ในช่วงปลายศตวรรษที่ 19 กองทัพสหรัฐได้ประจำการปืนลูกโม่ Double Action ขนาด .38 Long Colt รุ่นปี 1892 เป็นปืนพกมาตรฐานของกองทัพ ในปี ค.ศ. 1898 เกิดสงครามสเปน-อเมริกัน ขึ้น ผลของสงครามครั้งนั้นคือคิวบาได้ประกาศเอกราชออกจากการเป็นอาณานิคมของสเปน ส่วนฟิลิปปินส์ ยังคงสถานะเป็นอาณานิคมเพียงแต่เปลี่ยนผู้ปกครองจากสเปนมาเป็นสหรัฐ แต่การปกครองของสหรัฐในฟิลิปปินส์ก็ไม่ได้ราบรื่นในระยะแรกเกิดการต่อต้านจากกลุ่มที่ต้องการเอกราชแก่ฟิลิปปินส์รู้จักกันในชื่อสาธารณรัฐฟิลิปปินส์ที่ 1 ในปี ค.ศ. 1899 ที่ต่อมาภายหลังก็ถูกกองทัพสหรัฐปราบจนราบคราบแต่ความขัดแย้งในฟิลิปปินส์ก็ยังไม่จบสิ้นเมื่อหมู่เกาะซูลูซึ่งเป็นรัฐอิสลามนิกายสุหนี่มีสุลต่านปกครองไม่ยอมอยู่ใต้อำนาจการปกครองของสหรัฐดังเช่นในอดีตที่หมู่เกาะซูลูก็ไม่เคยให้สเปนเข้ามาปกครองเช่นกันแต่มีรัฐบาลสุลต่านท้องถิ่นปกครองมีสถานะเป็นรัฐในอารักขาของสเปนแต่เมื่อฟิลิปปินส์ถูกเปลี่ยนเจ้าอาณานิคมเป็นสหรัฐความขัดแย้งระหว่างชาวโมโร (โมโรเป็นชื่อของประชากรอิสลามนิกายสุหนี่ในฟิลิปปินส์) ซึ่งอาศัยอยู่ทั่วบริเวณหมู่เกาะซูลูได้ใช้กำลังนักรบเข้าต่อสู้กับทหารสหรัฐโดยส่วนใหญ่มีดาบและโล่เป็นอาวุธเข้าปะทะกับทหารสหรัฐที่มีปืนไรเฟิล Springfield Model 1892–99/ Krag–Jørgensen ใช้กระสุนขนาด .30-40 Krag และปืนลูกโม่แบบ Colt M1892 Double Action Revolver ขขนาด .38 Long Colt แต่อาวุธทั้งสองชนิดนี้กลับไม่มีพลังมากพอที่จะหยุดยั้งนักรบโมโรที่บุกโจมตีระยะประชิดได้ดีพอ (ไม่สามารถล้มเป้าหมายภายในนัดเดียว) ความไร้ประสิทธิภาพนี้กลายเป็นปัญหาใหญ่โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับปืนลูกโม่แบบ Colt M1892 จนในที่สุดแล้ว กองทัพสหรัฐในฟิลิปปินส์จึงต้องนำปืนลูกโม่แบบ Colt M1878 ขนาด .45 Long Colt มาใช้แทนที่จะแก้ปัญหาตรงนี้ได้ ( สงครามครั้งนี้ยืดเยื้อไปจนถึงปี ค.ศ. 1915 ) ผลจากเหตุการณ์ในครั้งนี้ทำให้กรมสรรพาวุธของกองทัพสหรัฐต้องจัดการทดสอบขึ้นมาหลายครั้งเพื่อทดสอบกระสุนของปืนพกชนิดต่างๆว่าแบบไหนมีอำนาจหยุดยั้งมากที่สุดผลจากการทดสอบหลายครั้งนั้นมีการสรุปออกมาว่ากระสุนสำหรับปืนพกที่จะมีอำนาจหยุดยั้งเป้าหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพนั้นต้องมีเส้นผ่าศูนย์กลางไม่น้อยไปกว่า .45 ทำให้ในที่สุดแล้วในปี ค.ศ 1907 จึงได้มีการจัดตั้งโครงการ 1907 US Pistol & Revolver Trials ขึ้นมาเพื่อหาปืนพกรุ่นใหม่ที่จะเข้าประจำการพร้อมกับกระสุนขนาด .45 ในฐานะปืนพกมาตรฐานของกองทัพสหรัฐ
Colt M1892 Double Action Revolver ขนาด .38 Long Colt ที่มีปัญหาในเรื่องพลังการหยุดยั้งของกระสุน
Colt M1878 ขนาด .45 Long Colt รุ่นเก่ากว่าที่ต้องถูกนำเข้ามาประจำการเพื่อแก้ปัญหา
