ฝากคำถามถึง HR หรือเจ้าของกิจการ ว่าทำไมชอบใช้วิธีเงียบ เวลาจะไม่รับใครเข้าทำงาน

อันนี้ถามเรื่องอดีตที่เคยเจอมานะครับ ปัจจุบันเป็นเจ้าของกิจการเองไม่เดือดร้อนเรื่องนี้แล้ว

สมัยจบมาหลายปีก่อน สมมุติว่าเรายื่นใบสมัคร ถูกเรียกไปสัมภาษณ์งาน 5 ที่ไล่ๆ กัน สุดท้ายที่ที่นึงรับเราเข้าทำงาน ซึ่งอันนี้เราก็ดูบริบทออกว่าเราได้แน่ๆ จากบทสนทนา และอวัจนภาษาที่คุยกัน
แต่อีก 4 ที่ ตอนคุยดูอารมณ์กลางๆ ไม่ปฏิเสธ ไม่โต้แย้งหรือตำหนิอะไรในสิ่งที่เราเล่าเกี่ยวกับตัวเอง และสุดท้ายบอกภายในอาทิตย์นึงจะตอบกลับไป ผลคือทั้ง 4 ที่เงียบหมด โทรไปไม่รับสาย ไม่มีเมลหรือไลน์ไดๆ ตอบกลับมา

เลยอยากทราบถึงหัวอกคนทำงาน HR หรือเจ้าของกิจการ ว่าทำไมเรื่องแบบนี้ตอบกันตรงๆ ไม่ได้ครับ และหลบเลี่ยงทำไม กลัวทำร้ายน้ำใจ ? หรือเก็บไว้เผื่อหาไม่ได้ค่อยตามคนนี้มา ?
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 10
ไม่ได้เป็น HR แต่เจอ HR ตรรกะป่วยๆ มาบ้าง โชคดีหน่อยส่วนใหญ่ HR ที่ต้องทำงานด้วย หรือที่เชิญไปสมัครงาน มีความเป็นมืออาชีพของงาน HR จริงๆ เขาเลยมีวิธีจัดการกับเรื่องพวกนี้ได้ไม่ยากและชัดเจนด้วย  

อย่างในกรณีของจขกท. คือเป็นผู้ที่ถูกเรียกไปสัมภาษณ์งานแล้ว ก็ถูกแล้วที่จขกท. ต้องรอฟังผลสัมภาษณ์ ... จากปสก. ที่เคยเห็นเขาทำกัน คือเขาก็ส่ง email ไปแจ้งผล เพราะเขากำหนดไว้แล้วว่า 1 ตำแหน่ง ต้องมี shortlisted candidates ไว้กี่คน สมมติตำแหน่งหนึ่งๆ ที่เปิดรับ อาจมีผู้ส่งประวัติมาเป็น 1,000 ใบก็แล้วแต่ ในท้ายที่สุดเขาจะคัดกรอง ให้เหลือเฉพาะที่จะให้มาสัมภาษณ์จริงๆ (ถ้าเป็นตำแหน่งที่วิชาชีพมากๆ ก็ส่งต่อให้ Head of Dept. นั้นๆ ดู) สมมติไปอีกว่า ตำแหน่งนั้น จะเรียกมาสัมภาษณ์แค่ 5 คนเท่านั้น (เลือกมาจากประวัติ 1,000 ใบ)

เพราะฉะนั้น การที่จะตอบกลับอีก 4 คนที่เหลือ ซึ่งคุณสมบัติไม่ต้องตา ต้องใจ หรือ chemistry ต่างๆ นาๆ ไม่ตรงกัน อะไรก็แล้ว ... ไม่ใช่เรื่องเสียเวลา (นัดสัมภาษณ์คนมั่วซั่ว โดยไม่กำหนด shortlisted นอกจากจะดูไม่ฉลาดแล้วยังเสียเวลามากกว่าอีก) ... ที่เห็นคือเขาแจ้งทาง email ด้วยประโยคสั้นๆ ที่สามารถเขียนเป็นประโยคพื้นฐานเอาไว้ตอบได้ทันที ใช้เวลาจิ้มไม่น่าจะเกิน 5 นาทีต่อคนด้วยซ้ำ ด้วยประโยคประมาณว่า "ขอบคุณผู้สมัคร ที่ให้ความสนใจมาร่วมงาน และสละเวลาเข้ามาสัมภาษณ์งานกับทางบริษัท ทางบริษัทต้องขอแสดงความเสียใจอย่างยิ่ง ที่คุณสมบัติของท่านยังไม่ตรงกับที่ทางบริษัทค้นหา" อะไรก็ว่าไป ...

หรือถ้าเปิดเป็นตำแหน่งงานที่ดาษๆ จริงๆ คือแบบ เห้ยแมร่งต้องสัมภาษณ์ตำแหน่งนั้นๆ เป็นร้อยๆ คน (อารมณ์ประมาณ mass recruitment ของพวก Big 4 หรือโรงแรมดังๆ เปิดใหม่ หรือโรงงานใหญ่ๆ)  ตามปกติ HR ที่เคยเจอเขาจะรู้ timeline อยู่แล้วว่า ตำแหน่งพวกนั้นจะต้อง fill-in เมื่อไหร่ เขาก็แจ้งผู้สมัครไปตอนสัมภาษณ์เสร็จเลยว่า "ถ้าอีก 1 หรือ 2 สัปดาห์ ทางบริษัทไม่ติดต่อไป ก็ขอให้ move on ไม่ต้องรอ ... หรืออะไรก็แล้วแต่" เพื่อแจ้งให้ผู้ที่สัมภาษณ์ได้รับรู้เงื่อนไข และชัดเจนเป็นคนๆ ไป

เลยแอบบสงสัยหน่อยๆ ว่า HR ที่ดี เขาไม่ได้ทำกันแบบนี้หรอกเหรอ ... งงตรรกะบาง คห. จริงๆ การที่จขกท. อยากรู้ผลของการสัมภาษณ์งานนี่มันเป็นการงอแงตรงไหน คือถ้าอ่านประวัติตอนแรกแล้วไม่ใช่ ก็ไม่ต้องเรียกไปสัมภาษณ์รึเปล่า? หรือว่าทำ shortlisted ไม่เป็น? เลยเรียกผู้สมัครไปสัมภาษณ์แบบงงๆ เรื่อยๆ แบบไม่มีที่สิ้นสุด (ปญอ.) ... แล้วการไม่พูดจาให้ตรงไปตรงมา มันดูรักษาน้ำใจกว่าการพูดจาคลุมเครือตรงไหน? ตรรกะอะไร?

ป.ล. โดยส่วนตัวถ้าเจอ HR ตรรกะเพลียๆ แบบนี้ ต่อให้เป็นบริษัทที่มีการตกแต่งสวยงาม ด้วยศิลปะพระเจ้าเหา มีโต๊ะปิงปองให้เล่น มีบัตรยิมฟรีให้ใช้บริการ ก็ขอบาย เพราะอย่าลืมว่า HR คือด่านแรกที่สะท้อนภาพลักษณ์ภายในองค์กรได้เป็นอย่างดีเหมือนกัน ถ้าเรื่องแค่นี้ทำให้เคลียร์ไม่ได้ ก็แสดงว่าภายในแมร่งอาจจะคลุมเครือหนัก ถ้าเป็น recruitment agency นี่ถึงขั้น ban เพราะถือว่าจะเอา profile เราไปขาย แต่ทำงานยังไม่เป็นมืออาชีพ ... ยินดีด้วยกับจขกท. ที่ไม่ได้ร่วมงานกับบริษัทที่จัดการปัญหาง่ายๆ แบบนี้ไม่เป็นครับ

จากประสบการณ์ตรงกับพวก recruitment agency ที่ใช้ชื่อตำแหน่งตัวเองว่า consultant ต่างๆ นาๆ ติดต่อมา ใน resume ระบุเงินเดือนไว้อยู่ชัดเจนอยู่แล้ว สมมติฐานเงินเดือนปัจจุบันอยู่ที่ 120,000 บาท แต่ก็ยังมีพวกนี่แหละ (ที่อ้างว่าตัวเองเป็น HR Consultant เพียงเพราะแค่ได้ทำงาน HR มาเล็กน้อย) มาเรียกให้ไปสัมภาษณ์งานในตำแหน่งงานที่ฐานเงินเดือนสูงสุดอยู่ที่ 90,000 บาท <<< กรณีนี้ ก็ควรพิจารณาตัวเองแล้วละว่า ฉลาดในเรื่องที่ไม่ฉลาดจนทำให้เสียเวลาเองรึเปล่า? (คือไม่ถ่างตาดู)

edited : แก้ไขคำผิด
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่