ประสบการณ์เสี่ยง HIV ....

ตามหัวข้อกระทู้เลยครับอยากเตือนใว้เป็นข้อเตือนใจสำหรับตัวเองและนักรักหลายๆคนครับ ถ้าตามดูกระทู้เก่าๆของผม จะเห็นได้เลยครับว่าจิตตกขนาดไหน.... กรณีผมคือ one night stand กับคนในแอบพลิเคชั่นสีฟ้าครับ ผมเป็นฝ่ายรุกครับ สวมถุงยางป้องกันหมด แต่เกิดเหตุการณ์ ไม่คาดคิดขึ้น โผล๊ะ! ถุงแตกครับ น่าจะเกิดจากฝืดเกินไป หรืออะไรก็แล้วแต่ครับด้วยความที่ด้อยประสบการณ์ ด้วยครับ... (สำหรับทุกคนเลย เลือกถุงยางให้ถูกไซส์ ใส่ให้ถูกวิธี ใช้เจลหล่อลื่นถูกประเภทไม่นำเอาวาสลีนหรือ สารอื่นมาใช้แทนนะครับอาจจะทำให้เกิดความร้อนและถุงยางเสื่อมสภาพได้ครับ https://www.pobpad.com/วิธีใส่ถุงยางอนามัยอย่ ) ก็นั่นแหละครับแตกปุ๊บเอาออกปั๊บ สรุปเครียดนอนไม่หลับทั้งคืนยิ่งค้นยิ่งเครียด สรุปเจอข้อมูลมียา PEP คือยาต้านฉุกเฉินรับภายใน 72 ชม.หลังการเสี่ยง hiv  ครับก็ไปรับยา ได้ทานตอน 11 โมง ยุ่งยากมากครับเพราะไปที่โรงพยาบาลไม่รู้ต้องไปทำอะไรตรงไหน ส่วนน้องคนที่เรามีอะไรด้วย เราชวนมาตรวจแต่เขาไม่มาครับ เขาบอกพึ่งตรวจผลปกติ.. ตอนนั้นเราไม่เชื่อไรแล้วครับเซฟตัวเองได้ก็ทำครับ          
      รับยามาทาน 28 เม็ด ตรวจเลือดครั้งแรกวันที่ไปรับยา ผล เป็น “ลบ” แต่เป็นผลจากเดือนที่แล้วครับ (ในการตรวจเลือดครั้งนี้หากผลเป็นบวก (ติดเชื้อ hiv ) จะไม่สามารถรับยา PEP ได้ครับ ) เราก็ทานยา ต้องทานเวลาเดียวกันทุดวันให้ครบครับ 28 วัน   แล้วเรื่องของเรื่องครับ หลังทานไป 1 อาทิตย์ เป็นตาแดงครับ ปวดเมื่อย เป็นใข้ต่ำๆเหงื่อออกตอนกลางคืน เลยไปหาข้อมูลเป็นอาการที่สามารถเกิดจาก HIV ได้ไอเราก็แบบ กูไม่รอดแล้วแน่ๆ ด้วยความที่หาข้อมูลไม่ดีและกลัวมากครับตอนนั้นคิดว่าถ้าเป็นก็ขอรู้เร็วๆเคยอ่านเจอ ตรวจด้วยวิธี NAT รู้ผลภายใน 1-2 อาทิตย์หลังเสี่ยง จองตั๋วเลยครับจะบินตรวจนิรนามแบบไม่คิดอะไรเลย สรุปครับ! โทรไปถามหลังจองเครื่อง เขาถ้าบอกรับ pep ตรวจไปก็ไม่เจอครับ ผมนี่แบบ เสียโง่เลยตู!! ... ช่วงนั้นก็กินไม่ได้นอนไม่หลับเลยครับ เปิดฟังธรรมมะ ออกกำลังกายก่อนนอนลองหมด  น้ำหนักลดฮวบ 4 โลกว่า ตั้งกระทู้ไป ก็มีพี่คนนึงที่แฟนเขาติดเชื้อก็มาให้คำปรึกษาเราครับ ฟังเราแนะนำเราทุกอย่างล่ะก็มีพี่ที่ติดเชื้อก็ทักมาให้กำลังใจให้ความรู้ต้องขอขอบคุณมากจริงๆครับ  
          ก่อนจะครบยาหมด วันที่ 27 หลังเสี่ยงกำลังจะพรีเซ้นท์สัมมนาเลยครับ จู่ๆ เพื่อนก็ทักทำไมหลังหูบวมจัง... ผ่างง.. จำได้จากการหาข้อมูล ว่า เอชไอวี ทำให้ต่อมน้ำเหลืองโตด้วย สมาธิพรีเซนท์ไม่มีเลยครับ .. จะทักตูทำมายยย รุ่งขึ้นไปตรวจหลังรับยาตาม โปรแกรมลุ้นกันเยี่ยวเหนียว สรุป ”ลบ” ครับ  รอเกือบครึ่งวันด้วยความที่เป็นรพ. ด้วย คุณหมอก็ปิดเคสให้เลยเราถามต้องมาตรวจซ้ำมั้ย เขาก็บอกว่าไม่ต้อง คราวนี้ครับเราก็สบายได้อารมณ์แบบ กูรอดแล้วโว้ยยยยย ข้าวจากที่กินไม่ได้นอนไม่หลับอาการเมื่อยหลัง หายเป็นปลิดทิ้ง     แต่... หลังจากนั้นครับ จู่ๆ ด้วยความที่หลังเหตุการณ์ที่ผ่านมาผมกลายเป็นคนวิตกกังวลไปเลย ชอบคลำตามคอขาหนีบ ละคลำไปคลำมา เจอก้อนที่คอครับผมกังวล จับจนคอร้าวไปหมด .. .. เลยโทรไป 1663 ปรึกษาว่าตกลงรอดจริงมั้ยเนี่ย! เขาก็บอกว่าถ้าแพทย์บอกรอดก็รอดครับจากการพิจารณาของเขา ไม่ต้องตรวจซ้ำ ก้อนที่คออาจเกิดจากสาเหตุอื่น ซึ่งตอนนั้นกลับมาเป็นหวัดและมีฟันผุด้วย สรุปรอดูอาการไปสองอาทิตย์ยังคงคลำเจอ    ไม่ไหวแล้ว .... ตอนนั้น 1 เดือน 15 วันหลังเสี่ยง ไปหาหมอหูคอจมูก เขาก็บอกว่าน่าจะเกิดจากหวัด ก็รับยามาทาน และด้วยความอยากแน่ใจเลยไปตรวจ hiv ซ้ำอีกที่นึง ผลก็ยงคง “ลบ”ครับ.. จากนั้นก็ผ่านไปประมาณอีก 2 อาทิตย์ครับก็คือ 2 เดือนหลังเสี่ยง โทรไป 1663 อีกครั้ง คราวนี้พี่ที่ 1663 บอกถ้าตามโปรแกรมคนที่ทาน pep ต้องปิดเคสที่ 3 เดือนครับ(ส่วนในกรณีไม่รับยา 1 เดือนก็ปิดเคสได้ครับ ) เขาให้เหตุผลว่าอาจจะมียาที่เราทานอยู่ในเลือดเชื้อเลยไม่แสดงออก.. อาส์กลับมาเครียดสิครับ และก้อนที่คอยังไม่หายเลยไปหาหมอหูคอจมูกอีกสองที่ ไปด้วยความกังงลเรื่องนี้ล้วนๆ  พอฟังหมอทำให้เรางงไปใหญ่คราวนี้ “เขาบอกว่าไม่เจอต่อมน้ำเหลืองโตเลย” ที่เราเจอเป็นกล้ามเนื้อ และก็ไปอุดฟันผุครับ เก็บทุกช่องทาง 555 ที่ทำได้ ช่วงนั้นเป็นช่วงสอบไฟนอลด้วยครับไม่ต้องคิดสภาพอ่านหนังสือทำข้อสอบสมาธิแทบไม่มีโครตท้อเลยครับ อะไรมันจะซวยขนาดนี้คงคิดใช่มั้ยครับ ฮ่าา ...
         ด้วยความวิตกกังวลต่างๆเลยตัดสินใจไปตรวจเลือดอีกรอบครับที่ 2 เดือน  “ ลบ” เหมือนเดิมครับ ... คราวนี้ครับพอใกล้สามเดือน ตูอีกแล้ว คลำๆคอ จนได้เรื่องเจออีกครับบบ เป็นลูกๆ คล้ายถั่วทั้งที่ก่อนหน้านี้ไม่เจอ หรือไม่สังเกตคิดสภาพตอนนั้นดูครับ ... อีกแล้วเหรออ!! เครียดอีกครับเห้ออ แต่ครั้งนี้คือปลงละ สรุปครบสามเดือนเมื่อวาน แต่ได้มาตรวจวันนี้ สรุป”ลบ” เหมือนทุกครั้งครับ ....
#เลยอยากจะเตือนทุกๆคน ดูแลป้องกันตัวเองให้ดีน่ะครับมีวิธีการป้องกันมากมาย เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องน่าอายศึกษาข้อมูลเยอะๆครับ หากผิดพลาดไปแล้วก็ต้องเดินหน้าต่อไปครับ เป็นคำพูดจากพี่นึงที่ทำให้ผมคิดได้และมีกำลังใจ ในตอนนั้นจนถึงตอนนี้คือเขาบอกว่า  “ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ชีวิตเราก็ต้องเดินต่อไปครับ” ตอนนั้นก็คิดได้ถึง มีเชื้อจริงก็ต้องสู้ครับ! เพราะฉะนั้นใครก็ตาม มีเชื้อหรือไม่มีเชื้อหรือประสบเหตุการณ์แบบเดียวกันอยู่สู้ๆน่ะครับ  แล้วก็สามารถทักมาคุยกับผมได้น่ะครับ หากไม่กล้าพูดกับใครอย่างน้อยก็พูดกับผมได้ครับ คงจะสบายใจกว่าเก็บไว้คนเดียวแน่ ๆ ครับ  
   สุดท้ายนี้หากมีอะไรผิดพลาดตกหล่นขออภัยมา ณ ที่นี่ด้วย  และสงสัยอะไรสามารถทักมาถามได้ตลอดเลยเลยครับ
ปล. ขอคำแนะนำ 55555 ตั้งแต่เสี่ยงครั้งนั้นมา ผมไม่กล้าที่จะ มีใครเลยครับ กลัว sex ไปเลยกลัวการมีความสัมพันธ์ลึกซึ้ง ผมควรทำใงดีครับ......
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่