คำอธิบายเนื้อหากระทู้
แบบย่อๆ
1. กระทู้นี้ จัดอันดับหนังเจ๊งเป็นเปอร์เซ็นต์รายได้เมื่อเทียบกับทุนสร้าง ไม่ใช่เป็นจำนวนเงิน
2. กระทู้นี้ เรามีความเชื่อที่ว่า รายได้หนังต้องแบ่งให้โรงหนังครึ่งหนึ่ง
แบบยาวๆ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้1. กระทู้นี้เชื่อถือ หรือ อ้างอิงอะไรไม่ได้ เพราะผมเป็นผู้รวบรวมข้อมูลเองจากหลายๆเว็บ ซึ่งหลายๆเว็บนั้นข้อมูลไม่ตรงกันสักอย่าง
2. กระทู้นี้จัดอันดับหนังเจ๊งเป็นเปอร์เซ็นต์ ไม่ใช่จำนวนเงิน
ยกตัวอย่าง
หนัง A ทุนสร้าง 100 ล้าน รายได้ 70 ล้าน เท่ากับรายได้คือ 70% ของทุนสร้าง
หนัง B ทุนสร้าง 10 ล้าน รายได้ 3 ล้าน เท่ากับรายได้คือ 30% ของทุนสร้าง
ดังนั้น หนัง B จะอันดับหนังเจ๊งสูงกว่าหนัง A
แม้หนัง A จะขาดทุน 30 ล้าน และ หนัง B จะขาดทุนแค่ 7 ล้าน
เพราะกระทู้นี้จัดอันดับตามเปอร์เซ็นต์รายได้เมื่อเทียบกับทุนสร้าง
3. งบประมาณ และ ทุนสร้างของหนัง เอามาจาก Google
4. กระทู้นี้ เรามีความเชื่อที่ว่า รายได้หนังต้องแบ่งให้โรงหนังครึ่งหนึ่ง
อ้าวมาเริ่มกันนะ
อันดับที่ 10 Cats
รายได้ 58.4 ล้าน USD ทุนสร้าง 95 ล้าน USD
รายได้ 61% ของทุนสร้าง หนังขาดทุนไป 65.8 ล้าน USD
เนื้อเรื่องย่อ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้Cats - แคทส์ ภาพยนตร์ดัดแปลงจากมิวสิคัลบรอดเวย์ชื่อดังในตำนาน แอนดรูว์ ลอยด์ เว็บเบอร์ และหนังสือ Old Possum’s Book of Practical Cats โดย ที.เอส.เอเลียต ถ่ายทอดถึงเรื่องราวของเผ่าพันธุ์แมวที่เรียกว่า เจลลิเคิลส์ ในทุก ๆ ปีหนึ่งในพวกเขาจะถูกเลือกส่งไปยังสถานที่ที่เรียกว่า เฮวีไซด์ เลเยอร์ แล้วก็จะกลับมามีชีวิตใหม่ ซึ่ง Cats คือหนึ่งในโชว์ที่เปิดการแสดงอย่างยาวนานที่สุดในเวสต์เอนด์และประวัติศาสตร์ของบรอดเวย์ เปิดแสดงครั้งแรกที่โรงภาพยนตร์นิวลอนดอนในปี 1981 ซึ่งเปิดแสดงที่นี่ถึง 21 ปี และได้รับรางวัลโอลิวิเยอร์แอนด์อีฟนิ่งสแตนดาร์ดสาขามิวสิคัล ในปี 1983 ละครบรอดเวย์เรื่องนี้ได้รับรางวัลโทนี่ 7 รางวัล รวมถึงสาขามิวสิคัล นับตั้งแต่เปิดแสดง Cats มีผู้ชมมากกว่า 81 ล้านคน มากกว่า 50 ประเทศ และแสดงถึง 19 ภาษา นับว่าเป็นมิวสิคัลที่ประสบความสำเร็จตลอดกาล
ตัวอย่าง
คะแนนในเว็บ Rotten Tomatoes และ IMDb
เพิ่มเติม
เดิมทีค่ายหนังตั้งใจจะทำภาพยนตร์เป็นแอนิเมชันก่อนที่จะได้ ทอม ฮูเปอร์ มาเป็นผู้กำกับ
