8/10
พึ่งออกโรงมา สนุก ชอบ เป็นหนังไทบ้านแท้ๆ อยู่น่ะ
ความเรียลในอันเรียล การอิมโพรไวซ์บทสนทนาในบทหนังที่ถูก setting บรรยากาศมันคือไทบ้านแท้ๆ
ส่วนสำคัญสุดในเรื่องยังเป็นทีมไทบ้านอยู่ แม้ว่าการโปรโมทเน้นไปทาง BNK ก้อเถอะ
ก้อง ห้วยไร่ คีย์หลัก เป็นคนดำเนินเรื่อง ขาดไม่ได้
จ่าลอด และ มืด keep caracter เก่งสุด จ่าลอดดีจริง เล่นได้น่าเชื่อว่าประวัติการเป็นคนเจ้าชู้จากภาคก่อนยังอยู่และไม่น่าไว้ใจ
มืด เติบโตขึ้นตามวัย จากเด็กน้อยกินยางลบกลายเป็นเด็กหนุ่มวัยรุ่นที่ไม่รู้อะไรผิดถูก
ครูแก้ว ยิ่งสวีทกับจ่าลอดมากแค่ไหน ยิ่งรู้สึกกังวลกับอนาคตชีวิตคู่มากแค่นั้น
หมอปลาวาฬ มาน้อย แต่จำเป็นต้องมา ขาดไม่ได้ แถมมาแล้วเอาอยู่มาก
บทบาทของครูแก้ว กับหมอปลาวาฬเป็นการปูบทสู่ภาคต่อไป ดราม่าหนักแน่นอน จ่าลอดเอ๊ยจ่าลอด งานเข้าแน่ๆ
(ภาคก่อนๆ ผมดูออนไลน์ แต่ภาคต่อไปผมดูโรงแน่นอน)
พูดถึงฝั่ง bnk มั่ง
ต้องทำความเข้าใจกันใหม่ ว่าหนังเรื่องนี้ไม่ใช่การนำเอา bnk ที่มีอยู่จริงไปช่วยทำให้จักรวาลไทบ้านที่เป็น fiction กลายเป็นจับต้องได้
วง bnk ที่อยู่ในหนังไม่ใช่ bnk จริงๆ ที่เราติดตามกันแบบทุกวันนี้ แต่มันคือ วง bnk อีกวงนึงที่อยู่ในจักรวาลไทบ้าน
เป็น bnk ที่มีสมาชิก 8 คน
ส่วนเมมเบอร์ที่เห็นในหนัง แม้จะชื่อเดียวกัน มีความสามารถเหมือนกัน แต่ก้อไม่ใช่เมมคนที่เราติดตามจริงๆ แต่เป็นอีกคนนึงที่อยู่ในโลกคู่ขนานในจักรวาลไทบ้าน
ทำไมถึงคิดแบบนั้น ก้อเพราะ ไทม์ไลน์ของหนังเริ่มจากโปรเจ็คลับ ไปจนถึงเมมแกรด
ทั้งที่ในปัจจุบันยังอยู่กันครบนี่ไง
ดังนั้น ที่เห็นคนบ่นกันว่าเราติดตามน้องมา เมมคนนี้คนนั้นไม่ได้เป็นแบบนั้นซักหน่อย แล้วก้อบ่นว่าทำเมมเสียของ
ก้อเพราะเมมที่เราตาม ไม่ใช่คนที่อยู่ในหนังไงล่ะ การแสดงออกเลยไม่เหมือนกันอยู่แล้ว
บอกเลยว่าคนดูเกลียดและรำคาญแน่นอน แต่ไม่ใช่เพราะเกลียดตัวน้อง แต่เกลียดเพราะการแสดงตะหาก
ยิ่งน้องแสดงอาการโวยวาย culture shock ได้แรงเท่าไหร่ ยิ่งส่งผลกับบทสรุปมากแค่นั้น
ส่วนเริ่องบทหรือการตัดต่อที่คนบ่นกัน อันนี้คิดว่าบทไม่ได้มีปัญหา แต่เป็นในส่วนการตัดต่อ
หนังยึดแนวทางที่แข็งแรงของหนังรอมคอมที่เป็นแนวหลักมาตั้งแต่ยุค '00
เสตปหนังค่อนข้างตายตัว เริ่มจาก ต่างฝ่ายต่างมีสถานการณ์บางอย่างบีบให้มาเจอกันแบบไม่ตั้งใจ > สานสัมพันธ์ > เจออุปสรรค > เคลียร์ปม > จบ