ในการทดสอบปืนพกในโครงการนี้นอกจากจะมีการทดสอบเกี่ยวกับความแม่นยำและความน่าเชื่อถือของระบบปฏิบัติการรวมไปถึงการทดสอบว่าปืนสามารถทำงานได้ดีแค่ไหนหากมีสิ่งสกปรกเข้าไปในตัวปืนเช่นโคลนเป็นต้นแต่ก็ยังมีอีกหนึ่งการทดสอบที่ถือว่ามีความโหดหินอย่างยิ่งสำหรับปืนพกในสมัยนั้นนั่นคือการล้างชโลมน้ำมันออกให้หมดแล้วเอาไปต้มในสารละลายโซดาไฟแล้วเอาไปแช่ในสารละลายแอมโมเนียคลอไรด์เข้มข้มต่ออีก 5 นาทีปืนพกที่อยู่ในโครงการนี้มีอยู่ทั้งหมดโดยแบ่งออกเป็น 2 กลุ่มดังนี้
กลุ่ม Control Group ถูกนำมาเข้าร่วมโครงการเพื่อควบคุมการทดสอบของปืนแบบอื่นๆ ควบคุมในที่นี้หมายถึงรักษามาตรฐานและประสิทธิภาพที่โครงการนี้ต้องการได้แก่
1. Colt New Service ที่ต่อมาได้เข้าประจำการในรหัส Colt M1909
2. Smith & Wesson .45 ACP Double-Action Revolver
ส่วนอีกกลุ่มนึงแน่นอนที่สุดคือกลุ่มปืนพกที่เข้าแข่งขันในโครงการนี้
1. Bergmann Model 1906
ออกแบบโดย Theodor Bergmann ใช้ระบบปฏิบัติการแบบ locked breech ถูกปฏิเสธเนื่องจากนกสับของปืนมักมีการทำงานผิดพลาดซึ่งส่งผลให้มันไปตีเข็มแทงชนวนเองแล้วปืนลั่น
2. Knoble automatic pistol
ออกแบบโดย William B. Knoble ใช้ระบบปฏิบัติการแบบ Short recoil toggle-locked ถูกปฏิเสธเพราะว่าตัวปืนนั้นมีการผลิตที่เร่งรีบส่งผลให้ผิวงานของตัวปืนนั้นหยาบ และ ระบบการทำงานของปืนก็ทำงานได้ไม่เต็มประสิทธิภาพด้วยเหตุผลบางประการ
3. Luger .45 ACP
ออกแบบโดย Georg Luger ใช้ระบบปฏิบัติการแบบ Toggle-locked short recoil ถูกปฏิเสธเพราะว่าตัวปืนมีปัญหาหลายอย่างกับกระสุนขนาด .45 ACP และ ดินเริ่ม (primer powder) ที่จำเป็นสำหรับปืน Luger ไม่สามารถหาได้ได้ในสหรัฐอเมริกา
ดินเริ่ม (Primer Powder) คืออะไร ?
ดินเริ่ม (Primer Powder) คือส่วนประกอบหนึ่งของกระสุนมีหน้าที่เป็นตัวช่วยในการจดฉนวนดิบขับในกระสุนหลังจากที่เข็มแทงชนวนกระแทกกับจอกระทบแตกที่ท้ายกระสุน
4. White-Merrill 1907
ออกแบบโดย Joseph Chester White และ Samuel Merrill ใช้ระบบปฏิบัติการแบบ Tilting slide มีคันขึ้นลำอยู่ใต้โกร่งไกช่วยให้สามารถขึ้นลำด้วยมือเดียวได้ถูกปฏิเสธเพราะว่าตัวปืนมีปัญหาระบบปฏิบัติการหลายครั้ง
5. Savage automatic pistol Model 1907
ออกแบบโดย Elbert Searle ใช้ระบบปฏิบัติการแบบ Hesitation-locked delayed blowback เป็นหนึ่งในปืนพกสองรุ่นสุดท้ายที่ผ่านการทดสอบก่อนจะแพ้ให้กับ Colt M1907 แต่ภายหลังก็กลายเป็นที่นิยมในหมู่พลเรือน
6. Webley-Fosbery Automatic Revolver
ออกแบบโดยพันโท George Vincent Fosbery ใช้ระบบปฏิบัติการแบบ Recoil operated เป็นปืนลูกโม่ที่อาศัยแรงสะท้อนกลับที่เกิดจากการลั่นกระสุนนัดแรกมาเป็นพลังในการทำให้โครงปืนถอยหลังกลับมาง้างนกสับสำหรับการยิงครั้งต่อไปทำให้ไม่จำเป็นต้องเหนียวไกที่แข็งมากนักในการยิงกระสุนให้หมดโม่อย่างไรก็ตามมันมีความซับซ้อนมากเกินไปและความจุที่มีเพียงแค่ 6 นัดของมันทำให้ไม่ต่างจากปืนลูกโม่อื่นๆที่มีอยู่แล้วในสหรัฐเลยจึงทำให้มันถูกปฏิเสธ
7. Colt M1907