(เจ้าของรางวัลออสการ์ ภาพยนตร์ยอดเยี่ยม และ ผู้กำกับยอดเยี่ยม จากภาพยนตร์เรื่อง The King′s Speech
และ ยังเคยกำกับภาพยนตร์เพลงเรื่อง Les Misérables อีกด้วย) โดยหนังถูกเปลี่ยนเป็นคนแสดงและใช้ CGI ทั้งเรื่อง
ซึ่งมันไม่เป็นที่ตอบรับกับคนดู อีกทั้งบทหนังยังไม่เป็นที่ถูกใจของนักวิจารณ์ แม้ตัวหนังจะได้หนังแสดงชั้นนำหลายท่าน และ ยังได้นักร้องสาว เทย์เลอร์ สวิฟต์ มาร่วมแสดงด้วย ก็ไม่สามารถช่วยทำให้หนังเรื่องนี้ไม่เจ๊งได้
อันดับที่ 9 Serenity
รายได้ 14.4 ล้าน USD ทุนสร้าง 25 ล้าน USD
รายได้ 58% ของทุนสร้าง หนังขาดทุนไป 17.8 ล้าน USD
เนื้อเรื่องย่อ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้เบเกอร์ ดิลล์ (แมทธิว แม็คคอนาเฮย์) เป็นกัปตันเรือที่นำนักท่องเที่ยวออกไปตกปลาของเกาะพลิมัท แต่แล้วชีวิตที่เงียบสงบก็ต้องพังลง เมื่อแคเรน (แอนน์ แฮททาเวย์) อดีตภรรยาได้เข้ามาขอให้เขาช่วยเธอจากสามีใหม่ (เจสัน คลาร์ก) ที่ใช้ความรุนแรงกับเธอ โดยขอให้เขาพาสามีใหม่ของเธอออกไปยังกลางทะเลและทิ้งให้ฉลามกิน ดิลล์ต้องกลับเข้าไปในชีวิตก่อนหน้าที่เขาพยายามจะลืม และต่อสู้กับความขัดแย้งในใจระหว่างความถูกต้องและความผิด ขณะเดียวกันโลกใหม่ที่เขาอยู่ก็ดูก็เหมือนว่าทุกอย่างอาจไม่ใช่สิ่งที่มันเป็น
ตัวอย่าง
คะแนนในเว็บ Rotten Tomatoes และ IMDb
เพิ่มเติม
หนังได้นักแสดงนำระดับแม่เหล็ก และดีกรีเจ้าของรางวัลออสการ์ทั้งคู่อย่าง แมทธิว แม็คคอนาเฮย์ และ แอนน์ แฮททาเวย์
ก็ไม่ได้ช่วยทำให้หนังเรื่องนี้ มีรายได้มากกว่าครึ่งหนึ่งของทุนสร้างเท่าไหร่นัก ซึ่งปี 2019 คงไม่ใช่ปีของ แมทธิว แม็คคอนาเฮย์ เพราะหนังอีกเรื่องที่เขาเล่นในปี 2019 อย่าง The Beach Bum ก็ไม่สามารถทำรายได้มากกว่าทุนสร้างได้ โดยหนังเรื่อง The Beach Bum ทำรายได้ 4.6 ล้าน USD จากทุนสร้าง 5 ล้าน USD
อันดับที่ 8 The Kid Who Would Be King
รายได้ 32.1 ล้าน USD ทุนสร้าง 59 ล้าน USD
รายได้ 54% ของทุนสร้าง หนังขาดทุนไป 42.95 ล้าน USD