หนังเดินสเตปนี้แน่นอน แต่มีปัญหาเรื่องการตัดต่อ ทำให้เวลาดูกลายเป็นรู้สึกว่าใส่ฉากนี้มาทำไมไม่ได้เกี่ยวกับเส้นเรื่อง (จริงๆ มันคือช่วงสานสัมพันธ์ไง)
ปัญหาการกระจายบทอันนี้ในฐานะโอตะมีเคือง ใช่ยอมรับ แต่ในฐานะคนดูหนังกลับเห็นว่าเหมาะดีแล้ว
เนย และแก้ว นั้น เด่นมาก โดยตามบททั้งสองคนเป็น element ที่สำคัญของทีม
แต่คนอื่นนอกจากนั้นก้อเป็นองค์ประกอบที่ขาดไม่ได้เหมือนกัน
โมบายล์นั่นจำเป็นมากที่จะทำให้บทมืดเติบโตขึ้น (และทุกช้อตที่มีการแคบหน้าโมบายล์ ยอมรับว่าละสายตาไม่ได้ สวยมากจริงๆ เปล่งประกายมาก)
น้ำหนึ่ง คือคนสำคัญที่จะนำไปสู่ ไทบ้าน หมอปลาวาฬ (และในหนังมันจะมีอยู่ฉากนึง ซึ่งถ้าผมเป็นลูกเรือ นนน ผมจะยอมซื้อตั๋วซ้ำอีกหลายรอบเพื่อเข้าไปดูฉากนั้นอีก)
น้ำใส คือคนที่นำเข้าช่วงดราม่าสร้างปม
ไข่มุก คือตัวแทนเด็กกรุงที่คาแรคเตอร์ชัดมากเท่าไหร่ ยิ่งทำให้คนดูรู้สึกอึดอัดว่าโปรเจ็คนี่มันจะเป็นไปได้เหรอ
ตาหวานเป็นคนที่ปรับตัวได้ไวที่สุด
ส่วนคามิผม ปูเป้ แค่ยืนเฉยๆ ก้อดีต่อใจแล้ว.... ไม่ใช่! ปูเป้เป็นคนปรับความเข้าใจเรื่องภาพลักษณ์กับจ่าลอด มันก้อคือฉากที่เราเห็นในตัวอย่างน่ะแหละ แต่มันมีต่ออีกประโยคนึงซึ่งมันแสดงถึงความเป็นปูเป้มากๆ และบอกกับคนดูกลายๆ ว่า bnk ก้อคนนะว้อย (ฉากร้องไห้ก้อทำได้ดี ฉากนั้นโฟกัสอยู่ที่เนย แต่ผมตะลึงกับน้ำตาปูเป้ที่จู่ๆ ก้อไหลออกมา)
มาว่ากันถึงบทสรุปที่คนบอกว่าจบแบบงงๆ
ผมก้อยังไม่โทษบท แต่ขอไปลงกับการตัดต่อ
เพราะการตัดต่อในเรื่องที่มันชวนงง ทำให้คนดูไม่เข้าใจว่าฉากทั้งหลายมันสำคัญยังไง เลยส่งอารมณ์ไปไม่ถึงช่วงบทสรุป
ส่วนตัวชอบกับบทสรุปที่หนังบอกมาก คือถึงแม้จะเป็นรอมคอม แต่ไม่จำเป็นต้อง happy ending หนังกลับเลือกเป็น bitter-sweet ที่ตัดเลี่ยน แล้วให้ข้อคิดเล็กๆ ว่า ชีวิตมันก้อแบบนี้แหละ
มาว่ากันเรื่องเพลงมั่ง ในหนังนั้น โดดดิด่งคืออะไรไม่รู้ แต่จากใจผู้สาวคนนี้ซึ้งจนน้ำตาคลอ
โดดดิด่ง คือเพลงโปรโมท ที่เอาไว้ดึงให้คนอยากไปดูหนัง
แล้วหลังจากดูหนังเสร็จแล้ว จะงงหรือไม่งง จะชอบหรือไม่ชอบก้อช่าง
จากใจผู้สาวคนนี้ คือเพลงที่ทำให้คนจะอยากกลับไปดูหนังอีกรอบ
จากใจผู้สาวคนนี้ แทนความรู้สึกของสาวๆ bnk ในเรื่อง (เน้นไปที่ เนย แก้ว โมบายล์)
นอกจากนี้ ยังรู้สึกว่าจากใจผู้สาวคนนี้เกี่ยวข้องกับหมอปลาวาฬและครูแก้วมาก
ภาคต่อไปเจอกันแน่ครับ
ปล. ว่าแต่ไอจีฟิฟิล์มไปทางไหนครับ @_@
<CR> ไทบ้าน x BNK48 จากใจผู้สาวคนนี้ <Spoiled>
พึ่งออกโรงมา สนุก ชอบ เป็นหนังไทบ้านแท้ๆ อยู่น่ะ
ความเรียลในอันเรียล การอิมโพรไวซ์บทสนทนาในบทหนังที่ถูก setting บรรยากาศมันคือไทบ้านแท้ๆ
ส่วนสำคัญสุดในเรื่องยังเป็นทีมไทบ้านอยู่ แม้ว่าการโปรโมทเน้นไปทาง BNK ก้อเถอะ
ก้อง ห้วยไร่ คีย์หลัก เป็นคนดำเนินเรื่อง ขาดไม่ได้
จ่าลอด และ มืด keep caracter เก่งสุด จ่าลอดดีจริง เล่นได้น่าเชื่อว่าประวัติการเป็นคนเจ้าชู้จากภาคก่อนยังอยู่และไม่น่าไว้ใจ
มืด เติบโตขึ้นตามวัย จากเด็กน้อยกินยางลบกลายเป็นเด็กหนุ่มวัยรุ่นที่ไม่รู้อะไรผิดถูก
ครูแก้ว ยิ่งสวีทกับจ่าลอดมากแค่ไหน ยิ่งรู้สึกกังวลกับอนาคตชีวิตคู่มากแค่นั้น
หมอปลาวาฬ มาน้อย แต่จำเป็นต้องมา ขาดไม่ได้ แถมมาแล้วเอาอยู่มาก
บทบาทของครูแก้ว กับหมอปลาวาฬเป็นการปูบทสู่ภาคต่อไป ดราม่าหนักแน่นอน จ่าลอดเอ๊ยจ่าลอด งานเข้าแน่ๆ
(ภาคก่อนๆ ผมดูออนไลน์ แต่ภาคต่อไปผมดูโรงแน่นอน)
พูดถึงฝั่ง bnk มั่ง
ต้องทำความเข้าใจกันใหม่ ว่าหนังเรื่องนี้ไม่ใช่การนำเอา bnk ที่มีอยู่จริงไปช่วยทำให้จักรวาลไทบ้านที่เป็น fiction กลายเป็นจับต้องได้
วง bnk ที่อยู่ในหนังไม่ใช่ bnk จริงๆ ที่เราติดตามกันแบบทุกวันนี้ แต่มันคือ วง bnk อีกวงนึงที่อยู่ในจักรวาลไทบ้าน
เป็น bnk ที่มีสมาชิก 8 คน
ส่วนเมมเบอร์ที่เห็นในหนัง แม้จะชื่อเดียวกัน มีความสามารถเหมือนกัน แต่ก้อไม่ใช่เมมคนที่เราติดตามจริงๆ แต่เป็นอีกคนนึงที่อยู่ในโลกคู่ขนานในจักรวาลไทบ้าน
ทำไมถึงคิดแบบนั้น ก้อเพราะ ไทม์ไลน์ของหนังเริ่มจากโปรเจ็คลับ ไปจนถึงเมมแกรด
ทั้งที่ในปัจจุบันยังอยู่กันครบนี่ไง
ดังนั้น ที่เห็นคนบ่นกันว่าเราติดตามน้องมา เมมคนนี้คนนั้นไม่ได้เป็นแบบนั้นซักหน่อย แล้วก้อบ่นว่าทำเมมเสียของ
ก้อเพราะเมมที่เราตาม ไม่ใช่คนที่อยู่ในหนังไงล่ะ การแสดงออกเลยไม่เหมือนกันอยู่แล้ว
บอกเลยว่าคนดูเกลียดและรำคาญแน่นอน แต่ไม่ใช่เพราะเกลียดตัวน้อง แต่เกลียดเพราะการแสดงตะหาก
ยิ่งน้องแสดงอาการโวยวาย culture shock ได้แรงเท่าไหร่ ยิ่งส่งผลกับบทสรุปมากแค่นั้น
ส่วนเริ่องบทหรือการตัดต่อที่คนบ่นกัน อันนี้คิดว่าบทไม่ได้มีปัญหา แต่เป็นในส่วนการตัดต่อ
หนังยึดแนวทางที่แข็งแรงของหนังรอมคอมที่เป็นแนวหลักมาตั้งแต่ยุค '00
เสตปหนังค่อนข้างตายตัว เริ่มจาก ต่างฝ่ายต่างมีสถานการณ์บางอย่างบีบให้มาเจอกันแบบไม่ตั้งใจ > สานสัมพันธ์ > เจออุปสรรค > เคลียร์ปม > จบ
