แฟนๆฝ่ายแช่งเคยหลับหูหลับตาโวยลิเวอร์พูลว่าทำไม VAR ช่วยบ่อยจัง นี่ก็คืออุปาทานไปเอง หรืออาจเพราะไม่ชินที่ทางอังกฤษพึ่งเอามาใช้ฤดูกาลแรก แล้วเผอิญว่าคอยแต่จับจ้องแช่งลิเวอร์พูล เลยไม่สน VAR ทีมอื่น หรือกระทั่งลืมนับของทีมตัวเอง
(ถูกแซวกลับในช่วงที่สถิติออกมา)
แต่จากสถิติที่ผ่านมา ทาง ESPN สรุปผลมาให้ชัดเจนว่า บวกลบแล้ว VAR ให้ประโยชน์กับแมนยูมากกว่าลิเวอร์พูล แล้วนัดนี้ก็เคลียร์อีกครับ ผู้ตัดสินปล่อยให้เล่นปล่อยให้ยิงก่อน แล้วเรียกดู VAR ย้อนหลัง ทำให้ประตูของฟีร์มิโน่ถูกยกเลิกไป จากการทำฟาวล์ของฟาน ไดค์ ส่วนอีกครั้งก็จังหวะล้ำหน้าของไวจ์นัลดุม ไลน์แมนยกธงถูกต้อง แต่ VAR มาตรวจสอบยืนยันให้แน่ชัด รอดพ้นจากการทิ้งห่างแบบเฉียดฉิว
(อันนี้จาก 6 วันก่อน ยังไม่ได้นับรวมนัดนี้)
จริงๆกูรูหลายท่านฟันธงว่าสกอร์จะขาดลอย แต่นี่แหละมันมีบางจังหวะเฉียดฉิวไป อย่างลูกยิงของไวจ์นัลดุมแค่ล้ำหน้าครึ่งตัว สกอร์เลยไม่ขาด แล้วทำให้เกมกลับมาสูสี
ทั้งสองทีมมีจังหวะโชคไม่ช่วยไปคนละ 2-3 ครั้งพอๆกัน ทั้งลูกซาล่าห์ยิงแป้กจ่อๆ , ลูกเฮนเดอร์สันยิงถูกปัดชนเสา และลูกของมาร์ซิยาลที่ยิงในกรอบแต่ผิดฟอร์มไป ดันใช้การหวดแรงจนข้ามคาน หรือจังหวะที่วาน บิสซาก้าปาดบอลให้เปเรร่า แต่มันลึกห่างตัวเกินไป เข้าชาร์จไม่ทัน
แล้วทางแฟนแมนยูที่เคยโวยจังหวะ "บอล ทู แฮนด์" ของเทรนท์-อาร์โนลด์ในเกมแมนซิตี้ วันนี้แมนยูมีบ้างครับ มีจังหวะ "บอล ทู แฮนด์" เลยไม่ถือว่าแฮนด์บอล ทีนี้จะได้เข้าใจและยอมรับกติกา ยามทีมตัวเองเจอบ้าง
(แล้วบังเอิญว่าเป็นเทรนท์พอดี ที่ช่วยสอนกติกากลับให้แบบไม่ได้ตั้งใจจะสอน ^^)
นัดนี้ถือว่าทั้ง 2 ทีมเล่นได้ดี ไม่สมควรจะมีแฟนๆหน้าไหนด่าทีมตัวเอง
ในมุมของแมนยู ต้องบอกว่าโซลชาวางแท็คติกมาดี แล้วนักเตะก็เหมือนเดิม คือเจอลิเวอร์พูลทีไรวิ่งสู้ฟัด เล่นดีที่สุดยิ่งกว่าเจอแมนซิตี้ แม้แต่เฟรด ที่เล่นไม่ค่อยดีในเกมอื่นๆ มานัดนี้เล่นดีใช้ได้เลย
เกมรับก็เหมือนที่เคยทำมาก่อน คือใช้ลุค ชอว์ตามประกบซาล่าห์ แต่นัดนี้คล็อปป์ก็ปรับการเล่นของซาล่าห์ ให้วิ่งทำทางไปมาพาทัวร์ โดยแค่เชื่อมเกมไม่ต้องครองบอล สุดท้ายไม่ได้เจ็บจากไหนหรอกครับ ชอว์ตะคริวกิน เที่ยวทัวร์กับซาล่าห์มากไปหน่อย
แฟนบอลลิเวอร์พูลบางคนก็เป็นประเภทปากเก่งเกินกุนซือ ออกมาตำหนิคล็อปป์ว่า ไม่น่าเปลี่ยนอดัม ลัลลาน่าลง เพราะมีทั้งลื่นขาอ่อน มีทำเสียฟาวล์ใกล้กรอบ 1 ครั้ง แต่นี่ก็คือไม่ใช่คนที่เข้าใจเกมฟุตบอล