เนื้อเรื่องย่อ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้เรื่องราวของอเล็กซ์ (แอชบอร์น เซอร์กิส) เด็กชายที่คิดว่าตัวเองก็เป็นแค่คนไร้ตัวตนคนหนึ่ง จนกระทั่งบังเอิญไปเจอกับเอ็กซ์คาลิเบอร์ ดาบในตำนานที่ปักอยู่ในหินเข้า คราวนี้เขาเลยต้องรวบรวมทั้งผองเพื่อนและศัตรูเพื่อสร้างกลุ่มอัศวินร่วมกับพ่อมดเมอร์ลินในตำนาน (แพทริก สจ๊วต) เพื่อเอาชนะแม่มดร้าย มอร์กาน่า(รีเบ็คก้า เฟอร์กูสัน) ให้ได้ เมื่อมีอนาคตเป็นเดิมพัน อเล็กซ์จะต้องกลายเป็นผู้นำที่ยิ่งใหญ่ อย่างที่เขาไม่เคยคิดฝันว่าตัวเองจะเป็นได้มาก่อน
ตัวอย่าง
คะแนนในเว็บ Rotten Tomatoes และ IMDb
เพิ่มเติม
เป็นหนังสองเรื่องสุดท้ายที่จัดจำหน่าย โดย 20th Century Fox ในปี 2019 ก่อนที่ Walt Disney จะเข้ามาซื้อกิจการไปใน วันที่ 20 มีนาคม 2019 (หนังเรื่องสุดท้ายที่จัดจำหน่าย โดย 20th Century Fox คือ Alita: Battle Angel) ซึ่งหนังเรื่องนี้ ประมาณการว่า น่าจะขาดทุนกว่า 50 ล้าน USD ขึ้นไป ซึ่งรายได้หนังสวนทางกับคำวิจารณ์ที่ได้เป็นเชิงบวกมาก (หนังได้รับ Certified Fresh ที่ 89% จาก Rotten Tomatoes)
อันดับที่ 7 Tolkien
รายได้ 9 ล้าน USD ทุนสร้าง 20 ล้าน USD
รายได้ 45% ของทุนสร้าง หนังขาดทุนไป 15.5 ล้าน USD
เนื้อเรื่องย่อ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้Tolkien จะพาคุณไปทำความรู้จักกับ "เจ.อาร์.อาร์. โทลคีน" ในช่วงเวลาแห่งการก่อร่างสร้างตัวของเขา เริ่มตั้งแต่ตอนที่เขายังเป็นแค่เด็กกำพร้าคนหนึ่ง ที่เฝ้าตามหามิตรภาพ ความรัก และแรงบันดาลใจในงานศิลป์ ท่ามกลางสหายกลุ่มหนึ่งที่สังคมไม่ยอมรับในโรงเรียน และหนังเรื่องนี้ก็ได้พาเขาเข้าไปสู่ความจลาจลในสงครามโลกครั้งที่ 1 ซึ่งมันได้สั่นคลอนมิตรภาพให้แตกเป็นเสี่ยง ๆ สุดท้ายประสบการณ์ทั้งหมดเหล่านี้มันได้กลายเป็นแรงบันดาลใจของโทลคีน ในการสร้างสรรค์งานเขียน "มิดเดิ้ลเอิร์ธ" อันเลื่องลือขึ้นมา
ตัวอย่าง
คะแนนในเว็บ Rotten Tomatoes และ IMDb
เพิ่มเติม
The Lord of the Rings 3 ภาค ทุนสร้าง 281 ล้าน USD รายได้ 2,921 ล้าน USD The Hobbit 3 ภาค ทุนสร้าง 745 ล้าน USD รายได้ 2,931 ล้าน USD เรียกได้ว่าหนังแฟรนไชส์ The Lord of the Rings ไม่ว่าสร้างมากี่ภาคก็จะทำกำไรมหาศาล ซึ่งหนังแฟรนไชส์ชุดนี้ก็สร้างแฟนและสาวกได้เป็นจำนวนมาก แต่แฟนและสาวกเหล่านั้นกลับไม่สนใจหนังอัตชีวประวัติผู้ให้กำเนิด The Lord of the Rings เสียอย่างนั้น ทำให้หนังทำรายได้ไม่ถึงแม้กระทั่งครึ่งหนึ่งของทุนสร้าง และ ปี 2019 ก็ไม่ใช่ปีของ นิโคลัส ฮอลท์ นักแสดงนำของเรื่องอีกเช่นกัน เพราะหนังอีกเรื่องที่เขาเล่นในปี 2019 เรื่อง X-Men: Dark Phoenix แม้รายได้หนังจะมากกว่าทุนสร้าง แต่ก็ประมาณการว่า หนังน่าจะขาดทุนถึงระดับ 100 กว่าล้าน USD