หนังเดินสเตปนี้แน่นอน แต่มีปัญหาเรื่องการตัดต่อ ทำให้เวลาดูกลายเป็นรู้สึกว่าใส่ฉากนี้มาทำไมไม่ได้เกี่ยวกับเส้นเรื่อง (จริงๆ มันคือช่วงสานสัมพันธ์ไง)
ปัญหาการกระจายบทอันนี้ในฐานะโอตะมีเคือง ใช่ยอมรับ แต่ในฐานะคนดูหนังกลับเห็นว่าเหมาะดีแล้ว
เนย และแก้ว นั้น เด่นมาก โดยตามบททั้งสองคนเป็น element ที่สำคัญของทีม
แต่คนอื่นนอกจากนั้นก้อเป็นองค์ประกอบที่ขาดไม่ได้เหมือนกัน
โมบายล์นั่นจำเป็นมากที่จะทำให้บทมืดเติบโตขึ้น (และทุกช้อตที่มีการแคบหน้าโมบายล์ ยอมรับว่าละสายตาไม่ได้ สวยมากจริงๆ เปล่งประกายมาก)
น้ำหนึ่ง คือคนสำคัญที่จะนำไปสู่ ไทบ้าน หมอปลาวาฬ (และในหนังมันจะมีอยู่ฉากนึง ซึ่งถ้าผมเป็นลูกเรือ นนน ผมจะยอมซื้อตั๋วซ้ำอีกหลายรอบเพื่อเข้าไปดูฉากนั้นอีก)
น้ำใส คือคนที่นำเข้าช่วงดราม่าสร้างปม
ไข่มุก คือตัวแทนเด็กกรุงที่คาแรคเตอร์ชัดมากเท่าไหร่ ยิ่งทำให้คนดูรู้สึกอึดอัดว่าโปรเจ็คนี่มันจะเป็นไปได้เหรอ
ตาหวานเป็นคนที่ปรับตัวได้ไวที่สุด
ส่วนคามิผม ปูเป้ แค่ยืนเฉยๆ ก้อดีต่อใจแล้ว.... ไม่ใช่! ปูเป้เป็นคนปรับความเข้าใจเรื่องภาพลักษณ์กับจ่าลอด มันก้อคือฉากที่เราเห็นในตัวอย่างน่ะแหละ แต่มันมีต่ออีกประโยคนึงซึ่งมันแสดงถึงความเป็นปูเป้มากๆ และบอกกับคนดูกลายๆ ว่า bnk ก้อคนนะว้อย (ฉากร้องไห้ก้อทำได้ดี ฉากนั้นโฟกัสอยู่ที่เนย แต่ผมตะลึงกับน้ำตาปูเป้ที่จู่ๆ ก้อไหลออกมา)
มาว่ากันถึงบทสรุปที่คนบอกว่าจบแบบงงๆ
ผมก้อยังไม่โทษบท แต่ขอไปลงกับการตัดต่อ
เพราะการตัดต่อในเรื่องที่มันชวนงง ทำให้คนดูไม่เข้าใจว่าฉากทั้งหลายมันสำคัญยังไง เลยส่งอารมณ์ไปไม่ถึงช่วงบทสรุป
ส่วนตัวชอบกับบทสรุปที่หนังบอกมาก คือถึงแม้จะเป็นรอมคอม แต่ไม่จำเป็นต้อง happy ending หนังกลับเลือกเป็น bitter-sweet ที่ตัดเลี่ยน แล้วให้ข้อคิดเล็กๆ ว่า ชีวิตมันก้อแบบนี้แหละ
มาว่ากันเรื่องเพลงมั่ง ในหนังนั้น โดดดิด่งคืออะไรไม่รู้ แต่จากใจผู้สาวคนนี้ซึ้งจนน้ำตาคลอ
โดดดิด่ง คือเพลงโปรโมท ที่เอาไว้ดึงให้คนอยากไปดูหนัง
แล้วหลังจากดูหนังเสร็จแล้ว จะงงหรือไม่งง จะชอบหรือไม่ชอบก้อช่าง
จากใจผู้สาวคนนี้ คือเพลงที่ทำให้คนจะอยากกลับไปดูหนังอีกรอบ
จากใจผู้สาวคนนี้ แทนความรู้สึกของสาวๆ bnk ในเรื่อง (เน้นไปที่ เนย แก้ว โมบายล์)
นอกจากนี้ ยังรู้สึกว่าจากใจผู้สาวคนนี้เกี่ยวข้องกับหมอปลาวาฬและครูแก้วมาก
ภาคต่อไปเจอกันแน่ครับ
ปล. ว่าแต่ไอจีฟิฟิล์มไปทางไหนครับ @_@