อ็อกซ์เลดเริ่มดูจะล้าไป มันก็ต้องมีตัวลงมาแก้เกม ซึ่งลัลลาน่าลงมาก็สามารถครองบอล เชื่อมเกมซ้ายขวา แถมเรียกฟาวล์เรียกฟรีคิกจากมาติชได้ด้วย ไอ้แบบเนี้ยไม่มีสำรองคนไหนในทีมทำได้ดีในตำแหน่งนี้ เกอิต้าก็เจ็บอยู่ ส่วนมินามิโนะก็ยังใหม่อยู่ ยังต้องเรียนรู้ระบบกับเกมเล็กๆไปก่อน
ทีนี้พอคิดว่าต้องการเกมรับแบบแน่นๆและสวนกลับ คล็อปป์เลยเปลี่ยนเอาฟาบินโญ่มายืนรับคู่กับเฮนโด้ ซึ่งมันท้ายเกมแล้ว โอริกี้กับฟาบินโญ่แทบจะไม่ได้บอลเลย แค่ช่วยเพรสซิ่งเกมรับ แต่ลัลลาน่านี่แหละที่ล้วงบอลจ่ายบอล ช่วยงานไวจ์นัลดุมกับเฮนโด้ได้เยอะ
ส่วนคนอื่นๆทุกคน เล่นดีหมดครับ มีพลาดคนละนิดละหน่อยแต่ไม่ถูกเอามาเป็นประเด็น
(ดุมวันนี้เล่นได้แกร่งมาก)
นี่เป็นเกมแรกที่ศึกแดงเดือดเตะกันโดยลิเวอร์พูลมีสถานะเป็นจ่าฝูงในรอบ 30 ปี นั่นคือในยุคชื่อ "พรีเมียร์" 27 ปีที่ผ่านมา เจอกันในฐานะที่ลิเวอร์พูลไม่ใช่จ่าฝูงมาตลอด
ในครั้งล่าสุด ปี 1990 นั้นเจอกันในฟุตบอลชื่อ "ดิวิชั่น 1" ปีนั้นลิเวอร์พูลชนะ 4-0 แต่ปีนั้นจบซีซั่น อาร์เซนอลเป็นแชมป์
(ลิเวอร์พูลชนะ 4-0 เบียร์ดสลี่ย์แฮตทริก)
ลิเวอร์พูล 2 - แมนยู 0 สนองกลับครบทุกประเด็น [เล่นดีทั้งคู่ แฟนๆควรพอใจ]
แฟนๆฝ่ายแช่งเคยหลับหูหลับตาโวยลิเวอร์พูลว่าทำไม VAR ช่วยบ่อยจัง นี่ก็คืออุปาทานไปเอง หรืออาจเพราะไม่ชินที่ทางอังกฤษพึ่งเอามาใช้ฤดูกาลแรก แล้วเผอิญว่าคอยแต่จับจ้องแช่งลิเวอร์พูล เลยไม่สน VAR ทีมอื่น หรือกระทั่งลืมนับของทีมตัวเอง
(ถูกแซวกลับในช่วงที่สถิติออกมา)
แต่จากสถิติที่ผ่านมา ทาง ESPN สรุปผลมาให้ชัดเจนว่า บวกลบแล้ว VAR ให้ประโยชน์กับแมนยูมากกว่าลิเวอร์พูล แล้วนัดนี้ก็เคลียร์อีกครับ ผู้ตัดสินปล่อยให้เล่นปล่อยให้ยิงก่อน แล้วเรียกดู VAR ย้อนหลัง ทำให้ประตูของฟีร์มิโน่ถูกยกเลิกไป จากการทำฟาวล์ของฟาน ไดค์ ส่วนอีกครั้งก็จังหวะล้ำหน้าของไวจ์นัลดุม ไลน์แมนยกธงถูกต้อง แต่ VAR มาตรวจสอบยืนยันให้แน่ชัด รอดพ้นจากการทิ้งห่างแบบเฉียดฉิว
(อันนี้จาก 6 วันก่อน ยังไม่ได้นับรวมนัดนี้)
จริงๆกูรูหลายท่านฟันธงว่าสกอร์จะขาดลอย แต่นี่แหละมันมีบางจังหวะเฉียดฉิวไป อย่างลูกยิงของไวจ์นัลดุมแค่ล้ำหน้าครึ่งตัว สกอร์เลยไม่ขาด แล้วทำให้เกมกลับมาสูสี
ทั้งสองทีมมีจังหวะโชคไม่ช่วยไปคนละ 2-3 ครั้งพอๆกัน ทั้งลูกซาล่าห์ยิงแป้กจ่อๆ , ลูกเฮนเดอร์สันยิงถูกปัดชนเสา และลูกของมาร์ซิยาลที่ยิงในกรอบแต่ผิดฟอร์มไป ดันใช้การหวดแรงจนข้ามคาน หรือจังหวะที่วาน บิสซาก้าปาดบอลให้เปเรร่า แต่มันลึกห่างตัวเกินไป เข้าชาร์จไม่ทัน