อันดับที่ 6 Captive State
รายได้ 8.8 ล้าน USD ทุนสร้าง 25 ล้าน USD
รายได้ 35% ของทุนสร้าง หนังขาดทุนไป 20.6 ล้าน USD
เนื้อเรื่องย่อ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้“Captive State” เล่าถึงเรื่องราวของ 10 ปีหลังจากที่มนุษย์ต่างดาวรุกรานโลก พลเมืองของชิคาโกแตกเป็นสองกลุ่ม กลุ่มที่สวามิภักดิ์ต่อเอเลี่ยน และกลุ่มกบฏต่อต้านที่ยืนหยัดต่อสู้กับผู้รุกราน และหลังจากถูกรุกรานมานาน หน่วยกองกำลังต่อต้านใต้ดินที่นำโดยชายลึกลับนามว่า “ฟินิกซ์” เฝ้ารอโอกาสที่จะทวงสันติคืนให้เหล่ามนุษย์ ด้าน “วิลเลียม มัลลิแกน” (จอห์น กู๊ดแมน) นายตำรวจมากประสบการณ์ต้องตามล่าฟินีกซ์ ระหว่างภารกิจเขาตกหลุมรักกับ “หญิงสาวไร้นาม” (เวรา ฟาร์มิกา) ทั้งคู่วาดฝันว่าจะสร้างอนาคตร่วมกันในเมืองที่ล่มสลายแห่งนี้ตัวอย่าง
ตัวอย่าง
คะแนนในเว็บ Rotten Tomatoes และ IMDb
เพิ่มเติม
หนังได้ รูเพิร์ท ไวแอ็ตต์ คนที่เคยกำกับหนังเรื่อง Rise of the Planet of the Apes มาเป็นผู้กำกับ หลังจากเจ้าตัวหายไปจากงานกำกับหนังถึง 4 ปีกว่าๆ โดยหนังเรื่องสุดท้ายที่เขากำกับคือ เรื่อง The Gambler (มาร์ค วาห์ลเบิร์ก แสดงนำ) ที่ตัวหนังนั้นเจ๊งทั้งรายได้และคำวิจารณ์ และการกลับมากำกับหนังครั้งนี้ของเขา หนังก็เจ๊งทั้งรายได้และคำวิจารณ์เหมือนเดิม แถมรายได้หนังเจ๊งหนักกว่าเก่าเสียด้วย
10 หนังเจ๊งที่สุดของปี 2019 เมื่อเทียบเป็นเปอร์เซ็นต์
แบบย่อๆ
1. กระทู้นี้ จัดอันดับหนังเจ๊งเป็นเปอร์เซ็นต์รายได้เมื่อเทียบกับทุนสร้าง ไม่ใช่เป็นจำนวนเงิน
2. กระทู้นี้ เรามีความเชื่อที่ว่า รายได้หนังต้องแบ่งให้โรงหนังครึ่งหนึ่ง
แบบยาวๆ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
เดิมทีค่ายหนังตั้งใจจะทำภาพยนตร์เป็นแอนิเมชันก่อนที่จะได้ ทอม ฮูเปอร์ มาเป็นผู้กำกับ
(เจ้าของรางวัลออสการ์ ภาพยนตร์ยอดเยี่ยม และ ผู้กำกับยอดเยี่ยม จากภาพยนตร์เรื่อง The King′s Speech
และ ยังเคยกำกับภาพยนตร์เพลงเรื่อง Les Misérables อีกด้วย) โดยหนังถูกเปลี่ยนเป็นคนแสดงและใช้ CGI ทั้งเรื่อง