ออกแบบโดย John Browning ใช้ระบบปฏิบัติการแบบ short recoil พัฒนาจาก Colt Model 1905 ตอนแรกมีปัญหาด้านความน่าเชื่อถือและอคติมากมายแต่นี่คือผู้ชนะในโครงการ 1907 US Pistol & Revolver Trials (185 กระบอกจาก 200 กระบอกของ Colt Model 1905 ถูกนำไปขายในตลาดอาวุธพลเรือนโดยบริษัท Bannerman) และได้รับการพัฒนาต่อเป็น Colt Model 1909 และ Colt Model 1910 ก่อนจะกลายเป็นปืนพกมาตรฐานของกองทัพสหรัฐในรหัส United States Pistol, Caliber .45 M1911 ที่จะประจำการในปี ค.ศ. 1911-1924 ก่อนจะปรับปรุ่งเป็นรุ่น M1911A1 ที่ประจำการในปี ค.ศ. 1924-1986 ( M1911A1 ยังประจำการอยู่ในบางหน่วยของกองทัพสหรัฐในปัจจุบัน )
Colt Model 1909
Colt Model 1910
Colt Model 1911 "M1911"
Colt Model 1911 "M1911A1"
สรุปแล้วโครงการทดสอบนี้คือการเฟ้นหาปืนพกที่มีระบบปฏิบัติการที่เที่ยงตรงมีความแม่นยำและมีพลังในการหยุดยั้งที่เชื่อถือได้จากกระสุนขนาด .45 นอกจาก M1911 จะเป็นปืนพกของกองทัพสหรัฐแล้วยังเป็นที่นิยมอย่างมากในหมู่พลเรือนและเป็นหนึ่งในสุดยอดปืนพกคลาสสิคตลอดกาล.
แหล่งอ้างอิง
https://guns.fandom.com/wiki/1907_US_Pistol_%26_Revolver_Trials
สารานุกรมปืนตอนที่ 324 1907 US Pistol & Revolver Trials
Colt M1892 Double Action Revolver ขนาด .38 Long Colt ที่มีปัญหาในเรื่องพลังการหยุดยั้งของกระสุน
Colt M1878 ขนาด .45 Long Colt รุ่นเก่ากว่าที่ต้องถูกนำเข้ามาประจำการเพื่อแก้ปัญหา
ในการทดสอบปืนพกในโครงการนี้นอกจากจะมีการทดสอบเกี่ยวกับความแม่นยำและความน่าเชื่อถือของระบบปฏิบัติการรวมไปถึงการทดสอบว่าปืนสามารถทำงานได้ดีแค่ไหนหากมีสิ่งสกปรกเข้าไปในตัวปืนเช่นโคลนเป็นต้นแต่ก็ยังมีอีกหนึ่งการทดสอบที่ถือว่ามีความโหดหินอย่างยิ่งสำหรับปืนพกในสมัยนั้นนั่นคือการล้างชโลมน้ำมันออกให้หมดแล้วเอาไปต้มในสารละลายโซดาไฟแล้วเอาไปแช่ในสารละลายแอมโมเนียคลอไรด์เข้มข้มต่ออีก 5 นาทีปืนพกที่อยู่ในโครงการนี้มีอยู่ทั้งหมดโดยแบ่งออกเป็น 2 กลุ่มดังนี้
กลุ่ม Control Group ถูกนำมาเข้าร่วมโครงการเพื่อควบคุมการทดสอบของปืนแบบอื่นๆ ควบคุมในที่นี้หมายถึงรักษามาตรฐานและประสิทธิภาพที่โครงการนี้ต้องการได้แก่
1. Colt New Service ที่ต่อมาได้เข้าประจำการในรหัส Colt M1909
2. Smith & Wesson .45 ACP Double-Action Revolver
ส่วนอีกกลุ่มนึงแน่นอนที่สุดคือกลุ่มปืนพกที่เข้าแข่งขันในโครงการนี้
1. Bergmann Model 1906
ออกแบบโดย Theodor Bergmann ใช้ระบบปฏิบัติการแบบ locked breech ถูกปฏิเสธเนื่องจากนกสับของปืนมักมีการทำงานผิดพลาดซึ่งส่งผลให้มันไปตีเข็มแทงชนวนเองแล้วปืนลั่น
2. Knoble automatic pistol
ออกแบบโดย William B. Knoble ใช้ระบบปฏิบัติการแบบ Short recoil toggle-locked ถูกปฏิเสธเพราะว่าตัวปืนนั้นมีการผลิตที่เร่งรีบส่งผลให้ผิวงานของตัวปืนนั้นหยาบ และ ระบบการทำงานของปืนก็ทำงานได้ไม่เต็มประสิทธิภาพด้วยเหตุผลบางประการ
3. Luger .45 ACP
ออกแบบโดย Georg Luger ใช้ระบบปฏิบัติการแบบ Toggle-locked short recoil ถูกปฏิเสธเพราะว่าตัวปืนมีปัญหาหลายอย่างกับกระสุนขนาด .45 ACP และ ดินเริ่ม (primer powder) ที่จำเป็นสำหรับปืน Luger ไม่สามารถหาได้ได้ในสหรัฐอเมริกา
ดินเริ่ม (Primer Powder) คืออะไร ?
