก็บชัยชนะไปแล้ว 23 แมตช์เสมอ 1 เกมจากทั้งหมด 24 เกมส่งผลให้เก็บแต้มไปแล้ว 70 คะแนน ทิ้งห่าง "เรือใบสีฟ้า" ไปไกลสุดกู่ถึง 19 แต้มในเวลานี้ มีลุ้นที่จะคว้าแชมป์ลีกสูงสุดสมัยแรกในรอบ 30 ปี



เจอร์เก้น คล็อปป์ สร้างทัพ "เดอะ เร้ดส์" กลายเป็นทีมบ้าพลัง วิ่งแบบไม่มีหมด แถมสภาพร่างกายยังแข็งแกร่งพร้อมเจอคู่แข่งในทุกรูปแบบ และทุกสถานการณ์ นอกจากความเก่งผสมแกร่งแล้ว เรื่องดวงก็มีส่วนอยู่บ้าง เพราะในบางเกมที่เล่นไม่ดี แต่สุดท้ายก็คว้า 3 คะแนนได้สำเร็จ 

ด้วยความห่างของแต้มขนาดนี้ ทำให้หลายคนต่างฟันธงแล้วว่าสาวก "เดอะ ค็อป" เตรียมรถแห่ถ้วยพรีเมียร์ลีกได้เลย เพราะพวกเขาจะยุติ 3 ทวรรษที่รอคอยแชมป์ลีกเมืองผู้ดี กระนั้น คล็อปป์ เลือกที่จะไม่หลงระเริงและเตือนสติลูกทีมอยู่เสมอว่าการลุ้นแชมป์ยังไม่จบ ฉะนั้นต้องเล่นด้วยความมุ่งมั่นแบบเกมต่อเกม



หากจะมองว่า คล็อปป์ ถ่อมตัวก็ได้ หรือจะมองว่าเขาพูดเท่ๆ เพื่อไม่ให้โดนแฟนบอลบางกลุ่มจ้องจับผิดก็ได้ แต่ความจริงก็คือว่า ณ ตอนนี้ ลิเวอร์พูล ต้องการชัยชนะอีก 8 เกมเท่านั้นจากทั้งหมด 14 แมตช์ที่เหลืออยู่ ก็เพียงพอให้พวกเขานำโทรฟี่แชมป์พรีเมียร์ลีก ไปประดับตู้โชว์ในถิ่นแอนฟิลด์

ที่พีคสุดๆ คือหากว่า "เดอะ เร้ดส์" กับ "เรือใบสีฟ้า" เดินหน้าเก็บชัยชนะกันได้อย่างต่อเนื่อง นั่นหมายความว่าเกมที่ 8 จะเป็นแมตช์สุดสำคัญเพราะหาก ลิเวอร์พูล เยือนเอติฮัด สเตเดี้ยม และไม่แพ้พวกเขาจะทำสถิติไร้พ่าย 49 เกมเท่ากับ อาร์เซน่อล แต่ถ้าบุกชนะ นั่นหมายถึงบทสรุปแชมป์พรีเมียร์ลีก จะสิ้นสุดที่เมืองแมนเชสเตอร์ และแชมป์จะเป็นของ "หงส์แดง" ทันที



ก่อนที่จะถึงเกมดังกล่าวเมื่อไปเช็คโปรแกรมแล้วต้องบอกว่า ลิเวอร์พูล ค่อนข้างจะเจอคู่แข่งไม่ค่อยหนักมากนัก สวนทางกับทีมของกุนซือเป๊ป กวาร์ดิโอล่า ที่เจอคู่ต่อกรแบบสาหัสสากรรจ์เลยทีเดียว และนั่นอาจจะทำให้การลุ้นแชมป์ลีกจบก่อนที่ทั้งสองทีมต้องเจอกันในวันที่ 4 เมษายนนี้ 

สำหรับทีมของคล็อปป์ มีโปรแกรมที่หนักที่สุดก็คือการทำศึกเมอร์ซี่ย์ไซด์ ดาร์บี้แมตช์ เยือน เอฟเวอร์ตัน ที่สนามกูดิสัน พาร์ค ส่วน แมนฯ ซิตี้ พวกเขาต้องเจอทั้ง ท็อตแน่มฮ็อทสเปอร์ (วันอาทิตย์ที่ 2 ก.พ.), เลสเตอร์ ซิตี้, แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และ เชลซี ซึ่งทั้งหมดนี้ เป๊ปต้องนำลูกทีมไปเยือนซะด้วย 

อย่างไรก็ตามหากทุกอย่างไม่ได้เป็นไปตามการคาดการณ์ ลิเวอร์พูล ก็อาจจะสู้ต่อไปเรื่อยๆ โดยมีเงื่อนไขเพียงแค่ชนะให้ได้ 8 เกม จากโปรแกมที่เหลืออยู่ทั้งหมด แต่เชื่อว่าสาวก "เดอะ ค็อป" คงอยากลุ้นให้โปรแกรมโหดที่แมนฯ ซิตี้ ต้องเจอทำให้พวกเขาสะดุด และช่วยย่นระยะเวลาในการคว้าแชมป์ลีกให้กับ "หงส์แดง"



8 โปรแกรมสำคัญก่อนที่ ลิเวอร์พูล จะปะทะกับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้
ลิเวอร์พูล
1 ก.พ.    เซาธ์แฮมป์ตัน (เหย้า)
16 ก.พ.    นอริช ซิตี้ (เยือน)
25 ก.พ.    เวสต์แฮม ยูไนเต็ด (เหย้า)
1 มี.ค.    วัตฟอร์ด (เยือน)
7 มี.ค.    บอร์นมัธ (เหย้า)
17 มี.ค.    เอฟเวอร์ตัน (เยือน)
22 มี.ค.    คริสตัล พาเลซ (เหย้า)
4 เม.ย.    แมนฯ ซิตี้ (เยือน)

แมนเชสเตอร์ ซิตี้
2 ก.พ.    สเปอร์ส (เยือน)
9 ก.พ.    เวสต์แฮม ยูไนเต็ด (เหย้า)
23 ก.พ.    เลสเตอร์ ซิตี้ (เยือน)
1 มี.ค.    อาร์เซน่อล (เลื่อน)
8 มี.ค.    แมนฯ ยูไนเต็ด (เยือน)
14 มี.ค.    เบิร์นลี่ย์ (เหย้า)
21 มี.ค.    เชลซี (เยือน)
4 เม.ย.    ลิเวอร์พูล (เหย้า)

cr : www.siamsport.co.th
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่