ซึ่งมันไม่เป็นที่ตอบรับกับคนดู อีกทั้งบทหนังยังไม่เป็นที่ถูกใจของนักวิจารณ์ แม้ตัวหนังจะได้หนังแสดงชั้นนำหลายท่าน และ ยังได้นักร้องสาว เทย์เลอร์ สวิฟต์ มาร่วมแสดงด้วย ก็ไม่สามารถช่วยทำให้หนังเรื่องนี้ไม่เจ๊งได้
หนังได้นักแสดงนำระดับแม่เหล็ก และดีกรีเจ้าของรางวัลออสการ์ทั้งคู่อย่าง แมทธิว แม็คคอนาเฮย์ และ แอนน์ แฮททาเวย์
ก็ไม่ได้ช่วยทำให้หนังเรื่องนี้ มีรายได้มากกว่าครึ่งหนึ่งของทุนสร้างเท่าไหร่นัก ซึ่งปี 2019 คงไม่ใช่ปีของ แมทธิว แม็คคอนาเฮย์ เพราะหนังอีกเรื่องที่เขาเล่นในปี 2019 อย่าง The Beach Bum ก็ไม่สามารถทำรายได้มากกว่าทุนสร้างได้ โดยหนังเรื่อง The Beach Bum ทำรายได้ 4.6 ล้าน USD จากทุนสร้าง 5 ล้าน USD
เป็นหนังสองเรื่องสุดท้ายที่จัดจำหน่าย โดย 20th Century Fox ในปี 2019 ก่อนที่ Walt Disney จะเข้ามาซื้อกิจการไปใน วันที่ 20 มีนาคม 2019 (หนังเรื่องสุดท้ายที่จัดจำหน่าย โดย 20th Century Fox คือ Alita: Battle Angel) ซึ่งหนังเรื่องนี้ ประมาณการว่า น่าจะขาดทุนกว่า 50 ล้าน USD ขึ้นไป ซึ่งรายได้หนังสวนทางกับคำวิจารณ์ที่ได้เป็นเชิงบวกมาก (หนังได้รับ Certified Fresh ที่ 89% จาก Rotten Tomatoes)
The Lord of the Rings 3 ภาค ทุนสร้าง 281 ล้าน USD รายได้ 2,921 ล้าน USD The Hobbit 3 ภาค ทุนสร้าง 745 ล้าน USD รายได้ 2,931 ล้าน USD เรียกได้ว่าหนังแฟรนไชส์ The Lord of the Rings ไม่ว่าสร้างมากี่ภาคก็จะทำกำไรมหาศาล ซึ่งหนังแฟรนไชส์ชุดนี้ก็สร้างแฟนและสาวกได้เป็นจำนวนมาก แต่แฟนและสาวกเหล่านั้นกลับไม่สนใจหนังอัตชีวประวัติผู้ให้กำเนิด The Lord of the Rings เสียอย่างนั้น ทำให้หนังทำรายได้ไม่ถึงแม้กระทั่งครึ่งหนึ่งของทุนสร้าง และ ปี 2019 ก็ไม่ใช่ปีของ นิโคลัส ฮอลท์ นักแสดงนำของเรื่องอีกเช่นกัน เพราะหนังอีกเรื่องที่เขาเล่นในปี 2019 เรื่อง X-Men: Dark Phoenix แม้รายได้หนังจะมากกว่าทุนสร้าง แต่ก็ประมาณการว่า หนังน่าจะขาดทุนถึงระดับ 100 กว่าล้าน USD
หนังได้ รูเพิร์ท ไวแอ็ตต์ คนที่เคยกำกับหนังเรื่อง Rise of the Planet of the Apes มาเป็นผู้กำกับ หลังจากเจ้าตัวหายไปจากงานกำกับหนังถึง 4 ปีกว่าๆ โดยหนังเรื่องสุดท้ายที่เขากำกับคือ เรื่อง The Gambler (มาร์ค วาห์ลเบิร์ก แสดงนำ) ที่ตัวหนังนั้นเจ๊งทั้งรายได้และคำวิจารณ์ และการกลับมากำกับหนังครั้งนี้ของเขา หนังก็เจ๊งทั้งรายได้และคำวิจารณ์เหมือนเดิม แถมรายได้หนังเจ๊งหนักกว่าเก่าเสียด้วย