สวัสดีค่าาา เพื่อน ๆ ทุกคน หลังจากที่หายไปนาน ไม่ได้ลงกระทู้มาหลายวัน คิดถึงทุกคนจังงงงง 🥰😆
วันนี้ เราอยากจะมาเล่าประสบการณ์ที่เราได้ไปทำงานมาให้เพื่อน ๆ ได้ฟังกันค่ะ
อ่ะๆ เรายังไม่ได้บอกเพื่อน ๆ ใช่ไหมคะ ว่าเรา ได้งานเเล้ววววววว!!! 🤩 เย้~~~~ หิ้วววว~~~
เเต่ก่อนหน้านั้นเราได้ลงกระทู้เกี่ยวกับเเชร์ประสบการณ์ การสัมภาษณ์งานครั้งเเรกของเด็กจบใหม่ด้วย พูดง่ายๆ อันนี้ก็เหมือนภาคต่อเลยค่ะ 555
(ยังไงก็ช่วยลุ้นไปกับหนังภาคต่อหนูด้วยนะคะ)
สำหรับใครที่อยากรู้เกี่ยวกับการสัมภาษณ์งาน เพื่อน ๆ สามารถเข้าไปอ่านกันได้นะคะ👇
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ https://m.ppantip.com/topic/39578156?
ก่อนอื่นเลย เราต้องขอบคุณเพื่อน ๆ ที่เข้ามาตอบกระทู้ มาให้กำลังใจ เเละมาเเชร์เรื่องราวต่าง ๆ ให้ฟังกันนะ
ส่วนการตั้งกระทู้ในครั้งนี้ เราอยากจะนำเสนอเรื่องราวต่าง ๆ จากการที่ได้เรียนรู้ในการทำงานจริงว่าเป็นยังไง เจออะไรมาบ้าง การปัญหาต่าง ๆ ในการทำงานของเรา จากการที่เราได้เรียนรู้มา เผื่อว่าจะได้เป็นไอเดียให้ใครหลาย ๆ คนได้
งั้นเราไปเริ่มกันเลยยยยยยยย !!
ถ้าใครเคยได้ลองอ่านกระทู้ของเราก่อนหน้านี้เเล้ว ก็จะรู้ว่าเราเคยไปสัมภาษณ์งานเกี่ยวการขาย เเล้วเราก็ไม่ได้งานนั้น เพราะสัมภาษณ์ไม่ผ่านค่ะ
เราเลยเปลี่ยนสายไปเป็น Customer Service เเทนค่ะ เป็นด้านบริการไปเลย 555 เพราะว่าเราเป็นคนพูดไม่ค่อยไม่มั่นใจ พูดจาไม่ฉะฉาน ซึ่งมันคือจุดอ่อนของเรา
เราเลยหันไปพัฒนาด้านที่เป็นจุดเเข็งของเราเเทน เเทนที่จะทำจุดอ่อนให้เป็นจุดเเข็ง ซึ่งมันใช้เวลามากๆ เเละเราก็ไม่อยากจะทำเวลาเราเสียไปกับสิ่งที่เราไม่ถนัด พอเราคิดได้เเบบนั้น เราเลยไปทำด้านบริการเเทนค่ะ
เราเลยตัดสินใจไปสมัครงานด้านบริการ เเล้วเลือกเกี่ยวกับคลินิก เเต่เป็นคลินิกที่เกี่ยวกับการรักษาโรคเลยนะคะ ไม่ใช่คลินิกเสริมความงาม
เเต่เราต้องบอกเพื่อน ๆ ก่อนว่า เรากะจะไปทำเเค่ 6 เดือน เพื่อที่ว่าเราจะได้มีประสบการณ์การทำงานติดตัวสักนิดนึง เเล้วไปหาสมัครงานที่อื่นต่อ
ถามว่าทำไมต้องรีบเปลี่ยนด้วย เวลาเเค่ 6 เดือนจะเอาประสบการณ์ไปยื่นทำงานที่ไหนได้ เราบอกเลยว่า ส่วนใหญ่ งานประเภทเเนวบริการทั้งหลาย ขั้นต่ำเอา 6 เดือนขึ้นไป หรือบางทีอาจจะไม่ต้องเอาประสบการณ์เลยก็ได้
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ https://m.ppantip.com/topic/39567933?