แล้วทางแฟนแมนยูที่เคยโวยจังหวะ "บอล ทู แฮนด์" ของเทรนท์-อาร์โนลด์ในเกมแมนซิตี้ วันนี้แมนยูมีบ้างครับ มีจังหวะ "บอล ทู แฮนด์" เลยไม่ถือว่าแฮนด์บอล ทีนี้จะได้เข้าใจและยอมรับกติกา ยามทีมตัวเองเจอบ้าง
(แล้วบังเอิญว่าเป็นเทรนท์พอดี ที่ช่วยสอนกติกากลับให้แบบไม่ได้ตั้งใจจะสอน ^^)
นัดนี้ถือว่าทั้ง 2 ทีมเล่นได้ดี ไม่สมควรจะมีแฟนๆหน้าไหนด่าทีมตัวเอง
ในมุมของแมนยู ต้องบอกว่าโซลชาวางแท็คติกมาดี แล้วนักเตะก็เหมือนเดิม คือเจอลิเวอร์พูลทีไรวิ่งสู้ฟัด เล่นดีที่สุดยิ่งกว่าเจอแมนซิตี้ แม้แต่เฟรด ที่เล่นไม่ค่อยดีในเกมอื่นๆ มานัดนี้เล่นดีใช้ได้เลย
เกมรับก็เหมือนที่เคยทำมาก่อน คือใช้ลุค ชอว์ตามประกบซาล่าห์ แต่นัดนี้คล็อปป์ก็ปรับการเล่นของซาล่าห์ ให้วิ่งทำทางไปมาพาทัวร์ โดยแค่เชื่อมเกมไม่ต้องครองบอล สุดท้ายไม่ได้เจ็บจากไหนหรอกครับ ชอว์ตะคริวกิน เที่ยวทัวร์กับซาล่าห์มากไปหน่อย
แฟนบอลลิเวอร์พูลบางคนก็เป็นประเภทปากเก่งเกินกุนซือ ออกมาตำหนิคล็อปป์ว่า ไม่น่าเปลี่ยนอดัม ลัลลาน่าลง เพราะมีทั้งลื่นขาอ่อน มีทำเสียฟาวล์ใกล้กรอบ 1 ครั้ง แต่นี่ก็คือไม่ใช่คนที่เข้าใจเกมฟุตบอล
อ็อกซ์เลดเริ่มดูจะล้าไป มันก็ต้องมีตัวลงมาแก้เกม ซึ่งลัลลาน่าลงมาก็สามารถครองบอล เชื่อมเกมซ้ายขวา แถมเรียกฟาวล์เรียกฟรีคิกจากมาติชได้ด้วย ไอ้แบบเนี้ยไม่มีสำรองคนไหนในทีมทำได้ดีในตำแหน่งนี้ เกอิต้าก็เจ็บอยู่ ส่วนมินามิโนะก็ยังใหม่อยู่ ยังต้องเรียนรู้ระบบกับเกมเล็กๆไปก่อน
ทีนี้พอคิดว่าต้องการเกมรับแบบแน่นๆและสวนกลับ คล็อปป์เลยเปลี่ยนเอาฟาบินโญ่มายืนรับคู่กับเฮนโด้ ซึ่งมันท้ายเกมแล้ว โอริกี้กับฟาบินโญ่แทบจะไม่ได้บอลเลย แค่ช่วยเพรสซิ่งเกมรับ แต่ลัลลาน่านี่แหละที่ล้วงบอลจ่ายบอล ช่วยงานไวจ์นัลดุมกับเฮนโด้ได้เยอะ
ส่วนคนอื่นๆทุกคน เล่นดีหมดครับ มีพลาดคนละนิดละหน่อยแต่ไม่ถูกเอามาเป็นประเด็น
(ดุมวันนี้เล่นได้แกร่งมาก)
นี่เป็นเกมแรกที่ศึกแดงเดือดเตะกันโดยลิเวอร์พูลมีสถานะเป็นจ่าฝูงในรอบ 30 ปี นั่นคือในยุคชื่อ "พรีเมียร์" 27 ปีที่ผ่านมา เจอกันในฐานะที่ลิเวอร์พูลไม่ใช่จ่าฝูงมาตลอด
ในครั้งล่าสุด ปี 1990 นั้นเจอกันในฟุตบอลชื่อ "ดิวิชั่น 1" ปีนั้นลิเวอร์พูลชนะ 4-0 แต่ปีนั้นจบซีซั่น อาร์เซนอลเป็นแชมป์
(ลิเวอร์พูลชนะ 4-0 เบียร์ดสลี่ย์แฮตทริก)