ที่บ้านเรามี “พี่ตูน บอดี้สแลม” ที่ทำกิจกรรมวิ่งระดมทุนเพื่อการกุศลขยายขอบเขตของตัวเองออกไปไกลกว่าคำว่า ศิลปิน-นักร้อง-นักดนตรี ถ้ามองออกไปที่ระดับเอเชียและระดับโลกก็มีศิลปินวัยรุ่นกลุ่มหนึ่งที่ทำกิจกรรมที่มีประโยชน์ต่อสังคม ขยายขอบเขตของตัวเองออกไปไกลกว่าคำว่าศิลปิน-ไอดอลได้อย่างน่าชื่นชมเช่นกัน พวกเขาคือ BTS หรือ Bangtan Boys (บังทัน บอยส์) บอยแบนด์จากเกาหลีใต้ที่มีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วโลก เป็นศิลปินที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดในประวัติศาสตร์ K-pop ณ เวลานี้
ย้อนไปก่อนหน้านี้สัก 3 ปี BTS เริ่มมีชื่อเสียงออกไปไกลกว่าโซนเอเชียตะวันออก พวกเขาได้รับการตอบรับอย่างดีในระดับสากล จากนั้นมาระดับความนิยมของพวกเขาก็เป็นกราฟขาขึ้นอย่างต่อเนื่อง พวกเขาเป็นศิลปิน K-pop ที่สร้างสถิติมากมาย และสร้างผลประโยชน์หลาย ๆ มิติ ไปไกลกว่าคำว่า “ศิลปิน” ซึ่งเป็นสถานะเริ่มต้นของพวกเขา
เมื่อปี 2018 หนุ่ม ๆ กลุ่มนี้พาผลงานเพลงอัลบั้ม LOVE YOURSELF : Tear ขึ้นอันดับ 1 บนชาร์ต Billboard 200 สร้างประวัติศาสตร์เป็นศิลปินเกาหลีรายแรกที่ติดอันดับ 1 ของชาร์ตนี้ ซึ่งเป็นชาร์ตเพลงทรงอิทธิพลที่สุดในโลก มากไปกว่านั้น ในปี 2019 พวกเขายังทำสถิติพาผลงานเพลง 3 อัลบั้มขึ้นอันดับ 1 ของชาร์ต Billboard 200 ภายในระยะเวลา 1 ปี ซึ่งเป็นศิลปินรายแรกที่ทำได้ นับตั้งแต่ที่ The Beatles ทำสถิติไว้เมื่อช่วงปี 1995-1996
นอกจากเป็นศิลปินมอบความสุขให้แฟน ๆ แล้ว ขณะที่ความนิยมกำลังสูงปรี๊ด BTS และค่ายเพลงต้นสังกัดของพวกเขาคือ Big Hit Entertainment ได้ร่วมกันทำประโยชน์แก่สังคม ซึ่งมุ่งเน้นไปที่กลุ่มเด็กและเยาวชน โดยการทำแคมเปญ LOVE MYSELF ส่งเสริมให้เด็กและเยาวชนรักตัวเอง และฟื้นฟูความเชื่อมั่นที่มีต่อตัวเอง
หลังจากนั้น BTS และต้นสังกัดเลือกเป็นพาร์ตเนอร์กับองค์การทุนเพื่อเด็กแห่งสหประชาชาติ ประเทศเกาหลีใต้ (ยูนิเซฟ เกาหลีใต้) ก่อตั้งกองทุนชื่อเดียวกันกับแคมเปญ LOVE MYSELF ระดมทุนสนับสนุนแคมเปญระดับโลกที่ยูนิเซฟทำเพื่อป้องกันและขจัดความรุนแรงต่อเด็กและเยาวชน ภายใต้ชื่อแคมเปญ END Violence นอกจากระดมทุนแล้ว พวกเขาเองได้บริจาคเงินรายได้ส่วนหนึ่งจากการขายอัลบั้มเพลง และบริจาคกำไรทั้งหมดของการขายสินค้าที่ระลึกต่าง ๆ ให้แก่แคมเปญนี้