อ่ะ กลับมาที่เราไปสมัครงาน ปรากฎว่า ไม่กี่วันเค้าก็เรียกเราสัมภาษณ์เลย จากนั้น เราก็เข้าไปสัมภาษณ์ เเต่รอบนี้ เราไม่ค่อยเกร็งเท่าไหร่เเล้ว
เหมือนมันมีภูมิต้านทานมาบ้างเเล้ว จากหลายครั้งที่ผ่านมา 555 ซึ่งเราโอเคนะ รอบนี้คุยสนุกเลยค่ะกับทางทีม hr
หลังจากสัมภาษณ์เสร็จ เราก็ได้ทำงานเล้ยจ้าาาา 🥳
ความรู้สึกมันเเอคทีฟมากค่ะเพื่อน ๆ ตื่นเต้นมาก เเล้วก็รู้สึกเหมือนอะดรีนาลีนหลั่งเลยค่ะ
สมองเรียนรู้ได้ไวมาก เเป๊ปเดียวจำ เเป๊ปเดียวทำได้ ซึ่งเราโอเคมากอ่ะ ทั้งที่เพื่อน ๆ ที่ทำงาน คนที่สอนงาน ทุกคนดีกับเราหมดเลย ถือว่าโชคดีอยู่นะ
ทุกคนก็สามารถทำให้ตัวเองโชคดีได้นะ โดยการใช้ไอ่ความเป็นเด็กจบใหม่นี่เเหละ สู้เค้า สู้ยังไง? เราก็ใช้ความกระตือรือร้น ความอ่อนน้อมของเรานี่เเหละสู้เข้าไป เชื่อเรา ร้อยทั้งร้อยเอ็นดูหมด ถ้าเราทำตัวน่ารัก ๆ เข้าไว้
ผ่านไปได้ 1 อาทิตย์ เราเริ่มปรับตัวได้เเล้ว ทั้งทำหน้าร้าน รับลูกค้า เอกสาร หรือว่าตรวจคนป่วย เราทำได้หมด ยกเว้น ต้อนรับลูกค้าเเละการเรียงลำดับความสำคัญ
เราจะบอกว่า เเต่ละคนมีสิ่งที่ตัวเองไม่ถนัด เเหละเราไม่ถนัดที่จะพูดเชื้อเชิญขนาดนั้น ด้วยความที่นิสัยเราเป็นคนเงียบ ๆ เราก็จะพูดเบา ๆ ค่อย ๆ มันก็เลยเหมือนเราไม่มั่นใจนั่นเเหละค่ะ
ส่วนการเรียงลำดับความสำคัญ เราจะชอบทำให้เสร็จเป็นอย่าง ๆ โดยที่ไม่ได้โฟกัสว่าอะไรสำคัญกว่าในตอนนั้น ซึ่งอันนี้เราก็โดนพี่ที่ทำงานดุไปเเล้ว ไม่เชิงดุหรอกค่ะ เรียกว่าให้คำเเนะนำเเบบดุ ๆ มากกว่า 555
จากที่เราได้บอกไปเมื่อกี้ จุดอ่อนเราคือ การพูดเเละการเรียงลำดับความสำคัญ เราเเก้เรื่องการพูดโดยการที่เราซ้อมกับพี่ที่ทำงานบ่อย ๆ พูดเเบบไหนถึงจะน่าฟัง ถึงจะสุภาพ
ซ้อมเเบบเหมือนจริงเลยค่ะ 555 คือทำเป็นเหมือนพี่เค้าเป็นลูกค้าจริง ๆ เเล้วเราก็ต้องคิดว่า เราจะพูดยังไง พูดเเบบไหน ให้ดูน่าเชื่อถือ จนถึงทุกวันนี้ เราพูดดังขึ้น ชัดขึ้น เเล้วก็ดูมั่นใจเเล้ว โดยใช้เวลา 1 เดือนครึ่ง เเต่เราก็เอากลับมาฝึกที่บ้านด้วยนะคะเพื่อน ๆ
ส่วนการเรียงลำดับความสำคัญ อันนี้เราปรึกษาเเฟนเราอีกทีนึงค่ะ เเล้วก็ได้ข้อสรุปว่า ที่เราเรียงลำดับความสำคัญไม่ถูก เป็นเพราะว่าเราไม่รู้จัก work flow ก็คือ ไม่รู้รูปเเบบการทำงาน ว่าเป็นยังไง