ดินเริ่ม (Primer Powder) คือส่วนประกอบหนึ่งของกระสุนมีหน้าที่เป็นตัวช่วยในการจดฉนวนดิบขับในกระสุนหลังจากที่เข็มแทงชนวนกระแทกกับจอกระทบแตกที่ท้ายกระสุน
4. White-Merrill 1907
ออกแบบโดย Joseph Chester White และ Samuel Merrill ใช้ระบบปฏิบัติการแบบ Tilting slide มีคันขึ้นลำอยู่ใต้โกร่งไกช่วยให้สามารถขึ้นลำด้วยมือเดียวได้ถูกปฏิเสธเพราะว่าตัวปืนมีปัญหาระบบปฏิบัติการหลายครั้ง
5. Savage automatic pistol Model 1907
ออกแบบโดย Elbert Searle ใช้ระบบปฏิบัติการแบบ Hesitation-locked delayed blowback เป็นหนึ่งในปืนพกสองรุ่นสุดท้ายที่ผ่านการทดสอบก่อนจะแพ้ให้กับ Colt M1907 แต่ภายหลังก็กลายเป็นที่นิยมในหมู่พลเรือน
6. Webley-Fosbery Automatic Revolver
ออกแบบโดยพันโท George Vincent Fosbery ใช้ระบบปฏิบัติการแบบ Recoil operated เป็นปืนลูกโม่ที่อาศัยแรงสะท้อนกลับที่เกิดจากการลั่นกระสุนนัดแรกมาเป็นพลังในการทำให้โครงปืนถอยหลังกลับมาง้างนกสับสำหรับการยิงครั้งต่อไปทำให้ไม่จำเป็นต้องเหนียวไกที่แข็งมากนักในการยิงกระสุนให้หมดโม่อย่างไรก็ตามมันมีความซับซ้อนมากเกินไปและความจุที่มีเพียงแค่ 6 นัดของมันทำให้ไม่ต่างจากปืนลูกโม่อื่นๆที่มีอยู่แล้วในสหรัฐเลยจึงทำให้มันถูกปฏิเสธ
7. Colt M1907
ออกแบบโดย John Browning ใช้ระบบปฏิบัติการแบบ short recoil พัฒนาจาก Colt Model 1905 ตอนแรกมีปัญหาด้านความน่าเชื่อถือและอคติมากมายแต่นี่คือผู้ชนะในโครงการ 1907 US Pistol & Revolver Trials (185 กระบอกจาก 200 กระบอกของ Colt Model 1905 ถูกนำไปขายในตลาดอาวุธพลเรือนโดยบริษัท Bannerman) และได้รับการพัฒนาต่อเป็น Colt Model 1909 และ Colt Model 1910 ก่อนจะกลายเป็นปืนพกมาตรฐานของกองทัพสหรัฐในรหัส United States Pistol, Caliber .45 M1911 ที่จะประจำการในปี ค.ศ. 1911-1924 ก่อนจะปรับปรุ่งเป็นรุ่น M1911A1 ที่ประจำการในปี ค.ศ. 1924-1986 ( M1911A1 ยังประจำการอยู่ในบางหน่วยของกองทัพสหรัฐในปัจจุบัน )
Colt Model 1909
Colt Model 1910
Colt Model 1911 "M1911"
Colt Model 1911 "M1911A1"
สรุปแล้วโครงการทดสอบนี้คือการเฟ้นหาปืนพกที่มีระบบปฏิบัติการที่เที่ยงตรงมีความแม่นยำและมีพลังในการหยุดยั้งที่เชื่อถือได้จากกระสุนขนาด .45 นอกจาก M1911 จะเป็นปืนพกของกองทัพสหรัฐแล้วยังเป็นที่นิยมอย่างมากในหมู่พลเรือนและเป็นหนึ่งในสุดยอดปืนพกคลาสสิคตลอดกาล.
แหล่งอ้างอิง
https://guns.fandom.com/wiki/1907_US_Pistol_%26_Revolver_Trials