สืบเนื่องจากแคมเปญ LOVE MYSELF ที่มีส่วนช่วยเหลือการรณรงค์ของยูนิเซฟเป็นอย่างมาก BTS ซึ่งประกอบด้วย จิน, ชูกา, เจ-โฮป, อาร์เอ็ม, จีมิน, วี และ จองกุก จึงได้รับเลือกให้กล่าวสุนทรพจน์บนเวทีประชุมสมัชชาสหประชาชาติในฐานะทูตสันถวไมตรีแคมเปญ LOVE MYSELF ของยูนิเซฟ ซึ่ง คิมนัมจุน หรือ อาร์เอ็ม หัวหน้าวงเป็นตัวแทนกล่าวสุนทรพจน์ที่สร้างความประทับใจ และได้รับเสียงปรบมือดังก้อง
…บนเวทีอันทรงเกียรตินั้นต้องยอมรับว่า ศิลปินหนุ่มกลุ่มนี้พาวัฒนธรรม K-pop ก้าวไปไกลมากจริง ๆ
มาถึงปี 2020 นี้ ผ่านปีใหม่มาไม่กี่วัน BTS เปิดตัวโปรเจ็กต์ใหม่อีกแล้ว พวกเขาขยายขอบฟ้าของตัวเองไปไกลกว่าเดิมด้วยโปรเจ็กต์ CONNECT, BTS เป็นโครงการระดับโลกที่เชื่อมโยง 5 เมืองใน 5 ประเทศ และศิลปิน 22 คน ซึ่งแต่ละคนมีเอกลักษณ์ของตัวเอง แต่ทุกคนสร้างสรรค์ผลงานนำมาจัดแสดงในโครงการนี้ เพื่อสนับสนุนและต่อยอดปรัชญา-แนวคิดที่ BTS เสาะแสวงหาและเคยถ่ายทอดผ่านผลงานเพลงมาแล้ว เช่น พลังบวกในความแตกต่าง, ความปรารถนาต่อสิ่งเล็ก ๆ ที่ไม่ได้อยู่ในจุดศูนย์กลาง
“โครงการนี้มีจุดมุ่งหมายเพื่อสร้างนิยามใหม่ให้กับความสัมพันธ์ระหว่างศิลปะกับดนตรี, สิ่งที่จับต้องได้กับสิ่งที่จับต้องไม่ได้, ศิลปินกับผู้ชม, ศิลปินกับศิลปิน, ทฤษฎีกับการปฏิบัติ” ในเว็บไซต์ของโปรเจ็กต์นี้บอกไว้อย่างนั้น
ส่วน 5 เมืองที่โปรเจ็กต์ CONNECT, BTS เลือกไปจัดแสดงผลงาน ได้แก่ ลอนดอน ประเทศอังกฤษ เบอร์ลิน ประเทศเยอรมนี บัวโนสไอเรส ประเท อาร์เจนตินา โซล ประเทศเกาหลีใต้ และนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐอเมริกา
BTS สมบัติของชาติเกาหลีใต้ บอยแบนด์ที่ไปไกลกว่าคำว่า “ศิลปิน"
ย้อนไปก่อนหน้านี้สัก 3 ปี BTS เริ่มมีชื่อเสียงออกไปไกลกว่าโซนเอเชียตะวันออก พวกเขาได้รับการตอบรับอย่างดีในระดับสากล จากนั้นมาระดับความนิยมของพวกเขาก็เป็นกราฟขาขึ้นอย่างต่อเนื่อง พวกเขาเป็นศิลปิน K-pop ที่สร้างสถิติมากมาย และสร้างผลประโยชน์หลาย ๆ มิติ ไปไกลกว่าคำว่า “ศิลปิน” ซึ่งเป็นสถานะเริ่มต้นของพวกเขา
เมื่อปี 2018 หนุ่ม ๆ กลุ่มนี้พาผลงานเพลงอัลบั้ม LOVE YOURSELF : Tear ขึ้นอันดับ 1 บนชาร์ต Billboard 200 สร้างประวัติศาสตร์เป็นศิลปินเกาหลีรายแรกที่ติดอันดับ 1 ของชาร์ตนี้ ซึ่งเป็นชาร์ตเพลงทรงอิทธิพลที่สุดในโลก มากไปกว่านั้น ในปี 2019 พวกเขายังทำสถิติพาผลงานเพลง 3 อัลบั้มขึ้นอันดับ 1 ของชาร์ต Billboard 200 ภายในระยะเวลา 1 ปี ซึ่งเป็นศิลปินรายแรกที่ทำได้ นับตั้งแต่ที่ The Beatles ทำสถิติไว้เมื่อช่วงปี 1995-1996