มันเลยทำให้เราไม่รู้ว่า ผังงาน จริง ๆ เเล้วต้องทำยังไงบ้าง พอเราเข้าใจเรื่องระบบงาน ที่เราทำ ตอนนี้เราเเทบไม่โดนพี่ที่ทำงานพูดถึงเรื่องนี้อีกเลยค่ะ(เเต่บางทีก็เผลอจดจ่ออยู่กับสิ่งนั้น ไปบ้างนะ อิอิ)
การทำงานในงานเเต่ละประเภท เเต่ละอย่าง มันจะมีระบบของมันอยู่เเล้ว อันนี้เพื่อน ๆ ลองไปดูนะคะ ว่าที่ทำงานของตัวเอง ระบบงานมันเป็นยังไง
หรือถ้าไม่รู้ลองถามคนที่พอจะตอบคำถามนี้ได้ เเล้วให้เค้าสอนให้ดูนะคะ เพราะเราก็ยังไม่ได้ศึกษามาทุกประเภทงาน เลยยังให้คำตอบที่ถูกไม่ได้(ทำตัวน่ารัก ๆ เข้าไว้ เชื่อสิ คนในที่ทำงานสอนเเน่นอนน👍)
ประมาณนี้ ไปก่อนนะคะ เพราะตอนนี้เรามาเท่านี้ เอาไว้ถ้าเจออะไรเยอะกว่านี้ เราจะมาอัปเดตให้เพื่อน ๆ ฟังกันใหม่นะคะ
อ่อออ!!! เเล้วก็ที่สำคัญ งานประเภทบริการทั้งหมด
สกิลการเเก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า จะเจอเยอะมากในงานประเภทเเบบนี้
ซึ่งเวลาเราเจอปัญหาที่ต้องเเก้เฉพาะหน้า มีทางเเก้ที่สำคัญอยู่ข้อนึง คือ เราต้องรู้ก่อนว่าปัญหาจริง ๆ ต้นตอสาเหตุ มันคืออะไร? เเล้วหลังจากนั้น หาทางเเก้ปัญหาค่ะ เเค่นั้นเลยค่ะ เพื่อน ๆ
ตอนเเรกมันอาจจะช้าหน่อยนะคะ มันคือสกิลที่เราต้องเจอทุกวัน เราถึงจะเซียน ซึ่งเราก็เป็นคนนึงที่คิดช้าเหมือนกัน เวลาเจอเรื่องที่ต้องเเก้ปัญหาเฉพาะหน้าอ่ะ
เเต่เราอาศัย การที่เราเอาตัวเองเข้าไปเจอเลยค่ะ เเล้วก็ลองหาทางเเก้ดู ครั้งเเรกอาจจะดูยาก เเต่ถ้าผ่านได้ ก็ผ่านได้เลย
ค่ะ เเล้วตอนนี้ เราก็ไม่ได้ทำงานที่คลินิกเเล้วค่ะ พอดีไปเจองานอื่นที่ สามารถเก็บเกี่ยวได้มากกว่านี้ค่ะ ก็เลยลาออก
เเต่ถือว่า เป็นประสบการณ์ที่ดีเลยทีเดียวค่ะ มันทำให้เรามั่นใจขึ้นมาเยอะมากเลย ถ้งเเม้ว่าเราจะไม่ได้ทำงานที่นั่นนาน เเต่อะไรหลาย ๆ อย่าง สอนให้เรามั่นใจขึ้นมามากค่ะ รวมไปถึงการรับผิดชอบต่องานที่เราทำจริง ๆ
ซึ่งเราไม่เสียใจนะที่ได้ทำ ถึงเเม้ว่าจะทำเพียงเเต่ไม่กี่เดือน
ค่ะ ก็จบไปเเล้วนะคะ สำหรับประสบการณ์ทำงานครั้งเเรกของเรา ถ้าใครมีเรื่องราวดีดี ก็สามารถมาเเบ่งปันกันได้นะคะ เพราะเราเองก็ยังอยากรู้อะไรอีกมากมายเหมือนกันค่ะ
เข้ามาทักทาย มาคอมเมนต์กันได้เลยนะคะ 😄
สุดท้ายนี้ ขอให้เพื่อน ๆ ที่กำลังสัมภาษณ์ หรือทำงานอยู่ หรือเริ่มสมัครงาน ขอให้ผ่านพ้นไปได้ด้วยดีนะคะ สำหรับวันนี้ เราไปก่อนค่ะ เจอกันใหม่ในกระทู้หน้านะคะ ขอบคุณค่าาาา 🙏😊✌️
การทำงาน “ครั้งเเรก” ของเด็กจบใหม่
วันนี้ เราอยากจะมาเล่าประสบการณ์ที่เราได้ไปทำงานมาให้เพื่อน ๆ ได้ฟังกันค่ะ
อ่ะๆ เรายังไม่ได้บอกเพื่อน ๆ ใช่ไหมคะ ว่าเรา ได้งานเเล้ววววววว!!! 🤩 เย้~~~~ หิ้วววว~~~
เเต่ก่อนหน้านั้นเราได้ลงกระทู้เกี่ยวกับเเชร์ประสบการณ์ การสัมภาษณ์งานครั้งเเรกของเด็กจบใหม่ด้วย พูดง่ายๆ อันนี้ก็เหมือนภาคต่อเลยค่ะ 555
(ยังไงก็ช่วยลุ้นไปกับหนังภาคต่อหนูด้วยนะคะ)
สำหรับใครที่อยากรู้เกี่ยวกับการสัมภาษณ์งาน เพื่อน ๆ สามารถเข้าไปอ่านกันได้นะคะ👇
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ก่อนอื่นเลย เราต้องขอบคุณเพื่อน ๆ ที่เข้ามาตอบกระทู้ มาให้กำลังใจ เเละมาเเชร์เรื่องราวต่าง ๆ ให้ฟังกันนะ
ส่วนการตั้งกระทู้ในครั้งนี้ เราอยากจะนำเสนอเรื่องราวต่าง ๆ จากการที่ได้เรียนรู้ในการทำงานจริงว่าเป็นยังไง เจออะไรมาบ้าง การปัญหาต่าง ๆ ในการทำงานของเรา จากการที่เราได้เรียนรู้มา เผื่อว่าจะได้เป็นไอเดียให้ใครหลาย ๆ คนได้
งั้นเราไปเริ่มกันเลยยยยยยยย !!
ถ้าใครเคยได้ลองอ่านกระทู้ของเราก่อนหน้านี้เเล้ว ก็จะรู้ว่าเราเคยไปสัมภาษณ์งานเกี่ยวการขาย เเล้วเราก็ไม่ได้งานนั้น เพราะสัมภาษณ์ไม่ผ่านค่ะ
เราเลยเปลี่ยนสายไปเป็น Customer Service เเทนค่ะ เป็นด้านบริการไปเลย 555 เพราะว่าเราเป็นคนพูดไม่ค่อยไม่มั่นใจ พูดจาไม่ฉะฉาน ซึ่งมันคือจุดอ่อนของเรา
เราเลยหันไปพัฒนาด้านที่เป็นจุดเเข็งของเราเเทน เเทนที่จะทำจุดอ่อนให้เป็นจุดเเข็ง ซึ่งมันใช้เวลามากๆ เเละเราก็ไม่อยากจะทำเวลาเราเสียไปกับสิ่งที่เราไม่ถนัด พอเราคิดได้เเบบนั้น เราเลยไปทำด้านบริการเเทนค่ะ
เราเลยตัดสินใจไปสมัครงานด้านบริการ เเล้วเลือกเกี่ยวกับคลินิก เเต่เป็นคลินิกที่เกี่ยวกับการรักษาโรคเลยนะคะ ไม่ใช่คลินิกเสริมความงาม
เเต่เราต้องบอกเพื่อน ๆ ก่อนว่า เรากะจะไปทำเเค่ 6 เดือน เพื่อที่ว่าเราจะได้มีประสบการณ์การทำงานติดตัวสักนิดนึง เเล้วไปหาสมัครงานที่อื่นต่อ
ถามว่าทำไมต้องรีบเปลี่ยนด้วย เวลาเเค่ 6 เดือนจะเอาประสบการณ์ไปยื่นทำงานที่ไหนได้ เราบอกเลยว่า ส่วนใหญ่ งานประเภทเเนวบริการทั้งหลาย ขั้นต่ำเอา 6 เดือนขึ้นไป หรือบางทีอาจจะไม่ต้องเอาประสบการณ์เลยก็ได้
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
อ่ะ กลับมาที่เราไปสมัครงาน ปรากฎว่า ไม่กี่วันเค้าก็เรียกเราสัมภาษณ์เลย จากนั้น เราก็เข้าไปสัมภาษณ์ เเต่รอบนี้ เราไม่ค่อยเกร็งเท่าไหร่เเล้ว
เหมือนมันมีภูมิต้านทานมาบ้างเเล้ว จากหลายครั้งที่ผ่านมา 555 ซึ่งเราโอเคนะ รอบนี้คุยสนุกเลยค่ะกับทางทีม hr
หลังจากสัมภาษณ์เสร็จ เราก็ได้ทำงานเล้ยจ้าาาา 🥳
ความรู้สึกมันเเอคทีฟมากค่ะเพื่อน ๆ ตื่นเต้นมาก เเล้วก็รู้สึกเหมือนอะดรีนาลีนหลั่งเลยค่ะ
สมองเรียนรู้ได้ไวมาก เเป๊ปเดียวจำ เเป๊ปเดียวทำได้ ซึ่งเราโอเคมากอ่ะ ทั้งที่เพื่อน ๆ ที่ทำงาน คนที่สอนงาน ทุกคนดีกับเราหมดเลย ถือว่าโชคดีอยู่นะ
ทุกคนก็สามารถทำให้ตัวเองโชคดีได้นะ โดยการใช้ไอ่ความเป็นเด็กจบใหม่นี่เเหละ สู้เค้า สู้ยังไง? เราก็ใช้ความกระตือรือร้น ความอ่อนน้อมของเรานี่เเหละสู้เข้าไป เชื่อเรา ร้อยทั้งร้อยเอ็นดูหมด ถ้าเราทำตัวน่ารัก ๆ เข้าไว้
ผ่านไปได้ 1 อาทิตย์ เราเริ่มปรับตัวได้เเล้ว ทั้งทำหน้าร้าน รับลูกค้า เอกสาร หรือว่าตรวจคนป่วย เราทำได้หมด ยกเว้น ต้อนรับลูกค้าเเละการเรียงลำดับความสำคัญ
เราจะบอกว่า เเต่ละคนมีสิ่งที่ตัวเองไม่ถนัด เเหละเราไม่ถนัดที่จะพูดเชื้อเชิญขนาดนั้น ด้วยความที่นิสัยเราเป็นคนเงียบ ๆ เราก็จะพูดเบา ๆ ค่อย ๆ มันก็เลยเหมือนเราไม่มั่นใจนั่นเเหละค่ะ
ส่วนการเรียงลำดับความสำคัญ เราจะชอบทำให้เสร็จเป็นอย่าง ๆ โดยที่ไม่ได้โฟกัสว่าอะไรสำคัญกว่าในตอนนั้น ซึ่งอันนี้เราก็โดนพี่ที่ทำงานดุไปเเล้ว ไม่เชิงดุหรอกค่ะ เรียกว่าให้คำเเนะนำเเบบดุ ๆ มากกว่า 555
จากที่เราได้บอกไปเมื่อกี้ จุดอ่อนเราคือ การพูดเเละการเรียงลำดับความสำคัญ เราเเก้เรื่องการพูดโดยการที่เราซ้อมกับพี่ที่ทำงานบ่อย ๆ พูดเเบบไหนถึงจะน่าฟัง ถึงจะสุภาพ
ซ้อมเเบบเหมือนจริงเลยค่ะ 555 คือทำเป็นเหมือนพี่เค้าเป็นลูกค้าจริง ๆ เเล้วเราก็ต้องคิดว่า เราจะพูดยังไง พูดเเบบไหน ให้ดูน่าเชื่อถือ จนถึงทุกวันนี้ เราพูดดังขึ้น ชัดขึ้น เเล้วก็ดูมั่นใจเเล้ว โดยใช้เวลา 1 เดือนครึ่ง เเต่เราก็เอากลับมาฝึกที่บ้านด้วยนะคะเพื่อน ๆ
ส่วนการเรียงลำดับความสำคัญ อันนี้เราปรึกษาเเฟนเราอีกทีนึงค่ะ เเล้วก็ได้ข้อสรุปว่า ที่เราเรียงลำดับความสำคัญไม่ถูก เป็นเพราะว่าเราไม่รู้จัก work flow ก็คือ ไม่รู้รูปเเบบการทำงาน ว่าเป็นยังไง
มันเลยทำให้เราไม่รู้ว่า ผังงาน จริง ๆ เเล้วต้องทำยังไงบ้าง พอเราเข้าใจเรื่องระบบงาน ที่เราทำ ตอนนี้เราเเทบไม่โดนพี่ที่ทำงานพูดถึงเรื่องนี้อีกเลยค่ะ(เเต่บางทีก็เผลอจดจ่ออยู่กับสิ่งนั้น ไปบ้างนะ อิอิ)
การทำงานในงานเเต่ละประเภท เเต่ละอย่าง มันจะมีระบบของมันอยู่เเล้ว อันนี้เพื่อน ๆ ลองไปดูนะคะ ว่าที่ทำงานของตัวเอง ระบบงานมันเป็นยังไง
หรือถ้าไม่รู้ลองถามคนที่พอจะตอบคำถามนี้ได้ เเล้วให้เค้าสอนให้ดูนะคะ เพราะเราก็ยังไม่ได้ศึกษามาทุกประเภทงาน เลยยังให้คำตอบที่ถูกไม่ได้(ทำตัวน่ารัก ๆ เข้าไว้ เชื่อสิ คนในที่ทำงานสอนเเน่นอนน👍)
ประมาณนี้ ไปก่อนนะคะ เพราะตอนนี้เรามาเท่านี้ เอาไว้ถ้าเจออะไรเยอะกว่านี้ เราจะมาอัปเดตให้เพื่อน ๆ ฟังกันใหม่นะคะ
อ่อออ!!! เเล้วก็ที่สำคัญ งานประเภทบริการทั้งหมด
สกิลการเเก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า จะเจอเยอะมากในงานประเภทเเบบนี้
ซึ่งเวลาเราเจอปัญหาที่ต้องเเก้เฉพาะหน้า มีทางเเก้ที่สำคัญอยู่ข้อนึง คือ เราต้องรู้ก่อนว่าปัญหาจริง ๆ ต้นตอสาเหตุ มันคืออะไร? เเล้วหลังจากนั้น หาทางเเก้ปัญหาค่ะ เเค่นั้นเลยค่ะ เพื่อน ๆ
ตอนเเรกมันอาจจะช้าหน่อยนะคะ มันคือสกิลที่เราต้องเจอทุกวัน เราถึงจะเซียน ซึ่งเราก็เป็นคนนึงที่คิดช้าเหมือนกัน เวลาเจอเรื่องที่ต้องเเก้ปัญหาเฉพาะหน้าอ่ะ
เเต่เราอาศัย การที่เราเอาตัวเองเข้าไปเจอเลยค่ะ เเล้วก็ลองหาทางเเก้ดู ครั้งเเรกอาจจะดูยาก เเต่ถ้าผ่านได้ ก็ผ่านได้เลย
ค่ะ เเล้วตอนนี้ เราก็ไม่ได้ทำงานที่คลินิกเเล้วค่ะ พอดีไปเจองานอื่นที่ สามารถเก็บเกี่ยวได้มากกว่านี้ค่ะ ก็เลยลาออก
เเต่ถือว่า เป็นประสบการณ์ที่ดีเลยทีเดียวค่ะ มันทำให้เรามั่นใจขึ้นมาเยอะมากเลย ถ้งเเม้ว่าเราจะไม่ได้ทำงานที่นั่นนาน เเต่อะไรหลาย ๆ อย่าง สอนให้เรามั่นใจขึ้นมามากค่ะ รวมไปถึงการรับผิดชอบต่องานที่เราทำจริง ๆ
ซึ่งเราไม่เสียใจนะที่ได้ทำ ถึงเเม้ว่าจะทำเพียงเเต่ไม่กี่เดือน
ค่ะ ก็จบไปเเล้วนะคะ สำหรับประสบการณ์ทำงานครั้งเเรกของเรา ถ้าใครมีเรื่องราวดีดี ก็สามารถมาเเบ่งปันกันได้นะคะ เพราะเราเองก็ยังอยากรู้อะไรอีกมากมายเหมือนกันค่ะ
เข้ามาทักทาย มาคอมเมนต์กันได้เลยนะคะ 😄
สุดท้ายนี้ ขอให้เพื่อน ๆ ที่กำลังสัมภาษณ์ หรือทำงานอยู่ หรือเริ่มสมัครงาน ขอให้ผ่านพ้นไปได้ด้วยดีนะคะ สำหรับวันนี้ เราไปก่อนค่ะ เจอกันใหม่ในกระทู้หน้านะคะ ขอบคุณค่าาาา 🙏😊✌️