นอกจากเป็นศิลปินมอบความสุขให้แฟน ๆ แล้ว ขณะที่ความนิยมกำลังสูงปรี๊ด BTS และค่ายเพลงต้นสังกัดของพวกเขาคือ Big Hit Entertainment ได้ร่วมกันทำประโยชน์แก่สังคม ซึ่งมุ่งเน้นไปที่กลุ่มเด็กและเยาวชน โดยการทำแคมเปญ LOVE MYSELF ส่งเสริมให้เด็กและเยาวชนรักตัวเอง และฟื้นฟูความเชื่อมั่นที่มีต่อตัวเอง
หลังจากนั้น BTS และต้นสังกัดเลือกเป็นพาร์ตเนอร์กับองค์การทุนเพื่อเด็กแห่งสหประชาชาติ ประเทศเกาหลีใต้ (ยูนิเซฟ เกาหลีใต้) ก่อตั้งกองทุนชื่อเดียวกันกับแคมเปญ LOVE MYSELF ระดมทุนสนับสนุนแคมเปญระดับโลกที่ยูนิเซฟทำเพื่อป้องกันและขจัดความรุนแรงต่อเด็กและเยาวชน ภายใต้ชื่อแคมเปญ END Violence นอกจากระดมทุนแล้ว พวกเขาเองได้บริจาคเงินรายได้ส่วนหนึ่งจากการขายอัลบั้มเพลง และบริจาคกำไรทั้งหมดของการขายสินค้าที่ระลึกต่าง ๆ ให้แก่แคมเปญนี้
สืบเนื่องจากแคมเปญ LOVE MYSELF ที่มีส่วนช่วยเหลือการรณรงค์ของยูนิเซฟเป็นอย่างมาก BTS ซึ่งประกอบด้วย จิน, ชูกา, เจ-โฮป, อาร์เอ็ม, จีมิน, วี และ จองกุก จึงได้รับเลือกให้กล่าวสุนทรพจน์บนเวทีประชุมสมัชชาสหประชาชาติในฐานะทูตสันถวไมตรีแคมเปญ LOVE MYSELF ของยูนิเซฟ ซึ่ง คิมนัมจุน หรือ อาร์เอ็ม หัวหน้าวงเป็นตัวแทนกล่าวสุนทรพจน์ที่สร้างความประทับใจ และได้รับเสียงปรบมือดังก้อง
…บนเวทีอันทรงเกียรตินั้นต้องยอมรับว่า ศิลปินหนุ่มกลุ่มนี้พาวัฒนธรรม K-pop ก้าวไปไกลมากจริง ๆ
มาถึงปี 2020 นี้ ผ่านปีใหม่มาไม่กี่วัน BTS เปิดตัวโปรเจ็กต์ใหม่อีกแล้ว พวกเขาขยายขอบฟ้าของตัวเองไปไกลกว่าเดิมด้วยโปรเจ็กต์ CONNECT, BTS เป็นโครงการระดับโลกที่เชื่อมโยง 5 เมืองใน 5 ประเทศ และศิลปิน 22 คน ซึ่งแต่ละคนมีเอกลักษณ์ของตัวเอง แต่ทุกคนสร้างสรรค์ผลงานนำมาจัดแสดงในโครงการนี้ เพื่อสนับสนุนและต่อยอดปรัชญา-แนวคิดที่ BTS เสาะแสวงหาและเคยถ่ายทอดผ่านผลงานเพลงมาแล้ว เช่น พลังบวกในความแตกต่าง, ความปรารถนาต่อสิ่งเล็ก ๆ ที่ไม่ได้อยู่ในจุดศูนย์กลาง
“โครงการนี้มีจุดมุ่งหมายเพื่อสร้างนิยามใหม่ให้กับความสัมพันธ์ระหว่างศิลปะกับดนตรี, สิ่งที่จับต้องได้กับสิ่งที่จับต้องไม่ได้, ศิลปินกับผู้ชม, ศิลปินกับศิลปิน, ทฤษฎีกับการปฏิบัติ” ในเว็บไซต์ของโปรเจ็กต์นี้บอกไว้อย่างนั้น
ส่วน 5 เมืองที่โปรเจ็กต์ CONNECT, BTS เลือกไปจัดแสดงผลงาน ได้แก่ ลอนดอน ประเทศอังกฤษ เบอร์ลิน ประเทศเยอรมนี บัวโนสไอเรส ประเท อาร์เจนตินา โซล ประเทศเกาหลีใต้ และนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐอเมริกา